spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 43: ความอดทน
เป็นธรรมดาที่ จางเทีย จะไม่รู้ว่าชายสองคนนนั้นได้ทำอะไรต่อหลังจากที่เขากลับมาบ้านแล้ว ในตอนที่สองคนนั้นทำการตามหาของ จางเทีย ก็กลับมาที่บ้านแล้ว
เพราะมีคนอยู่บ้านเพิ่มอีกหนึ่งคนและเด็กที่กำลังจะเกิดในอีก 10 เดือน พ่อแม่ของเขาจึงไม่ได้ออกไปข้างนอกในตอนเย็นอย่างเช่นเคย ทั้งคู่กลับอยู่บ้านแทน ไม่นานนี้อาหารเย็นเริ่มทำแบบห่วงสุขภาพมากกว่าเดิม จางเทีย บอกเลยว่าอาหารบางจานน่ะที่อร่อยจริงๆนั้นทำขึ้นโดยคนที่กำลังจะเป็นพี่สะใภ้ของเขา
ในตอนที่เขากลับมาบ้านนั้น จางเทีย พบแต่แม่และพี่สะใภ้อยู่ที่บ้าน หลังจากเขากินข้าวเย็นเสร็จแล้ว เขาก็เห็นพ่อกลับมาพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวอีกทั้งยังแบกแฮมกลับมาด้วย จางเทีย รู้เลยว่าพ่อเขานั้นไปไหนมา
จางเทีย กับพ่อนั้นแบกแฮมกว่า 20 กก.ไปห้อยไว้ในครัว เพราะเขานั้นไม่ได้กลิ่นมันมานาน จางเทีย เลยสูดหายใจแรงๆ หลังจากทำแบบนั้นเสร็จ เขาก็พูดตลกออกมา – “ พ่อ พ่อกับแม่แกล้งผมแล้ว ผมน่ะรอแฮมมาตั้งนานแต่พ่อก็ไม่ซื้อให้กินสักทีแต่ทันทีที่พี่สะใภ้มา พ่อก็ซื้อมาทันทีเลย ลูกชายพ่อนี่คงเทียบกับหลานไม่ได้สินะ ! “
“ บ้าละ ! “ – พ่อเอานิ้วแหย่หน้าเขา – “ ถ้าแกเป็นผู้ชาย แกก็ไม่ควรกินมันแม้ว่าแม่จะใช้มันทำกับข้าวก็เถอะ ! “
“ ฮี่ฮี่ ... “- จางเทีย ยิ้มแต่ก็พึมพำในใจ – “ ลูกชายพ่อทำเรื่องสุดยอดที่โรงเรียนมาวันนี้ “ - แต่ จางเทีย รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนคงทำให้แต่พ่อแม่กังวล ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องนี้ - “ พ่อ แฮมนี่ราคาเท่าไหร่ ? “
“ 58 เงิน 60 ทองแดง --- เกือบ 60 เงินเลยแน่ะ ! “ – พ่อเขาบ่นอย่างขมขื่น – “ มันไม่เคยแพงขนาดนี้มาก่อน ! “
จางเทีย อึ้ง ราคาของมันเกือบเท่าเงินเดือน เดือนหนึ่งของพ่อ ดูเหมือนว่าพ่อและแม่นั้นได้จ่ายเงินรับขวัญหลาน เมื่อเห็นพ่อของเขาทำหน้าบูด จางเทีย ก็เดินเข้าไปใกล้และพูดไร้สาระขึ้นมา - “ จำไว้ด้วยว่าต้องซื้อผลไม้ที่มีสารอาหารให้เด็กน้อยตระกูลจางของเรา ! “
“ อื้อ แม่แกเองก็... “- อยู่พ่อเขาก็ตระหนักได้ว่าเขานั้นตกหลุมพราง จางเทีย พ่อเขาหงุดหงิดจนไล่เขารอบห้องแล้วใช้นิ้วดีดหน้าผาก จางเทีย
……
ตั้งแต่ที่พี่สะใภ้เขามาบ้าน จางเทีย ตระหนักได้ว่าแผนในการได้ค่าความดีที่บ้านนั้นไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ทุกที่ในบ้านนั้นสะอาด ดังนั้นเขาจึงหาเรื่องทำความสะอาดบ้านไม่ได้อีก ผลก็คือเขาไม่มีอะไรต้องทำและได้แต่ยิ้มแบบขมขื่น ดูเหมือนว่าขาต้องหาวิธีอื่นในการได้ค่าความดีมา
หลังจากมื้อเย็นแม่และพี่สะใภ้ได้ไปนั่งถักเสื้อผ้าด้วยกัน เพราะเธอโตในบ้านช่างทอผ้า ทำให้พี่สะใภ้ทำงานถักทออกมาได้ดี เมื่อเห็นมือที่ขยับได้คล่องแคล่ว แม่ของเขาก็ยิ้ม นอกจากตัดด้านที่เหลือ จางเทีย ก็มีคุยกับทั้งคู่บ้าง
“ อีกแค่ไม่กี่วันฉันก็ต้องออกจากบ้านแล้ว “ – ในตอนที่ตัดด้านนั้น จางเทีย ได้คิดกับตัวเอง เขามีเวลาอยู่กับพ่อแม่ไม่กี่วันในเดือนนี้ ตามกฎมรดกที่ตกเป็นของพี่คนโตและกฎของผู้อยู่อาศัยของเมืองนี้และพันธมิตรอันดามัน บ้านนี้จะตกเป็นของพี่ชายเขา เพราะ จางเทีย นั้นเป็นลูกคนเล็กสุด เขาต้องออกจากบ้านและเมืองนี้ไปเพื่ออาศัยอยู่ด้านนอก
ในตอนที่ลูกหมาป่าน้อยโตขึ้นมา มันก็ต้องออกจากรังพ่อแม่ ถ้าเหยี่ยวน้อยโตเต็มที่ มันก็ต้องออกจากรังเดิม บินไปบนฟ้าเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองรอดภายใต้ลมและฝนอันรุนแรงได้ แม้แต่มดเองก็มีช่วงที่มันบินได้ มันจะออกจากรังเพื่ออนาคตของมัน สิ่งมีชีวิตอื่นเองก็มีกฎแบบนี้ พวกเขาเรียนรู้จากสัตว์ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรอดที่แข็งแกร่ง เรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้คือตัวอย่างที่มนุษย์ต้องทำถ้าพวกเขาอยากรอดในยุคนี้ พวกเขาต้องออกจากกำแพงเมืองไป ใช้ความกล้าและดาบ เพื่อหาที่ใหม่ให้มนุษย์ได้อาศัยอยู่ พวกเขาต้องสู้กับพวกเอเลี่ยนและกำจัดเผ่าพันธุ์ที่อันตรายพร้อมกับก่อตั้งเมืองใหม่ออกมาเพื่อหาคนมาอยู่เพิ่ม นี่คือกฎการรอดของยุคนี้ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศีลธรรมทั้งนั้น อันที่จริงนี่คือสิ่งที่มนุษย์ต้องทำเพื่อให้ตัวเองรอดไปได้
เมืองนั้นปลอดภัยแต่เมืองนั้นมีผู้คนอยู่ได้จำกัด ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองได้ เอาครอบครัวของ จางเทีย เป็นตัวอย่าง พวกเขามีลูกชาย 2 คน จางเทีย นั้นเป็นลูกคนเล็กต้องได้รับการศึกษาและเข้าไปรับใช้กองทัพ กฎการมีพี่คนโตและกฏผู้อยู่อาศัยนั้นจะส่งผล เพราะพี่ชายเขาแต่งงานและ จางเทีย ไม่นานก็ต้องเข้าสังคม มันจะไม่สะดวกถ้าเขาต้องอยู่บ้านต่อไป ดังนั้นแล้วจึงเหลือแค่ไม่กี่วันที่เหลือก่อนที่เขาจะจากเมืองนี้ไป
หลายวันก่อน จางเทีย พยายามจะไม่พูดเรื่องนี้ เขาพยายามที่จะอยู่กับพ่อแม่ให้มากที่สุดและมักจะเล่นมุขให้ทั้งคู่มีความสุขหวังว่าทั้งคู่จะไม่เศร้าจากการจากไปของเขา พ่อแม่เขาเองก็พยายามจะไม่พูดเรื่องนี้เช่นกัน เพราะการต้องไปฝึกเอาตัวรอดสองเดือนนั้นใกล้เข้ามา จางเทีย รู้ว่าครอบครัวอื่นๆเองคงเตรียมอุปกรณ์และอาหารให้ลูกๆแล้ว
จางเทีย รู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วในตอนที่เขาอยู่กับพ่อแม่ เศษผ้าขี้ริ้วที่มีไม่นานก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ตอนนี้มันค่อนข้างดึกแล้วและแม่ของเขาดูเหนื่อยนิดๆ หลังจากที่คุยกันสักพัก จางเทีย หาข้อแก้ตัวที่จะกลับห้อง ในตอนที่เขาหาวออกมา เขาได้เดินออกไปล้างเท้า,แปรงฟันและกลับไปที่ห้องตัวเอง
เมื่อกลับมาที่ห้อง จางเทีย มองไปที่แผ่นไม้สามเหลี่ยมสีแดงและในที่สุดก็ยืนยันได้ว่ามันทำมาจากไม้แดงและไม่ได้พิเศษอะไรหรือมีฟังก์ชั่นลับอะไร นอกจากลายไม้ที่มันมีแล้วมันไม่ได้มีอะไรที่คู่ควรต้องพูดถึง ถ้าเอาไปวางไว้กับของเล่นเด็ก คนอื่นๆคงเอามันไปต่อตัวต่อแน่
ในตอนที่ จางเทีย คิดถึงเท้าคู่โตของ ฮัค และชายที่เหมือนงูที่ซึ่งตามหาสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา
“ เหี้ยเอ้ย ไอ้ห่าโรคจิตสองตัวนั่น ! แกไม่เคยเป็นเด็กรึไง ? แกโตขนาดนี้กลับมาเล่นตัวต่อเนี้ยนะ ! “ - จางเทีย ด่าออกมาพร้อมกับโยนแผ่นไม้ลงไปในถุงผ้า จากนั้นเขาก็โยนมันลงในกล่องเก็บของที่มุมห้อง
หลังจากโยนแผ่นไม้ทิ้งแล้ว จางเทีย ก็ได้สูดลมหายใจลึกๆและปิดตา ไม่นานเขาก็ต้องพบประตูที่อยู่ตรงหว่างคิ้วเขา เขาล็อคเป้าแล้วพึมพำกับตัวเอง – “ เข้า “
----- ยินดีต้อนรับเจ้าของปราสาทสุดหล่อเหลาและวิเศษสู่ Castle of Black Iron !
“ รู้สึกดีจริงๆ ! “ – ข้างใน Castle of Black Iron นั้น จางเทีย สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเข้ามา เขาจะสับสน แม้ว่าจะมีแต่ต้นไม้เริ่มงอกออกมาและให้ค่าออร่าแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามาที่นี่ เขาจะรู้สึกได้ว่ากระปรี้กระเปร่า อากาศข้างในนี้นั้นสดชื่นยิ่งกว่าอากาศในเมืองซะอีก
ก็อย่างเช่นเคย จางเทีย เช็คสเตตัสข้างใน Castle of Black Iron ก่อน
——Castle of Black Iron
——ความยาว: 1 Krosa
——ความกว้าง: 1 Krosa
——ค่าออร่า : 23.5
——ค่าความดี : 56
——พลังงานที่เก็บ : 0.5
——ผลลัพธ์พิเศษ : ไม่มี
ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐาน ค่าออร่ายังคงเพิ่มขึ้นเพราะต้นไม้ที่เริ่มโตและค่าความดีวันนี้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพราะเขาไม่ได้ทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้ที่โณงเรียนรึไม่ได้ทำงานบ้าน
เขาปิดค่าสเตตัสลง เขาเช็คที่ดินเพาะปลูกของตัวเอง มันฝรั่งนั้นโตขึ้นค่อนข้างดีและข้าวโพดทุกต้นก็เริ่มงอกออกมาจากพื้นดินแล้ว มันฝรั่งที่งอกออกมานั้นเริ่มแตกหน่อและส่วนที่ยาวที่สุดนั้นยาวเกือบ 10 ซม. ในทางกลับกันมันฝรั่งในหลุมเบอร์ 1 ที่เขาใช้ค่าความดี 3 หน่วยเพิ่มเข้าไปให้มันกลายพันธุ์และพัฒนานั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากแต่ก่อน จางเทีย เดาว่าผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงและพัฒนานั้นอาจขึ้นอยู่กับวงจรเติบโตของพันธุ์นี้ เพราะนี่มันก็แค่อาทิตย์เดียวตั้งแต่เขาฉีดค่าความดีลงไป มันก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หลังจากเช็คที่เพาะปลูกแล้ว จางเทีย ก็เดินมาต้นไม้เล็กๆอีกครั้ง เขามองไปที่ Leakless Fruit, เขาคิดถึงการเติบโตของมัน จากขนาดที่พอๆกับองุ่น มันได้โตมาขนาดพอๆกับไข่แล้ว จากสีฟ้าหม่นมันได้เปลี่ยนเป็นสีแดงหม่นแทน จางเทีย น้ำลายไหลออกมาทันทีและรู้ว่าอีกแค่ 4 ชม.มันก็จะสุกแล้ว จางเทีย ตื่นเต้นมากซะจนเอามือเกาหน้าไปทั่ว จากนั้นเขาก็บังคับให้ตัวเองใจเย็นลงแล้วนั่งอยู่ข้างๆต้นไม้สักพัก ตาของเขาจ้องไปที่ท้องฟ้า เขานั่งยองๆข้างๆต้นไม้จนขาเขาเริ่มชา เขาลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปรอบๆต้นไม้ ในตอนที่ทำแบบนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะมองเวลาที่เหลืออยู่ก่อนที่มันจะสุก ไม่คิดว่ามันยังเหลือ 4 ชม.เท่าเดิม....
ในตอนที่ จางเทีย อดเช็คเวลาอีกครั้งไม่ได้ เขาก็ตระหนักได้ว่า – “ จางเทีย ! จางเทีย ! นายนี่ไม่มีความอดทนเอาซะเลย ! ทำไมคนไม่มีความอดทนแบบนายถึงจะคู่ควร มิสไดน่า ในอนาคตได้ ? ข้าวสาลีจะเติบโตจนสุกและแห้งไปภายในหนึ่งปี เพชรกว่าจะก่อตัวขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาเป็นร้อยล้านปี ถั่วที่อยู่ในน้ำก็ต้องใช้เวลาถึง 2 วันกว่าจะงอกแต่ฉันได้มาว่าพระเจ้าได้ใช้เวลาหมื่นปีเพื่อสร้างต้นโอลีฟ --- ราชาของต้นไม้ ! ฟางข้าวจะถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่าน ถั่วที่งอกออกมาจะกลายเป็นของไร้ค่าของมนุษย์และสัตว์แต่เพชรนั้นก็จะยังเป็นเพชรอยู่และต้นโอลีฟจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ นี่คือสิ่งที่อธิบายถึงความต่างของความอดทนและไม่อดทน ฉันควรจะเลือกทางไหนในการใช้ชีวิตวันข้างหน้า ? เหมือนฟางข้าว, ถั่ว, เพชรรึต้นโอลีฟ ? “ – เขาพัมพำกับตัวเอง