spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 200 ไฟฟ้าสถิตย์
ผู้บัญชาการเซี่ยพาลู่หยวนกับทีมของเขาตรงไปที่เครื่องบินขนส่งลำสุดท้ายพร้อมกับมู่เหวินเหวิน
เครื่องบินขนส่งกว้างมากโดยเฉพาะข้างใน นอกจากตู้คอนเทนเนอร์ที่มีเจ้ากิ้งก่าอยู่ข้างใน ก็มีตู้เย็นและสินค้าอย่างอื่นอีกสองสามอย่างเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าเครื่องบินทั้งลำดูว่างมาก
เครื่องบินไม่น่าสบายแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำมาเพื่อไว้ขนส่งสาธารณะ ไม่มีแม้กระทั่งเก้าอี้สักตัว ไม่ต้องพูดถึงพรมกำมะหยี่นุ่มๆหรือของตกแต่งภายในหรูหรา ผู้โดยสารไม่มีที่ให้นั่งนอกจากบนพื้น โชคดีที่ผนังด้านในมีราวเหล็กให้พวกเขาจับได้
หลังจากผู้บัญชาการเซี่ยกับทหารอีกสองสามนายพาพวกเขาเข้ามาในเครื่องบิน พวกเขาก็ไม่ได้ขยับไปไหนและตัดสินใจอยู่กับที่ เนื่องจากลู่หยวนกับคนอื่นๆไม่ใช่ผู้รอดชีวิตธรรมดาทั่วไป แต่เป็นผู้มีพลังทำลายล้างมหาศาลซึ่งต้องคอยสอดส่องดูแลอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจเช่นนั้นจะแสดงออกมาตรงๆทื่อๆไม่ได้ พวกทหารส่วนใหญ่จึงเป็นคนรู้จักกัน
สายตาของพวกเขากวาดมองไปรอบเครื่องบินด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ซึ่งไม่นานก็หายไป ภายในหุ้มด้วยโลหะ มีกลิ่นสนิมฉุนกึก ฝีมือช่างภายในก็ไม่ได้ดีไปกว่า หยาบและไม่ได้มาตรฐาน บางส่วนก็เชื่อมแบบลวกๆ นอกจากนั้น พื้นเหล็กก็ไม่เรียบ มีเศษเหล็กแหลมๆแทงออกมาด้วย
เครื่องบินขนส่งให้ความประทับใจกับพวกเขาว่ามันถูกสร้างมาอย่างเร่งรีบจริงๆ
แต่ก็เป็นสิ่งที่คาดได้ เมื่อช่างฝีมือในช่วงสงครามไม่มีเวลามากมายให้ทำงานอย่างละเอียดประณีต ไม่เหมือนสภาพการทำงานที่สงบกว่า ปริมาณชนะคุณภาพ
เวลาผ่านไปช้าๆและไม่นานนักก็ผ่านไปเกิน 10 นาที
เสียงเครื่องยนต์ดังมาแต่ไกล เครื่องบินขนส่งวิ่งผ่านรันเวย์ยาวและบินขึ้นไปในอากาศทีละเครื่องๆ ไม่นานก็ถึงตาพวกเขา
ตัวของพวกเขาเอียงเล็กน้อยขณะที่เครื่องบินออกตัว หวงเจียฮุยที่อยู่ข้างๆลู่หยวนพลันเกาะแขนเขาแน่นอย่างตื่นกลัว คนที่เหลือก็ไม่ได้ดีไปกว่า พวกเขาจับราวเอาไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่างกายของพวกเขาแข็งเกร็งอย่างตื่นกลัว
ความจริงแล้วลู่หยวนก็กังวลเช่นกัน แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา
ในฐานะที่เป็นผู้วิวัฒนาการที่เชื่อมโยงกับผืนแผ่นดินโดยธรรมชาติแล้วนั้น เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยขณะที่ลอยขึ้นจากพื้น ยิ่งกว่านั้น โลกยังถูกยึดครองโดยพวกสัตว์กลายพันธุ์ ใครจะรับรองได้ว่าท้องฟ้าจะปลอดภัย ? มันเป็นการเดินทางที่มีความเสี่ยงสำหรับเขาอย่างแท้จริง
พอผู้บัญชาการเซี่ยเห็นว่าทุกคนกำลังไม่สบายใจ เขาก็รับรองว่า “หลายคนก็มีท่าทางแบบนี้ตอนขึ้นบินครั้งแรก ทำใจให้สบายเถอะ เราบินแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว โดยปกติ พวกนกกลายพันธุ์จะไม่หากินตอนกลางคืน ต่อให้มีพวกที่หากินกลางคืน ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถบินขึ้นได้สูงถึง 10,000 เมตร ดังนั้น การบินตอนกลางคืนจึงเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเราทุกคน”
พวกเขาถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินผู้บัญชาการรับประกันเช่นนั้น
ในตอนนั้นเอง เครื่องบินขนส่งหนักก็เริ่มบินขึ้นจากรันเวย์และไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
“ผู้บัญชาการ จากที่คุณเคยขึ้นบินมาหลายครั้ง คุณเคยพบกับอันตรายอะไรมาก่อนบ้างไหม?” โฮวตงถามอย่างกล้าหาญ สบายใจที่สัมผัสได้ถึงท่าทางที่ค่อนข้างเป็นมิตรของผู้บัญชาการเซี่ย
ผู้บัญชาการลังเลก่อนจะพูดช้าๆว่า “ผมจะไม่พูดว่ามันปลอดภัย 100% หรอกนะ ถึงยังไงสถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ไม่มีสัตว์กลายพันธุ์ที่บินได้อยู่เลย มันก็ยังอันตรายที่จะบินอยู่บนฟ้าอยู่ดี เรามีเครื่องบินขนส่งที่บินไปกลับอยู่หลายครั้ง และจาก 5 ครั้ง มีเครื่องบินตก 2 ลำ”
พอได้ยินที่ผู้บัญชาการเซี่ยพูด สภาพจิตใจที่สงบนิ่งของพวกเขาก็ปั่นป่วนอีกครั้ง
“คุณภาพของเครื่องบินทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือครับ?” โฮวตงถาม รู้สึกตึงเครียด
“ก็เป็นไปได้ แต่เหตุผลหลักก็คือการปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ระดับความสูงซึ่งกระทบกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของเราอย่างหนัก เดี๋ยวพวกคุณก็จะได้เจอ” ผู้บัญชาการเซี่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย “หนังสือพิมพ์หลายฉบับคาดเดาว่ามันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์และภาวะโลกร้อน มีปรากฏการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้นและรุนแรงมากขึ้น ปีที่แล้วการปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าแทบจะตรวจจับไม่ได้ และไม่ได้มีผลกระทบกับอุปกรณ์ต่างๆในเครื่องบิน แต่ตอนนี้มันเห็นได้ชัดมากขึ้น และถ้าไม่ใช่เพราะอุปกรณ์ป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าในเครื่องบินแล้วล่ะก็ มันจะหยุดการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมด”
“เรื่องนี้ยังไม่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะ เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก ช่วยเก็บเป็นความลับระหว่างเราด้วยนะครับ”
“พูดกันว่าการระเบิดขั้นรุนแรงของซูเปอร์โนวาที่ห่างออกไปหลายร้อยปีแสงได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในกาแล็คซี่ นอกจากนี้ยังกระตุ้นกัมมันตภาพสุริยะ (คือปรากฏการณ์รุนแรงต่าง ๆ บนดวงอาทิตย์ เช่น การลุกจ้า จุดมืด เปลวสุริยะ แต้มสว่าง) ให้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เป็นไปได้ว่าหลังจากความปั่นป่วนนี้แล้ว การกลายพันธุ์จะยุติลง แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไร อาจจะแค่ไม่กี่ปีไปจนถึงหลายร้อยปี” ใบหน้าของเขาหมองลงเมื่อพูดจบประโยค
นอกจากเฉินเจียอี้กับเด็กคนอื่นๆที่ไม่กระวนกระวายแล้ว ใบหน้าของพวกผู้ใหญ่ก็พากันบิดเบี้ยว
ลู่หยวนเคยได้ยินทฤษฎีพวกนี้ก่อนวันโลกาวินาศแล้ว แต่เขาไม่ได้ใส่ใจหรือรู้สึกอยากตั้งคำถามอะไรเกี่ยวกับมัน เพราะเขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เขารู้ดีว่าพายุในกาแล็คซี่ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ แต่ยังมีพลังที่ส่งผลเสียต่อชั้นบรรยากาศอีกด้วย
เขารู้สึกขัดแย้งในตัวเอง โลกดูเปราะบางเหมือนไข่ที่ปราศจากเปลือกไข่
ลู่หยวนโล่งใจที่รู้ว่าพายุในกาแล็คซี่อ่อนแอเกินกว่าจะทำลายล้างสิ่งมีชีวิตบนโลกได้ในทันที อย่างไรก็ตาม พายุก็ค่อยๆรุนแรงขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรที่มันจะไปถึงจุดที่สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกไม่อาจจะทนได้ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็เหมือนกับกบในน้ำอุ่น เพียงแต่กบยังสามารถกระโดดออกมาได้เมื่อรู้สึกว่าอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น แต่ทว่า มนุษย์ทำได้เพียงดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ มองดูอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้โดยไม่อาจทำอะไรได้
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็รู้สึกว่าผิวหนังของเขาตึงขึ้นเล็กน้อยและขนของเขาก็เริ่มตั้ง
มีไฟดูด ทุกคนรู้สึกได้ถึงไฟฟ้าสถิตย์ ใบหน้าของพวกเขาซีดเล็กน้อยอย่างหวาดกลัว
“ผู้บัญชาการ ดูเวลาซิครับ! ทำไมคราวนี้มันมาเร็วยังงี้?” ทหารคนหนึ่งมองนาฬิกาของเขาอย่างสงสัย
“แค่ 20 นาทีเอง!” ผู้บัญชาการเซี่ยตรวจสอบเวลาอย่างตกใจ “ฉันจะไปเช็คที่ห้องนักบิน!”
หัวใจของลู่หยวนเต้นผิดจังหวะเมื่อเห็นผู้บัญชาการรีบตรงไปยังบันได เขาหายไป 1 นาทีแล้วกลับมาพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม นี่ยิ่งทำให้ทุกคนเครียดมากขึ้น
“สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงครับ?” ลู่หยวนถาม
“เรากำลังบินอยู่ที่ระดับความสูง 7,000 เมตร ก่อนหน้านี้ ไฟฟ้าสถิตย์จะเกิดขึ้นที่ระดับความสูง 10,000 เมตรเท่านั้น ดูเหมือนว่าระยะของมันจะกว้างขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ เครื่องบินกำลังจะลดระดับลงให้ต่ำกว่านี้ เราน่าจะไม่เป็นไร ใจเย็นไว้!” ผู้บัญชาการพูดพลางฝืนยิ้ม
“เรามีร่มชูชีพในนี้รึเปล่า?” หลินเสี่ยวจีถามพรวดขึ้นมา
ผู้บัญชาการส่ายหัวและนิ่งเงียบ เขาไม่ได้ใจเย็นอย่างที่เขาแสดงออกเลย
หลังจากที่หลินเสี่ยวจีได้คำตอบ เขาก็นอนลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ความรุนแรงของไฟฟ้าสถิตย์นั้นไม่สม่ำเสมอ ทำให้ไฟในห้องโดยสารกะพริบติดๆดับๆ บางครั้งก็ทำให้เกิดประกายไฟแปลบปลาบในอากาศซึ่งหายไปอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดเสียงปะทุ กลิ่นโอโซนอ่อนๆลอยอยู่ในอากาศ
สถานการณ์ในห้องโดยสารของเครื่องบินขนส่งค่อนข้างตึงเครียด ทุกคนกังวลจนแทบบ้า และการหายใจของพวกเขาก็หนักหน่วงขึ้นด้วย
ขนของพวกเขาทุกคนตั้งตรงจากผลของไฟฟ้าสถิตย์ แต่ไม่มีใครมีอารมณ์ขำ “ไม่ต้องห่วง เราไม่เป็นไรหรอก” ลู่หยวนพูด พยายามปลอบใจพวกเขาเนื่องจากสัมผัสความไม่สบายใจของพวกเขาได้
ไม่เพียงแต่ปลอบใจคนอื่นๆเท่านั้น เขายังปลอบใจตัวเองด้วย เขาเกลียดที่ไม่สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ และต้องปล่อยให้ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับโชค ถ้าเขาอยู่บนพื้นดิน อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถดิ้นรนกระเสือกกระสนได้บ้าง แทนที่จะคอยพึ่งเทพีแห่งโชคโดยไม่สามารถทำอะไรได้
นาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ หัวใจของทุกคนก็สั่นระริกไปตามแสงสว่าง
จากนั้นแสงก็กะพริบอีกไม่กี่ครั้ง เกิดประกายไฟอีกสองสามครั้ง และดับไปราวกับเป็นลางถึงบางอย่าง ต่อมาเสียงระเบิดก็ดังติดต่อกัน และไฟทั้งหมดก็ดับลงทันที กลิ่นเหม็นไหม้ฟุ้งกระจายออกมา ห้องโดยสารตกอยู่ในความมืดมิด มีเพียงแสงสลัวๆวูบวาบอยู่ในอากาศเท่านั้น
พวกผู้หญิงหวาดกลัวมาก พวกเขาพากันกรีดร้อง และใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ
“คุณช่วยไปเช็คหน่อยได้ไหมว่าในห้องนักบินเรียบร้อยดีไหม?” ลู่หยวนพูดกับผู้บัญชาการเซี่ย
“ไปเดี๋ยวนี้แหละ!” ผู้บัญชาการรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับคลำหาไฟฉายของเขา
“เดี๋ยวก่อน ผมอยากไปด้วย” ลู่หยวนตะโกน
“โอเค!” ผู้บัญชาการเซี่ยพยักหน้าโดยไม่ลังเล การกระทำนี้ผิดกฎระเบียบของพวกเขาอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้เขาไม่สนอะไรแล้ว
พวกเขาก้าวเร็วๆขึ้นบันไดและเปิดประตูห้องนักบิน แสงไฟที่นั่นก็ไม่ทำงานเช่นกัน มีเพียงแสงจากอุปกรณ์ต่างๆเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังทำงานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้บัญชาการเซี่ยถามทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
“คราวนี้พวกเราโชคไม่ดีเลยครับ เราบินเข้าไปในพายุแม่เหล็กไฟฟ้าที่รุนแรง โชคดีที่ความเสียหายไม่เข้าขั้นวิกฤติ ไฟฟ้าสำรองยังทำงานได้ดี เพียงแต่เกิดการแทรกซ้อนบางอย่างกับวงจรไฟฟ้าภายนอกเท่านั้น” ผู้ช่วยนักบินพูดพร้อมกับตัวสั่น “แต่สภาพอากาศไม่ดีเลย พายุจากจักรวาลมีความรุนแรงมาก ทำให้เกิดความไม่เสถียรในชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเราได้ตลอดเวลา เรากำลังเตรียมบินต่ำลงไปอีก 500 เมตร”
ลู่หยวนมองไปที่แผงหน้าปัดที่แสดงตัวเลข 5000 ม. บ่งบอกถึงระดับความสูงอย่างชัดเจน
เขามองผ่านกระจกหนาตรงไปที่ท้องฟ้า ด้วยดวงตาที่แหลมคมเป็นพิเศษของเขา เขามองเห็นแสงไฟแวบวาบที่เกิดขึ้นส่งเดชอยู่ในท้องฟ้าที่มืดมิด บ้างปะทะกันจนเกิดเป็นกระแสไฟฟ้ารูปโค้งขนาดใหญ่
ในบางครั้ง แสงสว่างจะวาบผ่านท้องฟ้า ทำให้เกิดแสงวาบเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะจินตนาการว่าในระดับที่สูงกว่านี้จะมีภาพเป็นเช่นไร
“เราลงต่ำกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ?” ลู่หยวนถาม
นักบินทั้งสองจำเสียงเขาไม่ได้ จึงหันมามองลู่หยวนด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเช่นไรออกมา พวกเขาเน้นเสียงพูดว่า “ไม่ได้ นั่นจะยิ่งอันตรายมากขึ้น เสียงของเครื่องบินจะไปกระตุ้นพวกนกกลายพันธุ์ให้เข้ามาโจมตี”
“อีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึงรันเวย์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อลงจอด?” ลู่หยวนถามอีกครั้ง
“เกือบ 1,200 กม. หรือประมาณ 3 ชั่วโมง”
..............................
เครื่องปรับอากาศที่ทำงานผิดปกติได้ลดอุณหภูมิในเครื่องบินลงอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อุณหภูมิก็เกือบเป็น 0 องศาเซลเซียส ทุกคนอ้าปากหายใจ มีไอสีขาวออกมาจากลมหายใจของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากอุณหภูมิอบอุ่นในตอนแรก พวกเขาจึงไม่ได้มีเสื้อผ้ามามากนัก แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังสามารถทนความหนาวเย็นได้อยู่ ต้องขอบคุณสภาพร่างกายที่ดีมากของพวกเขา แต่ไม่อาจพูดเช่นนั้นได้กับเด็กสามคนนั้น
พวกเขาหนาวยะเยือกจนถึงจุดที่ริมฝีปากกลายเป็นสีม่วง แต่พวกเขาก็ยังคงนิ่งเงียบ
หวงเจียฮุยรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจและกอดเฉินเจียอี้เอาไว้ ขณะที่รู้สึกว่าตัวเองก็กำลังสั่น เธอขอร้องว่า “ลู่หยวน เอาอาหารให้พวกเขาหน่อย!”
ลู่หยวนพยักหน้า แล้วเดินตรงไปที่จุดที่พวกเขาวางข้าวของของพวกเขาไว้ เขาหยิบหัวใจงูขึ้นมาครึ่งชั่ง จากนั้นก็ใช้ดาบฟันขาม้าตัดมันกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ชิ้นเนื้อที่บางเท่าปีกจักจั่นตกลงบนหนังงู จากนั้นเขาก็ม้วนหนังงูและเดินกลับมาอยู่ข้างๆพวกเขา
“ทุกคนกินซะจะได้อุ่นๆ” ลู่หยวนพูดพร้อมกับวางหนังงูลง
พวกเขาเคยชินกับการกินของดิบแล้ว ดังนั้นจึงหยิบขึ้นมาใส่ปากกันคนละชิ้น มู่เหวินเหวินที่นิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลาก็หยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นเช่นกัน
“นี่เป็นของงูยักษ์ตัวนั้นใช่ไหม? ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกคุณเอาเนื้อสดทั้งชิ้นลงท้องไปได้ยังไง” ผู้บัญชาการเซี่ยพูดพร้อมกับใช้ฟันกัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของมันอย่างแรง แต่ก็ไม่สามารถกัดมันให้ขาดได้
“แล้วจะให้เรากินแบบไหนล่ะ?” โฮวตงถาม เขากลืนเนื้อทั้งชิ้นลงไปโดยไม่ได้เคี้ยวมากนัก
“ก็เอาไปบดให้เป็นชิ้นเล็กๆกว่านี้ไง! แบบนี้จะไปกัดมันออกได้ยังไง ไม่มีทางเลย” ผู้บัญชาการเซี่ยยังไม่สามารถเคี้ยวมันให้แหลกได้ เมื่อรู้ว่าความพยายามของเขาไร้ผล เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามคนอื่นๆ กลืนมันลงไปทั้งชิ้น
“ความหรูหราขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์แบบนี้หรอก แค่มีอาหารให้กินก็ดีเท่าไรแล้ว” ลู่หยวนเองก็หยิบขึ้นมาใส่ปากหนึ่งชิ้น และพูดพร้อมกับยิ้ม
“ใช่ คุณพูดถูก” ผู้บัญชาการเซี่ยกินไปสองสามชิ้นก่อนจะหยุดกลางคัน เพราะมันทำให้หน้าของเขาเป็นสีแดง
แม้ว่าจะมีหัวใจแค่ครึ่งชั่งสำหรับคนหลายคน มันก็ยังเหลืออยู่อีก 7-8 ชิ้น ลู่หยวนจัดการส่วนที่เหลือและจบลงด้วยการกินมากกว่าคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของทุกคนก็กลายเป็นสีแดง ยกเว้นลู่หยวนที่ไม่มีผลกระทบอะไรเลย
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยพลังงานทางชีวภาพ การกินเข้าไปเพิ่มไม่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอะไรอีกต่อไปแล้ว ที่จริงแล้ว ความหิวของเขาเพิ่มขึ้น พลังงานของเขาถูกดูดซึมโดยไม่ได้ตั้งใจ
จ้าวหยาลี่ดูไม่ค่อยสบาย และโอนเอนไปมาราวกับกำลังมึนเมา ทันใดนั้นเธอก็ล้มตะแคงลงไปช้าๆ หวังเซียกวงที่อยู่ข้างๆเธอสังเกตเห็นอาการผิดปกติและพยายามช่วย เธอแตะหน้าผากจ้าวหยาลี่เบาๆก่อนจะถอนมือออกในทันที และพูดอย่างประหลาดใจว่า “เธอกำลังวิวัฒนาการ”