หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 38: ชีวิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 38: ชีวิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

การโดนอัดจากไออ่อนทอร์นคลับในวันพุธนั้นค่อยส่งผลในตอนเช้าวันต่อมา

เมื่อวาน จางเทีย ยังไปอาบน้ำสบายๆก่อนกลับบ้านอยู่เลย ต้องขอบคุณที่มีแผลไม่กี่อันบนตัวและหน้าเขาไม่ได้มีแผลอะไรเลย ดังนั้น จางเทีย เลยไม่ต้องกังวลเรื่องต้องมาปิดแผลไม่ให้พ่อแม่เห็น

หลังจากกินมื้อเย็นแล้ว จางเทีย ได้คุยกับพ่อ,แม่และพี่สะใภ้สักพัก  หลังจากล้างเท้าและแปรงฟันแล้ว จางเทีย ก็แอบเอามันฝรั่งสองอันและถั่วไปด้วยไปกินบนห้อง

จางเทีย นั้นเริ่มเข้าไปใน Castle of Black Iron  นอกจากข้าวโพดและมันฝรั่งแล้ว จางเทีย ยังฝรังมันฝรั่งสองอันไว้ในดินและขุดหลุมปลูกถั่วเหลืองเหมือนกับที่ปลูกข้าวโพด

ในตอนที่มันฝรั่งหวานงอกออกมา เขาต้องเอามันไปแยกหลุมเดิมเหมือนกับที่ทำกับมันฝรั่ง  นี่เป็นเรื่องที่เขาเรียนมาจากโรงเรียน  สำหรับถั่วเหลืองแล้วก็คล้ายๆกับที่เขาทำกับข้าวโพด เขาแค่ใช้เหล็กปักที่พื้นแล้วโหยดเมล็ดลงไปทีละหลุมๆ

ค่าออร่าใน Castle of Black Iron ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเกิน 13 ไปแล้ว  ในวันพุธนอกจากข้าวโพดที่งอกออกมา จางเทีย พบว่ามีหญ้าเริ่มงอกออกมาด้วย

เหลือเวลาอีกกว่าวันก่อนที่ Leakless Fruit อันแรกจะสุก  ในอีกด้านต้นไม้เล็กนั่นก็เริ่มมีผลสีเงินงอกออกมา  เขาจับไปที่ผลมันและพบว่าต้นไม้นั้นพัฒนาได้ไม่ถึง 3 ใน 4 ก่อนที่มันจะสุก  ดูเหมือนว่าผลนี่จะสุกหลังจากที่โดนอัดสัก 4-5 ครั้ง

 

Leakless Fruit… Iron Body Fruit… หึหึหึหึ…

เขาทำการบ่มเพาะอย่างเช่นเคย  เขาบ่นถึมพำถึงชื่อของผลไม้สองอันนั้นในตอนที่เขานอนด้วย....

ในเช้าวันพฤหัส ในตอนที่นาฬิกาชีวภาพบอกเวลา 6.15  จางเทีย ก็ตื่นขึ้นมา ในตอนที่เขาอยากลุกขึ้นจากเตียง หน้าเขาก็ซีดขึ้นมา เหงื่อเริ่มผุดเต็มไปทั่วหน้าผากพร้อมกับความเจ็บที่รู้สึกได้ทั่วร่างกาย   ทุกที่ที่เขาโดนอัดนั้นปวดขึ้นมาและเหมือนกับมันแทบหักโดยเฉพาะมือทั้งสองข้างของเขาที่เอาไว้ใช้กันลูกเตะและหมัดเมื่อวานนี้  อาการแบบนี้บอกได้สองเหตุผล อย่างแรกเลยร่างกายของเขามันเป็นไปตามธรรมชาติหลังจากที่โดนอัดมาซะขนาดนั้น  อย่างที่สองดูเหมือนเขาออกแรงมากเกินไปเมื่อวานนี้ ดังนั้นอาการปวดกล้ามเนื้อจึงแทบไม่รู้สึกเพราะเหนื่อย

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆใส่เสื้อผ้า  ในตอนที่เขาขยับตัวเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บที่อธิบายออกมาไม่ได้

ตอนนี้ จางเทีย เข้าใจแล้วว่ามันคงไม่ง่ายที่จะเป็นคู่ซ้อมและ Iron Body Fruit เองก็ไม่ได้มาง่ายๆด้วยเช่นกัน

วันนี้ จางเทีย ใช้เวลาเป็นสองเท่าจากเดิมในการเดินทางไปโรงเรียน  วันนี้เขาคงขยับตัวมากไม่ได้แหง

เมื่อมาถึงประตูโรงเรียนเขาก็พบกับชรายตาเดียวยืนอยู่ด้านหน้า  นักเรียนคนอื่นๆต่างก็ก้มหน้าแล้วเดินผ่านจากไอ้โหดนี่ให้ได้มากที่สุดตอนมันเอากระบองตีมือตัวเอง

“ เด็กดี ฉันได้ยินมาว่าแกทำได้ดีนิเมื่อวานนี้  แกไม่ทำให้ฉันเสียหน้า ! “ - จางเทีย ไม่คิดว่า กัปตันเคอร์ลิน จะชมเขาก่อนที่จะทักทาย

เขาดูอายๆและฝืนยิ้มออกมา  ตอนนี้ จางเทีย ไม่รู้ว่าเขาควรขอบคุณไอ้โหดนี่รึเกลียดดี

เขามาที่ห้องเรียนและตระหนักได้ว่าพวกหื่นนั้นไม่ได้คุยกันเรื่องทำไมไม่มีใครมาทำความสะอาด พวกนั้นกลับไปแอบอยู่ห้องข้างๆเพื่อดุว่า ‘ ไอ้งี่เง่า ‘ ที่มาถึงเช้าจะมาทำความสะอาดโต๊ะให้พวกเขา  โชคร้ายที่พวกนั้นหาคนๆนั้นไม่เจอ ดังนั้นเลยเริ่มเอะอะออกมา

“ เหี้ยเอ้ย ฉันต้องแอบทำดีแล้วมั้งเนี้ย “ - จางเทีย คิดกับตัวเอง  เพราะพวกห่านี่สงสัย เขาคงไม่สามารถใช้วิธีเดิมในการได้ค่าความดีอีกแล้ว

หลังจากได้ Castle of Black Iron จางเทีย ไม่ต้องการที่จะกลายเป็นจุดสนใจที่โรงเรียนรึห้องเรียนของเขา  มันคงจะแปลกที่นักเรียนธรรมดาจะมาทำดีเพื่อให้คนอื่นหลงใหลโดยไม่มีเหตุผล

แม้ว่ามันจะยากที่คนจะรู้ว่า จางเทีย ทำมันเพราะค่าความดีแต่เขาก็ยังคิดว่าทำตัวเงียบๆไว้จะฉลาดกว่า

คาบเช้านั้นดำเนินไปอย่างเช่นเคย บางทีเพราะความจริงที่พวกเขาต้องออกจากโรงเรียนไปในอีก 2 อาทิตย์ ครูๆเลยสอนทฤษฎีน้อยลง  ครูสอนเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเองแทน  ผลก็คือนักเรียนนั้นต้องทนฟังประสบการณ์ของครูและต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ

ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนไปถึงสิ้นเดือนสิงหาคมตามกฎที่ทุกโรงเรียนในเมืองนี้มี  คนที่จบไปแล้วต้องเข้าร่วมการฝึกทักษะจำเป็นในการเอาตัวรอดสองเดือน  การทดสอบนี้ก็เพื่อวัดความรู้และความสามารถที่เด็กๆเรียนรู้จากโรงเรียน  สำหรับการฝึกเอาตัวรอดแล้วคือการทดสอบที่ดีที่สุด  ไม่มีการทดสอบถูกจัดเตรียมไว้  ใครที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็เอาตัวรอดจากยุคนี้ไม่ได้ต้องถูกกำจัด  ทุกปีจะมีจะมีคนตายในการฝึกนี้  ปีก่อนมีนักเรียนโดนตัดทิ้งไป 5 คน, 4 คนตายส่วนอีกคนพิการ   ในประวัติศาสตร์แล้วมีเด็กกว่า 20 คนของดรงเรียนนี้โดนกำจัดในการฝึกเอาตัวรอดนี้ สำหรับพวกหื่นที่จบไป การฝึกนี่เหมือนกับพิธีฉลองการเป็นผู้ใหญ่

มันเป็นพิธีฉลองที่ต้องแลกมาด้วยเลือดและบางทีอาจเป็นชีวิตก็ได้ ! การฉลองนี้ไม่ได้อยู่ในการปกป้องของกำแพงเมือง พวกเด็กต้องไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์เป็นจริงของยุคนี้

หลังจากฝึกสองเดือนแล้ว วันที่จะเป็นนักเรียนก็จะสิ้นสุดลง  หลังจากการฝึกแล้วจะมีวันหยุด 3 เดือนให้ก่อนที่พวกนั้นต้องเข้าไปรับใช้กองทัพ  วันหยุดกว่า 3 เดือนนั้นก่อนที่จะได้รับหมายเรียกให้ไปรับใช้กองทัพ พวกที่มีพรสสวรค์จะมีโอกาสได้รับการแนะนำเข้าโรงเรียนและได้มีโอกาสได้ไปเรียนรู้ที่ระดับสูงขึ้นไป   พวกเขาจะกลายเป็นคนระดับสูงของยุคนี้และมีองค์กรที่มีอำนาจคอยหนุนหลัง  เมื่อถึงตอนนั้นทิศทางชีวิตของหลายๆคนก็จะถูกกำหนดไว้  เวลาในการใช้ในกองทัพนั้นเท่ากับเวลาที่พวกเขาใช้ในการเรียน   มันเป็นสิทธิของพวกเขาที่จะได้รับการศึกษาและมีหน้าที่ในการรับใช้กองทัพ  8 ปีต่อมาในตอนที่รับใช้กองทัพเสร็จ พวกเขาจะตระหนักได้ว่าตัวเองน่ะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคนที่มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดีกว่าเดิม

หลังจากจบ 4 คาบในตอนเช้า พวกหื่นก็รีบวิ่งไปที่โรงอาหารอีกครั้ง  ก็เหมือนเช่นเคยตอนที่เด็กๆต่อแถวเพื่อรับข้าว กลุ่มของ เกรซ ก็เดินเข้ามาแทรกคิว  พวกนั้นได้คิวแรกไปหลังจากที่ไล่พวกขี้ขลาดและคนที่โชคร้ายให้ออกจากแถวไป

เมื่อมองไปที่กลุ่มของ เกรซ ที่ทำเกินไปหลายๆวันมานี้ จางเทีย ก็ถามตัวเองเสมอ – “ ฉันจะทำยังไงถ้าฉันกลายเป็นคนโชคร้ายแบบพวกนั้น ? “ – ในใจเขานั้นเขารู้คำตอบดี ทุกครั้งตอนเที่ยง เขาเลือกจุดใกล้ๆปลายแถว  เขาจะไม่อยากมีปํญหาแต่สำหรับเด็ก 15 ปีแล้วมันคงเป็นตัวเลือกที่ยาก

ตอนเที่ยงไอ้อ้วน แบร์ลี่ ได้บอกเขาว่าเขาจะช่วย จางเทีย ในพิธีฉลองที่จะมาถึง

“ จากนี้ไปเราทุกคนสมาชิกองค์กรพี่น้องทะยานฝันจะไม่เวอร์จิ้นอีกต่อไป ! “ – เมื่อได้ยินคำประกาศของ แบร์ลี่  ไอ้พวกบ้านั่นก็ยิ้มลามกออกมา

มันจริงแม้ว่า จางเทียจะฝันถึงเรื่อง ‘ ชีวิตที่มีความสุข ‘ และ ‘ รักแท้ ‘ ระหว่างเขากับ มิสไดน่า ในอนาคตแต่เมื่อได้ยินไอ้อ้วนพูด หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัว  เขาอยากเป็นผู้ชายเต็มตัว  หลังจากเห็นภาพต่างๆแว็บเข้ามาในหัวกางเกงของเขาก็ตุงขึ้นมา  จางเทีย ยอมรับว่าว่าเป็นพวกเดียวกับพวกหื่นนี่   เขาไม่ได้เป็นคนมีเหตุผลมากไปกว่าคนอื่นในกลุ่มเลยแต่ จางเทีย ยังคิดว่าการกระทำนี้จะทำให้ มิสไดน่า แปดเปื้อน !

ตอนนั้นเองพวกนั้นก็หัวเราะขึ้นเพราะไอ้จ้อนเขาตั้งตรงอย่างกับเสาธงแต่ จางเทีย น่ะชินกับพวกนี้แล้ว เขาเลยไม่ได้สนใจ  หลังจากกินข้าวเสร็จพวกนั้นก็ไปเล่นไพ่กันในห้อง ส่วน จางเทีย ได้เข้าไปในป่าข้างๆโรงอาหารและไปนั่งฝึกการคิดเลขในใจ  ตามที่หนังสือนั่นบอกเขาต้องจำลองภาพลูกคิด 3 แถวขึ้นมาในเสี้ยววินาทีเพื่อไปถึงเกณฑ์ของระดับแรก  เมื่อเขาขึ้นมาถึงระดับแรกได้แล้ว เขาจะสามารถคิดคำนวณเลข 3 หลักในการบวกลบคูณหารได้

มันก็ยังคงห่างจากเกณฑ์ที่กำหนด ภายใน 15 วินาทีเขาค่อยจำลองลูกคิด 3 แถวนั้นได้และใช้เวลานานกว่า 4 วินาทีเพื่อคิดคำนวนการบวกลบคูณหาร  ในตอนที่เขาคิดถึงประโยคที่อยู่บนปกหนังสือ – หนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับเด็กประถาม – จางเทีย ก็รู้สึกอายขึ้นมา นี่ดูเหมือนว่าเด็กประถมก็ทำได้คล่องแล้วแต่เขายังไปไม่ถึงระดับแรกเลยแม้ว่าจะฝึกมาหลายวันแล้ว --- น่าอายจริงๆ !

ตอนนั้นดูเหมือนว่ามีคนต้องการให้เขาอายมากกว่าเดิม  มีลูกน้องของ เกรซ มายืนอยู่ต่อหน้าเขา   ในตอนที่ จางเทีย กำลังสงสัยกับการมาของพวกนั้น พวกนั้นก็โยนจานเปื้อนๆมาใส่หญ้าที่ จางเทีย นั่งอยู่

“ ทำความสะอาดแล้วไปส่งที่โรงอาหารด้วย !  “ – ไอ้ลูกน้องโยนจานข้าวลงมาโดยไม่มองมาที่ จางเทีย  ดูเหมือนว่ามันไม่คิดว่าเด็กธรรมดาที่มานั่งใต้ต้นไม้จะปฏิเสธคำสั่งของมัน

เขามองไปที่จานทั้งสี่ จางเทีย เกาหัวและรู้สึกสลด  มันมักจะมีตัวเลือกที่ยากที่สุดที่เขาต้องตัดสินใจในชีวิต....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.