หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 33: Human Body Energy

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 33: Human Body Energy

“ ไอ้หัวโตมันต้องมีผึ้งบินในหัวแน่ๆ ตะกี้ฉันเห็นว่ามันเหม่อ ตาเกือบปิดแล้วยังยิ้มอีก น้ำลายยังเกือบหกเลยด้วย  มันน่ะเหงื่อและไม่รู้เรื่องที่ มิสไดน่า พูดเลยสักนิ ! “ – ลิซ บ่นกับ ดั๊ก  ตอนนี้ แบร์ลี่ เองก็เตะขาให้ ลิซ หุบปาก  แบร์ลี่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ ลิซ พูดนั้นจริง

“ เมื่อคืนผมต้มน้ำที่บ้าน หลังจากที่น้ำเดือดแล้วผมเลยยกเอาออกจากเตาและวางมันไว้ที่พื้นแต่ผมลืมไปเอากระติกน้ำร้อนมาใส่น้ำนั้น ตอนที่ผมรู้น้ำก็เย็นแล้ว... “ – นักเรียนคนอื่นๆตาเบิกกว้างมองไปที่ จางเทีย   พวกนั้นไม่รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร  ต้องขอบคุณที่พวกมันรักษามารยาทในห้องเรียนไว้ ถ้าเป็นคาบอื่น จางเทีย อาจจะโดนอัดไข่ในตอนที่เขาพูดจบก็ได้

มิสไดน่า ฟังเขาอย่างตั้งใจซึ่งทำให้ จางเทีย มีเวลาพอจะคิดคำพูดได้

“ ผมคิดว่ามันคงไม่ได้เสียเวลาอะไรมากกับการต้มใหม่อีกรอบแต่ตอนที่ผมคิดเรื่องนี้ในตอนเย็น ผมคิดว่ามันคงเป็นปัญหาที่ผมคงแก้ไม่ได้ ดังนั้นผมเลยอยากให้ มิสไดน่า ตอบคำถามให้หน่อย  พวกเราเหมือนหม้อต้มน้ำร้อนรึเปล่า ? ตั้งแต่ที่เราเกิดมาในโลกนี้ เราน่ะได้เสียพลังของเราไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวรึเปล่า ? “ – คำถามนี้แหกคอกสักหน่อย แม้แต่คนในองค์การเองก็ช็อค  พวกนั้นไม่คิดว่า จางเทีย จะคิดคำถามแบบนี้ได้ --- พวกเขาแต่ละคนคือหม้อต้มน้ำร้อนเหรอ ?

คำถามนี้มาจากข้อความที่ จางเทีย เห็นตอนที่เจอกับ Leakless Fruit   จางเทีย ไม่สามารถเข้าใจข้อความนั้นได้ ดังนั้นเขาเลยถือโอกาสมาถาม มิสไดน่า ดู

“ เธอนี่คิดเก่งจริงๆ  คำถามนี้เป็นคำถามพิเศษ  เพราะนี่คือเทอมสุดท้ายของพวกเธอ ฉันเลยคิดจะพูดเรื่องพลังงานของร่างกายในคาบหลังๆแต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะรู้แล้ว  ดังนั้นฉันจะพูดให้ฟังล่ะนะ ... “

ติ๊งๆ

ในตอนที่เธออ้าปากจะพูดออดก็ดังขึ้นมา  มิสไดน่า รอจนออดเงียบลงก่อนที่จะยิ้มเขินๆออกมา – “ หมดเวลาแล้ว ได้เวลาพักแล้ว เพราะหัวข้อนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบายเยอะ งั้นมาคุยเรื่องนี้กันในคาบหน้านะ... “

หลังจากหมดคาบแล้วก็มีไม่กี่คนที่ออกจากห้องไปโดยส่วนใหญ่นั้นยังอยู่ในห้องอยู่ เด็กบางคนตั้งใจถามคำถามโง่ๆกับ มิสไดน่า เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนเมื่อกี้และเธอเองก็ตอบคำถามพวกนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้จุดประสงค์ของพวกนั้นเลย  เกรซ และลูกน้องไปล้อม มิสไดน่า เอาไว้พร้อมพูดออกมาดังๆและหัวเราะออกมาด้วยราวกับว่าโชว์ให้คนอื่นเห็นว่าเขาสนิทกับ มิสไดน่า  เขาทำท่าคุยรู้เรื่องและหันมาเยาะเย้ยคนอื่นตอนที่เธอไม่เห็น

“ เกรซ นี่มันงี่เง่าจริงๆ ! “ – ฮิสต้า พึมพำ – “ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อมันนะ...ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวมันนะ...แบกแดด อัดมันแน่ !  มันคงไม่มีทางโชว์ออฟอย่างนี้ได้หรอก ! “

คำพูดนี้ทำให้ แบกแดด ดีใจ  เมื่อได้ยินแบบนั้น แบกแดด ได้ฮึดฮัดออกมาและมองไปที่ เกรซ   สมาชิกทุกคนขององค์กรรู้ว่า เกรซ นั้นคือเป้าหมายที่ แบกแดด อยากก้าวผ่านไปให้ได้

“ ฉันได้ยินเรื่องชื่อที่ได้รับการแนะนำนั้นจะไปคิดตอนหมดเทอม  ถ้า เกรซ ต้องการการเสนอชื่อเพื่อเข้าโรงเรียนกองทัพพันธมิตรอันนดามันล่ะก็ เขาต้องทำช่วงนี้ให้ดี  เมื่ออยู่ในโรงเรียนเราการที่เป็นนักสู้ระดับ 2 ได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้วแต่ข้างนอกน่ะเขาไม่ได้มีค่าอะไรเลย  ฉันได้ยินมาว่าไม่กี่ปีมานี้ข้อกำหนดในการรับคนเพื่อเข้าโรงเรียนนั้นคือนักสู้ระดับ 3 ถ้าให้ฉันวิเคราะห์นะตอนนี้ เกรซ ยังไม่ผ่านเกณฑ์ ! “ – ลิซ พูดขึ้นมา

“ งั้นเขาก็ไม่น่าจะเข้าได้สิน เกรซ น่ะมันต้องมีบางอย่างคอยช่วยแน่ๆ ! “

 “ ชอร์วิน  โรงเรียนกองทัพพันธมิตรอันนดาน่ะเป็นที่วิเศษสำหรับคนธรรมดาแต่มันไม่ใช่ที่ที่ดีที่สุด  เรามันก็แค่คนธรรมดาที่สามารถปกป้องตัวเองได้นิดหน่อย  สุดท้ายแล้วพันธมิตรนั่นก็ไม่ได้เก่งเรื่องการต่อสู้  แม้ว่าโรงเรียนกองทัพพันธมิตรอันนดาจะถือว่าเป็นที่ระดับสูงในเขตพันธมิตรนี่  แต่ข้างนอกน่ะมันเอาไปอวดอะไรไม่ได้เลย  ข้างนอกเขตพันธมิตรนั้นมีคนที่มีพรสวรรรค์จริงๆอย่าง ลีชิเซ็น ที่ซึ่งถูกสามาชิกระดับสูงของสมาคมทำยาเอาตัวไป เขาน่ะยิ่งใหญ่กว่า เกรซ เป็นพันๆเท่า  แม้ว่าพ่อของ เกรซ จะมีเงินเป็นกองๆก็เทียบไม่ได้ ! “ – แบร์ลี่ พูดเหมือนกับคนแก่พร้อมกับตบไหล่ ชอร์วิน เบาๆ

“ ฉันได้ยินมาว่าการทำยาทำเงินได้มากไม่ใช่เหรอ ? “ - จางเทีย สนใจทุกอย่างที่ทำเงินได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำว่า ‘ การทำยา ‘ สิ่งแรกที่เขาคิดคือเรื่องเงิน

“ มีที่ทำยาแค่ 4 ที่ในเมืองนี้  3 น่ะมีสัญญาระยะยาวกับคลับต่อสู้ของเมือง ส่วนอันสุดท้ายนั้นทำยาให้ CSIF  แน่นอนว่าพวกนั้นรวย ! ไม่มีใครทำเงินได้มากกว่าพวกทำยาพวกนั้น... “

“ ถ้าฉันได้เป็นคนทำยาบ้างนะ !  “ - ดั๊ก พูดเหมือนกับคนงี่เง่า

ในตอนที่ ดั๊ก พูดเสร็จก็ไม่มีใครตอบกลับ ทุกคนกลับหันไปมองเขาแทนและ ดั๊ก ก็ทำท่าทีหยิ่งใส่  หลังจากนั้นสักพัก แบร์ลี่ ก็ตบไหล่เขา – “ ดั๊ก ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายจะตลกขนาดนี้ ! “

เวลาพัก 10 นาทีได้หมดไปและคาบสุดท้ายของตอนเช้าก็เริ่มขึ้น  พวกเขาเอามือวางไว้บนโต๊ะและทำท่าตั้งใจเรียนในตอนที่ มิสไดน่า เขียนบางอย่างบนกระดาน  หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็ได้มีผังต้นไม้ที่โยงยางโผล่ขึ้นมา  ไม่มีใครรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง  หลังจากนั้นเธอก็ได้วางชอล์คลงและหันกลับมาพร้อมกับปรบมือ

“ คาบที่แล้วมีคนถามเรื่องร่างกายมนุษย์ที่เสียพลังงานไปเรื่อยๆ  ฉันจะอธิบายเรื่องการไหลเวียนของเลือดและเส้นทางต่างๆของร่างกายให้ฟัง   ไอ้ต้นไม้นี้ก็เหมือนกับเส้นทางน้ำเสียของเขาและสิ่งที่เหมือนเถาวัลย์นี่ก็เหมือนกับเส้นเลือดซึ่งก็เหมือนกับรากต้นไม้ด้วยที่ซึ่งคอยดูดซับพลังงานกลับเข้ามาในร่างกายมนุษย์เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย  ผังนี้คือเครื่องมือที่เราจะรู้ความลับของร่างกายเรา แต่ผังนี้น่ะมีข้อจำกัดเพราะร่างกายของเราคือเครื่องตรวจวัดที่แม่นยำที่สุดในโลก   เครื่องตรวจวัดนี้มีควาลับมากมายที่ซับซ้อนอีกทั้งการทำงานที่จะลดปริมาณพลังงงานที่เสียไป ร่างกายของเราน่ะจะยังคงเสียพลังงานออกไปอยู่จำนวนมาก  เอากระเพาะปัสสาวะเป็นตัวอย่าง  ในตอนที่พวกเธอเรียนรู้การเอาตัวรอด ตอนที่เธออยู่ในสภาวะที่หนาวเย็น เธอจะทนได้นานกว่า5 ชม.โดยไม่ต้องเยี่ยว  ในตอนที่เธออยู่ในที่ขาดอาหารเธอจะสามารถเก็บเยี่ยวของเธอไว้ดื่มได้ซึ่งทำให้เธอรอดไปได้อีกกว่า 48 ชม. กระเพาะปัสสาวะนั้นคือส่วนสำคัญถ้าคิดถึงชีวิตและความตายเพราะมันคือที่เก็บพลังงานจำนวนมาก  พลังงานของร่างกายนั้นจะอยู่ในตัวเราโดยที่เราไม่รู้ตัว  แม้ว่าร่างกายของเราจะป้องกันการสูญเสียของมันไปแต่มันก็ทำได้แค่ทำให้การสูญเสียนั้นช้าลงเท่านั้น   พลังงานของร่างกายสามารถเสียได้ทางอื่นด้วย  ฉันรู้ว่ามีบางสังคมที่ใช้เยี่ยวตัวเองเป็นเพื่อบำรุงสุขาพ  สิ่งแรกที่พวกนั้นทำหลังจากที่ตื่นมาคือต้องไปเยี่ยวตามมาด้วยเก็บมันและดื่มมัน พวกนั้นเชื่อว่าจะเป็นการป้องกันการเสียพลังงานจากร่างกายไป... “

ทุกคนในห้องเรียนถึงกับหมดคำพูด พวกเขาคิดว่าการกินเยี่ยวนี่น่ากลัวยิ่งกว่า Blood Clan อีกโดยเฉพาะเมื่อ มิสไดน่า เป็นคนพูดออกมา พวกนั้นตื่นเต้นพร้อมกับอุทานออกมาเสียงแปลกๆ

“ มิสไดน่า มันมีจริงรึเปล่าคนที่กินเยี่ยวเนี้ย ? “ – นักเรียนคนหนึ่งที่นั่งแถวแรกถามขึ้นมา

“ มี ! “ – มิสไดน่า ทำท่าซีเรียจ  เธอไม่ได้รู้สึกอายกับคำถามและตอบอย่างจริงๆใจ -   “ ในตอนที่พวกนั้นดื่มเยี่ยวในตอนเช้า พวกนั้นจะเชื่อว่าเยี่ยวน่ะสามารถรักษาความเด็กและสุขภาพของพวกเขาได้  จริงๆแล้วพวกนั้นเป็นคนดังและมีชีวิตยืนยาวกว่าคนธรรมดา   พวกนั้นบอกว่าเยี่ยวของเด็กและทารกน่ะคือยารักษาโรค  พวกนั้นเชื่อว่าเยี่ยวของเด็กๆนี่แหละคือพลังงานอันบริสุทธิ์ ! “ – ทั้งห้องเริ่มพูดคุยเสียงดังกันออกมมา

“ ถ้าเอาเยี่ยวเป็นตัวอย่าง ฉันอยากบอกพวกเธอว่า มีพลังงานมากแค่ไหนในร่างกายมนุษย์ที่เสียออกไปโดยไม่มีเหตุผล  ไม่มีใครรู้ว่ามันเสียไปเท่าไหร่กันแน่  ฉันรู้แค่ว่าถ้าใครสามารถเก็บพลังงานที่เสียไปในแต่ละวันไว้ได้แม้ว่าจะแค่นิดเดียว พลังงานนั้นจะถือว่ามหาศาล   นอกจากเยี่ยวแล้วยังมีทางอื่นที่จะทำให้เราเสียพลังงานไปอีก !  “

“ ทางไหน มิสไดน่า ? “

“ ฝันเปียกและการช่วยตัวเอง ! “ - มิสไดน่า ทำหน้านิ่ง  ในตอนที่คำพุดสองคำนั้นหลุดออกมาจากปากของเธอทั้งห้องก็เงียบลงอีกครั้ง  พวกนั้นมองซ้ายมองขวาด้วยสีหน้าแปลกๆ  บางคนถึงกับก้มหน้าลงไม่กล้ามองไปที่เธอเลยสักนิด   จางเทีย หันไปมองไอ้พวกหื่นขององค์กรและพพบว่าสีหน้าพวกนั้นแสดงความตื่นเต้นออกมา

ตอนนี้ไม่มีใครอ้าปากพูด   มิสไดน่า มองไปรอบๆและพูดต่อ – “ ในตอนที่สเปิร์มจากผู้ชายไปรวมกับไข่ของผู้หญิง  มันจะสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา  สเปิร์มแต่ละตัวนั้นมีพลังชีวิตที่สุดยอดที่รอคอยเกิดขึ้นมาในโลกใบนี้  เธอเคยคิดมั้ยว่ามันมีกฎอะไร ?สเปิร์มแต่ละตัวมีพลังงานชีวิตจำนวนมาก  ผู้หญิงน่ะสามารถผลิตไข่ได้แค่เดือนละฟอง ในขณะที่ผู้ชายสามารถผลิตได้เป็นร้อยล้านตัวต่อวัน  นั่นหมายความว่าร้อยล้านชีวิต ! รู้มั้ยว่าสเปิร์มเหล่านั้นมีพลังแค่ไหน ? นั่นคือสิ่งที่พวกเธอไม่เคยรู้และฉันเองก็ด้วย  สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือการบ่เพราะพลังคีของทิศตะวันตกโบราณนั้นได้คิดว่าพลังงานจากสเปิร์มนั้นคือสิ่งล้ำค่าที่ทำให้เขาแข็งแกร่งและมีอายุยืนขึ้น  นอกจากจะทำให้เด็กเกิดขึ้นมาแล้ว พวกเขาไม่คิดจะปล่อยให้สเปิร์มไหลออกมาโดยไม่มีเหตุผล  อีกทางในการเสียพลังไปคือการคิดมากไปซึ่งกินพลังงานวิญญาณจำนวนมากแต่ในยุคนี้ที่มีการบ่มเพาะที่ทรงพลังที่ซึ่งต้องใช้พลังงานชีวิตและพลังงานวิญญาณในการปลุกจุดชีพจรนั้นต้องบังคับตัวเองและใช้เทคนิคบ่มเพาะลึกลับก่อนที่จะกลายมาเป็นนักสู้ที่ทรงพลังซึ่งปกป้องคนอื่นๆได้  ถ้าพวกเธออยากเป็นคนที่แข็งแกร่ง งั้นพวกเธอก็ต้องรู้วิธีการกันไม่ให้เสียพลังงานจากตัวไป.. “ – เมื่อเห็นว่าเด็กๆยังคงคิดคำพูดของเธออยู่  มิสไดน่า ก็ยิ้มออกมา – “ เธออยากรู้มั้ยว่าฉันฝันถึงอะไร ? “

ทุกคนต่างก็มองไปที่ มิสไดน่า  ตาของ จางเทีย เองก็เป็นประกายเพราะความอยากรู้...

ด้วยสายตาเด็กๆที่มองมา มิสไดน่า ได้พูดหัวข้อที่เปลี่ยนแปลงมุมมองของชีวิตและโลกให้เด็กๆฟัง

“ ฝันของฉันคือฝันคือมีเด็กคนหนึ่งกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งรึคนที่มีความสามารถพอที่จะปกป้องมนุษย์ไว้ได้  ตอนนั้นฉันจะแต่งตัวสวยๆและไปแต่งงานกับเขา  โชคร้ายที่ฉันยังไม่เคยเจอคนแบบนั้นเลย  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงขอให้พวกเธอสัญญากับฉัน .. “ – รอยยิ้มแบบผู้ใหญ่อันยั่วยวนโผล่ขึ้นมาบนหน้าของเธอและตาอันเป็นประกายของเธอทำให้ทุกคนอึ้ง  พวกเขามองไปที่เธอที่ซึ่งสวยสง่าและไม่ได้พูดอะไรออกมา  ไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดอะไรน่าแปลกใจแบบนี้

“ คำสัญญาระหว่างฉันกับเธอคือฉันจะแต่งงานกับเธอในตอนที่เธอแข็งแกร่งพอจะปกป้องฉันได้ “

แต่งงาน...

แต่งงาน.....

คำพูดพวกนี้วนอยู่ในหัวของพวกเขาและทำให้พวกเขาช็อค  พวกเขาไม่เชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน  ตอนนั้นเองทั้งห้องก็เสียงดังขึ้นมา...

“ เธอจะสัญญากับฉันมั้ย ? “

“ ผมสัญญา !  “ – ไอ้พวกหื่นตะโกนขึ้นมาพร้อมกับทำให้หน้าต่างแทบแตก

“ ดี งั้นก็สัญญาแล้วนะ พวกเธอน่ะยังหนุ่มแต่ผู้หญิงน่ะมีความสาวที่จำกัดและไม่มีทางที่ฉันจะรอไปตลอดชีวิตได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจะบอกว่าถ้าใครได้เป็นนักสู้ Bloody-Scorpion ได้ก่อนอายุ 20 งั้นฉันจะแต่งงานกับเขา ! “

“ ดี ! “

ในตอนนั้นพวกเขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่ารักคืออะไร ซึ่งส่วนมากหลงเคลิบเคลิ้มไปกับความสวยงามของบนโลกและแรงขับเคลื่อนที่อยากเป็นผู้ใหญ่  ตอนนี้พวกหื่นต่างก็จ้องไปที่ มิสไดน่า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ  สิ่งเดียวที่พวกนี้รู้สึกได้คือเลือดอัดฉีดไปเลี้ยงไอ้จ้อนและหัวพร้อมกัน

จางเทีย เองก็ตื่นเต้นจนคำพูดนั้นก้องอยู่ในหัว --- เป็นนักสู้ Bloody-Scorpion ได้ก่อนอายุ 20....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.