หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 32: ความรู้ลึกลับ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 32: ความรู้ลึกลับ

เมื่อเห็นพวกบ้าขององค์กรพี่น้องทะยานฝันชี้มาที่เขาด้วยท่าทีไม่พอใจหลังจากหมดคาบ   จางเทีย ก็รู้ทันทีว่าพวกนี้น่ะรู้แล้วว่าเขาต้องไปเป็นกระสอบทราย   แม้ว่า จางเทีย จะไม่รู้ว่าพวกนี้น่ะรู้ได้ยังไงแต่ จางเทีย ก็รู้สึกมันได้โดยสัญชาตญาณ

หลังจากหมดคาบสองพวกเด็กหื่นก็แห่กันไปห้องน้ำและจากนั้นก็เดินออกมาคุยกันตามทางเดินในโรงเรียน  ในตอนเช้าแสงอาทิตย์ทำให้ร่างกายของคนเรารู้สึกสบาย ดังนั้นพวกนักเรียนจึงเริ่มหยอกล้อกั้นเล็กน้อย  เมื่อเห็น จางเทีย เดินเข้ามา พวกบ้านั่นก็ทำท่าหลบสายตาและมองไปที่อื่นทำท่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทุกคนดูเหมือนคนบ้าเลย เหี้ย ! จางเทีย เดาว่าพวกนี้คงแอบหัวเราะในใจอยู่แน่ๆ

“ หัวเราะไปเถอะ ไม่ต้องแกล้งทำหรอก มันคงยากที่จะมากลั้นไว้ ! “ - จางเทีย เดินผ่านและพูดขึ้นมาเบาๆ  เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกบ้านั่นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“ น้องชาย มีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นเมื่อคืนเหรอ ? บอกเราทีและทำให้เราสนุกทีซิ  ฮาฮา ... “

“ บัดซบ แกก็รู้นิว่ามีอะไรผิดปกติเมื่อวาน ทำไมแกไม่บอกฉัน ? ฉันโดนอัดจนเกือบตายแล้วเมื่อวานนี้ .. “ – จางเทีย ไปคว้าของเสื้อของ ฮิสต้า เอาไว้พร้อมทำท่าหงุดหงิด

 ฮิสต้า รีบยกมือเมื่อวาน – “ ใครบอกให้นายทำท่าเป็นกล้าหาญล่ะ ? แบกแดด น่ะเดาออกนานแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่เขาไม่คิดว่านายจะหยิ่งขนาดนั้น เขาเลยไม่ได้บอกนาย  นายจำที่นายพูดเมื่อวานได้มั้ย ? “ - ฮิสต้า เริ่มทำท่าเหมือน จางเทีย และยิ้มออกมา – “ นายก็รู้จุดอ่อนฉันดีนิว่าฉันน่ะมีจิตใจที่บอบบางและทำคนอื่นอายไม่ได้  กัปตันเคอร์ลิน ก็มาขอร้องฉันนานแล้ว  ฉันนี่ก็ดังพอตัวจริงๆ  ฉันน่ะมีข้อดีตั้งหลายอย่าง แล้วยังต้องไปอยู่กับสาวสวยๆอีกทั้งค่าจ้างยังได้เยอะด้วย นอกจากนี้ฉันยังได้เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเองอีก ...”

เมื่อคิดท่าทางตัวเองกับเสียงหัวเราะของพวกนี้ก็ทำให้ จางเทีย หน้าแดงออกมา หัวเราะทีหลังดังกว่าสินะ ! เขาน่ะทำท่าทีแบบนั้นไปการโดนล้อก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก

จางเทีย มองไปที่ แบกแดด ที่ซึ่งยักไหล่ให้ – “ กัปตัน เคอร์ลิน น่ะเป็นโค้ชที่คลับนั่น ก่อนหน้านี้เขาได้แนะนำรุ่นพี่เราให้ไปทำงานที่นั่นและให้พวกเขาไปโดนเด็กรวยๆอัดเอา “

“  ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้ ? “ - จางเทีย ถามออกมา

“ นี่ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกแต่นายแค่ไม่ได้สนใจข้อมูลเกี่ยวกับคลับนั่น  เด็กพวกนั้นน่ะมีกฎเคร่งครัดกว่าจะไปเป็นคู่ซ้อมได้  ทั้งส่วนสูงและการพัฒนาของร่างกาย  คู่ซ้อมน่ะไม่ควรเป็นผู้ใหญ่รึอายุเท่ากับเด็กพวกนั้นเพราะคงรับหมัดและลูกเตะของอีกฝ่ายไม่ได้   งานนี้น่ะเหมาะสำหรับคนแบบเรานี่แหละ   เราน่ะแก่กว่าเด็กพวกนั้นและแข็งแรงกว่าแต่เราน่ะยังไม่ได้ปลุกจุดชีพจร  มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะเอาชนะพวกนั้นได้.. “

“ อะไรนะ ? เราอัดพวกนั้นคืนไม่ได้เหรอ ? “ – ฮิสต้าถามออกมาด้วยความสงสัย

“ แน่นอนว่าไม่ ถ้าเราแข็งแกร่งกว่าพวกนั้นแล้วพวกนั้นเตะนายง่ายๆได้ยังไงล่ะ ? “

“ เราก็แค่คู่ซ้อม  ทำไมเราต้องโดนเด็กพวกนั้นอัดเอาด้วย ? “

แบกแดด ยืนกอดอกแล้วฮึดฮัดออกมา – “ นี่คือความต่างของเรากับพวกคนรวย แม้ว่าคนที่แข็งแกร่งกว่าจะได้เป็นคู่ซ้อมของพวกนั้นแต่พวกนั้นน่ะจะไม่ได้เป็นที่ต้องการ  รู้มั้ยว่าทำไม ? เพราะคนรวยพวกนั้นหวังว่าลูกของพวกมันนน่ะจะอัดเราได้ตั้งแต่ยังเด็กอยู่ พวกนั้นอยากให้ลูกของตัวเองมั่นใจ  พลังฉีของพวกนั้นน่ะจะทำให้ความมั่นใจของคู่ต่อสู้น้อยลง  พวกนั้นยังไงก็ต้องได้เปรียบ  ดังนั้นแม้ว่านายจะมีความแข็งแกร่งเทียบพวกนั้นได้แต่ยังไงก็เสียเปรียบอยู่ดี  มีรายละเอียดหลายอย่างในเรื่องนี้  นี่คือทฤษฎีลึกลับที่ฉันได้ยินมาจากคนที่อยู่ในคลับนั้น “

จางเทีย ได้ยินทฤษฎีนี้เป็นครั้งแรก เขาค่อนข้างแปลกใจกับมัน แต่เขาเองก็ยังรู้สึกว่ามันจริง นอกจากนี้ทำไมคลับถึงไม่ไปหาเด็กคนอื่นที่อายุพอๆกับเขาที่ซึ่งปลุกจุดชีพจรได้แล้ว ? มันเป็นไปได้ที่จะหาคนแบบนั้นในเมืองนี้ได้  ที่ทำให้ จางเทีย แปลกใจมากกว่าเดิมคือเรื่องนี้มีคนรู้อยู่แค่ไม่กี่คนและคนธรรมดาส่วนมากก็ไม่รู้  ความรู้อันลึกลับน่ะมีราคาแพงรวมถึงทักษะการบ่มเพาะและทักษะการต่อสู้   บอกได้เลยว่าก่อนเกิดภัยพิบัตินั้นการเรียนรู้ของคนเองก็ได้พัฒนาขึ้นไปแล้ว  บางคนเรียกมันว่า ‘ การคัดเลือกทางปัญญา ‘  โดยคนที่เรียกว่าเป็นพ่อแม่  ส่วนความรู้ด้านอื่นๆนั้นก็จะรู้กันเฉพาะกลุ่มอย่างพวกกลุ่มที่รู้เรื่องการทำงานของคริสตัล   โดยทุกวันนี้ในยุคของเหล็กดำแล้วนั้นความรู้ลึกลับส่วนมากนั้นเป็นของกลุ่มที่มีหน้าตาทางสังคมต่างๆ  สำหรับพวกมูลนิธิอื่นในยุคนนี้ ความรู้ลึกลับนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะหาได้  แม้ว่าทักษะในการใช้ลูกคิดนั้นจะไม่ได้สำคัญ  แต่ถ้าพูดกันจริงๆแล้วมันก็ยังถือว่าเป็นความรู้ลึกลับอยู่ ก่อนที่ ดอนเดอร์ จะสอนทักษะนี้กับเขา  เขาได้เตือน จางเทีย ว่าอย่าไปสอนคนอื่น  ถ้าเขาผิดข้อตกลงเอาไว้มันจะทำให้เกิดปัญหาตามมาแน่

ในยุคแบบนี้ถ้าเชี่ยวชาญทักษะลึกลับพวกนี้แล้วนั้นมันจะเป็นไปได้ที่จะทำให้คนๆนั้นรวยและมีอำนาจขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้น แน่นอนคคุณอาจจะถือว่าเป็นราชาในสายตาคนอื่นเพราะความรู้ลึกลับพวกนี้และอาจตายตอนไหนก็ได้  ความรู้ลึกลับนั้นเกี่ยวข้องกับเงินทอง  ในตอนที่คุณมีความรู้นั้นคนเดียว คุณจะทำกำไรจากมันได้จำนวนมาก  กฎลึกลับนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้ในตอนก่อนเกิดภัยพิบัติก็ตาม

“ รีบลาออกซะ นายอาจจะบอบช้ำทางจิตใจ ถ้ายังโดนเด็กพวกนั้นอัดเอา  จากนั้นมันคงยากที่นายจะได้เป็นคนมีอำนาจ !  “ – แบกแดด พูดออกมาด้วยความจริงใจ

“ ฉันละลองไปคิดดูแต่ฉันต้องทำงาน 600 ชม.ก่อน... “ - จางเทีย พูดเรื่องสัญญาและแสดงสีหน้าเศร้าออกมา  ค่าฉีกสัญญากว่า 10 ทองทำให้ทุกคนเงียบไปในทันที

“ ความรู้ลึกลับนี่มันบ้าอะไรวะ ? ! มันเทียบ Iron Body Fruit ได้รึเปล่า ? “ – แค่ดูจากชื่อเขาก็รู้ว่ามันต้องดีมากแน่ๆแต่เขาจำเป็นต้องโดนเด็กพวกนั้นอัดก่อนจะได้ผลไม้นี่มา   พวกนั้นยอมจ่างเงินเพื่อช่วยให้ฉันได้ Iron Body Fruit มา ! จางเทีย ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดเลยสักนิด

ในตอนที่ จางเทีย กรอกตาและวางแผนจะอวดเรื่อง แมรี่ ที่ชมเขาให้พวกบ้านี่ฟังทั้งห้องโถงก็เงียบขึ้นมา   จางเทีย หันกลับไปดูและพบว่า มิสไดน่า กำลังจะเดินเข้ามาพร้อมกับหอยทากในมือ พวกเขาจ้องเธอกันสักพักก่อนจะมองหน้ากันแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องเพื่อแย่งที่นั่งด้านหน้าใกล้ๆ มิสไดน่า

ในโรงเรียนนี้ถ้ามันเป็นคาบที่เธอสอน พวกหื่นทุกคนจะมีแรงกระตุ้นในการเข้าเรียนก่อนออดจะดังซะอีก  ที่นั่งที่ดีที่สุดคือแถวแรกโดยตอนนี้มี เกรซ และลูกน้องของมันจองเอาไว้  ในทางกลับกันองค์กรทะยานฝันได้แค่ที่แถวกลางๆเท่านั้นซึ่งถือว่าไม่ได้ดีรึแย่อะไร

เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามาในห้องแล้ว มิสไดน่า ได้เริ่มสอนทันที  เธอหยิบชอล์คขึ้นมาและเขียนคำสองคำลงบนกระดาน

---- Blood Clan!

มิสไดน่า มองไปที่เด็กๆ ในตอนนั้นเองพวกหื่นก็นั่งหลังตรงแสดงสีหน้าเคร่งเครียดและเหมือนอยากเรียนกันเต็มที่

“ นักเรียนที่รัก วันนี้ฉันจะมาพูดเรื่อง Blood Clan , Blood Clan นั้นในยุคเรานั้นต่างจากก่อนเกิดภัยพิบัติ  ก็อย่างที่เคยอธิบายเอาไว้ในงานของฉันและตำนานต่างๆ  คนๆหนึ่งก่อนเกิดภัยพิบัติที่ซึ่งเป็นแวมพ์ไพร์นั้นสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นค้างคาวได้แต่พวกนั้นไม่ได้มีอยู่จริง    Blood Clan ในยุคเรานั้นหมายถึงพวกกลายพันธุ์ที่ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตป่าเถื่อนและเป็นเอเลี่ยนที่เกิดหลังจากภัยพิบัติ   สองอย่างนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง   Blood Clan ที่เราจะพูดถึงนั้นมีดังนี้  อย่างแรกเลยคือหน้าตาของพวกมัน พวกมันจะมีตัวสีแดงหมดเหมือนกับตัวโชกเลือด และสามารถเห็นได้ง่ายในป่า   อย่างที่สองพวกมันชอบเลือดสดๆ  พวกมันคือนักฆ่าที่อันตรายที่สุดในป่า  สัตว์ตัวไหนที่มีเลือดจะถือว่าเป็นอาหารสำหรับมัน  อย่างที่สามสัตว์ทุกตัวของ Blood Clan นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหลังจากที่กลายพันธุ์  ถ้าพวกมันกลายพันธุ์แล้วพวกมันจะพัฒนาความสามารถแปลกๆที่ซึ่งทำให้มันอันตรายยิ่งกว่าเดิม  ตอนนี้มาเอาหอยทากเลือดไปดูเป็นตัวอย่าง  หอยทากเลือดนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วไปใน Blood Clan   ฉันจะสอนเรื่องวิธีการรับมือมันถ้าเราไปเจอมันในป่า... “

เมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอพร้อมกับเสียงที่หวานนุ่ม จางเทีย ก็ถึงกับลืมหายใจ  อันที่จริงพวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องที่เธอพูดเลยด้วยซ้ำ  คนส่วนมากนั้นแค่มาเห็นเธอและได้ยินเสียงเธอก็พอใจแล้ว

มีเรื่องแย่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งที่ทำให้ มิสไดน่า โกรธ  ดังนั้นกฎเลยมีกฎแปลกมากๆตั้งขึ้นมา  กฎที่ถือว่าแปลกที่สุดในโรงเรียนของเมืองนี้  นักเรียนทุกคนในคาบของเธอต้องวางมือให้เห็น  ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอกวดตามองเด็กพวกนี้ พวกนี้จะนั่งหลังตรงอย่างกับเด็กที่โดนสอนมาดี  ด้วยการที่เอามือวางไว้บนโต๊ะนั้นทำให้พวกนี้ดูเหมือนอยากเรียน   หลังจากนั้นสักพักจะมีเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นมาตลอด   นอกจากเสียงนั้นแล้วยังมีเสียงเคาะโต๊ะนี่น่าจะเกิดจากไอ้จ้อนมาโขกโต๊ะแต่แม้ว่าจะมีเสียงนั้น มิสไดน่า ก็ยังทำให้ จางเทีย รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เธอสอนได้ อย่างเช่นตอนนี้....

มิสไดน่า นั้นสวมกระโปรงสั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเธอเผยให้เห็นขาที่ขาวของเธอ  เสื้อของเธอกดหน้าอกอันใหญ่โตของเธอไว้ไม่อยู่ ในตอนนั้นความคิดของเขาเหมือนกับมีแค่ จางเทีย กับเธออยู่แค่ในห้องและเธอก็ได้เรียกเขาเข้าไปหาก่อนจะกดหัวเขาลงให้สูดดมกลิ่นตรงหน้าอกของเธอ จากนั้นเธอก็ยิ้มให้กับเขา  ก่อนที่เขาจะขาดอากาศหายใจไปเธอได้ผลักเขาออกและก่อนที่หยิบท่อขึ้นมาเป่าฟองน้ำสีชมพูออกมาทีละลูกๆและระเบิดใส่หน้า จางเทีย .....

“ ที่รัก คุณอยากลองมั้ย ? “ – มิสไดน่า ยิ้มออกมาอย่างยั่วยวนและยื่นนิ้วมาให้ จางเทีย ....

 

……

“ ผมเอา ! “  - จางเทีย ยืนขึ้นซึ่งทำให้เพื่อนในองค์กรตกใจ  นี่มันก็เหมือนหมดคาบแล้วตอนที่ มิสไดน่า ถามว่าใครมีคำถามรึเปล่า  ท่าทีของ จางเทีย เกือบทำให้คนที่อยู่ข้างช็อค

ในเสี้ยววินาทีทุกคนก็มองมาที่เขา ผลก็คือเขารู้สึกร้อนไปทั่วตัว  เกรซ  ที่นั่งอยู่แถวหน้าก็หันกลับมามองเขาด้วยสายตาดูถูก  เกรซ นั้นเตรียมคำถามไว้สองอย่างและทำท่าว่าเป็นเด็กขยันเพื่อจะได้คุยกับ มิสไดน่า สักพักแต่ก่อนที่เขาจะได้ยืนขึ้นเสียงของ จางเทีย ก็ชิงโอกาสเขาไปซะแล้ว  ในตอนที่ จางเทีย ยืนและตะโกนขึ้นมา เขาก็หงุดหงิดขึ้นมาและหันหลังกลับไปมองจน จางเทีย เหงื่อตกไปทั่วทั้งตัว

“ เธอน่ะ มีคำถามอะไรเหรอ ? “ – มิสไดน่า ถามด้วยท่าทีจริงจัง

ขอบคุณที่ จางเทีย น่ะฉลาด  เกือบทุกครั้งเขามักจะคิดคำถามที่เกี่ยวกับบทเรียนได้

“ มิสไดน่า ผมจำได้เกือบทุกอย่างที่ครูสอนในห้องแต่ผมมีคำถามเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอื่น  ผมอยากรู้ว่าคุณจะตอบมันได้มั้ย !  “ – จางเทีย คิดคำถามขึ้นมา...

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.