หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 305: การทดสอบครั้งที่ 5 หุบเขาแห่งภินทนาการ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

บทที่ 305: การทดสอบครั้งที่ 5 หุบเขาแห่งภินทนาการ

 

มหาสมุทรวิญญาณของเจี้ยงเฉินเพิ่งได้รับการชำระล้างด้วยพลังคลื่นอันมากมายและกลายเป็นสีรุ้งที่สวยงามและน่าประทับใจเหมือนสายรุ้งหลังฝนตก

 

"... นี่เป็นเสน่ห์ของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีรึ ? " เจี้ยงเฉินรู้สึกถึงจิตวิญญาณและพลังของมหาสมุทรวิญญาณของเขาและเขารู้สึกว่ามันเป็นตัวเป็นตน เป็นพลังชีวิตที่ไม่มีวันสิ้นสุด

 

เมื่อเทียบกับอาณาจักรจิตวิญญาณระดับแรกเริ่มก่อนหน้านี้ มันมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

วัม,วัม,วัม.

 

เจี้ยงเฉินหมุนเวียนมหาสมุทรวิญญาณของเขาและรู้สึกถึงพลังอันลึกซึ้งของทั้งฟ้าร้องและลมในมหาสมุทรวิญญาณ

 

ดูเหมือนว่าระดับมหาสมุทรวิญญาณของผู้ฝึกฝนปราณจิตวิญญาณปฐพีแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง !

 

เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าพลังมหาสมุทรวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรืออาจจะ 3 เท่าที่เคยเป็นมา

 

เขารู้สึกได้ถึงพลังที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและพลังชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งไหลพล่านไปทั่วร่างของเขา ราวกับว่าสัตว์ร้ายได้ตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ต้องการระเบิดออกจากพันธนาการที่ถูกคุมขัง

 

เยี่ยม เยี่ยมมาก การตัดผ่านในระหว่างการสู้รบนี้ควรกวาดล้างความอับอายทั้งหมดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ! " เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าคลื่นแห่งความเป็นวีรบุรุษเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเขารู้สึกถึงแรงที่เพิ่มขึ้น

 

เขาใช้ทักษะตราซ่อนเร้นและปล่อยตราประทับออกมา

 

ปัง ปัง !

 

ตราประทับนี้เต็มไปด้วยลมหายใจของมังกรและเสียงคำรามของพยัคฆ์ มันสั่นด้วยพลังวิญญาณทำให้ผู้อื่นรู้สึกหดหู่ผ่านทางอากาศ

 

อาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีได้นำเจี้ยงเฉินไปสู่การก้าวกระโดดที่เห็นได้ชัดในคุณภาพของมหาสมุทรจิตวิญญาณของเขา

 

ปัง !

 

โกเลมเดินถอยหลัง 2-3 ก้าวเมื่อโดนตราประทับนั้นจู่โจม

 

เจียงเฉินอยู่ในธาตุของเขาคล้ายกับเป็ดที่กำลังลอยอยู่เหนือน้ำ แรงบันดาลใจมหาศาลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในใจของเขา ขณะเดียวกันความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะ "ตราซ่อนเร้นของชีวิตและความตาย" ก็ยกระดับขึ้นมาอีกขั้น เขาส่งพลังที่แข็งแรงและไร้ขีดจำกัดเหมือนม้าลอยฟ้าทะยานข้ามฟากฟ้า การประทับตราแต่ละครั้งก็เหมือนกับการปัดด้วยมือเปล่า เป็นจังหวะธรรมชาติ

 

เจี้ยงเฉินจัดการกับการเคลื่อนไหวทั้งหมดอย่างกระฉับกระเฉง ดั่งกับว่าเขามีพลังอมตะจากอาณาจักรอื่นอันบริสุทธิ์และไม่มีตัวตน แต่เป็นที่ประทับใจในฉากอันกว้างใหญ่ของธรรมชาติใต้ฟ้า

 

ทักษะ"ตราซ่อนเร้นของชีวิตและความตาย" คลอบคลุมทุกอย่างใต้ฟ้าสวรรค์ไว้ และตราประทับถูกสร้างขึ้นจากหัวใจผ่านความเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างของโลก

 

ตราประทับก็ดูเหมือนจะเป็นเทือกเขาโบราณเก่าแก่ที่ปราบปรามอสูรและความชั่วร้าย

 

ตราประทับนั้นดูเหมือนจะเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่โกรธแค้นโลกพร้อมที่จะกลืนกินมัน

 

ทันใดนั้นกลายเป็นมังกรทะยานผ่านฟ้าชั้นเก้า และจากนั้นกลายเป็นเสือที่คำรามไปตามภูเขา

 

สักครู่หนึ่งมันเหมือนเสียงฟ้าคำราม และอีกสักครู่มันก็ดูเหมือนแสงสีฟ้าของขั้วโลกเหนือ

 

ตราซ่อนเร้นของชีวิตและความตายเต็มไปด้วยแสงสว่างอันกว้างใหญ่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในจักรวาลอย่างฉับพลัน แสดงให้เห็นว่าเจี้ยงเฉินได้ใช้ตราประทับถึงระดับตำนานสมบูรณ์แบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

พลังที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ก็เพิ่มขึ้น 2-3 เท่านับตั้งแต่เจี้ยงเฉินได้ตัดผ่านสู่อาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพี

 

เนื่องจากมีกองกำลังควบคุมจากสนามแรงแม่เหล็ก โกเลมต้องจมลงทนทุกข์ ถูกทุบตีในช่วงเวลาพริบตา

 

สถานการณ์นี้เป็นเหมือนกับว่าโกเลมคือเครื่องมือการฝึกซ้อมของเจี้ยงเฉิน และมันมีอยู่เพื่อให้เจี้ยงเฉินทุบตีมันเท่านั้น

 

ตราประทับจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดเข้าใส่โกเลม แม้ว่าวัสดุที่สร้างมันขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ทนทานขั้นสุดยอดและมีความสามารถในการป้องกันได้อย่างน่าอัศจรรย์อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับการโจมตีที่ทำลายล้างนี้ได้

 

ปัง !

 

การประทับตราครั้งสุดท้ายได้พุ่งชนเข้ากับโกเลมราวกับการระเบิดของฟ้าร้องและลม ทำลายโกเลมได้อย่างสมบูรณ์

 

เจียงเฉินค่อย ๆ ถอยตัวและมองลงมาที่ซากศพของโกเล้มบนพื้นดิน และคิดว่าตัวเองโชคดี

 

ในการคำนวณของเขาเอง มันเกือบจะถึงสิบวันแล้ว ถ้าเขาไม่ได้รับการชี้ขาดในวินาทีสุดท้าย และประสบความสำเร็จในการตัดผ่านระดับปราณจิตวิญญาณที่เป็นรูปธรรม เขาจะไม่มีความหวังในการทำลายโกเลมนี้เลย

 

ความสุขในการตัดผ่านเข้าสู่อาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีและการผ่านการทดสอบในวินาทีสุดท้ายทำให้เจี้ยงเฉินมีความสุขถึงสองเรื่องในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ได้รับผลประโยชน์มากมาย

 

เมื่อเขาเปิดประตูออกมา ดวงตาหลายคู่ก็จดจ่ออยู่กับเขาในเวลาเดียวกัน

 

"ให้ตายซิ? เขา ... เขาออกมาแล้ว? "

 

"นี่ ... นี่หมายความว่าเขาเอาชนะโกเลม?"

 

"เวลายังไม่หมดไม่ใช่รึ? โกเลมจะหยุดเมื่อเวลาหมดลง โกเลมยังไม่หยุด แล้วเขาออกมาทำอะไรตรงนี้ ? "

 

"มันเป็นไปได้มั้ยว่าเขาโค่นโกเลมได้จริง ๆ?"

 

ตามกฎ ประตูห้องลับจะไม่เปิดก่อนที่โกเลมจะพ่ายแพ้ เมื่อเวลาสิ้นสุดลง โกเลมจะหยุดและประตูจะถูกเปิดออก

 

อย่างไรก็ตามยังมีเวลาอีก 2 เค่อจนกว่าจะถึงกำหนดเวลาสุดท้าย ตามหลักเกณฑ์ โกเลมยังไม่ควรหยุดโจมตี

 

ประตูจะไม่เปิด ถ้าโกเลมไม่ได้หยุดชะงัก

 

สมองของผู้ควบคุมทุกคนตื่นตกใจ พวกเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง

 

"โกเลมจะไม่หยุดโจมตีก่อนที่เวลาจะหมดลง ซึ่งหมายความว่าผู้ฝึกฝนคนนี้ผ่านระดับที่ 10 ที่ยากที่สุดจริง ๆ หรือ? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร "

 

"หึหึ เขาคือชายพิลึกผู้มีหัวใจดั่งภูผาสินะ อัจฉริยะที่แท้จริง ! เราบอกว่า 3 คนผ่านระดับความยากลำบากที่ 8 ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกกำหนดให้เป็นฉากหลังสำหรับอัจฉริยะคนนี้ อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดจะต้องเหยียบย่ำร่างของผู้อื่นจนกลายเป็นดาวที่สุกใสที่สุดในท้องฟ้า ! "

 

"นี่เป็นระดับที่ 10 ที่ยากที่สุด! ชายพิลึกผู้มีหัวใจดั่งภูผาไม่เพียงแต่มีความแข็งแกร่งด้านหัวใจและพรสวรรค์พิเศษ แต่ความสามารถในการต่อสู้ในทางปฏิบัติของเขาอยู่ในระดับที่น่ากลัวเช่นนั้น ! พลังของเขาเทียบเท่ากับจุดสูงสุดของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่ 5 ระดับการฝึกของชายหนุ่มคนนี้จะอยู่ในระดับนี้แล้วหรือ? "

 

"ข้าเคยคิดว่าคำพูดทั้งหมดที่บอกว่าเขามีสิทธิ์ที่จะท้าทายอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของสี่นิกายที่ยิ่งใหญ่คือการพูดเกินความจริง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ "

 

"อันที่จริง อย่าลืมว่าการคัดเลือกรอบ 2 ใช้เวลาถึง 3 ปี ถ้าเวลานี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีแล้ว อัจฉริยะคนนี้ก็จะลอยขึ้นสู่สวรรค์ "

 

"ข้าไม่สงสัยเลยว่าอัจฉริยะคนนี้จะไม่น้อยหน้าไปกว่าอัจฉริยะของนิกาย มันเป็นความสงสารที่เขาไม่เคยถูกค้นพบโดยนิกายมาก่อน ถ้าเขาได้อยู่ในจุดเริ่มต้นเดียวกันกับอัจฉริยะของนิกาย เขาอาจจะเป็นคนแรกที่ประสบความสำเร็จในหมู่คนรุ่นใหม่ในขณะนี้ ! "

 

คำชมเชยของแต่ละคนเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

 

แน่นอนว่าพวกเขาไม่คิดว่าการสรรเสริญของพวกเขานั้นสูงเกินไป สำหรับอัจฉริยะสามัญที่มาถึงระดับนี้ พวกเขาตระหนักดีว่ามันหมายความว่าอะไร

 

ถ้าอัจฉริยะดังกล่าวได้รับทรัพยากรที่เต็มรูปแบบของนิกายตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว เขาก็จะอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกับอัจฉริยะของนิกายทุกคน

 

ผู้ควบคุมไม่กล้าแสดงท่าทียโสตอนที่เขารับเหรียญเข้าร่วมของเจี้ยงเฉิน

 

ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผู้ควบคุมทุกคนต่างรู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้ถูกลิขิตให้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้

 

ในฐานะเขาเป็นผู้ควบคุม เขาควรปฎิบัติตัวต่ออัจริยะคนนี้เป็นอย่างดี

 

ทั้งสามคนที่ผ่านระดับความยากลำบากในระดับที่ 8 ต่างรู้สึกหดหู่ใจอย่างลับ ๆ เมื่อได้เห็นเจี้ยงเฉินเดินออกจากห้องลับ

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดต้องชื่นชมเขาเช่นกัน ความสามารถแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังจ้องมองที่ภูเขาสูง

 

หลังจากบันทึกผลตะแนน ผู้ควบคุมได้ส่งเหรียญเข้าร่วมคืนด้วยรอยยิ้มกว้าง "ขอแสดงความยินดี เจ้าผ่านระดับความยากที่ 10 ได้ เจ้าได้เปิดตาของเราอย่างแท้จริง เจ้าเป็นคนแรกในหมู่สาวกสามัญ และตำแหน่งของเจ้าก็ไม่มีใครเทียบได้ "

 

นี่ไม่ใช่แค่การชมเชย มันเป็นการยกยอปอปั้นอย่างเจตนา

 

เจี้ยงเฉินยิ้มขณะที่เขารับเหรียญ พลางกล่าวว่า "ชายผู้นี้ไม่สมควรได้รับคำชมจากท่านขนาดนี้หรอกขอรับ"

 

หลังจากที่เจี้ยงเฉินโผล่ออกมาจากห้องลับ ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าการทดสอบครั้งที่ 4 กำลังจะสิ้นสุดลง

 

สิ่งที่ตามมาก็คือช่วงเวลาที่ตึงเครียดในการจัดอันดับ แน่นอนว่าไม่มีข้อสงสัยใด เกี่ยวกับผู้ที่ได้อันดับสูง

 

8,000 อันดับแรกได้รับการจัดอันดับอย่างรวดเร็ว

 

ผู้ที่อได้อันดับต่ำกว่า 8,000 อันดับแรก  ถูกส่งออกไปจากดินแดนดั้งเดิมโบราณ ผู้ชนะได้ชัยชนะและผู้แพ้ถูกทิ้ง นั่นคือความจริงที่โหดร้ายของการคัดเลือกนี้ โดยไม่มีที่ว่างสำหรับความสัมพันธ์ส่วนบุคคล

 

คนที่ยังคงอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ติดอันดับด้านล่าง ๆ ต่างสูดหายใจเงียบ ๆ ด้วยความโล่งอก

 

อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ว่าการแข่งขันจะยิ่งสาหัสกว่าเดิมในการท้าทายที่เหลือ

 

นิกายจะเลือก 3,000 คนในท้ายที่สุด นั่นหมายความว่า 5,000 คนจะต้องออกจากกลุ่มของพวกเขาถูกกำหนดให้เดินผ่านประตูของนิกาย

 

อย่างไรก็ตามหากผู้ที่ถูกคัดออกมีผลการปฏิบัติงานที่น่าทึ่งในการทดสอบครั้งที่ 2 พวกเขาก็ยังคงได้รับความสนใจเป็นพิเศษในการก้าวไปข้างหน้าและยังมีประกายแห่งความหวัง

 

"ทุกคน การทดสอบสี่ในห้าครั้งผ่านไปแล้ว พวกเจ้าทั้ง 8,000 คนโชคดีมากที่ได้เข้าร่วมการทดสอบครั้งที่ 5 ข้าจะบอกพวกเจ้าในตอนนี้เลยว่าจะไม่มีใครถูกตัดสิทธิ์ในการทดสอบครั้งที่ 5 "

 

"จริงหรือ? จะไม่มีใครจะถูกตัดสิทธิ์? "

 

"ไม่มีใครถูกกำจัดในการทดสอบครั้งที่ 5 ? นั่นหมายความว่าเราทุกคนมีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่สี่นิกายและได้รับเกียรติอันไม่มีขอบเขตของการเป็นสาวกนิกาย? "

 

ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจเมื่อได้ยินว่าไม่มีใครจะถูกคัดออกในการทดสอบครั้งที่ 5

 

"อย่าตื่นเต้นให้มาก มันเร็วเกินไป มีเพียง 3,000 คนที่จะได้เข้าร่วมนิกาย ความจริงที่ว่าไม่มีใครถูกคัดออกในการทดสอบครั้งที่ 5 ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าทุกคนได้เข้าร่วมในสี่นิกาย การทดสอบครั้งที่ 5 เป็นการทดสอบโชคลาภ บุญวาสนาและโชคเป็นสิ่งล้ำค่าและลึกลับ ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม บุญวาสนาและโชคก็มีอยู่จริงในเส้นทางของเต๋าศิลปะการต่อสู้ ยิ่งมีความเข้าใจมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอยู่จริงมากเท่านั้น

 

"ในการทดสอบครั้งนี้ เจ้าจะเข้าสู่สถานที่ที่เรียกว่า 'หุบเขาแห่งภินทนาการ เป็นเวลา 10 วัน ในการทดสอบครั้งนี้ ทุกคนจะเผชิญหน้ากับความท้าทาย ความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกนาที ชีวิตของเจ้าจะเป็นจริงในการทดสอบครั้งนี้ ถ้าเจ้ามีบุญวาสนาและโชคลาภที่มั่นคง ดาวนำโชคอาจเปล่งปลั่งประกายส่องแสงให้เจ้าและเจ้าอาจได้รับสมบัติจากการดัดมันลงมา หากเจ้าไม่มีโชคดี เจ้าอาจประสบปัญหาทุก ๆ 3 ก้าวและเจอภัยพิบัติในทุก ๆ 5 ก้าว เจ้าอาจทำให้ข้อเท้าแพลงตอนที่เจ้าเดินและสำลักเมื่อเจ้าดื่มน้ำ ... "

 

เจี้ยงเฉินเป็นผู้ศรัทธาในบุญวาสนาและโชคลาภ

 

ในความเข้าใจเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านมา เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับชะตากรรมและกฎสวรรค์ นอกจากนี้เขายังรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาสามัญหรือจักรพรรดิสวรรค์ ไม่มีใครสามารถหนีการรับผลกระทบจากโชคชะตาได้

 

"ข้าเป็นลูกชายของจักรพรรดิสวรรค์เมื่อตอนที่ข้าเกิดมา จึงต้องบอกว่าบุญวาสนาของข้าค่อนข้างดีมาก อย่างไรก็ตาม เส้นชีพจรของข้าง่อยตั้งแต่เกิดและข้าไม่สามารถฝึกได้ นั่นหมายความว่าข้ามีบุญวาสนาแต่ไม่มีโชคลาภ ด้วยการกลับชาติมาเกิดนี้ไม่ต้องคำนึงถึงโชคชะตาและโชคลาภ อย่างน้อยข้าก็สามารถฝึกฝนได้ อย่างน้อยข้าดึงโชคชะตาให้อยู่ในกำมือ ถ้าข้าได้รับพรด้วยโชคดีและโชคลาภเช่นกัน มันก็จะทำให้ความสมบูรณ์แบบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ถ้าข้าขาดสิ่งนี้ในชีวิตนี้ ข้าจะใช้พลังและความสามารถของข้าเพื่อเอาชนะโชคชะตานี้ สุภาษิตโบราณมีอยู่ว่า ความตั้งใจเป็นของมนุษย์ไม่ใช่สวรรค์ตัดสิน และโลกนี้กำหนดโดยมนุษย์ โชคชะตามีอยู่ มันไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ ในการดำเนินการตามกฎสวรรค์ความโชคร้ายที่ต่ำต้อยที่สุดจะมีเส้นสีเงิน และโชคดีที่สุดจะมีข้อบกพร่องอยู่เสมอ ข้าได้รับบงกชอัคนีเหมันต์และภูเขาแม่เหล็กสีทอง ใครบอกว่าข้าไม่มีโชค? มันอาจจะเห็นได้ไม่ชัด แต่ถ้าคนอื่นได้รับสิ่งนี้แล้ว พวกเขาอาจจะไม่สามารถเป็นเจ้าของมันได้ จึงสามารถมองเห็นได้ว่าโอกาสจะได้รับเฉพาะกับผู้ที่เตรียมตัวไว้ "

 

ความคิดของเจี้ยงเฉินชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเขาไตร่ตรองเรื่องนี้ "ข้าเชื่อในชะตากรรมและโชคลาภ แต่ข้าไม่สามารถสูญเสียความเป็นตัวเองได้ในเรื่องนี้ ในท้ายที่สุดโชคชะตาจะถูกเก็บไว้ในมือของตัวเราเอง "

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.