spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 195 จิตใต้สำนึก
หวังซีซีไม่อาจจะหยุดร้องไห้ได้เมื่อมาถึงข้างกายลู่หยวน เธอเห็นว่าเขากำลังทรมานมากแค่ไหน และมันทำให้เธอแทบจะขาดใจ ลู่หยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตัวของเขาร้อนราวกับจะเดือดเป็นไอได้และเป็นสีชมพูพร้อมมีกลิ่นเลือดรุนแรง เลือดภายในร่างของเขาไหลเวียนเร็วมาก เป็นสาเหตุให้เส้นเลือดฝอยมากมายแตกและเลือดมาจับตัวกันอยู่ใต้ผิวหนัง
ลู่หยวนฝืนยิ้มเมื่อเห็นหวังซีซีพุ่งเข้ามาหาเขา เขาพ่นเลือดออกมาแล้วพูดว่า “ไม่......ต้องห่วง......พี่......ไม่เป็นไร”
“ช่วยพยุงหน่อย” ลู่หยวนพูด
เขาจะไม่เป็นไรได้ยังไงในเมื่อเห็นอยู่ชัดๆว่าเขากำลังเจ็บปวดทรมาน? หวังซีซียิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีก เธอรีบเช็ดน้ำตาออกโดยเร็วแล้วพูดว่า “ฮืออออออ......พี่อย่าขยับซิ”
จากนั้นเธอก็นั่งลงกับพื้นและยกหัวของลู่หยวนขึ้นมาวางที่ตัก เขาไม่เป็นไรจริงๆ เขาแค่เหนื่อยเกินไปจากการใช้พลังมากไปก็เท่านั้น ที่เขากระอักเลือดออกมาก็เนื่องจากการบาดเจ็บภายใน ร่างกายของเขาปวดอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อตึงเปรี๊ยะ อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บเช่นนั้นก็ไม่ได้หนักหนาสำหรับเขามากนัก เขาจะฟื้นตัวได้ในไม่กี่วันโดยไม่ต้องรับการรักษาใดๆ
1 นาทีต่อมา ร่างกายของเขาฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งและบ้วนเลือดที่คั่งค้างอยู่ในปอดออกมาอีกครั้ง เขาไม่คุ้นเคยกับการถูกเด็กหญิงตัวเล็กๆกอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กหญิงที่เริ่มมีหน้าอกแล้ว หน้าอกของเธอปิดหน้าเขา ขณะที่ตัวของเธอกำลังสั่นด้วยความตกใจกลัว ลู่หยวนพบว่าอารมณ์ของเขาถูกปลุกขึ้นมา
“นอนลงเถอะค่ะ นะ” หวังซีซีพูดเมื่อเห็นลู่หยวนพยายามอย่างหนักที่จะลุกขึ้น เธอลืมใช้มือช่วยพยุงเขา และยังคงร้องไห้จากฝันร้ายที่พวกเขาเพิ่งเจอมา ลู่หยวนมองหวังซีซีแล้วรู้สึกว่าการกระทำของเธอทั้งน่ารักและน่าขำ แถมเรื่องที่เธอรีบวิ่งเข้ามาหาเขาโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองก็ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น
เขาพูดว่า “พี่ไม่เป็นไร ไม่ได้เจ็บ แค่เหนื่อยมากเท่านั้น ไปกันเถอะ เราต้องไปจากที่นี่ ช่วยพี่หน่อย”
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย งูยักษ์ยังพยายามโจมตีอยู่แม้จะดูเหมือนว่ามันกำลังจะตายในไม่ช้า ต้นไม้ส่วนใหญ่แตกหักเสียหาย สิ่งก่อสร้างที่อยู่ใกล้ๆก็ถล่มลงมาด้วย ก้อนหินยักษ์สองสามก้อนที่หนักหลายตันผ่านหัวลู่หยวนไป ถ้าถูกก้อนหินพวกนี้กระแทกเข้าตรงๆล่ะก็ซี้แหงแก๋แน่นอน แน่ล่ะว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นไม่สูงขนาดนั้น แต่ถ้าหินพวกนั้นตกลงมาเหมือนห่าฝนล่ะก็ มันก็จะสามารถทำอันตรายพวกเขาได้จริงๆ ก่อนหน้านี้ลู่หยวนก็ถูกก้อนหินเล็กๆสองสามก้อนกระแทกเอา โชคดีที่หินพวกนั้นไม่แรงพอที่จะทำร้ายลู่หยวนที่แข็งแกร่งได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงตายไปแล้ว
ถึงแม้หวังซีซีจะยังตกใจกลัวอยู่ เธอก็ยังฟังคำสั่งเขาได้ เธอเช็ดน้ำตาและช่วยพยุงลู่หยวนให้ลุกขึ้นยืน และยังใช้พลังจิตของเธอปกป้องเขาด้วย ลู่หยวนพยายามลุกขึ้นจากพื้นด้วยความช่วยเหลือของเธอ ครั้งนี้เขาใช้พลังมากเกินไปและกล้ามเนื้อของเขาก็ปวดอย่างที่สุด เขารู้สึกเหมือนแขนขาเป็นอัมพาต อาการบาดเจ็บของลู่หยวนดูหนักกว่าที่เขาได้รับมาในการต่อสู้ครั้งที่แล้ว เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้พลังจิตจะช่วยให้เขาฟื้นสภาพได้อย่างรวดเร็วอีกหรือไม่ และนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะทำการรักษา
เขายิ้มอย่างเจ็บปวดและเดินไปช้าๆ หลังก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ลู่หยวนก็ต้องประหลาดใจที่มีคนวิ่งมาทางเขา ซึ่งก็คือผู้บัญชาการเซี่ยและทหารอีกสองสามนาย บางคนถือชุดปฐมพยาบาลกับเสื้อกันกระสุนมาด้วย
ตลอดทางที่วิ่งมา ทหารบางคนโดนก้อนหินกระแทกล้มลงกับพื้น พวกเขารีบลุกขึ้นมาและวิ่งต่อไป โชคร้ายที่ทหารคนหนึ่งถูกหินก้อนใหญ่กระแทกใส่ขณะที่วิ่งมา เขาล้มลงบนพื้นและเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครหยุดตรวจสอบเลย ทุกคนมัวแต่วิ่งหนีเอาตัวรอด
“ให้เราแบกเขาไปเอง” ผู้บัญชาการเซี่ยกับทหารอีกสามนายวิ่งเข้ามาถึงและพูดกับหวังซีซีที่กำลังหอบ ทั้งสี่คนเป็นทหารที่รอดชีวิตจากการต่อสู้
ลู่หยวนดูเหนื่อยมากจริงๆ และยังมีบาดแผลจำนวนมากอยู่ทั่วร่างกาย เขาประหลาดใจและซาบซึ้งกับการกระทำของพวกทหาร ต่อให้พวกทหารไม่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือใดๆให้หรือแค่มองดูเขาเดินอยู่เฉยๆก็ตาม เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนัก ถึงอย่างไรเขาก็ฆ่างูยักษ์ตัวนั้นเพื่อช่วยตัวเองมากกว่าจะช่วยพวกเขา และถ้าทำได้เขาก็จะหนีไป ลู่หยวนจะช่วยก็ต่อเมื่อช่วยได้ แต่เขาจะไม่เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงนับถือคนที่ยินดีจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยผู้อื่น
“คุณ พวกคุณ......” ลู่หยวนหายใจเข้าลึก เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
“คุณช่วยชีวิตพวกเรา เสี่ยงแค่นี้เทียบไม่ได้กับสิ่งที่คุณทำให้พวกเราหรอก” ทหารคนหนึ่งพูดกับลู่หยวน
“เราต้องไปจากที่นี่กันก่อน” ผู้บัญชาการเซี่ยเร่งพวกเขา
ลู่หยวนรู้สึกผิดและพยักหน้า เขาพูดกับหวังซีซีว่า “ซีซี ช่วยระวังพวกก้อนหินที่พุ่งมาให้ด้วย”
พลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของเธอใช้ปกป้องพวกเขาจากก้อนหินได้อย่างไร้ที่ติตราบใดที่แรงเหวี่ยงของมันไม่มากเกินไป หวังซีซีพยักหน้า พวกทหารแบกลู่หยวนวิ่งตรงไปยังพื้นที่ปลอดภัย ลู่หยวนรีบพักผ่อนและหวังว่าเขาจะฟื้นตัวได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขารู้ว่าเขาสามารถเพ่งสมาธิรวบรวมพลังจิตได้แล้ว มันเรียบง่ายเหมือนกับการดื่มน้ำซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีและทำให้เขาเพ่งสมาธิไปที่การรักษาได้
ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นแค่อาการบาดเจ็บเล็กๆที่อวัยวะภายในและกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่เขาเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง กล้ามเนื้อของเขาฉีกขาดและเส้นเลือดฝอยจำนวนมากก็แตก อวัยวะภายในส่วนใหญ่ก็บาดเจ็บสาหัส แม้แต่กระดูกก็แตก ทำให้เลือดออกภายในหนักมาก
ถ้าเป็นคนธรรมดาบาดเจ็บหนักเท่าเขาก็คงตายเพราะพิษบาดแผลไปแล้ว ด้วยอาการบาดเจ็บขนาดนี้ อาจจะใช้เวลามากกว่า 2 วันในการฟื้นตัว และที่แย่เข้าไปอีกก็คือเขาได้ใช้พลังจิตไปมากในการต่อสู้เมื่อครู่ เขาจึงทำได้แค่รักษาง่ายๆตามพลังจิตที่มีในตอนนี้ และจากนั้นเขาต้องรอให้พลังจิตของเขากลับคืนมาใหม่เพื่อทำการรักษาต่อไป สิ่งที่ดีอย่างเดียวก็คือกระบวนการรักษาของเขาเร็วขึ้นกว่าเดิมจนเขาประหลาดใจ กล้ามเนื้อที่ฉีกขาดเริ่มต่อกันในตอนที่เขาตรวจสอบพวกมัน เขารู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงเพ่งสมาธิเพื่อทำการรักษา
กล้ามเนื้อต่อติดกันอีกครั้ง และเลือดที่อุดตันในเส้นเลือดฝอยก็หายไป กระทั่งรอยแตกที่กระดูกก็หายไปในเวลาแค่ไม่กี่นาที ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับตกใจในสิ่งที่เพิ่งเจอมา เขาแน่ใจว่าพลังจิตกลับคืนมาแล้วและกำลังรักษาเขาอยู่ทั้งๆที่ตอนนี้มันน่าจะหมดเกลี้ยงไปแล้ว เขารีบเปิดหน้าต่างสถานะขึ้นมาและเห็นว่าเขาไม่ทันเห็นข้อความเตือนของระบบ
“พลังจิตของคุณขึ้นถึงขีดจำกัดแล้ว และเลื่อนระดับขึ้นภายใต้วิกฤตการณ์แห่งความเป็นความตาย ค่าพลังจิต+1”
ลู่หยวนรู้สึกดีใจ เขาสนใจประโยคที่ว่า “พลังจิตของคุณขึ้นถึงขีดจำกัดแล้ว”
เขาคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายที่สุดในการต่อสู้ทั้งหมดที่เขาเจอมา ถึงแม้จะฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีเขียวอ่อนไปหลายตัว พวกมันส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์ทะเลที่เสียความแข็งแกร่งไปบางส่วนเมื่อขึ้นมาบนบก จากประสบการณ์นี้เขาได้เรียนรู้ว่าสัตว์กลายพันธุ์ที่เป็นสัตว์บกต่างหากที่เขาต้องระวังให้มาก เขารู้ว่าพลังของเขาจัดอยู่ในระหว่างขั้นสีเขียวอ่อนและขั้นสีเขียว สัตว์กลายพันธุ์สีเขียวจึงสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายเหมือนที่เขาฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีน้ำเงินได้แบบง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ เขาสามารถฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ได้โดยใช้แค่ความคล่องแคล่วที่อยู่ในขั้นสูงของเขา แต่มันไม่พอที่จะใช้สู้กับงูยักษ์ เขาไม่สามารถตามความเร็วของงูตัวนั้นได้เลย เขารู้ว่าเขาไม่สามารถหลบได้ทันเวลา จึงทำให้เขาสรุปได้ว่า พลังของเขา ความคล่องแคล่ว รวมถึงร่างกายของเขาอ่อนแอกว่างูยักษ์ตัวนั้น
เขามีโอกาสฆ่างูยักษ์ตัวนั้นแค่ 30% เท่านั้นถึงแม้มันจะถูกระเบิดทำให้ไขว้เขวแล้วก็ตาม จึงไม่ยากที่จะจินตนาการว่าเขาเครียดมากแค่ไหนในขณะที่พยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจะเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้ ราวกับว่าเขาได้เข้าไปอีกโลกหนึ่งเมื่อได้พบกับงูยักษ์ สายตาของเขาจับจ้องอยู่แค่เป้าหมายเท่านั้น เลือดของเขาเดือดพล่านไปทั่วร่างตั้งแต่ต้นจนจบการต่อสู้
รอบตัวลู่หยวนเงียบมาก สายตาของเขาพร่ามัว ทุกๆก้าวใช้พลังงานไปเยอะมาก เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังลอยอยู่กลางอากาศ
“ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพลังจิต” เขาคิด
“พลังจิตเป็นคุณสมบัติที่ลึกลับที่สุดในคุณสมบัติทั้งหมด ฉันคงเพิ่มความเร็วและพลังไปโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลาวิกฤติ ความต้องการที่จะมีชีวิตรอดช่วยให้ก้าวข้ามขีดจำกัดความสามารถไปได้ ก็เลยทำให้ร่างกายทำออกมาได้ดีมากๆ” เขาสงสัย
แล้วลู่หยวนก็ถามตัวเองว่า “แต่ทำไมก่อนหน้านี้ถึงทำไม่ได้ล่ะ?”
เขารู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่คนจะทำได้ดีกว่าในช่วงเวลาวิกฤติมาตั้งแต่ก่อนวันโลกาวินาศแล้ว ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกชายของผู้หญิงคนหนึ่งติดอยู่ใต้ท้องรถ เธอจะสามารถยกรถขึ้นเพื่อช่วยลูกชายได้เลยทีเดียว รถต้องหนักแน่อยู่แล้ว และในสถานการณ์ปกติผู้หญิงย่อมไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้ แต่เนื่องจากความร้อนใจและความเครียดที่เธอเผชิญเมื่อเห็นลูกชายตกอยู่ในอันตราย เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขยับรถโดยตั้งสมาธิไปที่พลังและความแข็งแรงทั้งหมดของเธอ
กระทั่งคนธรรมดายังสามารถทำได้ แต่ลู่หยวนกลับไม่สามารถทำได้จนถึงวันนี้ ต้องมีสิ่งอื่นอีกที่อยู่เบื้องหลังพลังของเขา พลังจิตสำคัญกับเขามาก มันจะช่วยได้มากในการฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีเขียว ถ้าเขาสามารถเชี่ยวชาญมันได้
ถึงแม้เขาเกือบจะล้มพับหลังจากใช้พลังจิตก็ตาม (แถมยังใช้ได้แค่ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น) มันก็ยังดีกว่าการรอความตาย เขารู้ว่าความสามารถในการเพ่งพลังจิตของเขานั้นอ่อนกว่าคนทั่วไป ถึงแม้คนทั่วไปจะเพ่งพลังจิตเป็นเวลาสั้นๆก็ตามที มันก็ยังทรงพลังมาก สิ่งที่ท้าทายสำหรับลู่หยวนก็คือความสามารถนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเชี่ยวชาญมันได้ง่ายๆด้วยการฝึกฝน
ไม่นานลู่หยวนก็ตระหนักว่าเขาไม่สามารถทำร้ายตัวเองได้เพราะมันขัดกับจิตใต้สำนึกในการปกป้องตัวเอง เพื่อที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด ลู่หยวนจำเป็นต้องมองข้ามอาการบาดเจ็บทางร่างกายของเขา
“เออ! จิตใต้สำนึก......” ลู่หยวนถอนใจ เขาสงสัยว่าเขาควรเรียนการสะกดจิตตัวเองหรือไม่ ถึงแม้เขาจะไม่เคยลองมาก่อน มันก็น่าจะเป็นความคิดที่ดีถ้าเขาต้องการควบคุมพลังจิตของเขาเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ของเขาได้อย่างเต็มที่ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์มากในสถานการณ์อันตรายถึงขีดสุดอย่างที่พวกเขาเพิ่งเจอมา ลู่หยวนยิ้มเศร้าๆกับความคิดนั้นและภาวนาว่าเขาจะไม่ต้องเจอกับสถานการณ์อันตรายเช่นนั้นอีก ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเซไปมา พวกทหารวางเปลหามลงกับพื้นแต่เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้น ตรงกันข้าม เขากลับนอนอยู่บนเปลต่อไป
ลู่หยวนค่อนข้างเข้าใจปฏิสัมพันธ์ทางสังคมดี เขารู้ว่ามันจะแย่มากถ้าเขาลุกขึ้นทันทีและทำท่าเหมือนเขาสบายดีในตอนที่พวกเขาวางเขาลงกับพื้น ยิ่งกว่านั้น ทหารคนหนึ่งได้เสียชีวิตไปเพียงเพื่อให้ลู่หยวนถูกพากลับไปได้อย่างปลอดภัย พวกทหารจะคิดอย่างไรถ้าเขาลุกขึ้นจากเปลหามและยังมีท่าทางแข็งแรงสบายดี?
ถึงแม้ความคิดของพวกเขาจะไม่มีผลอะไรกับเขานัก เขาก็ไม่ต้องการจะทำร้ายจิตใจพวกทหารที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเขามาตลอดทางด้วยการเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเอง