หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 192  นึกว่าจะน่ากลัว

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 192  นึกว่าจะน่ากลัว

 

“คุณมีบุหรี่ไหม?”  ลู่หยวนถามผู้บัญชาการเซี่ย  ถึงแม้เขาจะเลิกสูบมานานและไม่ติดบุหรี่อีกแล้ว  แต่ตอนนี้เขารู้สึกอยากสูบขึ้นมา

ผู้บัญชาการเซี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง  เขาลังเลเล็กน้อย  แต่สุดท้ายก็หยิบเอาบุหรี่กล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋า  กล่องบุหรี่นั้นสั้นกว่าบุหรี่ทั่วไปมากและไม่มีตรายี่ห้ออยู่บนกล่อง

ลู่หยวนชำเลืองมองแล้วถามอย่างสงสัยว่า  “นี่เป็นบุหรี่แบบพิเศษเหรอครับ?”

ผู้บัญชาการเซี่ยไม่ปฏิเสธ  “จะพูดอย่างนั้นก็ได้  แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก  มันเป็นบุหรี่ภายในไม่ขายให้คนนอก  มีไว้สำหรับคนที่อยู่ภายใต้ความกดดันมากๆหรือกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวง  คุณอยากลองสักมวนไหม?”

“ฟังดูเป็นของดีนะครับ  ผมขอลองด้วย!”  เจ้าอ้วนเซี่ยพูดอย่างกระหายเมื่อได้ฟัง

ผู้บัญชาการเซี่ยโยนบุหรี่มวนหนึ่งให้เขา  เจ้าอ้วนเซี่ยรับไว้แล้วเอาไปดม  “ไม่ได้สูบมาตั้งนาน  เกือบลืมไปแล้วว่ากลิ่นบุหรี่มันเป็นยังไง”

ลู่หยวนเอามามวนหนึ่งเช่นกัน  เขามองมันอย่างสงสัย  บุหรี่นี้ค่อนข้างจะสั้นกว่าและผอมกว่า  เขาเอาไฟแช็กออกมาจากชุดอุปกรณ์ยังชีพในกระเป๋า  จุดบุหรี่ขึ้นและสูดควันลึก  เมื่อร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น  ปอดของเขาก็ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น  เขาไอเสียงดังในการสูดควันช่วงแรกๆ  แต่หลังจากนั้นก็เริ่มชิน

เขาพบว่าบุหรี่นี้มีรสชาติประหลาด  รสแปลกๆและควันในท้องทำให้อารมณ์ของเขาฮึกเหิมขึ้นเล็กน้อย  เขามองผู้บัญชาการเซี่ยแล้วถามว่า  “มีบางอย่างผิดปกติในบุหรี่ใช่ไหม?”

“นี่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คนธรรมดา  มันใส่วัตถุดิบพิเศษเข้ามาเพื่อกระตุ้นจิตใจและทำให้ตื่นเต้น”  เซี่ยวเฟยอธิบาย  “ความจริงแล้ว  คุณจะไม่อยากสูบมันหรอกถ้าไม่ได้กดดันมากๆ”

“ยาเสพติดเหรอคะ?”  หวังซีซีถามอย่างอยากรู้พลางกะพริบตาปริบๆ

เจ้าอ้วนเซี่ยประหลาดใจ  เขาพิจารณาบุหรี่นั่นด้วยความไม่แน่ใจว่าควรจะโยนทิ้งหรือสูบต่อดี

ผู้บัญชาการเซี่ยถอนใจ  “เธอพูดไม่ผิดหรอก  แต่ไม่มีอะไรต้องกังวล  มันไม่ติดหรอก  หลังจากพัฒนาสูตรมาหลายครั้ง  ก็ไม่มีผลกระทบกับสุขภาพร่างกายคนอีก  มันแค่ช่วยให้ทหารก้าวพ้นความกลัวและความกดดันไปได้  รวมทั้งช่วยให้ต่อสู้ได้ดีขึ้น”

“ของพวกนี้มีอยู่ในประเทศใหญ่ๆทุกประเทศนั่นแหละ  แต่มีชื่อเรียกต่างกัน  บางที่เรียกว่า  ‘ยาใจกล้า’  บางที่เรียก ‘ยาช่วยชีวิต’  ‘ยาโชคดี’  เป็นต้น  ทั้งหมดคือยาชนิดเดียวกันแต่ผู้คนไม่เคยยอมรับมัน  ตัวอย่างเช่น  ในสงครามอ่าวก่อนโลกจะล่มสลาย  มีทหารผ่านศึกจำนวนมากที่ต้องทุกข์ทรมานจากความสะเทือนใจ  สูญเสียความทรงจำ  และจิตใจว้าวุ่นเหม่อลอย  คุณคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตหลังสงครามได้หรือไง?  พวกเขาถูกฉีดยากระตุ้นประสาทเข้าไปต่างหากล่ะ”

“ปีนั้นมีสงครามที่โหดร้ายกว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในประเทศจีนมากกว่า 10 ครั้ง  ทหารนับไม่ถ้วนถูกฆ่าตายและเมืองอีกมากมายก็ถูกยึด  พลเรือนตายไปนับไม่ถ้วน  และแม้แต่ทหารบางคนก็ถึงกับฆ่าตัวตายหรือหลบหนี  ถ้าไม่มีสิ่งนี้ช่วยเอาไว้ล่ะก็  สถานการณ์ก็อาจจะเลวร้ายยิ่งขึ้น”

เซี่ยวเฟยหยุดยิ้ม  “ยิ่งกว่านั้น  ทหารก็เป็นเพียงแค่มนุษย์  เราหวาดกลัวและมีอารมณ์อื่นๆได้เหมือนกับทุกคน  มีหลายครั้งในระหว่างการลาดตระเวนตอนกลางคืนที่ผมได้ยินพวกทหารร้องไห้”  เขาพูดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

ลู่หยวนนิ่งเงียบ  เขาสูบบุหรี่จนหมดมวน

ทันใดนั้น  เจ้าสัตว์ยักษ์ที่บาดเจ็บก็ลุกขึ้น  เมื่อมันเห็นสัตว์อีกตัวนอนอยู่ที่พื้น  มันก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างโศกเศร้า  จากนั้นมันก็หันมามองลู่หยวนกับคนอื่นๆอย่างโกรธจัด  แล้วเริ่มย้ายร่างใหญ่โตของมันเดินตรงมาทางพวกเขา

“โอ้ไม่  ผู้บัญชาการเซี่ย  มันตรงมาหาเราแล้ว”

“ดูเหมือนว่าเราฆ่าเมียมันไปนะ  มันเลยจะมาแก้แค้น”  ทหารจากสีฉวนคนหนึ่งพูด

“แน่ใจได้ยังไง?  ฉันว่าตัวที่ตายเป็นผัวมันต่างหาก”  พวกทหารดูผ่อนคลายมากขึ้นเพราะเหลือแค่สัตว์บาดเจ็บตัวเดียวเท่านั้น

“หยุดพูดไร้สาระแล้วจริงจังกันหน่อย!  ปืนใหญ่ที่ 1 ยิงอีกครั้ง  เอาให้แม่นนะครั้งนี้!”  ผู้บัญชาการเซี่ยสั่งเสียงดังผ่านไมโครโฟน

“เดี๋ยวก่อน”  ลู่หยวนห้ามเขา  “ถ้ากระสุนของเรากำลังจะหมด  เราก็ควรเก็บพวกมันไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน  เดี๋ยวผมจัดการเอง”

ทุกคนมองเขา  กระทั่งมู่เหวินเหวินที่ก้มหน้าอยู่ตลอดก็เงยขึ้นมามอง

ผู้บัญชาการเซี่ยลังเล  เขามองเซี่ยวเฟยที่พยักหน้าอย่างมั่นใจ  จากนั้นก็หันกลับไปทางลู่หยวน  แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง  “คุณแน่ใจเหรอ?  นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ”

ลู่หยวนพยักหน้าแล้วพูดว่า  “ใช้เวลาแค่สองนาทีเท่านั้นครับ”

“เอาล่ะ......ถ้าคุณฆ่าเจ้ายักษ์นี้ได้......”  ผู้บัญชาการเซี่ยพูดเสียงดัง  ดูเหมือนเขาอยากจะให้สัญญาบางอย่าง  แต่ก็ไม่มีอะไรจะให้  ลู่หยวนไม่ใช่ทหาร  เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นในที่สุดว่า  “ผมจะแนะนำน้องสะใภ้ของผมให้คุณ”

หวังซีซีพ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่พอใจ  เธอกลับมาดูมีความสุขอีกครั้งเมื่อลู่หยวนปฏิเสธข้อเสนอ  ความเคารพนับถือทั้งหมดของเธอได้เปลี่ยนเป็นความรัก  “พี่ลู่  ให้ฉันไปด้วยนะ”  เธอถามอย่างอ่อนหวาน

“ไม่ต้องหรอก  มันเป็นแค่สัตว์บาดเจ็บ  เธออยู่นี่แหละ  เดี๋ยวพี่ก็กลับ”  ลู่หยวนตอบด้วยความภูมิใจพร้อมกับลูบหัวเธอ

อย่างไรก็ตาม  เมื่อเขาหันไปมองเจ้าสัตว์ยักษ์ที่ยืนอยู่ห่างไปหลายร้อยเมตร  สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นทันที  เขารวบรวมพลังจิต  ลำแสงวงกลมลอยอยู่ตรงหน้าเขา  เขารวมพลังจิตเข้ามาในร่างกาย  หัวใจของเขาเต้นช้าลงเรื่อยๆ

ยิ่งช้าลงมากเท่าไร  เขาก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแรงลงมากเท่านั้น  5 วินาทีผ่านไป  ร่างของเขาก็เกิดอาการช็อก  ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความรู้สึกอันแสนวิเศษที่ร่างกายหลอมรวมเข้ากับโลก  พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดแผ่ขึ้นมาจากเท้ากระจายไปทั่วทุกอณูในร่างกาย  หลังจากความแข็งแรงของเขาเพิ่มขึ้น  ท่ากระทืบปฐพีของเขาก็เพิ่มเลเวลจาก 3 ไป 4 โดยอัตโนมัติ  ขณะที่ร่างกายของเขาเพิ่มจาก 1 เป็น 4 เช่นกัน  เมื่อเขาเข้าสู่ชีพจรของโลก  การติดต่อสื่อสารของเขากับโลกก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น  ช่วยให้เขาดูดซับพลังได้มากขึ้นด้วย

โลกคอยหนุนหลังเป็นพลังให้เขา  เมื่อเขาสลับเข้าสู่โหมดนั้น  เขาจะมีพลังงานวิ่งไปทั่วร่างกายอย่างไม่จำกัด  เขาขยับเท้าและก้อนหินที่อยู่ใต้เท้าก็ระเบิดออก  วินาทีต่อมาเขาก็พุ่งไปราวกับสายฟ้า  ทุกคนรู้สึกได้ถึงสายลม  แต่ลู่หยวนหายตัวไปแล้ว

ขอบคุณร่างกายที่แข็งแกร่งเกินมนุษย์ของเขา  เขาวิ่งเต็มฝีเท้าไปข้างหน้า  สายลมตีเสื้อผ้า  ความสามารถพิเศษในการปรับสมดุลการไหลเวียนของอากาศทำให้เกิดลมหมุนวนอยู่ข้างหลังเขา

“เขาเป็นคนที่วิวัฒนาการแล้วงั้นเหรอ?”  ผู้บัญชาการเซี่ยถามอย่างตกใจขณะที่มองเหตุการณ์ตรงหน้า

“ฉันได้ยินว่าเขาเป็นผู้วิวัฒนาการธาตุดิน”  เซี่ยวเฟยอธิบาย  ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจเช่นกัน  “แต่เขาเร็วมาก  ฉันไม่คิดว่าผู้วิวัฒนาการขั้น 5 จะทำแบบนี้ได้”

“นายว่าเขากินยาอัจฉริยะเข้าไปรึเปล่า?”  เซี่ยวเฟยพึมพำ

เจ้าอ้วนเซี่ยจ้องมองลู่หยวนอย่างเคร่งเครียด  เขารู้ดีที่สุดว่าลู่หยวนแข็งแกร่งขนาดไหน  ถ้าเกิดต่อสู้กันขึ้นมา  เขาจะไม่มีโอกาสได้ตอบโต้กลับเลย  แต่จะถูกฆ่าอย่างง่ายๆ  หวังซีซีเป็นคนเดียวที่ดูภูมิใจ  เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยราวกับถูกชมซะเอง  แต่เธอก็ยังห่วงใยความปลอดภัยของลู่หยวนด้วย

แค่ไม่กี่วินาที  ลู่หยวนก็พุ่งไปหลายร้อยเมตรและหยุดตรงหน้าสัตว์ทะเลตัวนั้นห่างไปไม่กี่เมตรเท่านั้น  สัตว์ตัวนั้นสูงเกิน 10 เมตรและลำตัวกว้าง 10 เมตร  ตัวที่ใหญ่โตของมันดูราวกับเนินเขาลูกเล็กๆ  ให้ความรู้สึกคุกคาม  ขนาดตัวของมันใหญ่กว่าเจ้ายักษ์ขั้นสีเขียวอ่อนที่เขาเคยเผชิญหน้ามาก่อน 10 เท่า  เขาไม่เคยพบสัตว์ขนาดยักษ์เช่นนี้บนบกเลย

ถึงแม้ขนาดที่ใหญ่ยักษ์ของมันจะทำให้มันแข็งแรงเป็นอย่างมาก  แต่ก็ทำให้มันเชื่องช้ามากขึ้นด้วยเช่นกัน  เท้าแบนๆขนาดใหญ่ของมันอาจจะช่วยให้มันคล่องตัวมากเมื่ออยู่ในน้ำ  แต่เมื่อมันต้องเดินด้วยเท้า  มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีฟ้าเลย  ลู่หยวนรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย  เขาคิดว่ามันจะแข็งแกร่งมาก  แต่ความจริงแล้ว  เมื่อสัตว์ทะเลขึ้นมาอยู่บนบก  มันก็จะเอาชนะได้ง่ายกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้

แน่ล่ะว่าต้องเป็นลู่หยวนที่สามารถเอาชนะมันได้ในทุกด้าน  โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่ได้ขาดความสามารถ  เขาตอบสนองได้รวดเร็วและมีอาวุธที่สามารถสร้างความเสียหายได้มาก  สัตว์ทะเลที่กำลังโกรธแทบจะไม่สังเกตเห็นร่างเล็กๆที่ยืนอยู่ห่างจากมันไม่ไกลนัก  ในดวงตาสีเลือดของมัน  ลู่หยวนคือสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่ยิงคู่ของมันจนตายและทำให้มันบาดเจ็บ  มันบ้าคลั่งเต็มที่  สิ่งที่มันต้องการมีเพียงการแก้แค้นเท่านั้น

มันจะฆ่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้แล้วเขมือบมันลงท้อง  สัตว์ทะเลตัวนั้นกระเสือกกระสนที่จะขยับตัวอันใหญ่โตของมันเข้ามาพร้อมกับคำรามด้วยความโกรธ

เมื่อมันเข้ามาใกล้  ลู่หยวนก็ยกเท้าขึ้น  เส้นเลือดที่หน้าผากปูดขึ้นมาขณะที่เลือดในกายร้อนระอุ  ในเวลานั้น  เขารู้สึกราวกับว่ากำลังยกโลกทั้งใบจนเขาต้องใช้แรงทั้งหมดยกเท้าขึ้นมา  จากนั้นก็กระทืบลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง

ตูม!

ทันใดนั้น  พื้นดินก็สั่นสะเทือน  มันดูเหมือนน้ำที่กำลังเดือด  ทรายและก้อนหินถูกเขย่ากระเด้งกระดอนขึ้นไปบนอากาศก่อนจะสลายกลายเป็นผงแล้วตกลงพื้น  กระทั่งก้อนหินหนาและต้นไม้ใหญ่ก็ยังแตกเป็นเสี่ยงจากพลังอันรุนแรงของเขา  สัตว์ทะเลยักษ์ตัวนั้นเชื่องช้ามากอยู่แล้ว  แรงกระแทกที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ได้ทำให้มันเสียสมดุลและล้มกระแทกพื้นอย่างแรง

มีฝุ่นผงอยู่ทั่วทุกแห่งภายในรัศมี 5 เมตร  เจ้าสัตว์ตัวนั้นแทบจะมองอะไรไม่เห็น  มีเพียงเงาดำเล็กๆที่กำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวสายฟ้า  ฝุ่นผงนั้นไม่มีผลกระทบอะไรเลย  เมื่อลู่หยวนเข้ามาใกล้สัตว์ทะเลตัวนั้นมากพอ  เขาก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศสูง 5 เมตร  และทิ้งตัวลงบนบ่าของสัตว์ตัวนั้นเบาๆ  มันมีกลิ่นฉุนและผิวหนังมีเมือกทำให้ลื่นมาก  แต่ลู่หยวนก็ยังสามารถยืนนิ่งอยู่ได้

เมื่อเหยียบลงบนตัวสัตว์ทะเล  เขาก็ชักดาบออกมา  ดาบส่องแสงด้วยพลังจิตที่รวบรวมไว้เต็มกำลังของเขา  ขณะที่เขากำลังจะแทงเข้าไป  สัตว์ตัวนั้นก็รู้สึกได้ถึงอันตรายจากสัญชาตญาณและมีปฏิกิริยาทันที  มันสะบัดตัวแต่ไม่สามารถสลัดลู่หยวนออกไปได้  เขารีบทรงตัวโดยปรับศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงตามการเคลื่อนไหวของสัตว์ทะเลตัวนั้น  แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โล่งอก  เขาก็เห็นเท้าแบนๆกว้าง 7 เมตรตรงเข้ามาที่เขา

ก่อนที่เท้าจะมาถึงตัว  เขาก็รู้สึกถึงสายลมที่รุนแรง  ถ้าเขาโดนเท้ายักษ์นั่นเตะเอา  เขาจะต้องเละจนเปิดโลงศพในงานศพไม่ได้แน่นอน

“บ้าเอ๊ย!”  ลู่หยวนสบถ

เขากระโดดลงมาจากบ่าของสัตว์ตัวนั้นทันที  และหนีมาทางคอของมัน  ดาบในมือเขาเล็งไปที่ลำคอหนาๆของมันแล้วแทงเข้าไปสุดแรง  เขาสร้างบาดแผลกว้าง 1 เมตร  ตัดกระดูกคอของมันทั้งอัน

เขาตกลงมาบนพื้นแล้วกลิ้งออกไปเพื่อหลบจากสัตว์ตัวนั้นเข้าไปในกลุ่มฝุ่นผง  เมื่อเขาห่างออกไปได้หลายสิบเมตร  สัตว์ทะเลตัวนั้นก็คำรามออกมา  เสียงเหมือนอากาศที่รั่วออกมาจากท่อแรงดันสูง  ไม่นาน  กลิ่นเลือดก็กระจายไปในอากาศ

ด้วยความกลัวตาย  เจ้าสัตว์ทะเลตัวนั้นก็เริ่มที่จะคลั่ง  ดูเหมือนมันอยากจะหาเจ้าแมลงเล็กๆที่ทำร้ายมัน  ก้อนกรวดหลายร้อยตันกระจายขึ้นมาจากเท้าแบนๆของมัน  ชั่วขณะหนึ่งที่ดูเหมือนกับกำลังมีก้อนกรวดตกลงมาจากฟากฟ้า  ลู่หยวนจำต้องถอยห่างออกไป  เขามองดูอยู่ห่างๆขณะที่การเคลื่อนไหวของสัตว์ทะเลตัวนั้นอ่อนแรงลงเรื่อยๆ  ไม่กี่นาทีต่อมา  เขาก็ได้ยินเสียงของหนักล้มลง  พื้นดินสะเทือนเล็กน้อยก่อนเงียบลงในที่สุด

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.