หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 189  เกณฑ์คน

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 189  เกณฑ์คน

 

เจ้าหน้าที่คนนั้นต้องการพบลู่หยวน  หวังซีซี  เจ้าอ้วนเซี่ย  และผู้หญิงที่ดูสกปรกคนนั้น  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมกองทัพ  หวงเจียฮุยได้แต่ยืนตะลึง  เธอตกใจอย่างที่สุด

ลู่หยวนยิ้มและพูดว่า  “ได้สิ  แต่ผมขอคุยกับเพื่อนก่อนสักครู่”

ทหารคนนั้นพยักหน้าเข้าใจและเดินออกไปพร้อมกับลูกน้องของเขา

“ต้องมีเรื่องผิดปกติข้างนอกแน่  พวกเธอดูแลตัวเองให้ดีๆ  เราจะไปตรวจดู”  ลู่หยวนพูด

“นายก็ด้วย”  หวงเจียฮุยตอบ  “ระวังตัวนะซีซี  คอยอยู่ใกล้ๆลู่หยวนเอาไว้ระหว่างออกไปปฏิบัติภารกิจ  อย่าวิ่งวุ่นวายไปล่ะ”  หวงเจียฮุยพูดอย่างเป็นกังวล

จ้าวหยาหลี่ลังเลก่อนจะพูดว่า  “อย่าประมาทนะ  พวกเราเป็นห่วง”

ลู่หยวนพยักหน้า  เขารู้สึกซาบซึ้งจึงตบที่แขนเธอเบาๆ  จ้าวหยาหลี่หน้าแดงทันที

“เอาล่ะ  ไว้คุยกันทีหลังนะ  ซีซีไปกันเถอะ”  ลู่หยวนหายใจเข้าลึก  ทำท่าเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่

“โอเค”  หวังซีซีดูตื่นเต้นมากขณะที่เดินตามลู่หยวนไป

หวังเซียกวงรู้สึกไม่สบายใจขณะที่มองดูเขาถอยออกไปและจ้าวหยาหลี่ที่หน้าแดง

ชายในชุดเครื่องแบบยศพันเอกกำลังมองดูแผนที่เมืองชางไห่  และหันหลังให้ทุกคน  เขาหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้องทำงาน

“สวัสดีครับท่าน!”  เจ้าอ้วนเซี่ยพูดขึ้น  พยายามเก๊กท่า

ชายคนนั้นโบกมือแล้วพูดว่า  “พวกคุณเป็นพลเรือน  ผมเป็นทหาร  เราไม่ได้อยู่ในระบบเดียวกัน  เรียกผมว่า หูไห่หยาง หรือ ผู้การหู ก็ได้  เชิญนั่ง”

เขาดูเหมือนคนอายุประมาณ 40 ปี  ริมฝีปากบาง  มุมปากโค้งลงซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกเคารพได้โดยไม่ต้องใส่อารมณ์  เขาดูเคร่งเครียดจริงจังมากแม้กระทั่งเวลายิ้ม  หวังซีซีรู้สึกประหม่าเพราะเขาสวมใส่เครื่องแบบทหาร  จำนวนเหรียญตราที่ติดอยู่นั้นเป็นสัญลักษณ์ถึงอำนาจในกองทัพของเขา

ลู่หยวนเดินไปที่เก้าอี้ยาวพร้อมหวังซีซีแล้วนั่งลง  จากนั้นเขาก็พูดว่า  “ผู้การหู  มีอะไรให้พวกเราช่วยงั้นหรือครับ?”

พันเอกหูมองลู่หยวนแวบนึง  เขานึกได้ว่าโจวยี่เชงบอกให้เขาจับตาดูลู่หยวนเอาไว้  “ผมต้องบอกพวกคุณว่าพวกคุณถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมกับทางกองทัพ  ผมหวังว่าพวกคุณจะพร้อมสำหรับเรื่องนี้”  เขากล่าวเบาๆ

“ในเมื่อทางฐานทัพได้ให้ที่หลบภัยกับอาหารแก่พวกเรา  มันก็ยุติธรรมดีที่เราจะช่วยเหลือกองทัพบ้าง  บอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”  ลู่หยวนพูดพร้อมพยักหน้า  แม้เขาจะเห็นแก่ตัวบ้างบางครั้ง  เขาก็ไม่เคยทำสิ่งผิดคุณธรรม  อีกทั้งนี่เป็นเรื่องความปลอดภัยของประเทศ  ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของเขาในฐานะประชาชน

เมื่อลู่หยวนให้สัญญาจะช่วยเหลือ  คนที่เหลือจึงจำต้องตกลงเช่นกัน  พันเอกหูรู้สึกโล่งอก  เขากังวลมากว่าพวกเขาจะปฏิเสธและพยายามเจรจาต่อรองกับเขา  เขาไม่มีเวลาและไม่อยากต่อรองกับพวกเขาในสถานการณ์นี้  แน่ล่ะว่าเขาสามารถใช้อาวุธของกองทัพสั่งสอนพวกเขาได้  แต่นั่นจะเป็นการเสี่ยงมากสำหรับเขาเมื่อมีลู่หยวนอยู่ในห้องด้วย  เขาประหลาดใจที่เขารู้สึกประหม่าเมื่อมีลู่หยวนอยู่

“สถานการณ์ตอนนี้ย่ำแย่มาก  ทีมปฏิบัติการพิเศษของเรากำลังต่อสู้กับพวกสัตว์กลายพันธุ์อย่างรุนแรงมาก  ทหารของเราตายและบาดเจ็บไปแล้วครึ่งหนึ่ง  และทหารบางคนยังรอความช่วยเหลืออยู่ในสนามรบ  เรามีกำลังคนในฐานทัพไม่พอ  เพราะหลายทีมยังอยู่ข้างนอกนั่น  กำลังพยายามช่วยทหารตามที่ต่างๆ  เราได้รับรายงานว่าที่อื่นๆก็กำลังเผชิญกับความยุ่งยากเช่นกัน  ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการโจมตีครั้งใหญ่จากหลายๆแห่ง”

“พวกคุณตามทหารที่เหลือไปยังจุดหมาย  ภารกิจของพวกคุณคือช่วยชีวิตทหารที่ยังรอดอยู่”  พันเอกหูพูด

“ผมมีคำถาม  พวกสัตว์กลายพันธุ์อพยพไปภาคกลางแล้วไม่ใช่เหรอ?  แล้วยังมีพวกมันอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”  ลู่หยวนถามเมื่อรู้สึกถึงคำพูดที่ไม่สอดคล้องกันของพันเอกหู

“มันเป็นสัตว์ทะเลน่ะคุณ  พวกมันกำลังย้ายขึ้นมาบนบก”  พันเอกหูพูดอย่างเคร่งเครียด

ห้องตกอยู่ในความเงียบทันที  สัตว์ทะเล?  นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขากลัวมาตลอด

เจ้าอ้วนเซี่ยทนเงียบต่อไปไม่ได้  เขาพูดขึ้นว่า  “สัตว์ทะเลเหรอ?  ท่านล้อผมเล่นใช่ไหม?  พวกเราอาจจะไปตายกันหมดก็ได้นะ”

บางทีเขาคงพูดดังเกินไป  ทำให้พวกทหารที่อยู่ข้างนอกตกใจ  ทหารติดอาวุธกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในห้องแล้วถามว่า  “เกิดอะไรขึ้นครับท่าน?”

“ไม่มีอะไร  ออกไปเถอะ  แล้วปิดประตูด้วย”  พันเอกหูพูดพร้อมกับโบกมือ

เจ้าอ้วนเซี่ยตื่นตระหนกจนเหงื่อออกชุ่มโชก  เขานึกขึ้นมาได้ว่าเขาจะตายได้ถ้าไม่ทำตามกฎของกองทัพ  ดังนั้นเขาจึงแค่ยักไหล่แล้วนั่งเงียบ

“ผมมีเรื่องขอร้องหนึ่งอย่าง”  ลู่หยวนพูดขึ้นทันที

“บอกมาเลย  ผมจะพยายามทำตามคำขอของคุณให้เต็มที่”  พันเอกหูพูด  เขาให้ความสนใจกับปฏิกิริยาของลู่หยวนมากในตอนที่พวกทหารบุกเข้ามาในห้อง  อย่างไรก็ตาม  เขาไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของลู่หยวนเลย  เขาคิดว่าลู่หยวนกำลังดูถูกพวกเขา

เขามีข้อมูลเกี่ยวกับลู่หยวนอยู่หลายหน้ากระดาษ  มันพอที่จะให้เขาเขียนเป็นหนังสือได้เลย  ข้อมูลบางส่วนมาจากโจวยี่เชง  และบางส่วนมาจากพวกทหารในฐานทัพที่พูดคุยกันเรื่องวิธีการฝึกของเขา  บางคนถึงขั้นบอกว่าลู่หยวนบินได้  จากรายงานพวกนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ที่วิวัฒนาการแล้วระดับสูงมากซึ่งแทบจะไม่มีจุดอ่อนใดเลย

เขาต้องเป็นผู้วิวัฒนาการระดับ 5 แน่  รัฐบาลไม่สนใจผู้วิวัฒนาการทั่วๆไป  แต่ให้ความสนใจต่อพวกระดับ 5 สูงมาก  ในตอนแรกพันเอกหูไม่เชื่อรายงานพวกนั้น  แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อเขาเห็นว่าลู่หยวนกล้าพอที่จะเจรจาต่อรองกับเขา

เขารู้ว่าไม่มีอะไรเสียหายในการทำตามคำขอร้องของลู่หยวน  เมื่อคิดว่าเขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากลู่หยวนในอนาคต

“ผมอยากจะเอาสัตว์เลี้ยงของผมไปด้วย”  ลู่หยวนพยายามขอร้องให้พาเจ้ากิ้งก่ายักษ์ไปกับเขาด้วย  ถ้าพันเอกหูปฏิเสธ  เขาก็คงยอมแพ้  มันเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้กลับไปยังเขตบูรณะใหม่  ถ้าเขาเสียกิ้งก่ายักษ์ไป  เขาก็แค่หาใหม่อีกตัวในวันข้างหน้า

“สัตว์เลี้ยงของคุณเหรอ?”  พันเอกหูขมวดคิ้วก่อนจะถามอย่างลังเล  “ตัวมันใหญ่แค่ไหน?”

ลู่หยวนประหลาดใจที่พันเอกหูยอมพิจารณาคำขอร้องของเขา  “ตัวมันยาวประมาณ 10 เมตร  สูง 6 เมตรครับ  ตอนที่มันนอนลงจะสูงแค่ 3 เมตรเท่านั้น  คุณคิดว่าจะสามารถส่งมันไปได้รึเปล่า?”

“สัตว์ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขตบูรณะใหม่มากเหมือนกันนะ  เรามีเครื่องบินขนส่งอยู่ 3 ลำซึ่งมีพื้นที่มากมาย  แต่สัตว์เลี้ยงของคุณใหญ่กว่าและสูงกว่าตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุตอยู่นิดหน่อย  ผมจะให้คนมาปรับปรุงตู้คอนเทนเนอร์แล้วกัน  แต่สัตว์เลี้ยงของคุณต้องถูกวางยาสลบตลอดทางเพื่อลดความเสี่ยง”  พันเอกหูพูด

“ได้ครับ  ขอบคุณมากผู้การหู”  ลู่หยวนขอบคุณเขาอย่างจริงใจ  เขารู้ว่ามันไม่ใช่คำขอที่เล็กน้อยเลย  แต่เป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงของทางกองทัพ

“พวกคุณมีคำขออะไรอีกไหม?  ผมจะพยายามทำให้อย่างเต็มที่”  พันเอกหูพูด  เขารู้ว่าเขาต้องยุติธรรมกับคนที่เหลือด้วย

เจ้าอ้วนเซี่ยดูหวาดกลัว  เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  หวังซีซีก็เงียบ  เธออยากขอให้ตามหาพ่อแม่ญาติพี่น้องของเธอเมื่อพวกเขากลับไปที่เขตบูรณะใหม่แล้ว  แต่นั่นไม่ได้อยู่ในความควบคุมของพันเอกหู  ดังนั้นเขาจึงได้แต่สัญญาว่าจะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้  เด็กหญิงจึงนิ่งเงียบหลังจากนั้น  เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว  ใบพัดหมุนสร้างสายลมแรงขึ้นบนพื้น  ไม่กี่วินาทีต่อมา  เฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นและออกไปจากฐานทัพ

มีคนอื่นอีกหลายคนอยู่ในเคบิน  นอกจากลู่หยวนและคนที่วิวัฒนาการแล้วคนอื่น  ก็มีทหารอีก 4 นาย นักบิน และผู้ช่วยนักบิน  หวังซีซีจับเสื้อของลู่หยวนเอาไว้ขณะที่มองไปรอบๆอย่างอยากรู้อยากเห็น  นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์  แต่มันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าพอใจนัก  เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพมีเคบินที่เล็กมาก  และเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันเครื่อง  ลู่หยวนเอาดาบฟันขาม้าออกมา  แล้วหยิบผ้าที่มีรอยเปื้อนน้ำมันมาเช็ดดาบช้าๆเพื่อลดความเครียดของเขา

 “ภารกิจระดับ B : ช่วยชีวิตทหารและเอาอุปกรณ์ของพวกเขากลับคืน”

“เงื่อนไขภารกิจ : ช่วยชีวิตคนอย่างน้อย 10 คน  และส่งพวกเขากลับฐานทัพอย่างปลอดภัย”

“จำกัดเวลา : 12 ชั่วโมง”

นั่นคือเหตุผลที่ลู่หยวนขอให้พากิ้งก่ายักษ์ไปด้วย  ความเสี่ยงของภารกิจสูงเท่ากับการต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์สีเขียว  จนถึงตอนนี้ลู่หยวนได้เจอกับสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีเขียวสองครั้งเท่านั้น  และเขาก็ได้แต่มองมันจากที่ไกลๆ

ตัวแรกเป็นต้นเสาแห่งสวรรค์ซึ่งไหม้ไปแล้วเพราะลาวาภูเขาไฟ  และตัวที่สองคือเต่าอาร์คีลอนซึ่งเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้  แต่ละตัวนั้นอยู่เหนือจินตนาการของเขา  แม้ว่าพลังของลู่หยวนจะเพิ่มขึ้นแล้ว  เขาก็ยังรู้สึกเครียดเพียงแค่คิดถึงมัน

โชคดีที่เขาไม่ได้สู้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว  เขามีหวังซีซีกับคนที่วิวัฒนาการแล้วอีกสองคนอยู่กับเขาด้วย  เฮลิคอปเตอร์เองก็เป็นข้อได้เปรียบที่ดี  เขาสังเกตเห็นว่ามีอาวุธและอุปกรณ์อยู่ภายในเคบินอยู่มากมาย  เช่น  มิสไซล์  จรวดมิสไซล์  เครื่องยิงจรวดหลายท่อ  ปืนกล  ฯลฯ

ดูจากพลังของอาวุธแล้ว  สัตว์กลายพันธุ์สีเขียวอ่อนธรรมดาย่อมไม่สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีของพวกเขาได้

“ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ  นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย”  เจ้าอ้วนเซี่ยพูดพร้อมถอนหายใจ  “ผมมีลางสังหรณ์ที่แม่นมากนะ  สถานการณ์จะต้องอันตรายมากแน่ๆ”  เขาพูดต่อ

“ฉันว่าคุณก็แค่ทำท่าเหมือนพวกขี้ขลาดเท่านั้นแหละ”  หวังซีซีพูดแขวะ  เธอรู้ว่าชายหัวล้านคนนี้ไม่ลงรอยกันกับลู่หยวน

เจ้าอ้วนเซี่ยมองเธอแวบนึง  แต่เขาไม่ได้โกรธหรือพยายามท้าทายเธอ  ตรงกันข้าม  เขากลับส่ายหัวแล้วพูดว่า  “เธอไม่เข้าใจ”

ลู่หยวนเสียบดาบฟันขาม้ากลับเข้าฝักแล้วมองเขา  เขาไม่คิดว่าเจ้าอ้วนเซี่ยจะประสาทไวพอจะสัมผัสได้ถึงอันตราย  เขามองดูผู้หญิงที่ยังคงนิ่งเงียบก่อนจะพูดว่า  “มันน่าจะเป็นภารกิจที่อันตรายมาก  ผมคิดว่าเราจะมีโอกาสที่ดีขึ้นถ้าเราบอกพลังพิเศษของเราให้คนอื่นๆรู้”

เจ้าอ้วนเซี่ยพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วพูดว่า  “งั้นผมบอกก่อน  ผมไม่แน่ใจว่าผมมีพลังแบบไหน  แต่รู้ว่ามีอยู่ 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน  อันแรกเป็นรูปแบบปกติ  และอีกอันเป็นรูปแบบต่อสู้  โครงสร้างกระดูกของผมจะเปลี่ยนไปและผิวหนังจะกลายเป็นกระดองแข็งๆ  พลังป้องกันจะเพิ่มขึ้นมหาศาล  ผมเคยฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีน้ำเงินมาแล้วตัวหนึ่ง”

ลู่หยวนหันไปทางหวังซีซี  เธอจึงพูดขึ้นอย่างทระนงตัวว่า  “พลังของฉันคือพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ  ฉันเคยฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีน้ำเงินเหมือนกัน  แต่จำไม่ได้แล้วว่ากี่ตัว”

เจ้าอ้วนเซี่ยมองเธออย่างตกใจ  เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆจะแข็งแกร่งขนาดนั้น  กระทั่งพวกทหารก็ยังมองเธอด้วยสีหน้าตกตะลึง

“พลังของผมคือกระทืบปฐพี  ผมสามารถปล่อยคลื่นกระแทกได้ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง  ผมเคยฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีเขียวอ่อนมาแล้ว”  ลู่หยวนอธิบายคร่าวๆ

ในที่สุดก็ถึงตาผู้หญิงคนนั้น  เธอเอาแต่บิดเสื้ออย่างประหม่า  ลังเลอยู่สักครู่ก่อนจะพูดว่า  “ฉันสามารถควบคุมจิตใจได้  ฉันสามารถควบคุมสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีเขียวอ่อนได้ชั่วคราว”

ทุกคนพากันตกใจ  รวมถึงลู่หยวนด้วย  พวกทหารเกือบจะชักปืนออกมา  ควบคุมจิตใจงั้นเหรอ?  ฟังดูเป็นอะไรที่ชั่วร้าย  ไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะครอบครองพลังที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้  ถ้าพลังของเธอเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆล่ะก็  มันย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

“ได้โปรด  อย่าเข้าใจฉันผิดนะ  ฉันสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่ำได้เท่านั้น”  ผู้หญิงคนนั้นอธิบายพร้อมกับถอนใจเมื่อเธอเห็นอาการตกใจของทุกคน  จากนั้นเธอก็กลับเข้าสู่โลกส่วนตัวของเธอและนิ่งเงียบไปอีกครั้ง

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.