spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 188 ฝึกฝน
มันเป็นโรงอาหารรวม ทั้งพลเรือนและทหารต่างมากินอาหารที่นี่เหมือนกัน พวกผู้รอดชีวิตหยุดคุยกันทันทีที่เห็นลู่หยวนเดินเข้ามาในโรงอาหาร และเริ่มต้นกระซิบกระซาบกันแทน ทหารสองสามนายก็เริ่มคุยเรื่องของเขาด้วยเช่นกัน เจ้าอ้วนเซี่ยยึดทั้งโต๊ะคนเดียว เขาดูหงุดหงิดมากและจากไปทันทีหลังจากยัดขนมปังเข้าปากแล้ว ลู่หยวนคิดว่าเขาคงต้องมีปัญหากับทุกคนแน่
โฮวตงยิ้มเยาะขณะที่มองดูเจ้าอ้วนเซี่ยเดินจากไป เขารู้ว่าคนพวกนั้นพยายามจะอวดเบ่งจนกระทั่งพวกเขาพบว่าจริงๆแล้วลู่หยวนแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก ตอนนี้พวกเขาพยายามจะสร้างสัมพันธ์แทน
“ถ้าอยากจะได้เวลาในการผูกมิตรกับเขา ก็จงแน่ใจซะก่อนเถอะว่าสมองของพวกนายแข็งแกร่งกว่าดาบของเขา ” โฮวตงคิด
“เกิดอะไรขึ้น? ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรแหม่งๆอยู่นะ” เชาหลินพูดกับโฮวตง ดึงเสื้อของเขาเล็กน้อยพร้อมก้าวถอยหลัง
โฮวตงยักไหล่แล้วพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ไปถามพี่ลู่เอาซิ”
เชาหลินถลึงตามองเขาอยู่แปบหนึ่ง เธอไม่ไปถามคำถามงี่เง่ากับลู่หยวนอยู่แล้ว แค่ยืนอยู่ข้างๆเขา เธอก็กลัวจะตายแล้ว เธอสงสัยว่าหวงเจียฮุยสามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้อย่างไรกัน พวกเขาต่อแถวเพื่อรับอาหารฟรี มันไม่ใช่อาหารเช้าที่หรูหรา แต่มีขนมปัง ข้าวต้ม และซุปเนื้อ ซึ่งมากพอที่จะกระตุ้นพวกเขาได้ พวกผู้หญิงเอามือปิดปากขณะกลั้นน้ำตาเอาไว้ อาหารพวกนี้ทำให้พวกเขาคิดถึงบ้านอย่างที่สุด ทำให้นึกถึงวันเก่าๆก่อนจะเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น
“พวกคุณมาใหม่งั้นเหรอ? กินตามสบายเลย อย่าปล่อยให้ตัวเองอดล่ะ แต่จะว่าไปพวกคุณดูไม่เหมือนคนที่อดอยากมานานเลยซักนิด มีบางคนกินเยอะเกินไปจนอาหารไม่ย่อยตายด้วยนะ” พ่อครัวของกองทัพพูดกับลู่หยวนและคนของเขา
“น่าเศร้านะครับ พวกเขาต้องผ่านความลำบากมามากกว่าจะมาถึงที่นี่” ความจริงแล้วลู่หยวนรู้สึกเฉยๆกับเรื่องน่าเศร้าพวกนั้น เขาแค่พูดเป็นมารยาทเท่านั้น “ผมขอขนมปัง 5 อัน ข้าวต้ม 1 ถ้วยกับซุป แล้วก็ที่นี่กินอาหารกลางวันกับอาหารเย็นกันกี่โมงเหรอครับ?”
“ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งและก็คงยุ่งกันไปอีกหลายสัปดาห์ ก็เลยไม่ได้กำหนดเวลาอาหารเอาไว้น่ะ ขึ้นอยู่กับคุณเลย อยากกินเมื่อไรก็มา”
ชายคนนั้นพูดต่อไปขณะที่ตักอาหารไปด้วย “ เหลือช่วงเวลาดีๆอยู่แค่ไม่กี่วันเท่านั้นแหละ หลังจากย้ายไปที่เขตบูรณะใหม่แล้วสิ่งต่างๆก็จะแตกต่างไป พวกเขาวางแผนจะออกนโยบายประหยัด จะต้องใช้ตั๋วแลกอาหาร พูดอีกอย่างก็คือ คุณจะไม่รู้สึกอิ่มอีกเลย แต่คุณก็จะไม่ตายเหมือนกัน ”
ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับอาหารมา และแยกกันเป็นสองกลุ่มแล้วนั่งลง พวกผู้รอดชีวิตที่นั่งอยู่ข้างๆโต๊ะของพวกเขารีบกินอาหารของตัวเองให้เสร็จแล้วจากไป เห็นได้ชัดว่าเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“พวกขี้ขลาด!” หลินเสี่ยวจีอดไม่ได้ เขากัดขนมปังคำใหญ่แล้วพูดว่า “รสชาติห่วยแตก”
“คิดซะว่าโชคยังดีที่มีอาหารกิน” หวังเซียกวงพูดพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่พ่อครัวพูด “เราอาจจะไม่ได้กินอาหารแบบนี้อีกหลังจากไปจากที่นี่แล้ว ยังไงก็เถอะ เกิดอะไรขึ้นเมื่อเช้านี้? ฉันได้ยินเชาหลินกับโฮวตงพูดกัน”
“ว่าแล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติ!” หวงเจียฮุยพูด เธอมองลู่หยวนแล้วหันไปมองโฮวตง
ลู่หยวนกินอาหารของเขาต่อไปเรื่อยๆ ดูไม่กระตือรือร้นที่จะอธิบาย โฮวตงจึงตอบว่า “มีคนพยายามท้าทายพี่ลู่ แต่จบลงด้วยการกลัวหัวหดกลับไป”
“โธ่ นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ซะอีก” หวังซีซีดูผิดหวัง
“แล้วเธอคิดว่าเป็นอะไร? อยากให้มีการฆ่ากันแทนรึไง?” หวงเจียฮุยถลึงตาใส่
“มีคนที่วิวัฒนาการแล้วพักอยู่ห้องเดียวกับพวกเธอรึเปล่า?” โฮวตงถามอย่างอยากรู้
“ไม่แน่ใจนะ เราเข้านอนกันตอนตี 3 แล้วมาที่นี่กันทันทีที่ตื่นเลย” หวงเจียฮุยพูด จากนั้นเธอก็มองลู่หยวนอีกครั้ง เขาไม่พูดอะไรสักคำ เธอคิดว่าเขามีท่าทางแปลกๆ เขาไม่ได้พูดอย่างอื่นอีกเลยหลังจากที่คุยกับพ่อครัวตอนนั้น
ความจริงแล้ว ลู่หยวนไม่มีเวลาพูดคุย เขาจำเป็นต้องเพ่งสมาธิไปที่การควบคุมพลัง คนธรรมดาไม่จำเป็นต้องควบคุมแรงของพวกเขาตอนเดินหรืออยู่นิ่งๆ
นั่นไม่ได้ใช้ความคิดหรือการวางแผนอะไรมากมาย แต่ลู่หยวนต้องปรับตัวให้เข้ากับความสามารถใหม่ของเขาเมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้น
การเดินเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดเพราะมันไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อมากนัก การกินเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากที่สุดเพราะเขาต้องคำนวณแรงในการใช้ตะเกียบและแรงกดที่จำเป็นต้องใช้ในส่วนต่างๆของแขน นั่นทำให้เขาไม่มีเวลาตอบคำถามใคร
ลู่หยวนจำต้องผ่านประสบการณ์เช่นนั้นทุกครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง มันเป็นสิ่งใหม่สำหรับเขา แต่เขาได้เบาะแสที่จำเป็นในการฝึกแล้ว มันต้องใช้เวลา 3-14 วันเพื่อที่จะได้ความสามารถใหม่มา
เมื่อลู่หยวนกินอาหารเสร็จ เขาก็เริ่มเหงื่อออก พอเขารู้สึกดีขึ้นเขาก็หันมาทางพวกผู้หญิง “พวกเธอทุกคนต้องระวังตัวกันให้มากกว่านี้ ผู้รอดชีวิตไม่ได้เป็นคนดีกันทุกคน”
สถานการณ์เปลี่ยนคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ไม่ปกติแบบนี้ มันเป็นวันที่เงียบมาก ลู่หยวนจึงเอาแต่ฝึกฝนพลังจิตและพลังการรับรู้ของเขา ในขณะที่รอวันเครื่องบินออกเดินทาง เจ้าอ้วนเซี่ยไม่กระตือรือร้นเท่าครั้งแรกที่พวกเขาพบกันอีกแล้ว เขารู้สึกอายและมักจะแสดงให้ลู่หยวนเห็นอยู่เสมอว่าเขาหงุดหงิดแค่ไหน แต่ลู่หยวนไม่สนเขาสักนิด เขาไปที่ลานฝึก โรงอาหาร และห้องพักของเขาเท่านั้น ครึ่งหนึ่งของลานฝึกเป็นลานฝึกยิงปืน และอีกครึ่งหนึ่งถูกแบ่งเป็นห้องฝึกหลายๆห้องซึ่งเปิดให้กับผู้รอดชีวิตทุกคน แน่ล่ะว่ามีพวกทหารบางคนฝึกอยู่ที่นั่นด้วย
ปืนใหม่นั้นมีพลังรุนแรงมาก สามารถทำลายเป้าหมายได้ในการยิงครั้งเดียว ลูกกระสุนปืนยาว 7 ซม.หนักและชุบด้วยทองแดง พวกเขาไม่สามารถใช้มันให้เสียเปล่าได้ ดังนั้นพวกเขาก็เลยเก็บมันมารีไซเคิลหลังจากยิงไปแล้วทุกๆนัด พวกทหารที่มาถึงฐานพร้อมกับลู่หยวนคุยกับเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ และบอกข้อมูลลับทางราชการบางอย่างให้เขาฟัง
ตามข้อมูลนั้น โจวยี่เชงได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลค่ายพักคนใหม่ แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่เขตบูรณะใหม่ก็ตาม สถานการณ์ดูเหมือนจะบรรเทาลง ทุกคนก็เลยค่อนข้างผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ลู่หยวนกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้นด้วยการใช้อุปกรณ์ในลานฝึก ถ้าความแข็งแรง 13 แต้มคือขีดจำกัดของมนุษย์ งั้นความแข็งแรง 14 แต้มก็ทำให้เขากลายเป็นตำนานอย่างแน่นอน
เขาสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 400 กก.และมีแรงบีบที่ 30 กก. เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว 75 กก.แล้ว เขาทำได้เกินสถิติโลกไปไกลมาก เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด ลู่หยวนเลยทำได้แค่วิ่งระยะสั้นเท่านั้น เขาสามารถวิ่ง 100 เมตรได้ในเวลา 3 วินาที
3 วินาทีเป็นเวลาที่ใช้ในการหายใจเข้าออกครบ 1 รอบเท่านั้น เขาไม่ต้องซ่อนความสามารถอีกเนื่องจากมีผู้ที่วิวัฒนาการแล้วเข้ามาในค่ายพักมากขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อนลู่หยวนพยายามที่จะเก็บงำความสามารถเอาไว้ เพราะเขาจำเป็นต้องเรียนรู้การควบคุมความแข็งแรงของเขา แต่ไม่กี่วันถัดมาเขาก็เริ่มโปรแกรมฝึกที่เข้มงวดแบบสุดๆเพื่อกำจัดผลกระทบเก่าๆให้หมดไป
อุปกรณ์ในลานฝึกมีเพื่อทดสอบความแข็งแรงเท่านั้น เขาจึงต้องทำโปรแกรมฝึกที่เข้มงวดของตัวเองซึ่งก็มีหลายวิธี ตัวอย่างเช่น เขาจะบอกให้โฮวตงกับหลินเสี่ยวจีช่วยเขาฝึกหลบกระสุนปืน หรือบอกให้พวกเขาใช้แท่งเหล็กตีเขาเพื่อให้เขาฝึกควบคุมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและฝึกป้องกันตัวเอง
เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวได้ ทุกครั้งจะจบลงด้วยเลือดหรือรูกระสุนบนร่างกาย ผู้รอดชีวิตหรือทหารที่อยู่ใกล้ต่างหวาดกลัวจนหน้าซีดเมื่อมองดูการฝึกของเขา แม้แต่โฮวตงหรือหลินเสี่ยวจียังกังวลว่าพวกเขาจะทำร้ายลู่หยวนจนบาดเจ็บเข้า และพากันโล่งอกเมื่อลู่หยวนตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมาด้วยอาการสบายดี
ลู่หยวนรู้สึกว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเขาใช้พลังจิตรักษาบาดแผลหลังการบาดเจ็บแต่ละครั้ง เขายังรู้อีกว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นในเวลาแค่ไม่กี่วัน แต่เขาไม่แน่ใจว่าปัจจัยสำคัญคืออะไร
ช่วงนี้ปืนธรรมดาทำร้ายเขาได้ยากแล้ว ลูกปืนจะติดอยู่ที่กล้ามเนื้อแน่นแข็งของเขาเมื่อเจาะผิวหนังเข้ามา และที่เขาต้องทำก็แค่บังคับเอาลูกปืนบู้บี้นั่นออกไปจากกล้ามเนื้อของเขา นั่นเป็นผลจากการยิงระยะใกล้ ถ้าเป็นการยิงจากระยะไกลก็จะส่งผลน้อยกว่านี้
ระหว่างที่พวกเขาพักอยู่ที่นั่น ลู่หยวนได้ขออนุญาตออกไปตรวจดูเจ้ากิ้งก่ายักษ์ แต่คำขอถูกปฏิเสธ เขาตัดสินใจอดทนกับการปฏิบัติต่อเขาของคนพวกนั้น และดูว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างเมื่อเขาได้พบกับโจวยี่เชง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทหารสี่นายกำลังรอลู่หยวนกับคนของเขาอยู่ที่ห้องพักของเขาเมื่อตอนที่พวกเขากลับมาจากโรงอาหาร เจ้าอ้วนเซี่ยและผู้หญิงสภาพสกปรกมอมแมมคนหนึ่งก็อยู่ที่นั่นด้วย
“ผู้บังคับบัญชาของเราต้องการพบคุณ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น