spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 187 คนรู้จัก
ห้องพักไม่มีแสงไฟ แต่ทางเดินนั้นมีไฟสว่าง ดังนั้นทุกคนจึงมองเห็น
แต่เมื่อเข้าไปได้ไม่นาน สีหน้าของคนหลายคนก็กลายเป็นผิดหวัง
เตียงชั้นบนทั้งหมดมีเจ้าของแล้ว และเตียงชั้นล่างก็มีขยะเกลื่อนกลาด
กลิ่นตัวเหม็นๆ กระสอบใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง หม้อกับกระทะ และเสื้อผ้าสกปรกที่เปื้อนดิน ทำให้ห้องพักทั้งห้องมีกลิ่นประหลาดๆที่ระบุไม่ได้กระจายอยู่ทั่ว
พวกทหารปล่อยให้ผู้รอดชีวิตอยู่กันเองโดยไม่มีการจัดการที่เหมาะสม และผลที่ออกมาก็คือไม่มีเตียงว่างเหลืออยู่เลย
ลู่หยวนสังเกตสถานการณ์อยู่นาน แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ อย่างไรก็ตาม โฮวตงกับหลินเสี่ยวจีดูจะไม่มีความสุขกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่มากขึ้น
เมื่อเห็นทั้งสองคนหงุดหงิดจนเกือบจะลุกขึ้นมาก่อเรื่อง ลู่หยวนก็รีบหยุดพวกเขาไว้พร้อมกับพูดว่า “ดึกมากแล้ว คุยอะไรกันตอนนี้ไม่สะดวกหรอก ย้ายข้าวของไปไว้ที่พื้นแล้วนอนเถอะ”
ไม่ใช่เพราะลู่หยวนกลัวมีปัญหา เขาแค่ขี้เกียจมีเรื่องกวนใจ จิตใจของพวกเขาเหนื่อยล้ามาทั้งวัน และรวมกับความตึงเครียดจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทำให้เขาเหนื่อยล้าและหมดแรง เขาอยากจะพักผ่อนเต็มทีแล้ว อีกทั้งการก่อเรื่องในฐานทัพมีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้แก่พวกเขาเท่านั้น จึงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยมันผ่านไป
ด้วยคำพูดของลู่หยวน คนทั้งสองจึงสะกดกลั้นความไม่พอใจของพวกเขาเอาไว้ แต่ความโกรธเคืองของพวกเขาก็ยังเห็นได้จากการกระทำที่รุนแรง
ตอนที่ขยะถูกวางลงบนพื้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดเสียง ในกลางดึกเช่นนี้ เสียงจะดังเป็นพิเศษ และสามารถปลุกผู้รอดชีวิตที่หลับสนิทที่สุดให้ตื่นขึ้นมาได้
ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างสูงร่างหนึ่งก็กระโดดลงมาจากเตียงชั้นบน ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อเขาเริ่มพ่นถ้อยคำหยาบคายออกมา “ไอ้เหี้ย พวกมึงทำอะไรกันวะ? ที่พูดไปไม่ได้ยินกันรึไง หูหนวกเหรอมึง! อยากโดนกระทืบรึไงวะ?”
ชายที่กำลังสบถด่าอยู่นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ น่าจะสูงกว่า 2 เมตรเล็กน้อย ประมาณ 2.2 เมตร และทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม บางทีเขาอาจจะเคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน เขาโกนหัวโล้นแต่การโกนไม่สม่ำเสมอกันทำให้หนังศีรษะของเขาเป็นหย่อมๆไม่เท่ากัน
นอกจากเขาแล้ว ผู้รอดชีวิตที่เหลือต่างอยู่นิ่งๆ บางทีคนๆนี้คงเป็นตัวสร้างปัญหา หรือบางทีคนที่เหลืออาจจะอยากอยู่ห่างจากความยุ่งยากมากกว่า
แต่ก่อนที่ลู่หยวนจะได้ทำอะไร เหตุการณ์ที่ตามมาก็ทำให้โฮวตงและหลินเสี่ยวจีอ้าปากค้าง
ก่อนวันโลกาวินาศ ชายร่างสูงที่มีท่าทีก้าวร้าวรุนแรงนี้จะต้องถูกขังคุกแน่ เขาเข้าเกณฑ์ทุกอย่างของอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุด และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเป็นผู้ท้าชิงในตำแหน่งจ้าวแห่งอาชญากรรมที่ดีที่สุด แต่วินาทีต่อมานั่นเอง สีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวกับเล่นละคร เขาเกือบจะดูไม่เป็นธรรมชาติเมื่อพูดว่า “ คุณ......พี่ลู่งั้นหรือ ? ”
ลู่หยวนมองเขาอย่างสับสน เขาดูคุ้นๆอยู่แต่ภาพในความทรงจำนั้นแตกต่างกับชายที่อยู่ตรงหน้าเขามาก ลู่หยวนถามขึ้น “ แล้วคุณคือ ? ”
“ ผมคือเจ้าอ้วนเซี่ยไง!” ชายที่เรียกตัวเองว่าเจ้าอ้วนเซี่ยเกาหัวของเขาแล้วพูดอย่างอายๆว่า “ผมคือคนที่ทำธุรกิจค้าขายผิดกฎหมายตรงที่ทิ้งขยะในเมืองเหอตงไง จำไม่ได้เหรอ?”
“คุณ......คุณคือหัวหน้าเซี่ยเหรอ? คุณกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?” ถึงแม้ลู่หยวนจะตกตะลึงกับรูปร่างที่เปลี่ยนไปของชายคนนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีความคล้ายคลึงกับหัวหน้าเซี่ยอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม หัวหน้าเซี่ยเมื่อก่อนนั้นสูงเพียง 1.70 เมตรเท่านั้น และอ้วนมากจนวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดพักหายใจแล้ว ตอนนี้ร่างของเขาสูงถึง 2 เมตรและมีกล้ามราวกับนักเพาะกาย มันเป็นการเปลี่ยนที่เยอะมากจริงๆ
“ เรียกผมว่าเจ้าอ้วนเซี่ยเถอะ เพื่อนๆผมเรียกผมแบบนี้ ถ้าผมไม่บอกก็ไม่มีใครจำผมตอนนี้ได้แล้ว ” ขณะที่พูดชายคนนั้นดูอับจนหนทาง “ ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะการวิวัฒนาการ ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไปแบบนี้ ผมก็คงไม่รอดมาได้นานขนาดนี้ ”
การพบคนที่คุ้นเคยเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าคนที่พวกเขารู้จักจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกกี่คน ลู่หยวนไม่รีบเข้านอนอีกต่อไป “ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วมาถึงเมื่อไหร่? ”
“เรื่องมันยาว ตอนที่เมืองเหอตงถูกโจมตี ผมมุ่งหน้าไปที่เมืองตงหูก่อน ต่อมาเพื่อนที่ทำธุรกิจของผมบอกว่าเมืองตงหูไม่ปลอดภัยแล้ว ผมก็ตามคนกลุ่มหนึ่งไปที่เมืองหูเฉิง แต่เมืองหูเฉิงก็รับการโจมตีไม่ไหวเหมือนกัน แถมผมยังไม่คุ้นเคยกับผู้คนหรือสถานที่ ผมไม่มีเส้นสาย เงินก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่นั่น คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่บุคคลสำคัญ ผมแค่ทำการค้าเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ก็เลยไม่ได้รับเลือกให้ร่วมในภารกิจล่าถอยครั้งแรกและครั้งที่สอง ส่วนภารกิจครั้งที่สามมาช้าเกินไป เมืองหูเฉิงล่มสลายแล้ว และภารกิจก็ล่าช้า ”
“ คืนนั้น พอผมเผลอ ภรรยาผมก็พาลูกๆของเรากระโดดตึกลงมา ”
“ ผมเร่ร่อนไปเรื่อย กินทุกอย่างที่หาได้ กินแม้กระทั่งหนูในท่อระบายน้ำ ทุกวันผมซ่อนตัวจนกระทั่งวันหนึ่งก็วิวัฒนาการ ถ้าผมไม่วิวัฒนาการ ผมก็คงอยู่ในท้องของสัตว์กลายพันธุ์ไปแล้ว ประมาณ 10 วันที่แล้ว ผมเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินผ่านไป ผมเลยตามมันมาจนถึงที่นี่ ” เจ้าอ้วนเซี่ยลูบหน้า ขากเสมหะออกมานิดหน่อย แล้วชี้นิ้วหนาๆของเขาไปที่ลู่หยวน “ แต่พอก่อนเถอะเรื่องของผมน่ะ คุณล่ะเป็นยังไงบ้าง ? ”
ถึงแม้เจ้าอ้วนเซี่ยจะไม่สุภาพอ่อนโยน อย่างน้อยเขาก็เป็นมิตร เขายิ้มให้กับทุกคนและยังมีมารยาทที่ดี ดูเหมือนว่าเหตุการณ์โลกาวินาศนี้ได้เปลี่ยนเขาไปเป็นอย่างมาก
“ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอก ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่มาที่นี่” ลู่หยวนถอนใจขณะที่คิดถึงการตายที่น่าเศร้าของหวงยู่อิงและหนิงเสี่ยวหลาน จากนั้นเขาก็มองไปที่เติ้งเว่ยและจงชู่เชียง เด็กสองคนนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลับแม้ว่าพวกเขาจะหาวไม่หยุดก็ตาม ลู่หยวนพูดขึ้นว่า “มันดึกแล้ว เอาไว้คุยพรุ่งนี้เถอะ เรายังมีเวลาอีกเยอะ”
“ก็ได้ งั้นพวกคุณก็เลือกเตียงที่ต้องการได้เลยแล้วโยนของทุกอย่างลงพื้นนั่นแหละ คนพวกนี้มันขี้ขลาดตาขาว พวกเขาไม่มายุ่งกับผมหรอกต่อให้ยุยังไงก็เถอะ ผมกลับไปนอนต่อล่ะ” เจ้าอ้วนเซี่ยพูดขึ้น ลืมสีหน้าดูถูกเหยียดหยามของหลินเสี่ยวจีไปสนิท
เขาพลิกตัวขึ้นไปบนเตียงอย่างรวดเร็ว โครงเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทันที เจ้าอ้วนเซี่ยสบายซะจนลืมนึกถึงความสบายของคนอื่นๆซะสนิท
ลู่หยวนสังเกตเห็นว่าคนอื่นๆไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย ดูเหมือนว่าเขาเหมาะดีกับที่นั่น
ลู่หยวนเลือกเตียงที่ค่อนข้างสะอาด แล้วโยนพวกขยะลงบนพื้น กางถุงนอนออกแล้วเข้านอน ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็สงบลง ฐานทัพให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเขา ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลถึงอันตรายที่ไม่คาดคิดหรือการหลับไม่สนิท ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะไปที่ไหน หรือจะมีอะไรเลวร้ายรอพวกเขาอยู่
ลู่หยวนไม่ได้ดูข้อความเสร็จภารกิจของเขาด้วยซ้ำ เขานอนหลับสนิทไปในทันที
เช้าวันต่อมา เขาตื่นขึ้นจากเสียงของคนอื่นๆที่ตื่นขึ้นแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นมา เขาก็ไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกดีขึ้นมากอย่างน่าแปลกใจ แค่หลับไปไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้เรี่ยวแรงของเขากลับคืนมาอย่างเต็มที่
“ พี่ลู่ ตื่นแล้วเหรอ! ไปกินข้าวเช้าด้วยกันเถอะ ” เจ้าอ้วนเซี่ยพูดเสียงดังขณะที่กระโดดลงมาจากเตียง
“มีอาหารเช้าด้วยเหรอ?” ลู่หยวนถามอย่างสงสัย
“มีซิ ก่อนเกิดวันโลกาวินาศน่ะ พวกเขาเก็บสะสมอาหารเอาไว้ที่นี่ตั้งเยอะ” เจ้าอ้วนเซี่ยพูดไปเรื่อยๆพร้อมกับตบบ่าลู่หยวนอย่างแรงหนึ่งที
ตั้งแต่วันโลกาวินาศเริ่มขึ้น ก็ไม่มีใครกล้าตบบ่าลู่หยวน เขารู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่ก็ปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้หลบเลี่ยงแต่ปล่อยให้เจ้าอ้วนเซี่ยวางมือบนบ่าเขา และลดบ่าลงเล็กน้อยเพื่อกระจายแรงกระแทก "ไม่ได้กินอาหารปกติมานาน จำไม่ได้แล้วว่ารสชาติเป็นยังไง แต่ผมมีเพื่อนๆมากับผมด้วย รอจนกว่าทุกคนจะตื่นแล้วค่อยไปกัน”
เจ้าอ้วนเซี่ยมีสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้แรงเต็มที่ คนธรรมดาก็ยังล้มลุกคลุกคลานจากเรี่ยวแรงของเขา เขาคาดว่าลู่หยวนจะไม่สามารถขยับตัวได้ แล้วนี่เขากลับบิดไหล่ออกมาได้อย่างง่ายดาย
ที่จริงเขาก็รู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าพี่ลู่ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีชื่อเสียงในชุมชนที่ทิ้งขยะ กระทั่งเจ้าอ้วนเซี่ยเองยังต้องเรียกเขาว่าลูกพี่ลู่ แต่เจ้าอ้วนเซี่ยไม่ใช่คนเดิมอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว เขาไม่ใช่เจ้าอ้วนเซี่ยที่ยิ้มแย้มอยู่เสมออีกต่อไป ตั้งแต่เขาได้วิวัฒนาการ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และพลังป้องกันของเขาก็แข็งแกร่งผิดธรรมดา กระทั่งร่างปกติของเขาก็ยังสามารถฉีกสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสามได้ และเมื่ออยู่ในร่างพิเศษเขาก็สามารถฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสี่ได้ ความสามารถและความแข็งแกร่งของลู่หยวนเมื่อก่อนนี้ไม่อยู่ในสายตาเขาอีกจึงทำให้เขามีท่าทีเหยียดหยามเช่นนั้น
เจ้าอ้วนเซี่ยหัวเราะเสียงแหบห้าวขณะที่พูดว่า “พวกเขาเป็นน้องของคุณงั้นเหรอ?”
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้” ลู่หยวนพูดอย่างไม่สนใจนัก ความสนใจของเขาเพ่งไปที่หน้าต่างภารกิจ วันก่อนเขาผ่อนคลายเกินไปและไม่สนใจตรวจสอบมัน เช้านี้เมื่อเขาตื่นขึ้นจึงเปิดดูและพบว่าเลเวลของเขาเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่เขา เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็เลเวลอัพด้วย
“ภารกิจที่ทำอยู่ : ภารกิจระดับ B คุ้มกันทหารกลุ่มหนึ่งไปที่ฐานทัพลับเมืองหูเฉิง”
“เงื่อนไขภารกิจ : จำนวนทหารจะต้องไม่ต่ำกว่า 6 คน รวมโจวยี่เชงด้วย”
“จำกัดเวลา : 1 สัปดาห์”
“สถานะภารกิจ : สำเร็จ”
“การประเมิน : ดี”
“ชื่อ : ลู่หยวน”
“การมีส่วนร่วม : 90%”
“รางวัลพื้นฐาน ค่าประสบการณ์ +9,600*90%”
“การประเมิน : ยอดเยี่ยม ค่าประสบการณ์ +4,800*90%”
“ค่าประสบการณ์ : 5,520/76,800”
“สัตว์อสูรสงคราม : กิ้งก่ายักษ์”
“การมีส่วนร่วม : 10%”
“รางวัลพื้นฐาน ค่าประสบการณ์ +9,600*10%”
“การประเมิน : ดี ค่าประสบการณ์ +4,800*10%”
“ค่าประสบการณ์ : 1,140/19,200”
เจ้ากิ้งก่ายักษ์ไม่ได้มีส่วนในภารกิจครั้งนี้มากนัก ดังนั้นค่าประสบการณ์ส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ลู่หยวน ทำให้เขาเลเวลเพิ่มขึ้นและยังมีส่วนที่เกินมาอีก 5,000 แต้ม ซึ่งจะทำให้เพิ่มเลเวลได้ราบรื่นขึ้นอีกมาก
เมื่อมองดูคะแนนคุณสมบัติและคะแนนทักษะ 6 แต้มที่เหลืออยู่ เขาก็เป็นปลื้มขึ้นมากะทันหัน ในที่สุดเขาก็เลเวลอัพแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
เขามองดูคุณสมบัติทั้งหมดของเขาซึ่งส่วนใหญ่สูงกว่า 14 แต้ม มีเพียงค่าความแข็งแรง 13 แต้มและความฉลาดเท่านั้นที่เขาสนใจ เขามองไปที่ความฉลาดก่อนจะมองดูความแข็งแรงของเขาในทันที จุดอ่อนของความแข็งแรงของเขาปรากฏชัดในระหว่างการต่อสู้ครั้งล่าสุด ส่งผลกระทบต่อค่าความคล่องแคล่ว 14 แต้มซึ่งไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เขารู้สึกอยู่เสมอว่าคุณสมบัตินี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมานานแล้วว่าจะเพิ่มค่าความแข็งแรงของเขา
อาจจะเป็นเพราะเขาได้พิจารณาเรื่องนี้มานานแล้ว หรือบางทีสภาพจิตใจของเขาผ่อนคลายมากขึ้น ลู่หยวนจึงเพิ่มคะแนนลงไปโดยอัตโนมัติ
ทันใดนั้น เจ้าอ้วนเซี่ยก็รู้สึกถึงรังสีกดดันภายในห้อง เขารีบหันไปทางลู่หยวนตามสัญชาตญาณ ซึ่งตอนนี้กำลังปล่อยรังสีกดดันออกมาราวกับสัตว์ร้ายที่น่าหวาดกลัว ใบหน้าของทุกคนซีดขาว บางคนถอยหนีไปอย่างระมัดระวังขณะที่หลายคนล้มลงกระแทกพื้น ปล่อยกลิ่นเหม็นๆออกมาและทำให้ตัวเองเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ คนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงก็ดูเหมือนจะเป็นอัมพาต พวกเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย ทำได้อย่างเดียวคือตะโกน
เจ้าอ้วนเซี่ยที่อยู่ใกล้ลู่หยวนมากที่สุดโดนผลกระทบไปเต็มๆ เขารู้สึกว่ามีน้ำหนักมหาศาลกดลงบนตัวเขา หน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อออก เขาค่อยๆถอยหนีทีละก้าว แต่ละก้าวทิ้งรอยเท้าหนักๆเอาไว้บนพื้น ร่างทั้งร่างรู้สึกเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะลม เขาสูญเสียน้ำหนักไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็ปล่อยสารสีขาวออกมาเพื่อทำให้ตัวเขามั่นคงขึ้น
ในที่สุดลู่หยวนก็สังเกตเห็นว่าร่างของเขาปล่อยพลังและความแข็งแกร่งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาพยายามควบคุมมันอย่างรวดเร็ว แต่สายไปแล้ว เกิดความอลหม่านวุ่นวายขึ้นแล้ว ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น ทุกคนที่มองมาทางลู่หยวนพากันหลบสายตาขณะที่ถอยหนีด้วยความกลัว
เจ้าอ้วนเซี่ยได้สติอย่างรวดเร็ว เขามีสีหน้าไม่พอใจ ริมฝีปากสั่นเล็กน้อยขณะที่พูดตะกุกตะกักว่า “ลูกพี่ลู่ ซ่อนความสามารถเอาไว้ซะดีเลยนะครับ ลูกพี่ยังแข็งแกร่งเหมือนเดิมเลย ดูเหมือนเมื่อวานผมจะทระนงตัวเกินไปหน่อย”
เจ้าอ้วนเซี่ยคิดว่าจุดประสงค์ที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นก็เพื่อข่มขู่เขา เขาไม่กล้าเรียกลู่หยวนว่าพี่เฉยๆอีกต่อไป เขากลับมาเรียกลู่หยวนว่าลูกพี่ลู่แทน ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากจบบทสนทนา เขาก็ก้าวยาวๆออกไปทันที อับอายเกินกว่าจะอยู่ในห้องต่อไป
ลู่หยวนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ดังนั้นเขาก็เลยปล่อยให้เจ้าอ้วนเซี่ยจากไป ยังไงซะเขาก็เป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น ดังนั้นลู่หยวนจึงไม่รู้สึกผิดมากนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เหตุวุ่นวายนั้นรบกวนโฮวตงและหลินเสี่ยวจีจนตื่นขึ้นมา เด็กสองคนยังอยู่ในสภาวะช็อคเช่นกัน แต่พวกเขานอนอยู่ตอนกลางของห้อง ดังนั้นผลกระทบจึงไม่มากเกินไปนัก ไม่เหมือนคนที่อยู่ใกล้ๆ บางคนถึงขั้นทำกางเกงตัวเองเปื้อนเลยทีเดียว
หลังจากที่พวกเขาลุกขึ้น ลู่หยวนก็ไปที่ห้องพักของพวกผู้หญิง และบอกหวงเจียฮุยกับคนอื่นๆให้ออกมา เมื่อทั้งกลุ่มรวมตัวกัน พวกเขาก็ถามทางไปยังโรงอาหารและมุ่งหน้าไปตามทางนั้น