หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 187  คนรู้จัก

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 187  คนรู้จัก

 

ห้องพักไม่มีแสงไฟ  แต่ทางเดินนั้นมีไฟสว่าง  ดังนั้นทุกคนจึงมองเห็น

แต่เมื่อเข้าไปได้ไม่นาน  สีหน้าของคนหลายคนก็กลายเป็นผิดหวัง

เตียงชั้นบนทั้งหมดมีเจ้าของแล้ว  และเตียงชั้นล่างก็มีขยะเกลื่อนกลาด

กลิ่นตัวเหม็นๆ  กระสอบใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง  หม้อกับกระทะ  และเสื้อผ้าสกปรกที่เปื้อนดิน  ทำให้ห้องพักทั้งห้องมีกลิ่นประหลาดๆที่ระบุไม่ได้กระจายอยู่ทั่ว

พวกทหารปล่อยให้ผู้รอดชีวิตอยู่กันเองโดยไม่มีการจัดการที่เหมาะสม  และผลที่ออกมาก็คือไม่มีเตียงว่างเหลืออยู่เลย

ลู่หยวนสังเกตสถานการณ์อยู่นาน  แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ  อย่างไรก็ตาม  โฮวตงกับหลินเสี่ยวจีดูจะไม่มีความสุขกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่มากขึ้น

เมื่อเห็นทั้งสองคนหงุดหงิดจนเกือบจะลุกขึ้นมาก่อเรื่อง  ลู่หยวนก็รีบหยุดพวกเขาไว้พร้อมกับพูดว่า  “ดึกมากแล้ว  คุยอะไรกันตอนนี้ไม่สะดวกหรอก  ย้ายข้าวของไปไว้ที่พื้นแล้วนอนเถอะ”

ไม่ใช่เพราะลู่หยวนกลัวมีปัญหา  เขาแค่ขี้เกียจมีเรื่องกวนใจ  จิตใจของพวกเขาเหนื่อยล้ามาทั้งวัน  และรวมกับความตึงเครียดจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้  ทำให้เขาเหนื่อยล้าและหมดแรง  เขาอยากจะพักผ่อนเต็มทีแล้ว  อีกทั้งการก่อเรื่องในฐานทัพมีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้แก่พวกเขาเท่านั้น  จึงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยมันผ่านไป

ด้วยคำพูดของลู่หยวน  คนทั้งสองจึงสะกดกลั้นความไม่พอใจของพวกเขาเอาไว้  แต่ความโกรธเคืองของพวกเขาก็ยังเห็นได้จากการกระทำที่รุนแรง

ตอนที่ขยะถูกวางลงบนพื้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดเสียง  ในกลางดึกเช่นนี้  เสียงจะดังเป็นพิเศษ  และสามารถปลุกผู้รอดชีวิตที่หลับสนิทที่สุดให้ตื่นขึ้นมาได้

ไม่กี่วินาทีต่อมา  ร่างสูงร่างหนึ่งก็กระโดดลงมาจากเตียงชั้นบน  ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อเขาเริ่มพ่นถ้อยคำหยาบคายออกมา  “ไอ้เหี้ย  พวกมึงทำอะไรกันวะ?  ที่พูดไปไม่ได้ยินกันรึไง  หูหนวกเหรอมึง!  อยากโดนกระทืบรึไงวะ?”

ชายที่กำลังสบถด่าอยู่นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่  น่าจะสูงกว่า 2 เมตรเล็กน้อย  ประมาณ 2.2 เมตร  และทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม  บางทีเขาอาจจะเคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน  เขาโกนหัวโล้นแต่การโกนไม่สม่ำเสมอกันทำให้หนังศีรษะของเขาเป็นหย่อมๆไม่เท่ากัน

นอกจากเขาแล้ว  ผู้รอดชีวิตที่เหลือต่างอยู่นิ่งๆ  บางทีคนๆนี้คงเป็นตัวสร้างปัญหา  หรือบางทีคนที่เหลืออาจจะอยากอยู่ห่างจากความยุ่งยากมากกว่า

แต่ก่อนที่ลู่หยวนจะได้ทำอะไร  เหตุการณ์ที่ตามมาก็ทำให้โฮวตงและหลินเสี่ยวจีอ้าปากค้าง

ก่อนวันโลกาวินาศ  ชายร่างสูงที่มีท่าทีก้าวร้าวรุนแรงนี้จะต้องถูกขังคุกแน่  เขาเข้าเกณฑ์ทุกอย่างของอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุด  และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเป็นผู้ท้าชิงในตำแหน่งจ้าวแห่งอาชญากรรมที่ดีที่สุด  แต่วินาทีต่อมานั่นเอง  สีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวกับเล่นละคร  เขาเกือบจะดูไม่เป็นธรรมชาติเมื่อพูดว่า  “ คุณ......พี่ลู่งั้นหรือ ? ”

ลู่หยวนมองเขาอย่างสับสน  เขาดูคุ้นๆอยู่แต่ภาพในความทรงจำนั้นแตกต่างกับชายที่อยู่ตรงหน้าเขามาก  ลู่หยวนถามขึ้น  “ แล้วคุณคือ ? ”

“ ผมคือเจ้าอ้วนเซี่ยไง!”  ชายที่เรียกตัวเองว่าเจ้าอ้วนเซี่ยเกาหัวของเขาแล้วพูดอย่างอายๆว่า  “ผมคือคนที่ทำธุรกิจค้าขายผิดกฎหมายตรงที่ทิ้งขยะในเมืองเหอตงไง  จำไม่ได้เหรอ?”

“คุณ......คุณคือหัวหน้าเซี่ยเหรอ?  คุณกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?”  ถึงแม้ลู่หยวนจะตกตะลึงกับรูปร่างที่เปลี่ยนไปของชายคนนั้น  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีความคล้ายคลึงกับหัวหน้าเซี่ยอยู่บ้าง  อย่างไรก็ตาม  หัวหน้าเซี่ยเมื่อก่อนนั้นสูงเพียง 1.70 เมตรเท่านั้น  และอ้วนมากจนวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดพักหายใจแล้ว  ตอนนี้ร่างของเขาสูงถึง 2 เมตรและมีกล้ามราวกับนักเพาะกาย  มันเป็นการเปลี่ยนที่เยอะมากจริงๆ

“ เรียกผมว่าเจ้าอ้วนเซี่ยเถอะ  เพื่อนๆผมเรียกผมแบบนี้  ถ้าผมไม่บอกก็ไม่มีใครจำผมตอนนี้ได้แล้ว ”  ขณะที่พูดชายคนนั้นดูอับจนหนทาง  “ ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะการวิวัฒนาการ  ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไปแบบนี้  ผมก็คงไม่รอดมาได้นานขนาดนี้ ”

การพบคนที่คุ้นเคยเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสมอ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าคนที่พวกเขารู้จักจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกกี่คน  ลู่หยวนไม่รีบเข้านอนอีกต่อไป  “ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?  แล้วมาถึงเมื่อไหร่? ”

“เรื่องมันยาว  ตอนที่เมืองเหอตงถูกโจมตี  ผมมุ่งหน้าไปที่เมืองตงหูก่อน  ต่อมาเพื่อนที่ทำธุรกิจของผมบอกว่าเมืองตงหูไม่ปลอดภัยแล้ว  ผมก็ตามคนกลุ่มหนึ่งไปที่เมืองหูเฉิง  แต่เมืองหูเฉิงก็รับการโจมตีไม่ไหวเหมือนกัน  แถมผมยังไม่คุ้นเคยกับผู้คนหรือสถานที่  ผมไม่มีเส้นสาย  เงินก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่นั่น  คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่บุคคลสำคัญ  ผมแค่ทำการค้าเล็กๆน้อยๆเท่านั้น  ก็เลยไม่ได้รับเลือกให้ร่วมในภารกิจล่าถอยครั้งแรกและครั้งที่สอง  ส่วนภารกิจครั้งที่สามมาช้าเกินไป  เมืองหูเฉิงล่มสลายแล้ว  และภารกิจก็ล่าช้า ”

“ คืนนั้น  พอผมเผลอ  ภรรยาผมก็พาลูกๆของเรากระโดดตึกลงมา ”

“ ผมเร่ร่อนไปเรื่อย  กินทุกอย่างที่หาได้  กินแม้กระทั่งหนูในท่อระบายน้ำ  ทุกวันผมซ่อนตัวจนกระทั่งวันหนึ่งก็วิวัฒนาการ  ถ้าผมไม่วิวัฒนาการ  ผมก็คงอยู่ในท้องของสัตว์กลายพันธุ์ไปแล้ว  ประมาณ 10 วันที่แล้ว  ผมเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินผ่านไป  ผมเลยตามมันมาจนถึงที่นี่ ”  เจ้าอ้วนเซี่ยลูบหน้า  ขากเสมหะออกมานิดหน่อย  แล้วชี้นิ้วหนาๆของเขาไปที่ลู่หยวน  “ แต่พอก่อนเถอะเรื่องของผมน่ะ  คุณล่ะเป็นยังไงบ้าง ? ”

ถึงแม้เจ้าอ้วนเซี่ยจะไม่สุภาพอ่อนโยน  อย่างน้อยเขาก็เป็นมิตร  เขายิ้มให้กับทุกคนและยังมีมารยาทที่ดี  ดูเหมือนว่าเหตุการณ์โลกาวินาศนี้ได้เปลี่ยนเขาไปเป็นอย่างมาก

“ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอก  ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่มาที่นี่”  ลู่หยวนถอนใจขณะที่คิดถึงการตายที่น่าเศร้าของหวงยู่อิงและหนิงเสี่ยวหลาน  จากนั้นเขาก็มองไปที่เติ้งเว่ยและจงชู่เชียง  เด็กสองคนนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลับแม้ว่าพวกเขาจะหาวไม่หยุดก็ตาม  ลู่หยวนพูดขึ้นว่า  “มันดึกแล้ว  เอาไว้คุยพรุ่งนี้เถอะ  เรายังมีเวลาอีกเยอะ”

“ก็ได้  งั้นพวกคุณก็เลือกเตียงที่ต้องการได้เลยแล้วโยนของทุกอย่างลงพื้นนั่นแหละ  คนพวกนี้มันขี้ขลาดตาขาว  พวกเขาไม่มายุ่งกับผมหรอกต่อให้ยุยังไงก็เถอะ  ผมกลับไปนอนต่อล่ะ”  เจ้าอ้วนเซี่ยพูดขึ้น  ลืมสีหน้าดูถูกเหยียดหยามของหลินเสี่ยวจีไปสนิท

เขาพลิกตัวขึ้นไปบนเตียงอย่างรวดเร็ว  โครงเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทันที  เจ้าอ้วนเซี่ยสบายซะจนลืมนึกถึงความสบายของคนอื่นๆซะสนิท

ลู่หยวนสังเกตเห็นว่าคนอื่นๆไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย  ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย  ดูเหมือนว่าเขาเหมาะดีกับที่นั่น

ลู่หยวนเลือกเตียงที่ค่อนข้างสะอาด  แล้วโยนพวกขยะลงบนพื้น  กางถุงนอนออกแล้วเข้านอน  ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็สงบลง  ฐานทัพให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเขา  ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลถึงอันตรายที่ไม่คาดคิดหรือการหลับไม่สนิท  ที่สำคัญที่สุดก็คือ  พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะไปที่ไหน  หรือจะมีอะไรเลวร้ายรอพวกเขาอยู่

ลู่หยวนไม่ได้ดูข้อความเสร็จภารกิจของเขาด้วยซ้ำ  เขานอนหลับสนิทไปในทันที

เช้าวันต่อมา  เขาตื่นขึ้นจากเสียงของคนอื่นๆที่ตื่นขึ้นแล้ว  เมื่อลืมตาขึ้นมา  เขาก็ไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป  ตรงกันข้าม  เขากลับรู้สึกดีขึ้นมากอย่างน่าแปลกใจ  แค่หลับไปไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้เรี่ยวแรงของเขากลับคืนมาอย่างเต็มที่

 “ พี่ลู่  ตื่นแล้วเหรอ!  ไปกินข้าวเช้าด้วยกันเถอะ ”  เจ้าอ้วนเซี่ยพูดเสียงดังขณะที่กระโดดลงมาจากเตียง

“มีอาหารเช้าด้วยเหรอ?”  ลู่หยวนถามอย่างสงสัย

“มีซิ  ก่อนเกิดวันโลกาวินาศน่ะ  พวกเขาเก็บสะสมอาหารเอาไว้ที่นี่ตั้งเยอะ”  เจ้าอ้วนเซี่ยพูดไปเรื่อยๆพร้อมกับตบบ่าลู่หยวนอย่างแรงหนึ่งที

ตั้งแต่วันโลกาวินาศเริ่มขึ้น  ก็ไม่มีใครกล้าตบบ่าลู่หยวน  เขารู้สึกแปลกนิดหน่อย  แต่ก็ปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  เขาไม่ได้หลบเลี่ยงแต่ปล่อยให้เจ้าอ้วนเซี่ยวางมือบนบ่าเขา  และลดบ่าลงเล็กน้อยเพื่อกระจายแรงกระแทก  "ไม่ได้กินอาหารปกติมานาน  จำไม่ได้แล้วว่ารสชาติเป็นยังไง  แต่ผมมีเพื่อนๆมากับผมด้วย  รอจนกว่าทุกคนจะตื่นแล้วค่อยไปกัน”

เจ้าอ้วนเซี่ยมีสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง  แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้แรงเต็มที่  คนธรรมดาก็ยังล้มลุกคลุกคลานจากเรี่ยวแรงของเขา  เขาคาดว่าลู่หยวนจะไม่สามารถขยับตัวได้  แล้วนี่เขากลับบิดไหล่ออกมาได้อย่างง่ายดาย

ที่จริงเขาก็รู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าพี่ลู่ไม่ใช่คนธรรมดา  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีชื่อเสียงในชุมชนที่ทิ้งขยะ  กระทั่งเจ้าอ้วนเซี่ยเองยังต้องเรียกเขาว่าลูกพี่ลู่  แต่เจ้าอ้วนเซี่ยไม่ใช่คนเดิมอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว  เขาไม่ใช่เจ้าอ้วนเซี่ยที่ยิ้มแย้มอยู่เสมออีกต่อไป  ตั้งแต่เขาได้วิวัฒนาการ  ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล  และพลังป้องกันของเขาก็แข็งแกร่งผิดธรรมดา  กระทั่งร่างปกติของเขาก็ยังสามารถฉีกสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสามได้  และเมื่ออยู่ในร่างพิเศษเขาก็สามารถฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสี่ได้  ความสามารถและความแข็งแกร่งของลู่หยวนเมื่อก่อนนี้ไม่อยู่ในสายตาเขาอีกจึงทำให้เขามีท่าทีเหยียดหยามเช่นนั้น

เจ้าอ้วนเซี่ยหัวเราะเสียงแหบห้าวขณะที่พูดว่า  “พวกเขาเป็นน้องของคุณงั้นเหรอ?”

“จะพูดอย่างนั้นก็ได้”  ลู่หยวนพูดอย่างไม่สนใจนัก  ความสนใจของเขาเพ่งไปที่หน้าต่างภารกิจ  วันก่อนเขาผ่อนคลายเกินไปและไม่สนใจตรวจสอบมัน  เช้านี้เมื่อเขาตื่นขึ้นจึงเปิดดูและพบว่าเลเวลของเขาเพิ่มขึ้น  ไม่เพียงแต่เขา  เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็เลเวลอัพด้วย

“ภารกิจที่ทำอยู่ : ภารกิจระดับ B  คุ้มกันทหารกลุ่มหนึ่งไปที่ฐานทัพลับเมืองหูเฉิง”

“เงื่อนไขภารกิจ : จำนวนทหารจะต้องไม่ต่ำกว่า 6 คน รวมโจวยี่เชงด้วย”

“จำกัดเวลา : 1 สัปดาห์”

“สถานะภารกิจ : สำเร็จ”

“การประเมิน : ดี”

“ชื่อ : ลู่หยวน”

“การมีส่วนร่วม : 90%”

“รางวัลพื้นฐาน  ค่าประสบการณ์ +9,600*90%”

“การประเมิน : ยอดเยี่ยม  ค่าประสบการณ์ +4,800*90%”

“ค่าประสบการณ์ : 5,520/76,800”

“สัตว์อสูรสงคราม : กิ้งก่ายักษ์”

“การมีส่วนร่วม : 10%”

“รางวัลพื้นฐาน  ค่าประสบการณ์ +9,600*10%”

“การประเมิน : ดี  ค่าประสบการณ์ +4,800*10%”

“ค่าประสบการณ์ : 1,140/19,200”

เจ้ากิ้งก่ายักษ์ไม่ได้มีส่วนในภารกิจครั้งนี้มากนัก  ดังนั้นค่าประสบการณ์ส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ลู่หยวน  ทำให้เขาเลเวลเพิ่มขึ้นและยังมีส่วนที่เกินมาอีก 5,000 แต้ม  ซึ่งจะทำให้เพิ่มเลเวลได้ราบรื่นขึ้นอีกมาก

เมื่อมองดูคะแนนคุณสมบัติและคะแนนทักษะ 6 แต้มที่เหลืออยู่  เขาก็เป็นปลื้มขึ้นมากะทันหัน  ในที่สุดเขาก็เลเวลอัพแล้ว  ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

เขามองดูคุณสมบัติทั้งหมดของเขาซึ่งส่วนใหญ่สูงกว่า 14 แต้ม  มีเพียงค่าความแข็งแรง 13 แต้มและความฉลาดเท่านั้นที่เขาสนใจ  เขามองไปที่ความฉลาดก่อนจะมองดูความแข็งแรงของเขาในทันที  จุดอ่อนของความแข็งแรงของเขาปรากฏชัดในระหว่างการต่อสู้ครั้งล่าสุด  ส่งผลกระทบต่อค่าความคล่องแคล่ว 14 แต้มซึ่งไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่  เขารู้สึกอยู่เสมอว่าคุณสมบัตินี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็น  ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมานานแล้วว่าจะเพิ่มค่าความแข็งแรงของเขา

อาจจะเป็นเพราะเขาได้พิจารณาเรื่องนี้มานานแล้ว  หรือบางทีสภาพจิตใจของเขาผ่อนคลายมากขึ้น  ลู่หยวนจึงเพิ่มคะแนนลงไปโดยอัตโนมัติ

ทันใดนั้น  เจ้าอ้วนเซี่ยก็รู้สึกถึงรังสีกดดันภายในห้อง  เขารีบหันไปทางลู่หยวนตามสัญชาตญาณ  ซึ่งตอนนี้กำลังปล่อยรังสีกดดันออกมาราวกับสัตว์ร้ายที่น่าหวาดกลัว  ใบหน้าของทุกคนซีดขาว  บางคนถอยหนีไปอย่างระมัดระวังขณะที่หลายคนล้มลงกระแทกพื้น  ปล่อยกลิ่นเหม็นๆออกมาและทำให้ตัวเองเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ  คนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงก็ดูเหมือนจะเป็นอัมพาต  พวกเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย  ทำได้อย่างเดียวคือตะโกน

เจ้าอ้วนเซี่ยที่อยู่ใกล้ลู่หยวนมากที่สุดโดนผลกระทบไปเต็มๆ  เขารู้สึกว่ามีน้ำหนักมหาศาลกดลงบนตัวเขา  หน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อออก  เขาค่อยๆถอยหนีทีละก้าว  แต่ละก้าวทิ้งรอยเท้าหนักๆเอาไว้บนพื้น  ร่างทั้งร่างรู้สึกเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะลม  เขาสูญเสียน้ำหนักไปอย่างรวดเร็ว  ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็ปล่อยสารสีขาวออกมาเพื่อทำให้ตัวเขามั่นคงขึ้น

ในที่สุดลู่หยวนก็สังเกตเห็นว่าร่างของเขาปล่อยพลังและความแข็งแกร่งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ  เขาพยายามควบคุมมันอย่างรวดเร็ว  แต่สายไปแล้ว  เกิดความอลหม่านวุ่นวายขึ้นแล้ว  ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น  ทุกคนที่มองมาทางลู่หยวนพากันหลบสายตาขณะที่ถอยหนีด้วยความกลัว

เจ้าอ้วนเซี่ยได้สติอย่างรวดเร็ว  เขามีสีหน้าไม่พอใจ  ริมฝีปากสั่นเล็กน้อยขณะที่พูดตะกุกตะกักว่า  “ลูกพี่ลู่  ซ่อนความสามารถเอาไว้ซะดีเลยนะครับ  ลูกพี่ยังแข็งแกร่งเหมือนเดิมเลย  ดูเหมือนเมื่อวานผมจะทระนงตัวเกินไปหน่อย”

เจ้าอ้วนเซี่ยคิดว่าจุดประสงค์ที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นก็เพื่อข่มขู่เขา  เขาไม่กล้าเรียกลู่หยวนว่าพี่เฉยๆอีกต่อไป  เขากลับมาเรียกลู่หยวนว่าลูกพี่ลู่แทน  ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  หลังจากจบบทสนทนา  เขาก็ก้าวยาวๆออกไปทันที  อับอายเกินกว่าจะอยู่ในห้องต่อไป

ลู่หยวนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี  ดังนั้นเขาก็เลยปล่อยให้เจ้าอ้วนเซี่ยจากไป  ยังไงซะเขาก็เป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น  ดังนั้นลู่หยวนจึงไม่รู้สึกผิดมากนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหตุวุ่นวายนั้นรบกวนโฮวตงและหลินเสี่ยวจีจนตื่นขึ้นมา  เด็กสองคนยังอยู่ในสภาวะช็อคเช่นกัน  แต่พวกเขานอนอยู่ตอนกลางของห้อง  ดังนั้นผลกระทบจึงไม่มากเกินไปนัก  ไม่เหมือนคนที่อยู่ใกล้ๆ  บางคนถึงขั้นทำกางเกงตัวเองเปื้อนเลยทีเดียว

หลังจากที่พวกเขาลุกขึ้น  ลู่หยวนก็ไปที่ห้องพักของพวกผู้หญิง  และบอกหวงเจียฮุยกับคนอื่นๆให้ออกมา  เมื่อทั้งกลุ่มรวมตัวกัน  พวกเขาก็ถามทางไปยังโรงอาหารและมุ่งหน้าไปตามทางนั้น

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.