spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 185 ถึงแล้ว
พวกเขาไม่ได้พบเจอกับอันตรายใดๆไปตลอดทาง ลู่หยวนจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
เขารื้อค้นกระเป๋าของตัวเองแล้วเอาสิ่งของที่เขาเอามาจากยักษ์ตัวนั้นออกมา นั่นก็คือ เขาสีเขียวเข้มอันเล็กๆ และลูกตาขนาดเท่าไข่หนึ่งคู่
เขาเล็กๆนั้นมีพื้นผิวเรียบลื่นซึ่งดูเหมือนคริสตัลใสและรู้สึกเหมือนมีหยกอุ่นๆอยู่ในมือ มันดูพิเศษมากๆ
ลู่หยวนใช้พลังตรวจสอบมัน
“เขาแหลมของตัวลึกลับสีเขียว”
“ความหายาก : สีเขียวอ่อน”
“น้ำหนัก : 500 กรัม”
“คุณสมบัติเพิ่มเติม : 1 ดูดซับคลื่นพลังงานต่างๆได้ 2 สร้างภาพลวงตา”
“หมายเหตุ : ตัวลึกลับสีเขียวเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่ำ มันเป็นนักฆ่าในความมืด และเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ผู้คนน้อยนักจะรู้จักมัน มันสามารถซ่อนตัวและหายตัวไปได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะคลื่นความถี่เหนือเสียงหรือตาเปล่าก็ไม่สามารถตรวจจับมันได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเขาเล็กๆของมันอันนี้”
“งั้นนี่ก็คือสาเหตุซินะ” ลู่หยวนคิดในใจ เหตุผลที่พลังการรับรู้ของเขาไม่สามารถตรวจจับยักษ์ตัวนั้นได้ก็เพราะเขาเล็กๆอันนี้
ขณะที่ลู่หยวนถือเขาเอาไว้ในมือ เขาสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาของเขา แต่ไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้ ที่จริงก็ค่อนข้างแปลกดี ระยะที่ส่งผลไม่ได้รวมถึงเขาของมันเท่านั้น แต่อำนาจของมันครอบคลุมทั่วร่างของเขา สร้างพื้นที่ที่ไร้การตอบสนองในระยะพลังการรับรู้ของเขา
มันเป็นอีกวิธีที่เขาอันนั้นใช้พรางตัว อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่รู้ว่ามันสร้างภาพลวงตาได้อย่างไร เขาจะต้องทดสอบมันต่อไปเพื่อค้นหาวิธี
แต่แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว
เขาไม่ใช่คนเดียวที่มีพลังในการรับรู้ คนที่วิวัฒนาการแล้วทุกคนและสัตว์กลายพันธุ์ทุกตัวต่างก็มีพลังนี้ ถึงแม้พลังการรับรู้ในแต่ละคนหรือแต่ละตัวจะต่างกันไปซึ่งอาจจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าก็ตาม ความสามารถในการซ่อนตัวเองจากพลังการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆจะช่วยในการลอบสังหารหรือซ่อนตัวจากอันตรายได้เป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่สัตว์กลายพันธุ์ทุกตัวจะใช้ตาของมันสังเกตการณ์ สัตว์บางชนิด เช่น ค้างคาว จะใช้คลื่นความถี่เหนือเสียง ถ้าเขาเกิดปะทะกับสัตว์พวกนั้นขึ้นมา เขาก็จะได้เปรียบถ้าใช้ความสามารถนี้ก่อนการต่อสู้
ต่อมา เขาก็ตรวจสอบลูกตาของยักษ์
“ลูกตาของตัวลึกลับสีเขียว”
“ประโยชน์ : วัตถุดิบอาหาร”
“ความหายาก : สีเขียวอ่อน”
“น้ำหนัก : 100 กรัม”
“คุณสมบัติเพิ่มเติม : 1.เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นของมนุษย์ได้เล็กน้อย 2.มีโอกาสทำให้ตาเกิดการวิวัฒนาการ”
“หมายเหตุ : นี่คือลูกตาของตัวลึกลับสีเขียว ตัวลึกลับสีเขียวนั้นสามารถยิงลำแสงมรณะออกจากดวงตาและลบล้างจิตวิญญาณผู้อื่นได้ ลูกตาของมันยังเป็นตัวยาหายากอีกด้วย เมื่อกินมันเข้าไปจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองของคุณได้และยังมีโอกาสที่จะวิวัฒนาการแบบพิเศษอีกด้วย”
ทั้งสองอย่างให้ผลที่น่าทึ่งมาก คุณค่าของพวกมันสูงเกินกว่าสัตว์กลายพันธุ์สีเขียวอ่อนทั่วไปมาก
อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี คำที่ว่า “สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่ำ” นั้นยังรบกวนอยู่ในใจเขาราวกับกระดูกที่ติดอยู่ในลำคอ
นี่ไม่ใช่ข่าวที่ดีเลย การปรากฏตัวของสายพันธุ์ที่มีความฉลาดถึงแม้จะเป็นเพียงระดับต่ำก็ตาม ทำให้อันตรายที่มนุษย์ต้องเผชิญอยู่ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
ใบหน้าของลู่หยวนเคร่งขรึมจริงจังขณะที่มองลูกตาสองอันนั้น เขาเอาอันหนึ่งเข้าปากแล้วเคี้ยว ของเหลวบางอย่างทะลักออกมาจากลูกตา และลู่หยวนไม่สามารถอธิบายรสชาติของมันได้ เขาเคี้ยวอยู่สักพักแล้วกลืนมันลงไปก่อนจะกินลูกที่สอง
เมื่อเฉินเจี๋ย ซึ่งเฝ้ามองลู่หยวนอยู่เห็นเขาใส่ลูกตายักษ์สองอันเข้าปากเคี้ยวหน้าตาเฉย เธอก็ตกใจท้องไส้ปั่นป่วน จากนั้นเด็กหญิงก็หันหนีไม่กล้ามองอีกเลย
ลู่หยวนไม่สนใจความคิดของเด็กน้อย หลังจากเขากินลูกตาสองลูกเข้าไปแล้ว เขาก็รอเงียบๆอยู่ 5 นาทีก่อนที่บางอย่างแปลกๆจะเกิดขึ้นที่ตาของเขา
มันเริ่มด้วยคลื่นพลังอุ่นๆที่เข้ามาในตา จากนั้นตาของเขาก็ปวดและคันราวกับมีมดมากัดแทะ สายตาของลู่หยวนพร่ามัวราวกับภาพตรงหน้าเหลื่อมซ้อนกัน
15 นาทีต่อมา คลื่นพลังอุ่นๆในดวงตาของเขาก็ขึ้นถึงจุดสูงสุด เขาเริ่มปวดตุบๆ รู้สึกเหมือนมีเปลวไฟเผาไหม้อยู่ในดวงตา ซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็คงเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาจะกังวลว่าดวงตาจะเสียหายถาวร
แต่ลู่หยวนนั้นไม่เป็นอะไรเลย เขาแค่หลับตาลงแล้วปล่อยพวกมันเอาไว้อย่างนั้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ความเจ็บปวดและอาการคันก็หายไป
ลู่หยวนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้าๆ
รอบด้านของเขาสว่างจ้าราวกับแสงมันเรืองรองขึ้นมาด้วยตัวเอง จากนั้นแสงสว่างจ้านั้นก็ค่อยๆหายไป และทุกสิ่งก็กลับเป็นปกติ
ลู่หยวนรู้สึกว่าโลกทั้งใบแตกต่างไปจากเดิม ฝุ่นผงพลิ้วไหวอยู่ในอากาศ ขณะที่ปลากลายพันธุ์กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำที่ขุ่นมัว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักเป็นครั้งแรกว่าโลกนั้นช่างสวยงามและเต็มไปด้วยสีสัน แม้ว่ามันจะเป็นเวลากลางคืนอยู่ก็เถอะ
ลูกตานั้นได้ผลอย่างที่เขาคิดไว้ ลู่หยวนรู้สึกว่าสายตาที่ดีผิดปกติของเขานั้นดียิ่งขึ้นกว่าเดิมซะอีก ตอนนี้เขาสามารถเห็นสิ่งต่างๆภายใต้แสงจันทร์สลัวๆได้อย่างชัดเจนราวกับเป็นเวลากลางวัน
ยิ่งกว่านั้นเขาก็สังเกตได้ถึงสิ่งอื่นอีกด้วย
แสงที่ตาเปล่าของคนทั่วไปสามารถมองเห็นได้นั้นอยู่ระหว่าง 380-780 นาโนเมตรซึ่งเป็นช่วงเล็กๆของแถบรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น
ดังนั้น ในตอนกลางคืน ถ้าหากไม่มีแสงจากดวงจันทร์หรือดวงดาวแล้วล่ะก็ ตาเปล่าของมนุษย์ก็ใช้การอะไรไม่ได้เลย
ไม่เป็นความจริงที่ว่าไม่มีแสงไฟในตอนกลางคืน ปัญหาคือความยาวคลื่นของแสงพวกนั้นมักจะต่ำกว่า 380 นาโนเมตร ตาของมนุษย์จึงไม่สามารถมองเห็นได้ ความจริงแล้ว ถ้าวัตถุมีอุณหภูมิ มันก็จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา ดังนั้นจึงสามารถใช้เลนส์อินฟราเรดในการดูภาพตอนกลางคืนได้
และคนธรรมดาทั่วไปก็ไม่สามารถมองเห็นแสงที่มีพลังงานสูงที่ความยาวคลื่นสูงกว่า 780 นาโนเมตรได้เช่นกัน แสงชนิดนั้นถูกเรียกว่าแสงอัลตร้าไวโอเลต
สำหรับลู่หยวนในตอนนี้ วัตถุแต่ละชนิดจะมีสีสองชนิดผสมผสานเข้าด้วยกัน หนึ่งคือแสงจันทร์ที่สะท้อนออกมาจากวัตถุ ส่วนอีกหนึ่งคือแสงที่มองไม่เห็นที่ออกมาจากตัวมันเอง
อันแรกนั้นมีแสงสีที่เข้มกว่าจ้ากว่า ขณะที่อันหลังนั้นแสงอ่อนกว่ามาก ดูราวกับว่ามันสามารถดับไปตอนไหนก็ได้ นี่หมายความว่าลู่หยวนสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆในความมืดมิดอย่างที่สุดได้ และยังสามารถบ่งบอกอุณหภูมิของวัตถุแต่ละอย่างได้จากความแตกต่างของสีอีกด้วย
นี่คือการมองเห็นในตอนกลางคืนอย่างแท้จริง
โชคร้ายที่เขามีลูกตาแค่สองอันเท่านั้น บางทีตาของเขาอาจจะวิวัฒนาการไปได้มากกว่านี้ถ้าเขาได้กินเข้าไปอีก ลู่หยวนคิดเงียบๆ
อย่างไรก็ดี เขาก็รู้ว่ามันเป็นโชคล้วนๆที่เขาจะได้พบกับสัตว์กลายพันธุ์เช่นนี้อีก ยิ่งกว่านั้น ยักษ์ตัวนั้นก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เขาสามารถฆ่าได้อย่างง่ายดาย เขาอาจจะล้มเหลวก็ได้ถ้าเขาไม่ระวังให้ดี
แม้ว่าน้ำทะเลจะปกคลุมพื้นที่เมืองหูเฉิงไปเกินครึ่ง แต่ระดับน้ำก็ยังตื้นอยู่ ดังนั้นจึงยังไม่มีสัตว์น้ำที่แข็งแกร่งอยู่แถวนี้ พวกสัตว์บกก็อพยพไปแล้ว เมืองหูเฉิงจึงไม่มีสัตว์ตัวใดครองพื้นที่อยู่เลย
เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจึงไม่พบเจออันตรายใดๆตลอดเส้นทาง
หลังจากเดินทางกันมา 2 ชั่วโมง ผืนน้ำก็เริ่มเล็กลงจนกระทั่งมองเห็นพื้นดิน
เวลาในตอนนั้นคือตี 2 แล้ว รอบบริเวณเงียบมากจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของแมลงหรือเสียงหอนของพวกสัตว์ที่พวกเขาคุ้นเคยเลย
โจวยี่เชงลุกขึ้นนั่ง เขาถือแผนที่เอาไว้และเฝ้าสังเกตมัน พวกเขาเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นแล้ว เขาเริ่มจะอดทนรอไม่ได้ ลมหายใจของเขาเร็วขึ้นขณะที่พึมพำว่า “เกือบแล้ว เกือบถึงแล้ว......เรากำลังกลับบ้าน”
พวกทหารคอยช่วยเขาอย่างระมัดระวัง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้รีบ และเจ้ากิ้งก่าก็ไม่ได้ไปเร็วนัก ไม่อย่างนั้นโจวยี่เชงอาจจะตกลงไปได้
ลู่หยวนรู้สึกว่าสภาพจิตใจของเขาดูไม่ค่อยปกติ เขาเริ่มกังวลขณะที่มองดูร่างกายที่อ่อนแอของโจวยี่เชง เขาอาจจะลื่นตกลงไปได้ถ้าลมพัดแรงเกินไป
หวังซีซีทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ เธออดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “คุณบอกเราว่าเราเกือบถึงมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ จะพูดซ้ำซากไปทำไมนักหนา? เอาจริงๆนะ เมื่อไรพวกเราจะถึงที่นั่นซักที?”
“เงียบเถอะน่า” ลู่หยวนพูดพร้อมกับจ้องมองเธอ
หวังซีซียิ้มยิงฟันแล้วหันหลังให้ลู่หยวน ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ตาของเธอคงจะแดงและน้ำตาไหลไปแล้ว แต่พอความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มขึ้น ความกลัวที่มีต่อลู่หยวนก็ลดลง การดุว่าเธอเช่นนี้ไม่มีผลอะไรอีกแล้ว หวังซีซีไม่ได้ทำท่าน่ารักอย่างที่เคยทำอีกต่อไป
“ครั้งนี้เราใกล้แล้วจริงๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะ” โจวยี่เชงปากสั่น ใบหน้าแดง นิ้วของเขาเคาะแผนที่ขึ้นๆลงๆอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้น เขาเคาะแรงเกินไปจนเกิดรอยถลอกบนแผนที่ ก่อนที่เขาจะชี้ลงบนสถานที่หนึ่ง “มันอยู่ตรงนี้ นี่น่าจะใช่ อีก 8 กม. ....... ไม่ซิ อีก 5 กม.”
เมื่อคนอื่นๆได้ยินที่เขาพูด พวกเขาก็พากันตื่นเต้นและกังวลไปพร้อมกัน
“ผบ.พันโจว คุณคิดว่ายังไง? พวกเขาจะยอมให้เราเข้าไปไหม?” โฮวตงพูดอย่างระมัดระวัง ประชาชนพลเรือนส่วนใหญ่จะเกรงกลัวฐานทัพทหาร ยิ่งเป็นฐานทัพลับที่สร้างขึ้นหลังจากการแทรกซึมของฝ่ายศัตรูในชุมชนด้วยแล้ว
“พวกเขาน่าจะให้เราเข้าไปนะ ยังไงซะเราก็เป็นผู้รอดชีวิตนี่” หวังเซียกวงพูดอย่างไม่แน่ใจ
“พวกทหารต้องทำตามคำสั่งน่ะซิ ยิ่งกว่านั้น พวกเขาน่าจะกำลังขนย้ายพวกยุทโธปกรณ์ ไม่ได้มาช่วยชีวิตคน ถ้าพวกเขาไม่ให้เราเข้าไป เราจะทำยังไงกัน?” หวงเจียฮุยพูดด้วยความกังวล
“ยังเร็วเกินไปที่จะคุยกันเรื่องนี้ เอาไว้ถึงตอนนั้นค่อยมาหาทางแก้ไขกัน” ลู่หยวนพูดอย่างหนักแน่นพลางชำเลืองมองโจวยี่เชง
สายตาของลู่หยวนทำให้โจวยี่เชงตระหนักขึ้นมาได้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่พลเรือนธรรมดา ถ้าทางกองทัพไม่ให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาอาจจะเริ่มการต่อสู้ที่น่ากลัวได้
เขาคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ แต่แล้วเขาก็ปฏิเสธเรื่องนั้นไป เขาประเมินความแข็งแกร่งของลู่หยวนและทีมของเขาต่ำไปมาก
พอเขาคิดถึงความเร็วของลู่หยวนซึ่งเร็วมากจนเขาไม่สามารถมองเห็นร่างของลู่หยวนขณะที่กำลังต่อสู้กับยักษ์สีเขียวตัวนั้นได้ โจวยี่เชงก็เริ่มสั่น
เมื่อพวกเขามาถึงถนนที่นำไปสู่เขตชนบท พวกเขาก็เห็นเนินเขาสลับกันเป็นลูกคลื่นอยู่เบื้องหน้า
ชัดเจนเลยว่า ฐานทัพลับจะต้องตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งท่ามกลางเนินเขาพวกนั้น
เมื่อดูจากถนนลาดยางที่เพิ่งสร้างขึ้นและรอยล้อรถสีดำบนพื้นถนนก็ยิ่งชัดเจน
มีด่านป้องกันที่เต็มไปด้วยรูกระบอกปืนมากมายซึ่งสร้างขึ้นในระยะห่างใกล้ๆกัน
เมื่อดูจากที่ไกล ลำกล้องปืนขนาดใหญ่อันหนึ่งได้หันมาทางเจ้ากิ้งก่ายักษ์อย่างรวดเร็ว พวกทหารคงเห็นว่ามีคนนั่งอยู่บนตัวเจ้ากิ้งก่าจึงหยุดยิงไว้ก่อน แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าของทุกคนขาวซีดราวกับกระดาษ กระทั่งลู่หยวนก็ยังมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมา แน่ล่ะว่าเขาไม่อยากจะถูกปืนใหญ่ยิงเอา
ไม่นานก็มีรถทหารออกมาจากด่านและหยุดห่างจากกิ้งก่ายักษ์ 10 เมตร ทหารที่มีอาวุธครบมือ 2 นายที่สวมใส่แว่นมองกลางคืนกระโดดออกมาจากรถอย่างรวดเร็วและทำสัญญาณมือบอกให้พวกเขาลงจากกิ้งก่า
ลู่หยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งให้กิ้งก่ายักษ์หมอบลงเพื่อให้พวกเขาลงไปได้
“พวกคุณอยู่กองพันไหน แล้วมาจากที่ไหนกัน?” เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นชุดเครื่องแบบทหารที่โจวยี่เชงและคนอื่นๆสวมใส่อยู่ ทหารพวกนั้นก็เป็นมิตรมากขึ้นกว่าเมื่อกี้
โจวยี่เชงให้ทหารที่พยุงเขาอยู่ปล่อยมือออกแล้วทำวันทยหัตถ์ “พวกเราเป็นผู้รอดชีวิตจากกองพลที่ 21 กองกำลังพิเศษที่ 18 กองพันที่ 312 ผมคือผู้บังคับกองพัน พันตรีโจวยี่เชง”
“สวัสดีครับท่านหัวหน้า” ทหารสองนายทำวันทยหัตถ์ตอบกลับมา
“ผู้หมวด อย่าเรียกผมว่าท่านหัวหน้าเลย มันน่าอายน่ะ เรียกผบ.พันโจวเถอะ” โจวยี่เชงโบกมือพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น “สถานการณ์ในจังหวัดเจียงหนานย่ำแย่เกินรับมือได้แล้ว กองพลที่ 21 ทั้งหมดก็ถูกทำลายแล้ว เรามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกคุณ”
ใบหน้าของทหารทั้งสองนายกลายเป็นเคร่งขรึมพร้อมกับสีหน้านับถือปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ทหารคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ผบ.พันโจว เดินทางมาไกลขนาดนี้คงเหนื่อยมาก ขอต้อนรับกลับบ้านครับ คนอื่นๆคงเป็นผู้รอดชีวิต กว่าจะมาถึงที่นี่ได้คงยากน่าดู เราจะขับรถพาพวกคุณเข้าไป”
ขั้นตอนทั้งหมดราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังถูกต้องเหมาะสมอีกด้วย นอกจากการขอร้องให้เจ้ากิ้งก่ายักษ์อยู่ที่เชิงเขาข้างล่างแล้ว พวกทหารก็ไม่พูดอะไรอีก พวกเขาแค่ให้ทุกคนขึ้นรถบรรทุกแล้วออกเดินทางไปยังฐานทัพ
เนินเขารอบพื้นที่นั้นโล่งเตียน เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกทำความสะอาดอย่างละเอียดซ้ำแล้วซ้ำอีก
รถบรรทุกแล่นไปไม่ถึง 10 นาทีถนนก็กว้างขึ้นเป็นอย่างมาก ฐานของมันหนาขึ้น มีถนนหลายสายข้ามไหล่เขาโดยมีเสาค้ำขนาดใหญ่ค้ำยันอยู่ มีป้ายสัญลักษณ์อยู่ตลอดทางตามไหล่เขา
เมื่อพวกเขามองมันจากตรงนั้น พวกเขาก็เห็นหลุมขนาดใหญ่ที่ขุดเอาไว้ข้างไหล่เขา ดินทั้งหมดตรงนั้นถูกเอาออกไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาก็คือ รอยล้อขนาดใหญ่และหนาจนไม่น่าเชื่อ และด่านป้องกันที่แข็งแกร่งรอบๆ เมื่อลู่หยวนเห็นหอสังเกตการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นทุกๆ 100 เมตร และรถบรรทุกมิสไซล์ที่อยู่สุดถนนแล้ว เขาก็ขนลุก
“นี่คือลานวิ่งของเครื่องบินขนส่ง พวกคุณสามารถขึ้นเครื่องได้ในเที่ยวต่อไป” ทหารคนหนึ่งที่เฝ้ายามอยู่อธิบายเมื่อเขาเห็นลู่หยวนและคนอื่นๆพากันมองไปรอบๆอย่างอยากรู้อยากเห็น