spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 183 ตัวลึกลับ
พวกแมลงนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น สัตว์กลายพันธุ์ชนิดอื่นอีกมากมายเริ่มปรากฏตัวเป็นระยะๆ
สัตว์กลายพันธุ์พวกนี้ถ้าไม่ใหญ่โตและน่ากลัวก็โง่เซ่อและเชื่อง อย่างไรก็ตาม พวกมันทั้งหมดก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน พวกมันวิ่งเร็วมาก ดังนั้นพวกมันจึงนำหน้าได้ตลอด
ถ้าพวกมันไม่วิ่งอยู่ในป่าก็จะวิ่งแยกตัวออกมา แต่น้อยมากที่จะมีตัวไหนวิ่งผ่านเจ้ากิ้งก่ายักษ์ ส่วนใหญ่แล้วพวกสัตว์จะยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองมากกว่าจะมารบกวนสัตว์ตัวอื่น
เจ้ากิ้งก่ายักษ์เองก็ไม่ได้อ่อนแอหรืออ่อนโยน ขนาดที่ใหญ่โตของมันและแรงกดดันที่ปล่อยออกมาซึ่งใกล้ขั้นสีเขียวอ่อนนั้นแข็งแกร่งพอที่จะยับยั้งสัตว์ตัวอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เชื่องๆและพวกสัตว์กินพืช เมื่อพวกมันมองเห็นเจ้ากิ้งก่าจากที่ไกลๆ พวกมันก็จะรีบเปลี่ยนทางเพื่อหลีกเลี่ยงมัน
การอพยพของพวกสัตว์ตอนนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างซึ่งรวมถึงชายฝั่งเกือบทั้งหมด พวกสัตว์พากันมุ่งหน้าไปทุกๆทิศทาง ดูจากขนาดของพื้นที่อพยพแล้ว ความหนาแน่นของการอพยพระลอกนี้ต่ำกว่าที่คิดเอาไว้เทียบไม่ได้กับครั้งก่อนๆ ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาจึงสามารถเลือกจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยกว่าที่จะอพยพไปได้
แน่นอนว่าพวกสัตว์ที่กล้าตามมาหรือกระทั่งกล้าเล่นงานพวกเขามักจะมีความสามารถที่น่ากลัว ตัวอย่างเช่นพวกแมลงซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในขั้นสีน้ำเงิน
ตอนนั้นเองการสั่นสะเทือนก็รุนแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงต้นไม้และกิ่งไม้หักรวมถึงเสียงโหยหวนของพวกสัตว์กลายพันธุ์ได้ยินไปทั่วทุกแห่ง พวกสัตว์กลายพันธุ์วิ่งมาทางเขตนี้มากขึ้น กอหญ้าทั้งสองข้างถนนอยู่ในสภาพยับเยิน พวกสัตว์กลายพันธุ์พากันหนีอย่างไม่เป็นระเบียบ
บรรยากาศค่อนข้างน่ากลัว และความมืดก็ยิ่งทำให้มันน่ากลัวขึ้นไปอีก หัวใจของทุกคนเต้นแรงจนเกือบจะทำให้พวกเขาเป็นบ้า พวกเขาอยากจะออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตาม เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็วิ่งช้าลงหลังจากวิ่งมาได้ประมาณ 10 นาที
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ดูเหมือนว่าจะมีก้อนหินยักษ์ขวางทางอยู่” หลินเสี่ยวจีพูด
“ชิบหาย แผ่นดินถล่ม” โฮวตงอดสบถไม่ได้เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ เขาดูผิดหวังหดหู่
“ทำยังไงดีล่ะ? ถ้าเราเปลี่ยนเส้นทาง เราก็ต้องอ้อมเขาลูกนี้เลยนะ” หวังเซียกวงพูดด้วยใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
“รอที่นี่ เดี๋ยวฉันไปดูก่อน” ลู่หยวนขมวดคิ้วก่อนจะกระโดดลงจากเจ้ากิ้งก่า ภูเขาล้อมถนนเอาไว้ทุกด้าน และทางด่วนก็ผ่านภูเขาไป
สำหรับการเดินทางที่ปลอดภัยในช่วงโลกาวินาศนี้ ทั้งสองด้านของถนนติดกับไหล่เขาซึ่งควรจะแข็งแรงและมั่นคง แต่แล้วยอดเขาหนึ่งในนั้นก็ถล่มลงมาด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบ และหินที่ร่วงลงมาได้ปิดกั้นทางด่วนเอาไว้ทั้งหมด
ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ หินก้อนใหญ่สูงประมาณ 20 เมตรได้ตกลงตรงกลางถนนและปิดถนนเอาไว้เกือบทั้งหมด
ภูเขาส่วนใหญ่ในเขตเจียงหนานนั้นเตี้ยจนเรียกได้ว่าเป็นเนินเขา ถ้าภูเขาทั้งหมดถล่มลงมา ความสูงของก้อนหินจะมากกว่า 20 เมตร ถึงแม้ว่าเนินเขานี้จะไม่สูง แต่มันก็ไม่ได้เล็ก ถ้าพวกเขาเดินทางอ้อมภูเขานี้ พวกเขาจะต้องเดินมากกว่า 10 กม. และเส้นทางจะไม่ราบรื่นเหมือนทางด่วน มันเป็นพื้นที่ป่าทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจะต้องยืดการเดินทางออกไปอีกและจะไปไม่ถึงเมืองหูเฉิงภายในเช้าวันพรุ่งนี้
ลู่หยวนเดินไปรอบๆอย่างหงุดหงิด เมื่อเขาเห็นเจ้ากิ้งก่ายักษ์ เขาก็นึกอะไรออก บางทีเขาน่าจะให้มันลองทำลายก้อนหินยักษ์และขุดเส้นทาง เขาตรวจสอบและเห็นว่าถนนถูกปิดกั้นไว้แค่ 30 เมตรเท่านั้น ซึ่งน่าจะง่ายมากสำหรับเจ้ากิ้งก่ายักษ์
ลู่หยวนเดินกลับไปและอธิบายความคิดของเขาให้คนอื่นๆฟัง จากนั้นเขาก็ให้ทุกๆคนกระโดดลงจากกิ้งก่ายักษ์และให้ออกห่างจากตรงนั้นเพื่อไม่ให้ก้อนกรวดกระเด็นมาโดนพวกเขา
หลังจากสั่งให้พวกเขาระวังตัวแล้ว ลู่หยวนก็นำเจ้ากิ้งก่าตรงเข้าใส่ก้อนหินยักษ์
“นั่นเขาจะทำอะไร? ให้กิ้งก่านั่นทำลายหินยักษ์งั้นเหรอ?” โจวยี่เชงพูดด้วยความประหลาดใจหลังจากถูกวางลงบนพื้น
“มันเป็นกิ้งก่ายักษ์” หวังซีซีแก้คำพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้ากิ้งก่ายักษ์น่ะแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ แค่ทำลายหินก้อนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”
“แต่......หินก้อนนั้นสูงเท่าตึก 6 ชั้นเลยนะ” โจวยี่เชงดูจะเชื่อไม่ลง
“มันก็ยังทำลายได้อยู่ดี ต่อให้ใหญ่กว่านี้ก็ทำได้ กระดูกของมันแข็งกว่าเหล็กซะอีก” หวังซีซีอธิบายอย่างอดทน
“ซีซี อย่าเสียสมาธิ ช่วยตั้งใจระวังความปลอดภัยรอบๆตัวด้วย” หวงเจียฮุยตำหนิ
“ก็เขาเถียงฉันอ่ะ” หวังซีซีบ่นพร้อมกับชำเลืองมองโจวยี่เชง
โจวยี่เชงหุบปากและหยุดโต้เถียงกับเด็กดื้ออย่างเก้อๆ เขารู้สึกว่าความตื่นตัวของเขาลดลงแม้ว่าเขาจะอยู่กับพวกนี้ได้ไม่ถึงวัน เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่วิวัฒนาการแล้ว เขารู้สึกว่าพวกทหารกลับเป็นคนที่ต้องการการปกป้องแทน พวกทหารดูเหมือนคนธรรมดามากกว่านักรบที่พร้อมสู้อยู่ตลอดเวลา
เด็กสาวคนนี้ซึ่งอายุประมาณ 17-18 ปี ดูเป็นเด็กธรรมดาที่ยังไม่โต แต่เธอก็เป็นคนที่วิวัฒนาการแล้วผู้น่ากลัวคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเธอต่อสู้ แต่ดูจากกระสวยบินได้ที่น่าขำของเธอซึ่งดูไม่เหมือนอาวุธแม้แต่น้อย และท่าทีจริงจังที่ลู่หยวนและคนอื่นๆปฏิบัติต่อเธอ เธอดูไม่เหมือนคนที่ต้องการการปกป้องเลย
ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังขัดจังหวะความคิดของโจวยี่เชง
มีกลุ่มฝุ่นควันอยู่หน้าพวกเขาประมาณ 10 เมตร ก้อนกรวดพุ่งไปทุกทิศทางราวลูกกระสุน โชคดีที่ฝุ่นควันนั้นกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว
เจ้ากิ้งก่ายักษ์ชนก้อนหินจนเป็นรูขนาดประมาณ 10 ลูกบาศก์เมตร รอยแตกร้าวกระจายไปทั่วพื้นผิวที่เหลือของมันราวกับใยแมงมุม อย่างไรก็ตาม เจ้ากิ้งก่ายักษ์เองก็ดูไม่ดีนัก หัวของมันเลือดไหลชุ่มโชกย้อมพื้นดินให้กลายเป็นสีแดง มันสะบัดหัวเหมือนกับว่ามันกำลังรู้สึกมึนงง
หลังจากให้เจ้ากิ้งก่าพักสักครู่ ลู่หยวนก็พยายามให้มันกระแทกก้อนหินอีกครั้ง แต่เจ้ากิ้งก่าร้องครางและถอยหนีอย่างน่าสงสาร ไม่ว่าลู่หยวนจะด่าว่ามันมากเท่าไร มันก็ไม่กล้าทำอีก
ลู่หยวนมองรอยแตกบนก้อนหินยักษ์ ดูเหมือนมันใกล้จะถล่มแล้วเพียงแค่โจมตีมันอีกครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น เจ้ากิ้งก่ายักษ์ยอมแพ้ในช่วงวิกฤติอย่างนี้ได้อย่างไร?
ตอนที่ลู่หยวนจับมันได้ครั้งแรก เขาทั้งตีทั้งเตะเพื่อสอนมัน แต่ตอนนี้เจ้ากิ้งก่าแข็งแรงขึ้นมาก ดังนั้นการใช้ความรุนแรงจึงไม่ได้ผลอีกต่อไป ตรงกันข้าม ถ้าเขาใช้กำลังบังคับ ความภักดีของมันอาจจะลดลงและทำให้เจ้ากิ้งก่าทรยศเขาได้
ดังนั้นสิ่งที่ลู่หยวนทำได้ก็มีเพียงพยายามหลอกล่อมัน เขาเอาอาหารออกมาจากกระเป๋าและขยับขึ้นลงตรงหน้าเจ้ากิ้งก่า กลิ่นหอมยั่วยวนนั้นทำให้สายตาของเจ้ากิ้งก่าขยับตามก่อนที่ลู่หยวนจะชี้ไปที่ก้อนหินยักษ์
เจ้ากิ้งก่าลังเล แต่สุดท้ายแล้วความยั่วยวนของอาหารก็รุนแรงกว่า
มันชนก้อนหินอีกครั้งแล้วร้องครางอย่างเจ็บปวด แต่แรงในครั้งนี้น้อยกว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด มันแรงไม่พอจึงทำได้แค่สร้างรอยแตกอีกเล็กน้อยเท่านั้น
เจ้ากิ้งก่าหันไปมองลู่หยวนอย่างน่าสงสาร มันดูน่าสังเวชเอามากๆ หัวของมันชุ่มโชกไปด้วยเลือด
อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนก็ยังเมินเฉยกับแผลเล็กน้อยของมันและชี้ไปที่ก้อนหินยักษ์อีกครั้ง
เมื่อเจ้ากิ้งก่ายักษ์ตระหนักแล้วว่ามันไม่ได้รับความสงสารเห็นใจใดๆจากเขา มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากหันกลับไปเผชิญหน้ากับก้อนหินยักษ์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันฉลาดขึ้นแล้ว มันไม่พุ่งชนก้อนหินยักษ์เหมือนสองครั้งแรก มันเดินตรงไปที่ก้อนหิน แล้วโก่งคอ จากนั้นก็อ้าปากและพ่นไฟร้อนๆออกมากระหน่ำใส่ก้อนหินยักษ์โดยตรง
เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นที่ก้อนหินขณะที่ไฟยังคงลุกไหม้อย่างรุนแรง ก้อนหินยักษ์ไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่แตกต่างนี้ได้ ในที่สุดมันก็ถล่มลงมา
ลู่หยวนตะลึงกับความฉลาดของเจ้ากิ้งก่าเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้สู้กับมันอีกต่อไป
เขาโยนอาหารไปให้มันและเจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็รับไว้อย่างรวดเร็วพร้อมแกว่งหางไปมา
ทันใดนั้น ท่าทีของมันก็แข็งขึงขึ้นมาก เกล็ดของมันตั้งขึ้นและหางก็เคลื่อนไหวเหมือนฟันเลื่อยขนาดยักษ์พร้อมกับส่งเสียงคำราม
มีเสียงกรีดร้องไกลๆซึ่งเหมือนเสียงของจ้าวหยาหลี่
“เกิดเรื่องแล้วไง” ลู่หยวนตกใจขณะที่วิ่งเต็มฝีเท้าตรงไปที่คนอื่นๆกำลังรออยู่
ในความมืด สัตว์กลายพันธุ์ที่ไม่รู้จักกำลังปะทะกับเล่าหวง
ความจริงแล้วมันไม่ใช่การปะทะ เล่าหวงได้แต่ร้องครางพร้อมถอยหนีเท่านั้น
ทันใดนั้น มันก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทก ร่างใหญ่โตของมันกลิ้งไปกระแทกเข้ากับก้อนหินข้างทางด่วนอย่างแรง มันกระตุกสองสามครั้งแล้วก็นิ่งไป ไม่มีใครรู้ว่ามันตายหรือเปล่า
แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น
ไม่มีใครรู้ว่ามันเข้าเป้าหรือเปล่า ในเมื่อมันดูเหมือนไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น พวกเขาใจเต้นแรงด้วยความกลัว และทำให้พวกเขาหายใจไม่ค่อยออก
“เกิดอะไรขึ้น? เห็นกันไหมว่าตัวอะไร?” ไม่นานนักลู่หยวนก็มาถึงโดยมีเจ้ากิ้งก่ายักษ์ตามหลังมา
เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของลู่หยวน พวกเขาก็พากันโล่งอก
“ไม่เลย เราไม่เห็นอะไรเลย เราระวังกันทันทีที่เราเห็นว่าเล่าหวงทำท่าแปลกๆ” หวังซีซีพูดกระหืดกระหอบ ใบหน้าซีดขาว เธอหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“เหมือนลูกปืนจะพลาดเป้านะ ยังกับไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น” ทหารคนหนึ่งพูดหอบๆ เขาไม่เคยเจอศัตรูเช่นนี้มาก่อน
ลู่หยวนมองเข้าไปในความมืด แต่ดูเหมือนพวกเขาจะพูดถูก ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงเจตนาร้ายที่อยู่ด้านหน้า มันทำให้เขาสั่นกลัวและขนหัวลุก มันเป็นสัญชาตญาณล้วนๆ แม้ว่าเขาจะไม่เห็น แต่เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างอยู่ตรงนั้น หัวใจของเขาเต้นเร็ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “รอตรงนี้ เดี๋ยวฉันจะไปดู”
“อย่า มันอาจจะไปแล้วก็ได้ อย่าไปเลยนะ” หวงเจียฮุยพูดด้วยความเป็นห่วง ศัตรูที่มองไม่เห็นนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า เธอไม่อยากให้ลู่หยวนต้องเสี่ยงอันตราย
“ใช่แล้ว เสี่ยวหยวน อย่าทำอะไรเกินตัวเลย มันน่ากลัวเกินไป นายไม่ควรไปตรงนั้นนะ” จ้าวหยาหลี่พูดด้วยความกลัวขณะที่จับลู่หยวนไว้ ตัวของเธอสั่นไปทั้งร่าง
“ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันกำลังเล็งจัดการพวกเราอยู่” ลู่หยวนพูดอย่างใจลอย “ถอยหลังไปให้มากกว่านี้เถอะ”
ลู่หยวนเอามือของจ้าวหยาหลี่ออกอย่างช้าๆ และพยายามใช้พลังรับรู้สภาพรอบตัว เขาสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงดึงดาบออกมาแล้วเดินไปข้างหน้า
ขณะเดียวกันรังสีกดดันที่น่าหวาดกลัวก็พุ่งออกมาจากร่างของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อากาศเริ่มสั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือน พลังลึกลับทำให้กระแสลมปั่นป่วน
เมื่อลู่หยวนปลดปล่อยรังสีกดดันของเขาออกมาอย่างเต็มที่ ทุกคนก็พากันล่าถอย ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกระดาษ แม้ว่าพวกเขาจะถอยไปเกิน 10 เมตรแล้ว พวกเขาก็ต้องตกใจที่รู้สึกว่าหัวใจยังคงเต้นอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้การปลดปล่อยรังสีกดดันนั้น ศัตรูจึงไม่สามารถซ่อนตัวต่อไปได้ ภาพข้างหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย พลังการรับรู้ของลู่หยวนจับมันได้อย่างรวดเร็ว เขาลงมือทันที เขาเขย่งเท้าแล้วหมอบลงเกือบแนบกับพื้นดิน จากนั้นก็พุ่งตัวออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากแหล่ง
ความเร็วที่น่ากลัวของเขาก่อให้เกิดพายุฝุ่นเบื้องหลังเขา ระยะทาง 10 เมตรนั้นใกล้มาก เขาไปถึงในเวลาเพียง 1 วินาที ดาบฟันออกปล่อยแสงอันแหลมคมพุ่งไปทิศทางนั้นราวกับสายฟ้า ภาพลวงตารอบๆก็พังทลายลง เผยให้เห็นยักษ์สูง 7 เมตรที่มีขนสีเขียว
เมื่อลู่หยวนเห็นยักษ์ เขาก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะดึงดาบกลับมาเพื่อจะได้ใช้มันอีกครั้ง
ใบหน้าอันดุร้ายของยักษ์ตัวนั้นดูตื่นตระหนก ดูเหมือนมันจะตอบโต้การโจมตีแบบกะทันหันไม่ทัน แต่ไม่นานนัก ดวงตาสีแดงเลือดของมันก็พลันส่องสว่าง
เมื่อเห็นแสงที่ดวงตา ลู่หยวนก็ใจเต้นแรง เขาสงสัยว่าพลังจิตจะสามารถป้องกันเขาจากการโจมตีลึกลับนี้ได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปทางด้านหลัง และแทงดาบเข้าไปที่ต้นขาของยักษ์ตัวนั้น
ผิวของยักษ์เหนียวมาก พอดาบแทงเข้าไปมันจึงติดอยู่ระหว่างชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้แทงเข้าไปลึกกว่านั้นได้ยาก อย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอที่จะทำให้มันเจ็บปวด
ยักษ์ตัวนั้นส่งเสียงร้องด้วยเจ็บปวดและความกลัว แสงสีแดงที่ตาของมันพลันหายไป
การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น ลู่หยวนเคลื่อนที่ไปรอบๆยักษ์อย่างว่องไว เหวี่ยงดาบไปรอบๆเฉือนเนื้อมันออกมาหลายครั้ง เพียงแค่วินาทีเดียว ลู่หยวนฟันยักษ์ตัวนั้นไปเกิน 10 ครั้งและหลบมันไปด้วย ขาของยักษ์มีเลือดไหลออกมามากมาย
ยักษ์ตัวนั้นไม่ได้ช้า การตอบสนองของมันก็ไม่ได้ช้า แต่เป็นที่ขนาดร่างกายของมันที่จำกัดการเคลื่อนไหวของมันไว้ มันเหมือนคนกำลังไล่จับหนูแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ยักษ์ตัวนั้นกรีดร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัว ขาทั้งสองของมันย่ำลงไปบนพื้นอย่างแรง ไม่นานนักทางด่วนก็กลายเป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ ก้อนกรวดกระเด็นไปทั่ว ราวกับว่ายักษ์ตัวนั้นกำลังพยายามกระทืบหนูน่ารำคาญให้ตายไปซะ แต่ก็ไม่เป็นผล
ในที่สุดมันก็พยายามหนี แต่ลู่หยวนตัดเส้นเอ็นที่ขาของมันทำให้เจ้าตัวนั้นล้มลงคุกเข่า พื้นดินสะเทือน
ก่อนที่มันจะลุกขึ้นได้อีกครั้ง ลู่หยวนก็เตะเข้าที่ด้านหลังสะบ้าหัวเข่ามันอย่างแรงจนมันล้มลง
ถึงแม้ว่ามันจะคุกเข่าอยู่บนพื้น มันก็ยังสูงถึง 2 เมตรอยู่ดี ลู่หยวนเหยียบขึ้นไปที่สะบ้าหัวเข่ามันอีกครั้ง พลังอันแข็งแกร่งของเขาป้องกันไม่ให้ยักษ์ตัวนั้นยืนขึ้นมาได้ ลู่หยวนกระโดดไปบนหลังของมันและขึ้นไปที่หัว จับผมของมันไว้และดึงจนยักษ์ตัวนั้นเงยหน้าขึ้นก่อนที่เขาจะเล็งปลายดาบไปที่ขมับของมัน
จากนั้นเขาก็แทงมัน ดาบของเขาทะลุผ่านหัวยักษ์ตัวนั้นเข้าไป
ยักษ์ตัวนั้นสั่นกระตุกอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง แสงสีแดงจากตาของมันพุ่งกระทบพื้นทำให้เกิดฝุ่นควัน ก่อนที่มันจะล้มกระแทกพื้นอีกครั้งโดยไร้ลมหายใจ