หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 181  แข่งกับเวลา

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 181  แข่งกับเวลา

 

ในช่วงโลกาวินาศนี้  มนุษยชาติตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิม  คนส่วนใหญ่นอนโดยสวมเสื้อผ้าและมีอาวุธอยู่ข้างตัว  เตรียมพร้อมต่อสู้ได้ทุกเวลา  แม้แต่การเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยที่สุดก็ทำให้พวกเขารู้สึกตัวตื่นได้  ไม่ต้องพูดถึงเสียงตะโกนของลู่หยวนเลย

ทั้งกลุ่มกระโจนขึ้นทันที  ไม่มีใครแสดงอาการงัวเงียเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งตื่นขึ้นมา  ทุกคนฉวยอาวุธของตัวเองแล้วพุ่งออกมานอกเต็นท์

“ พี่ลู่  เกิดอะไรขึ้น ? ”  หวังซีซีถามอย่างตื่นตระหนก

“ ฉันจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังระหว่างทาง ”  ลู่หยวนพูดเร็วๆ  เขาเดินอย่างร้อนใจ  สัมผัสจางๆของอันตรายเริ่มรุนแรงขึ้น  เมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงเก็บเต็นท์กันอยู่  เขาก็ตะโกนว่า  “ไม่มีเวลาแล้ว!  ทิ้งทุกอย่างไว้ยกเว้นอาวุธ!  เราต้องไปเดี๋ยวนี้!”

หัวใจของทุกคนพากันดิ่งวูบ  ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นผุดขึ้นในใจของพวกเขา

ทุกคนวางข้าวของที่กำลังเก็บอยู่ลงอย่างไม่เต็มใจและทิ้งค่ายพักไปอย่างรวดเร็ว

เจ้ากิ้งก่ายักษ์และเล่าหวงเดินไปมาอยู่ริมค่ายแล้ว  พวกสัตว์อาจจะไม่ฉลาดเท่ากับมนุษย์  แต่สัญชาตญาณของพวกมันไม่เคยทำให้ผิดหวัง  สิ่งมีชีวิตสองตัวนี้รู้สึกถึงอันตรายที่มุ่งหน้ามาทางพวกเขาได้อย่างชัดเจน

เจ้ากิ้งก่าหมอบตัวลงเพื่อฟังคำสั่งของลู่หยวน  เขากระโดดขึ้นหลังมันพร้อมอุ้มเฉินเจี๋ย ขึ้นมาด้วย  จากนั้นก็ดึงทุกคนขึ้นมาทันที

เจ้ากิ้งก่าออกวิ่งตามคำสั่งของเขา  มันวิ่งเต็มฝีเท้าฝ่าสายฝนราวกับว่ามีอันตรายที่มองไม่เห็นกำลังไล่ตามมาในความมืด

“จับไว้ให้แน่น  จะได้ไม่ตกลงไป!”  ลู่หยวนตะโกน  ดึงโจวยี่เชงที่หมดสติมาข้างๆแล้ววางมือลงบนตัวเขา  ชายคนนั้นหยุดนิ่งทันทีราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นมาหุ้มตัวเขาเอาไว้

ไม่จำเป็นต้องให้ลู่หยวนเตือน  ทุกคนก็หมอบตัวต่ำเรียบร้อยแล้ว  มือของพวกเขาจับพรมแน่น  หลังของเจ้ากิ้งก่ากว้างมากขึ้นเมื่อคนสี่คนจากไปแล้ว  แต่มันก็ยังกว้างไม่พอที่จะให้พวกเขาหมอบราบลงไปทั้งตัว  ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่หมอบลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดแรงต้านอากาศ  แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาสามารถกระเด็นออกไปได้ทุกเมื่อ

โดยปกติเจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็ไม่ใช่สัตว์ที่เอาไว้ขี่อยู่แล้ว  การขี่มันในขณะที่วิ่งไปด้วยทำให้รู้สึกเหมือนกำลังขี่รถไฟเหาะอยู่  แล้วยังจะลมที่พัดเข้าใส่พวกเขาอีก  แม้แต่พวกทหารก็พากันหน้าซีด

นี่เป็นครั้งที่สามที่พวกเขาได้ขี่เจ้ากิ้งก่า  ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่คุ้นเคยกับการเดินทางแบบนี้  ตอนที่มันวิ่งเหยาะๆพวกเขายังแทบจะจับเอาไว้ไม่อยู่  แล้วตอนนี้มันวิ่งเร็วขนาดนี้  ทำให้พวกเขารู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา

ร่างกายของพวกทหารเครียดเกร็ง  ดูเหมือนพวกเขากำลังจะหลุดออกไปอยู่แล้ว  ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวขณะที่เจ้ากิ้งก่าวิ่งอยู่อย่างนี้  การตกจากที่สูง 6 เมตรถ้าไม่ตายก็อัมพาต

คนเดียวที่ไม่ขยับเลยก็คือลู่หยวน  เขานั่งนิ่งราวกับกำลังนั่งอยู่บนพื้น  แขนข้างหนึ่งอุ้มเฉินเจี๋ยเอาไว้  ขณะที่อีกข้างวางอยู่บนตัวโจวยี่เชง  เขาไม่ได้จับอะไรเพื่อยึดตัวเองเอาไว้เลย  น่าแปลกที่ไม่ว่าเจ้ากิ้งก่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร  เขาก็ยังนิ่งเหมือนติดกาวเอาไว้ที่หลังเจ้ากิ้งก่า  มีเพียงเฉินเจี๋ยที่อยู่ในอ้อมแขนของลู่หยวนคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดของเขาและผ่อนคลายได้

สายลมแรงทำเอาผมของเขายุ่งเหยิง  ลู่หยวนมองเข้าไปในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดด้วยสีหน้าครุ่นคิด

เฉินเจี๋ยเงยหน้ามองลู่หยวน  ความอบอุ่นที่ด้านหลังทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย  แม้ว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังกลัวชายคนนี้อยู่

ระหว่างทางมีทหารที่บาดเจ็บคนหนึ่งเกือบจะปลิวออกไปเมื่อมือของเขาหลุดออกจากพรม  ถ้าไม่ใช่เพราะลู่หยวนที่คว้าไว้ได้ทัน  ชายคนนั้นก็คงตายไปแล้ว

ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้  ถ้ามีใครตกลงไป  ลู่หยวนจะต้องทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง  เขาจะไม่พาทุกคนเข้าสู่อันตรายเพื่อคนๆเดียวแน่

เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที  ลู่หยวนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย  มีเสียงหึ่งๆทั้งเบาและหนักลอยมาราวกับเสียงเล็กๆทั้งหมดรวมกันเป็นเสียงเดียว

ในความมืด  ดูเหมือนจะมีสัตว์นับไม่ถ้วนที่กำลังวิ่งตรงมาทางพวกเขา

15 นาทีต่อมา  แรงสั่นสะเทือนนั้นรุนแรงมากขึ้น  กระทั่งคนธรรมดาก็ยังรู้สึกได้

เจ้ากิ้งก่ายักษ์เร่งความเร็วขึ้นอีกสองสามครั้ง  แต่ก็ต้องช้าลงให้เท่าเดิมตามคำสั่งของลู่หยวน

ค่าความคล่องแคล่วของเจ้ากิ้งก่าสูงกว่าของลู่หยวน  ความคล่องแคล่ว 15 แต้มของมันรวมถึงขนาดอันมหึมานั่น  ถ้ามันตัดสินใจใช้ความเร็วเต็มที่  มันจะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วจนมองไม่เห็นเลยทีเดียว  ถ้าถนนเป็นทางเรียบตรง  เจ้ากิ้งก่าสามารถวิ่งเต็มฝีเท้าได้เร็วถึง 400 กม./ชั่วโมงในระยะทางสั้นๆ

ต่อให้มันวิ่งเหยาะๆเป็นระยะทางยาว  มันก็ยังสามารถวิ่งได้เร็วถึง 200 กม./ชั่วโมง  รับประกันได้ว่ามันหลบหนีจากฝูงสัตว์ที่ตามหลังพวกเขามาได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม  ด้วยความเร็วแบบนั้นรวมกับแรงต้านอากาศและการกระแทกตัว  ย่อมทำให้ทุกคนยกเว้นลู่หยวนตกลงไปได้  แม้แต่เล่าหวงที่ยังฟื้นตัวอยู่ก็ยังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง  ดังนั้นลู่หยวนจึงทำได้แค่อดทนและไปแบบช้าๆ  ไม่ว่าเขาจะรู้สึกทนไม่ไหวแค่ไหนก็ตาม

ในช่วงเวลาเช่นนี้  เวลามีค่าเป็นพิเศษ  ทุกคนต่างตึงเครียด  เตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมที่ใกล้เข้ามา

เสียงระเบิดดังขึ้นห่างออกไปประมาณ 2 กม.  ตามด้วยเสียงสิ่งก่อสร้างถล่ม

“ทางด่วน”  นั่นเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของทุกคน  พวกเขารู้ว่าไม่มีตึกอยู่แถวนี้  สิ่งเดียวที่ถล่มลงมาได้ก็คือทางด่วน

“ระวัง”  จู่ๆลู่หยวนก็พูดขึ้น  ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับตาแมวในความมืด  การมองเห็นในที่มืดเป็นผลจากการวิวัฒนาการของเขาและร่างกายที่แข็งแกร่ง  ทำให้เขามองเห็นไกลออกไปได้อย่างชัดเจน  เขาเอาหอกสั้นออกมาจากกระสอบบนหลังของเขาช้าๆ  ก่อนจะส่งเฉินเจี๋ยและโจวยี่เชงไปให้โฮวตงและหลินเสี่ยวจีที่อยู่ด้านข้างเขา  แล้วลุกขึ้นยืนตรงบนตัวของเจ้ากิ้งก่า

อันตรายที่ไม่รู้จักทำให้ทุกคนขนลุก  สายตาของพวกเขามองฝ่าไปในความมืดโดยสัญชาตญาณ  ทุกคนนอกจากหลินเสี่ยวจีสามารถมองเห็นได้ในระยะไม่กี่เมตรเท่านั้น  พวกเขาได้ยินเสียงหึ่งๆที่กำลังใกล้เข้ามาจากระยะไกล

มันเป็นแมลงแปลกๆที่มีเกล็ดสีเขียวอยู่ข้างหลัง  ตัวของมันใหญ่เท่ากับรถตู้คันเล็กๆ  ปีกเล็กๆสองคู่ที่ดูไม่เข้ากับตัวกระพืออย่างรวดเร็วขณะที่มันกระโดด  ท้องของมันเป็นสีดำราวกับหมึกและมีเส้นคาดอยู่ตรงกลาง  ลู่หยวนมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านในเพราะมืดมากเกินไป  แต่มันดูไม่เหมือนของประดับ

มันตัวใหญ่แต่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว  ปีกและขาหลังอันแข็งแรงของมันทำให้มันกระโดดได้สูงหลายสิบเมตรและไกลเกือบ 100 เมตร

เมื่อดูจากความเร็วตอนนี้ของเจ้ากิ้งก่า  มันจะไล่ทันพวกเขาได้ภายใน 10 วินาที

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์มันยุ่งยากก็คือมีแมลงพวกนั้นมากกว่า 20 ตัว

พวกมันส่วนใหญ่อยู่ใต้ทางด่วน  มีเพียงหกตัวเท่านั้นที่อยู่บนทางด่วน  แต่ลู่หยวนไม่แน่ใจว่าถ้าเขาโจมตีแมลงตัวหนึ่งในนั้น  แมลงตัวอื่นจะเข้ามารุมหรือไม่

เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา  ขณะที่หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความตื่นเต้นกระสับกระส่าย

ใกล้อีก  พวกมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

แมลงกลายพันธุ์ไม่ได้หลีกหนีมนุษย์  ตรงกันข้าม  พวกมันบินตรงเข้าหาพวกเขา  ทุกคนรู้สึกถึงสายลมแรงก่อนที่แมลงตัวหนึ่งจะร่อนลงด้านหน้าเจ้ากิ้งก่าห่างออกไปประมาณ 10 เมตร  ไม่ช้ามันก็กระโดดอีกครั้งแล้วก็หายไปจากสายตา

จากนั้นตัวที่สองและตัวที่สามก็ตามมา......

ลู่หยวนโล่งอกเล็กน้อย  แต่ก็โล่งอกได้ไม่นาน

แมลงตัวที่สี่หยุดชะงักระหว่างการกระโดด  ไม่เหมือนตัวอื่นๆที่ผ่านไปโดยไม่หยุด  ดูเหมือนมันกำลังคิดคำนวณบางอย่าง

แม้ว่าหลังจากนั้นไม่นานมันก็ไปตามทางของมัน  การกระโดดของมันก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน  บางทีก็กระโดดยาวๆ  บางทีก็กระโดดสั้นมาก  มันเอาแต่ปรับเปลี่ยนระยะกระโดดของมัน  แล้วไม่นานมันก็หยุดเล็กน้อยก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนอากาศด้วยแรงที่มากขึ้น

ลู่หยวนเงยหน้า  แมลงตัวนั้นอยู่ในจุดที่สูงที่สุดจากแรงกระโดดของมันและร่อนลงมาเต็มแรงพร้อมกระพือปีก  การกระทำนี้เป็นสิ่งที่แมลงตัวก่อนหน้าไม่ได้ทำ  มันเป็นสัญญาณของการล่าเหยื่ออย่างชัดเจน  แล้วลู่หยวนก็ตระหนักได้ว่าเจ้าแมลงตัวนั้นจะร่อนลงที่ไหน  เป้าหมายของมันชัดเจน  นั่นคือเล่าหวงที่กำลังเหน็ดเหนื่อย

การเดินทางที่ยาวนานทำให้เจ้าแมลงอยากอาหารมากขึ้น  มันเลือกเล่าหวงเพราะเล่าหวงยังคงไม่หายดี

แมลงตัวนั้นเร่งความเร็วลงมาราวกับจรวดมิสไซล์ที่ใกล้เข้ามา

เมื่อเล่าหวงสัมผัสได้ถึงอันตราย  มันก็สายเกินไปแล้ว  แมลงตัวนั้นกางขาออกครอบคลุมถึงเกือบ 18 ตารางเมตร  ที่ปลายเท้าแหลมคมส่องประกายแวววาว

ก่อนมันจะเข้าใกล้  เส้นตรงกลางท้องของมันก็เปิดออกเผยให้เห็นฟันสีดำสองแถว  มันคือปากของแมลงนั่นเอง  เมื่อมันลงมาถึงหลังเหยื่อ  มันจะฉีกเนื้อและกัดกระดูกสันหลัง  แล้วบดขยี้ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

เจ้าแมลงโจมตีเข้ามาอย่างใจร้อน  การเคลื่อนไหวของมันเบาและเร็ว  เล่าหวงไม่มีเวลาตอบโต้ได้เลย

เป็นลู่หยวนที่ลงมือได้ทันเวลา

ขาซ้ายของเขาเลื่อนไปข้างหน้า  หลังโค้งงอเหมือนงู  เส้นเลือดที่มือขวาที่ถือหอกสั้นเอาไว้ปูดขึ้นมาดูเหมือนรากไม้  ร่างกายของเขาเหมือนจะขยายขึ้น  ก่อนที่เขาจะขว้างหอกสั้นพุ่งไปในอากาศ

ความเร็วนั้นทำเอาทุกคนปวดหู  ไม่มีใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น  พวกเขาได้แต่ภาวนาให้ลู่หยวนจัดการกับอันตรายที่ไม่รู้จักได้

เปรียบเทียบกับครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้  ลู่หยวนพัฒนาขึ้น  พลังสะท้อนถอยหลังรุนแรงจนทำให้เจ้ากิ้งก่าถึงกับสะดุด

ด้วยขนาดตัวของเป้าหมายรวมกับค่าความแม่นยำ 9 แต้มของลู่หยวนย่อมไม่มีทางพลาด  ในชั่วพริบตา  หอกสั้นก็พุ่งฝ่าอากาศด้วยความเร็วเหนือเสียงและปะทะเข้ากับแมลงตัวนั้นที่กำลังบินอยู่ห่างออกไปเกือบ 10 เมตร  และร่วงลงตกลงที่ข้างถนนอย่างแรง

หอกขั้นสีฟ้าระเบิดออกเป็นชิ้นๆด้วยแรงกระแทก  การระเบิดทำให้เกิดบาดแผลเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งเมตรบนตัวแมลง

แมลงตัวนั้นพยายามลุกขึ้นแล้วล้มลงอีกครั้งหลังจากก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว  หลังจากดิ้นรนซ้ำอีกครั้ง  ในที่สุดมันก็ส่งเสียงร้องแหลมยาวอย่างน่าสงสารก่อนจะยอมแพ้

ขนาดของบาดแผลเทียบกับตัวของมันแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  และตัวบาดแผลเองก็ไม่ได้สาหัสด้วย  สิ่งที่ตอกฝาโลงเจ้าแมลงตัวนั้นก็คืออาการบาดเจ็บภายในที่ได้รับจากแรงปะทะด้วยความเร็วสูง  ไม่มีอะไรจะช่วยแมลงตัวนั้นได้เลย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออวัยวะภายในของมันถูกบดเละ  กระทั่งพวกที่แข็งแกร่งสุดๆเจอแบบนี้ก็ยังไม่รอด

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.