spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 172: การเสื่อมสภาพ
เมื่อลู่หยวนและหยาหลี่กลับมา คนที่เหลือกำลังเตรียมที่จะนอน พวกเขายังคงมีเต็นท์เพิ่มอีกสามเต็นท์ หลังจากให้ทหารสองคน ซึ่งมากพอที่จะรองรับกลุ่มคนได้ถึง 8 คน
เฉินเซียนฟงแยกตัวออกไป มันน่าเสียดายเนื่องจากไม่มีเต็นท์ที่พอดีกับตัวเขา
ก่อนนอนลู่หยวนเดินไปที่มุมหนึ่งพร้อมกับก้อนอาหาร และยืนครุ่นคิดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ยกก้อนอาหารเกือบทั้งหมดออกไปข้างนอก เหลือเพียงสามก่อนไว้เท่านั้น ภายใต้แสงจันทร์ พบว่าเล่าหวงนอนขดตัวอยู่ หลังจากผ่านมาสามวัน ขนของมันก็ยังคงบางมาก มันยังคงมีบาดแผลบางส่วนที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้เป็นแผลที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของลู่หยวน กล้ามเนื้อที่เกร็งของเล่าหวงค่อยๆ คลายตัวลงอย่างช้าๆ มันลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาทั้งคู่ที่เป็นประกาย แต่แล้วก็ค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง มันดูเหมือนหมาแก่ที่ใกล้ตาย ลู่หยวนไปหามันและเปิดกล่องที่บรรจุก้อนอาหาร เช่นเดียวกับกลิ่นที่ลอยไป ดวงตาของมันก็เปิดขึ้นใหม่ดูเหมือนหลอดไฟสว่างไสว! มันพยายามที่จะยืน และหางที่ขาดของมันกระดิกไปมาอย่างดีใจ ลู่หยวนหัวเราะเบาๆ และคิดว่า "การกลายพันธุ์ไม่ได้ทำให้พฤติกรรมของสุนัขเปลี่ยนไป"
เขาโยนก้อนอาหารสิบก้อนให้กับเล่าหวง และหัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดกับจำนวนที่เสียไป เนื่องจากพลังงานจากก้อนอาหารนั้นเพียงพอที่จะช่วยทุกคนในกลุ่มที่อยู่เคียงข้างลู่หยวนและเฉินเซียนฟง (เช่นเดียวกับทหาร) ใช้สำหรับหนึ่งวันเต็มๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันให้พลังงานและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และสามารถให้เพิ่มพลังให้กับสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ได้
นอกจากวันแรกที่เล่าหวงได้กลืนกินก้อนอาหารจำนวนมากแล้ว มันได้กินเพียงสามก้อนในช่วงสองวันที่ผ่านมา ลู่หยวนหวังว่าพวกมันจะสามารถช่วยให้เล่าหวงฟื้นตัวได้ มันรีบกินก้อนพร้อมกับทรายและหินรอบๆ ก้อน จากนั้นเมื่อเขาหันไปทางอื่น เขาสังเกตเห็นว่ากิ้งก่าและเล่าหวงไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน พวกสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์ พวกมันมีอาณาเขตมากขึ้นเมื่อเทียบกับมนุษย์ สัตว์สองตัวอยู่ห่างกันอย่างน้อยหนึ่งกิโลเมตร
เมื่อเขากลับมา กล่องที่เขาบรรจุอาหารนั้นว่างเปล่า ดวงจันทร์ถูกปกคลุมด้วยเมฆในคืนนี้ มีเพียงแสงจางๆ ลู่หยวนมองไปที่ท้องฟ้าและสูดลมหายใจ ระดับความชื้นสูงขึ้นเป็นพิเศษในคืนนี้ เขากังวลว่าสภาพอากาศอาจจะไม่ดีในวันรุ่งขึ้น ฝนจะไม่เพียงแค่ทำให้พวกเขาช้าลงเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจของพวกเขาหดหู่ลงด้วย มันอาจทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นและอันตรายมักจะตามมา มันอาจจะยิ่งเลวร้ายลง ถ้ามันมีพายุขณะที่พวกเขาต้องผ่านป่า ลู่หยวนไม่มีที่พักอื่นๆ เขาต้องไปตามทางเท่านั้น
การเดินทางของพวกเขาอาจต้องเลื่อนออกไป ถ้าหากมันมีพายุในวันพรุ่งนี้ เขาขมวดคิ้วและถอนหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เมื่อเข้าสู่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ลู่หยวนจงใจก้าวลงบนพื้นเพียงเล็กน้อย มันยากที่จะเงียบ นั้นเหมือนบอกให้ทุกคนรู้ว่าเขากลับมาแล้ว เขารู้ว่าหลายคนไม่เคยนอนหลับอย่างมีความสุข เมื่อไม่มีเขาอยู่รอบกาย ไม่ใช่แค่คนที่ใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น หู่ตงและคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ระดับความตื่นตัวในผู้รอดชีวิตแต่ละคนนั้นยากจะเข้าใจ ความรู้สึกของทุกคนจะยกระดับขึ้นตามสถานการณ์
ลู่หยวนนั่งสมาธิอยู่คนเดียวที่ทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินเช่นเคย ถ้าเขานอนหลับใกล้คนอื่นๆ ด้วยสภาพปัจจุบันของเขา ทุกคนจะถูกครอบงำด้วยฝันร้าย เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมออร่าของเขาได้เมื่อเขาตื่นตัว แน่นอนว่าในตอนที่เขาหลับ เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในอารมณ์ของเขา อาจเปลี่ยนออร่าของเขาได้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขากำลังฝัน มันคงยิ่งแย่ถ้ามันเป็นฝันร้าย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลู่หยวนยังไม่สามารถควบคุมพลังของเขาได้อย่างเต็มที่ หลังจากระดับความเชี่ยวชาญล่าสุดที่เขาได้รับ
ออร่านับเป็นปริศนาอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาคืออะไรนอกจากความแข็งแกร่งของพลังจิต และประสาทสัมผัส – พลังจิตจะแข็งแกร่งมากขึ้น ในขณะที่ประสาทสัมผัสจำเป็นต้องใช้เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งนั้น ผู้ที่มีพลังจิตอ่อนแอจะยังคงดูด้อยกว่าเมื่อต้องเผชิญหน้าผู้ที่แข็งแรง แต่ผู้ที่มีพลังจิตแข็งแกร่งจะสร้างแรงกดดันรอบตัว แม้ว่าจะยืนนิ่งๆก็ตาม ดังนั้นการควบคุมพลังจิตของตัวเองจะหมายถึงการควบคุมออร่าและการทำสมาธิเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ลู่หยวนคิดว่าสามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ แน่นอนว่าไม่มีทักษะที่จำเป็นในการควบคุมมัน ออร่าของเขาจะไม่นุ่นนวล และความก้าวร้าวรุนแรงของมันจะเป็นเพียงแค่การพลังเสริมที่ทำให้ทักษะการใช้ดาบของเขาสมบูรณ์แบบขึ้น
ราตรีกาลผ่านไปอย่างเงียบๆ และในวันรุ่งขึ้น ลู่หยวนที่ครึ่งหลับในสภาพการนั่งสมาธิ เขาลืมตาขึ้น เขารู้สึกใจสั่น สภาพแวดล้อมเงียบ และมีเพียงเสียงแมลงเท่านั้นที่ได้ยิน ท้องฟ้ายังไม่สดใส เนื่องจากมันเป็นเวลาตีสี่เท่านั้น คืนนี้มีความชื้นเพิ่มอย่างไม่คาดคิด เขารู้สึกว่าผมของเขาเปียก เขาเช็ดหน้าให้แห้ง และมองไปที่ท้องฟ้า มีเมฆครึ้มในตอนนี้ มันเป็นสัญญาณของฝนว่ากำลังจะตกหนัก
เขาลุกขึ้นยืนและยืดแข้งยืดขาที่ชาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังอาคารที่อยู่ใกล้เคียงพร้อมกับดาบของเขา เห็นได้ชัดว่าอาคารนี้เป็นหอคอยสำนักงานระดับสูงก่อนเกิดวันสิ้นโลก เนื่องจากยังคงสูงถึง 12 ชั้น แม้อบางส่วนของมันจะพังทลายแล้ว แต่นี้คือจุดชมวิวที่สูงที่สุด
ด้านในของอาคารได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แม้ว่าจะมีปูนซีเมนต์จำนวนมากหายไป พร้อมกับเหล็กยึดบางส่วนที่บิดงอโผล่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าไปของลู่หยวน แม้ไม่มีบันได เขาก็กระโดด แม้ไม่มีพื้น เขาก็วิ่งไปตามกำแพง ด้วยการใช้เหล็กยึดและชิ้นส่วนที่หักพังของอาคารเขาก็เดินผ่านทุกส่วนของอาคารได้อย่างรวดเร็ว
ระดับความชำนาญ 14 คะแนนของเขาช่วยให้เขาสามารถเข้าไปในอาคาร เหมือนเดินเล่นบนลานปากัวร์ (parkour เป็นการออกกำลังรูปแบบใหม่ที่ประยุกต์มาจาก Free Running) – ด้วยการเคลื่อนไหวที่มากกว่าความว่องไวของลิง แต่นุ่มนวลยิ่งกว่าแมว หลังจากนั้นไม่ถึง 2 นาทีเขาก็อยู่ที่ด้านบนสุดของตัวอาคาร เขามองไปที่ขอบฟ้า ท้องฟ้ายังมืดอยู่แม้กระทั่งกับวิสัยทัศน์ของลู่หยวน เขายังไม่สามารถมองเห็นในระยะไกล เขารออย่างอดทนเพื่อให้ดวงอาทิตย์ขึ้นมา แต่ก็ยังไม่สามารถสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติ นั้นทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองเกี่ยวกับอาการใจสั่นก่อนหน้านี้
ลู่หยวน กลับมาโดยไม่มีคำตอบ เมื่อเขากลับมาคนอื่นๆ ยกเว้นทหารที่ยังคงหลับสนิท ต่างก็ตื่นขึ้นมาแล้ว และกำลังเก็บสิ่งของทั้งหลายไว้
"เราควรจะปลุกพวกเขาไหม๊ ? " หวงเจียฮุยถาม
ลู่หยวนมองเวลาและพูดว่า "ตอนนี้เพิ่งตีห้า พวกเราจะออกไปตอนเจ็ดโมง ปล่อยให้พวกเขานอนอีกสักชั่วโมง!"
"มีอะไรเกิดขึ้นกับคอของคุณ?" ลู่หยวนถามเมื่อเขาสังเกตเห็นอาการบวมที่คอของเธอ เมื่อหวงเจียฮุยหันกลับมา
" มันไม่เป็นไร ดูเหมือนน้ำจะซึมเข้ามาที่นี่ เต็นท์เปียกตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา" หวงเจียฮุยกล่าวอย่างหน้านิ่วในขณะที่เธอแตะที่คอของเธอ
“ ที่ไหน ? ให้ฉันดูหน่อย" ลู่หยวนกล่าวอย่างรวดเร็ว
เต็นท์ถูกจัดเก็บแล้ว ดังนั้นลู่หยวนเดินไปหาหวงเจียฮุยซึ่งมีเต็นท์ที่เธอรวบรวมไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา และโดยไม่ต้องมองใกล้ๆ เขาก็เห็นว่าพื้นที่ตรงนั้นเปียกเพราะเต็มไปด้วยแอ่งน้ำแล้ว บางทีพื้นอาจจะแตก เพราะฉะนั้นน้ำจึงซึมผ่านที่นี่ เนื่องจากจุดอื่นๆ ยัง แห้งอยู่
เขาใช้นิ้วชี้แตะน้ำมาลองชิมดู มันเป็นน้ำทะเล! เขาตระหนักว่าสมมติฐานก่อนหน้านี้ของเขาผิด บริเวณที่ต่ำกว่าบางแห่งได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำแล้ว ถ้าเป็นช่วงสูงสุดของฤดูน้ำท่วม กระแสน้ำคงครอบคลุมไปทั่วมณฑลเจียงหนานทั้งหมดแล้ว เวลาที่จะเกิดขึ้นต้องไม่นานจากนี้ กรณีสถานการณ์ที่ดีที่สุดคือครึ่งเดือน และถ้าเป็นกรณีสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจเป็นเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
จากนั้นหู่ตงก็เดินมา ... น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความกลัวและความสิ้นหวัง "เจ้านายลู่ มานี่เร็ว ดูสิ่งที่อยู่ข้างนอกสิ! "หัวใจของลู่หยวนแทบพลิก! เขารีบเดินออกไปพร้อมกับดาบของเขา กับกลุ่มคนอื่นๆ ที่ตามหลังเขามา เขาค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างไม่รู้ตัว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง จากจุดที่เขายืนอยู่มันดูเหมือนจุดสีดำสุดคณานับปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า และเกิดแผ่นสีดำที่ลอยมาจากด้านหน้าไกลๆ มันปกคลุมไปเกือบครึ่งหนึ่งเหนือท้องฟ้า
จำนวนมากมายมหาศาลของจุดบนฟ้านั้น ได้ทำให้เกิดอาการชาขึ้นในหัวของเขา จุดเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่บินได้ และพวกมันก็ไม่ได้เป็นสายพันธุ์เดียวกันหรือประเภทเดียวกัน มีทั้งนก แมลง และแม้กระทั่งสัตว์กลายพันธุ์ที่มีปีก บางตัวอาจตกเป็นเหยื่อของตัวอื่นๆ แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดกำลังบินไปในทิศทางเดียวกัน ระดับเสียงของพวกมันดังอื้ออึงยิ่งขึ้นขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ที่ลู่หยวนและกลุ่มคนของเขาได้รวมตัวกัน เสียงอึกทึกนี้ดูหงุดหงิดโหยหวนเหมือนกับเสียงร่ำไห้ครวญครางออกมาดังๆ
พวกมันกำลังหนี
ครึ่งชั่วโมงต่อมา จุดสีดำบนท้องฟ้าก็ได้ผ่านสถานีรถไฟใต้ดิน – เหลือทิ้งไว้ด้วยพื้นที่เต็มไปด้วยอุจจาระที่รบกวนคนจำนวนมาก ลู่หยวนพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "เราไม่สามารถรออีกต่อไปได้ ปลุกให้ทุกคนตื่น เราจะออกไปทันทีหลังจากรับประทานอาหาร" ถ้าหากบริเวณด้านหน้าถูกน้ำท่วม การบินของสิ่งมีชีวิตที่หลบหนีเหล่านี้อาจเป็นเพียงคลื่นลูกแรก โดยตัดสินจากความเร็วของพวกมัน นั่นหมายความว่าลู่หยวนและกลุ่มทั้งหมดของเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคลื่นลูกใหม่ของสัตว์ร้าย พวกเขาต้องออกไปโดยเร็วที่สุดหรือต้องเผชิญกับความตาย
พวกทหารทุกคนถูกเรียกขึ้นมา พลังงานส่วนใหญ่ของพวกเขาได้รับการฟื้นฟูตอนที่พวกเขาได้นอนนานกว่า 10 ชั่วโมง พวกเขาดูดีขึ้นกว่าวันก่อนหน้านี้ ใบหน้าของพวกเขาดูสดชื่นขึ้น
เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและเร่งการเดินทางของพวกเขา ลู่หยวนได้รวบรวมทุกคนและเล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับการวิเคราะห์ของเขา รวมทั้งความจริงที่โหดร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ ท่าทางของทุกคนเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาฟังอย่างตั้งใจ