หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่167: เรียงลำดับ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่167: เรียงลำดับ

 

มันเป็นสามวันที่เงียบสงบ

ไม่ต้องสงสัยนี่เป็นช่วงเวลาที่น่าพอใจสำหรับลู่หยวนและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ในที่สุดพวกเขาก็จะได้นอนหลับและไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศในวันรุ่งขึ้น  หรือถูกโจมตีโดยสัตว์ที่กลายพันธุ์ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะตาย

เมืองเจียผิง ถูกสะสางและมีความปลอดภัยชั่วคราว มันจะใช้เวลาสิบถึงสิบห้าวันสำหรับสัตว์กลายพันธุ์จากพื้นที่อื่นๆ ที่จะเข้ามาครอบครองมัน

สถานการณ์นี้ยังอนุญาตให้ลู่หยวน ได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง เขาเริ่มคิดและเรียงลำดับความสามารถของเขา

เขานั่งไขว่ห้างอยู่ห่างจากกลุ่มตรงด้านหน้าสถานีรถไฟใต้ดิน เขาหลับตาและดาบสีดำของเขาวางอยู่บนพื้นคอนกรีตตรงหน้าเขา

พลังที่ความมุ่งมั่นกระจายตัวล้อมรอบดาบของเขา  มนุษย์ธรรมดาๆ จะรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรก แม้แต่แมลงที่กลายพันธุ์บางตัวก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้

ทันใดนั้นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น

ดาบสีดำเริ่มสั่นเบาๆ ตอนแรกลู่หยวนคิดว่าเขาเห็นภาพหลอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็สั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน สาเหตุเกิดจากเดิบสั่นสะเทือนด้วยความถี่   มันสั่นอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งลู่หยวนลืมตาขึ้น จากนั้นเสียงหึ่งๆ ก็หยุดลง

ลู่หยวนยืนขึ้นและดึงดาบออกมา เขามองมันอย่างตั้งใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยดีใจ

นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เขาเพิ่งค้นพบ ยิ่งเขาใช้ดาบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชำนาญมากเท่านั้น เขารู้สึกเหมือนดาบเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา มันเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องเหมือนเลือดของเขาที่ไหลไปทั่วร่างกาย นี่ไม่ได้เป็นแค่ภาพลวงตา    แต่มันเกิดขึ้นจริง

ไม่ว่าดาบจะอยู่ที่ไหน เขาก็สามารถรู้สึกถึงมันได้ แม้ว่าเขาจะขอให้ หวงเจียฮุย ซ่อนมันให้ห่างจากเขา ในสถานที่ที่ไกลออกไปประมาณสี่ถึงห้าร้อยเมตร ลู่หยวนก็ยังคงสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้

แน่นอนหวังซีซีมีความสามารถคล้ายกัน  การใช้พลังจิตเคลื่อนวัตถุ ของเธอไม่เพียงแค่ทำให้เธอสามารถรู้สึกถึงดาบ แต่เธอยังสามารถควบคุมดาบได้ อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนรู้สึกมีความสุขในการควบคุมความสามารถดังกล่าว เขาไม่ได้เป็นเหมือนหวังซีซีซึ่งที่เป็นผู้มีพลังตามธรรมชาติ  แต่การมีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็จะช่วยให้เขาอยู่รอดได้ในโลกที่โหดร้ายนี้

ลู่หยวนคาดเดาว่ามันเกี่ยวข้องกับพลังจิตของเขา และมันไม่ใช่สัญชาตญาณของเขา นั้นเพราะเขาได้ทำการเสริมสร้างดาบของเขา
ด้วยพลังจิตของเขา
มันยังทิ้งสัญลักษณ์ไว้บนดาบ และสร้างการเชื่อมโยงระหว่างดาบของเขา กับร่างกายของเขา

แม้ว่าจะมีใครถือมีดสองเล่มที่เหมือนกัน แต่พวกเขาก็ยังสามารถบอกได้ว่ามันเป็นเล่มไหนเมื่ออยู่ในมือของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาใช้บ่อยๆ ก็จะยิ่งรู้สึกคุ้นเคย

ความรู้สึกเป็นที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นสำหรับใครบางคนเช่นลู่หยวน ผู้ซึ่งสามารถรวบรวมพลังจิตของเขา และทำสัญลักษณ์บนสมบัติส่วนตัวของเขาได้

ในช่วงเวลานั้นลู่หยวนได้จัดเรียงลำดับความสามารถของเขา  ความสามารถบางอย่างของเขาอาจจะไม่ถือว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป ความแข็งแกร่งและความสามารถของเขาเป็นสิ่งที่เกินธรรมดา  ประสิทธิภาพของร่างกายที่โดดเด่นแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับการวิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างออกไปแล้ว

ความจุของปอดเขา มีขนาดใหญ่กว่าผู้คนธรรมดา 7 ถึง 8 เท่า เขาสามารถกลั้นหายใจได้ถึงครึ่งชั่วโมงและเขาสามารถกินอาหารของสิบวันได้ในหนึ่งวัน เขายังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่งของเขาได้แม้ว่าเขาจะไม่กินอะไรภายใน 2-3 วัน เขาสามารถมองเห็นนกที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตรและจมูกของเขาก็ไวเหมือนกับสุนัข เขาสามารถได้กลิ่นที่แตกต่างกันของกลิ่นที่เบาบางในอากาศ และแม้กระทั่งรู้สึกถึงความชุ่มชื้นที่หนาแน่นของอากาศ เพื่อที่จะคาดการณ์ถึงสภาพอากาศได้

เหล่านี้เป็นเพียงความสามารถที่มาจากคุณสมบัติทางร่างกายของเขา

สติปัญญาของเขาทำให้เขามีพลังในการประเมินสถานการณ์ด้วยความเร็วสูง  สัญชาตญาณของเขาทำให้เขาสามารถมองเห็นในมุมมองที่สองได้ และความสามารถในการติดตามแบบไดนามิค (เต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์) และพลังจิตของเขาสามารถทำให้ความต้องการของเขาเป็นจริงขึ้นมาได้

มันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้าความสามารถเหล่านี้ถูกนำมาใช้ที่ละอย่าง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกมันทั้งหมดถูกนำมาใช้ในเวลาเดียวกันมันก็จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด กุญแจสำคัญคือการจัดการและใช้ความสามารถเหล่านี้ เพื่อสร้างการโจมตีที่ผสมผสานให้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในความเป็นจริงลู่หยวนรู้สึกได้ถึงความไม่สอดคล้องกันตั้งแต่เขาออกจากเมืองเหอตง เขาได้รับความสามารถทั้งหมดเหล่านี้ผ่านระบบ  ในระยะเวลาอันสั้น  แทนที่จะได้รับพวกมันจากการฝึกฝนและการลงมือปฏิบัติ เป็นผลให้พวกมันไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้เขายังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสในการปรับตัวให้เข้ากับความสามารถใหม่ๆ ของเขา ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาด เมื่อต้องประเมินพละกำลังที่เขาต้องการจะใช้ในระหว่างการต่อสู้ โชคดีที่เขาประสบความสำเร็จในการต่อสู้ทั้งหมด ต้องขอบคุณโชคและความสามารถทางร่างกายของเขา แต่เรื่องนี้ทำให้ลู่หยวนตั้งใจจะจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง

เขาเป็นเหมือนเครื่องจักรกลที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด แม้พวกมันจะมีฟังก์ชั่นขั้นสูง เครื่องจักรกลก็ยังคงต้องการขั้นตอนที่แม่นยำในการดำเนินการของพวกมัน ทฤษฎีเดียวกันกับพวกมันยังถูกนำมาประยุกต์ใช้กับมนุษย์

ถ้ามนุษย์ไม่ทราบว่าเขาสามารถกระโดดได้สูงแค่ไหน เขาสามารถวิ่งได้เร็วแค่ไหน หรือว่าเขาแข็งแรงแค่ไหนถึงจะสามารถหักตะเกียบได้ แล้วเขาจะคาดหวังให้เขาเก่งในการต่อสู้ได้อย่างไร ? เขาจะเป็นคนอันตรายมาก  เพราะเขาไม่รู้ถึงความสามารถของตนเอง

เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ? การลงมือฝึกฝนเท่านั้นที่จะช่วยได้

ดังนั้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาลู่หยวนได้ทุ่มเทเวลาอย่างมากในการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานเป็นประจำทุกวัน  รวมถึงเพิ่มความหลากหลายในการออกกำลังกายขึ้น และการฝึกฝนดาบของเขา   นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่ลู่หยวนได้ลงมือทำมากที่สุดคือลองฝึกไทเก็กแบบพวกผู้อาวุโส

หวงเจียฮุยได้สอนเขาถึงวิธีการฝึก ถึงแม้ว่านี่เป็นเพียงรูปแบบพื้นฐานของไทเก็กซึ่งไม่เป็นพิษเป็นภัยและยังช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์และมีสุขภาพที่ดี แต่มันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในกรณีของลู่หยวน

สำหรับเขาการเรียนรู้เพียงหนึ่งก็เหมือนกับการเรียนรู้ทุกอย่าง

ลู่หยวนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ดาบอยู่แล้ว และทักษะดาบได้ช่วยเพิ่มทักษะในการชกมวย ดังนั้นเมื่อลู่หยวนพัฒนาทักษะการใช้ดาบของเขาทักษะการชกมวยของเขาก็ดีขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าเขาจะไม่เคยผ่านการฝึกชกมวยมาก่อน แต่เมื่อทักษะดาบของเขาถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ ทักษะในการชกมวยของเขาก็จะมีมากกว่าสิบคะแนนเช่นกัน

เขาได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไทเก็กภายในระยะเวลาสั้นๆ

เพียงแค่สามวันในการฝึกฝน ลู่หยวนก็เข้าใจสาระสำคัญของไทเก็กแล้ว ในเวลาเดียวกันทักษะการชกมวยของเขาได้เพิ่มขึ้นถึง 19 คะแนน เพียงแต่ว่ายังห่างจากการเป็นมืออาชีพเพียงคะแนนเดียว ตอนนี้เขาดูไม่ต่างจากคนที่เคยชกมวยมานานกว่าสิบปี

เขาไม่แน่ใจว่าทักษะนี้จะช่วยเขาในการต่อสู้จนกว่าเขาจะได้ใช้มันในการต่อสู้จริง อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวที่ช้าของไทเก็กมีประโยชน์มากในการช่วยเขาประสานงานและควบคุมพละกำลังของเขา

ทันใดนั้นหลู่หยวนก็ขมวดคิ้วและตะโกนออกไปอย่างมีอารมณ์ว่า " ใครอยู่ข้างนอก ? "

มีร่างกายที่พรางตัวด้วยเถาวัลย์ หมอบอยู่ตรงหัวมุมถนนไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน ถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณของลู่หยวนที่รู้สึกได้ถึงลมหายใจของพวกเขา เขาก็จะไม่รู้สึกตัวถึงการคงอยู่ของพวกเขา

ร่างนั้นไม่ได้เคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลังเล แต่หลังจากนั้นสักครู่พวกเขาก็ดึงสิ่งที่ใช้พรางตัวออกไปและค่อยๆ ลุกขึ้นยืนร่างกายของคนนั้นเซเล็กน้อย อาจเป็นเพราะการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดีในร่างกายของเขาหลังจากที่นอนลงเป็นเวลานาน

เขาเดินไปทีละก้าว ตรงไปยังทางเข้าของสถานี และเหลือบมองไปที่กองกระดูกที่อยู่ด้านหน้า บางโครงกระดูกเป็นของมนุษย์ขณะที่โครงกระดูกอื่นๆ เป็นของสัตว์กลายพันธุ์ บางส่วนของพวกมันยังคงมีเลือดสดๆ สถานีรถไฟใต้ดินที่มืดจึงมองดูคล้ายกับถ้ำของปีศาจ

ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ และนี้เป็นความพยายามครั้งสุดท้าย

เขาก้มหน้ากัดฟันและเดินเข้าไปในสถานี

ลู่หยวนตกใจเมื่อมองชายคนนั้น เขาสวมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรกและเลือด และผมของเขาก็สกปรกมากมันมีแมลงเกาะอยู่ข้างใน ดูจากรูปร่างของเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะระบุตัวตนเขา

ลู่หยวนได้พบกับผู้รอดชีวิตจำนวนมาก แต่ไม่เคยมีใครที่สกปรกเหมือนกับผู้ชายคนนี้

ขอทานยังจะดูสะอาดกว่าเขา

ลู่หยวนเหลือบมองเขา ท่าทางของชายคนนั้นทำให้เขาได้รู้อะไรบางอย่าง " คุณเป็นทหารหรือเปล่า ? " เขาถาม " หรือว่าคุณเคยเป็น ? แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่ ? "

ผู้ชายคนนั้นรู้สึกถูกกดดันจากลู่หยวน  แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะการใช้ดาบ  แต่ลู่หยวนก็ยังไม่สามารถปกปิดพลังของเขาได้  มันได้ปะทะเข้าที่หัวของชายคนนั้น

ร่างกายของเขาซวนเซเล็กน้อยขณะที่เขาพูดว่า " ใช่ผมเป็นทหาร แต่ผมได้แยกออกมาจากกลุ่มของผม    แล้วยังมีกลุ่มเพื่อนของผมอยู่ที่นั่น ดูภายนอกเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง   หัวหน้าของเราหวังว่า... " จู่ๆ เขาก็หยุดพูดชั่วครู่  เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับลู่หยวนก่อนดี   ขณะที่มีความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาก่อนที่จะพูดต่อว่า " เขาหวังว่านายจะสามารถช่วยเรา  และพาเราไปด้วย "

" ช่วยคุณรึ ?   แล้วที่นั้นมีพวกคุณกันกี่คน ? " ลู่หยวนถามขณะที่หัวใจเต้นเร็ว

" สิบสาม อาจจะน้อยลง " ทหารตอบ

" น้อยลงรึ ? " ลู่หยวนถามต่อ

" ก่อนที่เราจะแยกกันเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต เรามีด้วยกันสิบสี่คน " ทหารมองอย่างสงบ แต่น้ำเสียงของเขาดูสั่นเล็กน้อย เพราะเพื่อนคนหนึ่งของเขาได้จากไปตลอดกาล

การแสดงออกทางสีหน้าของลู่หยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและถามขึ้นว่า " คุณมาจากไหน ? "

" เมืองเหอตง  เราแยกกันเมื่อเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นที่เมือง เดิมทีในกลุ่มของเรามีจำนวนหลายร้อยคน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เหลืออยู่ในตอนนี้ โปรดช่วยเราด้วย ... พวกเราเป็นทหารทั้งหมด เราเก่งในการต่อสู้ พวกเราจะไม่สร้างปัญหาให้กับคุณ " ทหารกล่าว และสังเกตว่าลู่หยวนไม่ตอบสนองต่อเขา ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงและก้มคำนับ หัวของเขากระแทกพื้นอย่างแรง

"ปัง ... ปัง ... ปัง ... !"

ลู่หยวนตกใจและรีบดึงคนนั้นขึ้นมาทันที หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่ทหารก็ยังดูสงบนิ่ง ลู่หยวนพยักหน้าและพูดว่า " ผมไม่เคยพูดว่าจะไม่  ช่วยวาดแผนที่ของที่พักพวกคุณบนพื้นให้ผมที "

ทหารรู้สึกตื่นเต้นมาก เขายังคงกล่าวขอบคุณลู่หยวน ในขณะที่เขารีบหยิบก้อนหินขึ้นมาและเริ่มวาดภาพบนพื้น

ลู่หยวนมองที่แผนที่ มันอยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินเพียงสองหรือสามกิโลเมตรเท่านั้น เขาถามคำถามอีกสองสามข้อแล้วก็พูดกับคนที่อยู่ข้างหลัง  ซึ่งเดินเข้ามาหลังจากที่เห็นเหตุการณ์ " พวกคุณอยู่ที่นี่  ผมจะไปกับผู้ชายคนนี้ เดี๋ยวผมกลับมา "

เขาขยิบตาให้กับหวงเจียฮุยและหวังซีซี และผู้หญิงพยักหน้าแสดงความเข้าใจ

แม้ว่าดูเหมือนทหารจะไม่โกหก แต่เขาก็ยังคงต้องตื่นตัวและระมัดระวังรอบๆตัวเขาเป็นพิเศษ

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.