หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 155: ขอความช่วยเหลือ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 155: ขอความช่วยเหลือ

 

สายตาพวกนั้นดูกลัวและสิ้นหวัง

นี่คือกลุ่มผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่ จำนวนก็ไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย  มีอีกหลายคนยังซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด  ลู่หยวน เห็นมันไม่ชัดเจนเท่าไหร่และมันก็มืดเกินไปด้วยที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าจะมีอะไรเดินเข้ามาในประตู

ที่พวกเขาทำได้คือกลั้นหายใจและอยู่นิ่งๆ  ลู่หยวน เห็นฟันพวกนั้นต่างก็กัดแน่นเพราะกังวล  เสียงหายใจนั้นได้ยินอย่างชัดเจน  ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ที่นี่มันมืด การซ่อนตัวนั้นไร้ประโยชน์

“ ฉันเป็นคน ไม่ต้องตกใจ   ! “

เสียงของ ลู่หยวน ทำให้พวกนั้นโล่งใจ  หลายคนยืนขึ้นมาพร้อมกับโล่งใจ บางคนถึงกับตะโกนออกมาด้วยความยินดี

“ อย่าไปนะ นายจะตาย ! “

“ หุบปาก อย่าส่งเสียง ! “

ไม่นานก็มีคนตะโกนขึ้นมา แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะเคร่งเครียดแต่ก็แฝงไปด้วยความกลัวในน้ำเสียงนั้น

ความวุ่นวายได้หยุดลงในตอนที่เสียงนั้นดังขึ้นมา  บางคนที่เดินไปข้างหน้าต้องถอยกลับมา ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกมาให้เห็นถึงความกลัวที่มีมากกว่าเดิม

ลู่หยวน รู้สึกไม่แน่ใจ  พวกนี้ต้องเคยเจอกับพวกอันธพาลมาก่อน  ในตอนที่เกิดภัยพิบัตินั้นไม่มีกฎหมายใดๆ คนอย่างนั้นมีอยู่แทบทุกที่  เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เขาจึงรีบพูดขึ้น – “ ไม่ต้องตกใจ ฉันไม่ได้มาร้าย ฉันแค่มาหาของที่อยู่ในร้านค้า “

ผู้คนตรงนั้นยังคงเงียบอยู่ นอกจากเสียงหายใจแล้วก็มีเสียงกัดฟันแน่นให้ได้ยินเท่านั้น

ถ้าพวกนี้ไม่พูดอะไรออกมา เขาคงต้องหาพวกเขาด้วยตัวเอง

ผู้คนยังคงเงียบอยู่จนกระทั่งในที่สุดก็เริ่มมีเสียงกระซิบ  บางคนเหมือนจะถกเถียงกันก่อนจะส่องไฟฉายมาที่เขาแล้วมองดูเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า  แสงนั่นทำให้ ลู่หยวน แสบตาเล็กน้อยแต่เขาก็ยอมให้พวกนั้นส่องดูเขาอยู่

ผู้คนดูเหมือนจะโล่งใจและบรรยากาศนั้นน่ากระอักกระอ่วนนี้ก็ได้หายไป

ชายคนหนี่งซึ่งน่าจะเป็นผู้นำได้เดินออกมาและมองไปที่ประตูที่พังนั้น เขาโกรธแต่ก็เก็บความโกรธไว้พร้อมกับถามอย่างระวัง – “ นายมาจากไหน ? สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง? “

แม้ว่าแสงจะน้อยแต่ ลู่หยวน ก็เห็นว่าชายคนนี้มีผิวที่ขาวเอามากๆ ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่โดนแสงอาทิตย์มานานแต่พวกนี้ไม่ได้ขาดของจำเป็นในการดำรงชีวิตเลย มีอาหารตุนอยู่เพียบ  พวกนี้ดูไม่ได้อดอยากเลย

“ ฉันมาจากเมืองเฮดง ฉันเพิ่งผ่านมาที่นี่เพื่อหาอาหารแต่ทุกอย่างจมไปหมดแล้ว ตอนนี้พื้นที่นี้ก็เปลี่ยนเป็นป่าไปแล้ว “ - ลู่หยวน พูดขึ้น

ความสงสัยเกิดขึ้นในหัวของทุกคนแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา  ชัดเจนแล้วว่าชายคนนี้ต้องมีเคร่งครัดมากแน่ๆ

“ เป็นไปได้ยังไง ? “ – เขาถามออกมาด้วยอาการช็อค – “ แล้วนายมาที่นี่ได้ยังไง ? “

“ โชคน่ะ  มีเหตุการณ์ที่อันตรายตามทางอยู่บ้างจนฉันเกือบตาย “ – ลู่หยวน รู้ว่าไม่ว่าจะอธิบายยังไง พวกนี้ก็คงไม่เข้าใจ  เขาคงต้องพูดให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

“ นายนี่โชคดีจริงๆ เรามีเตนท์ที่นี่  นายไม่จำเป็นต้องแลกอะไร   เราไม่สนใจอยู่แล้ว นายก็กลับไปทันทีที่ได้ไปแล้ว  เราต้องการจะปิดประตูนี่ “ – ชายคนนั้นพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็บอกให้คนของเขาไปหาเตนท์มาให้

“ นายเอาไฟฉายให้ฉันด้วยได้มั้ย ? “

“ ได้แต่แค่สองอันนะกับถ่านอีกสองกล่อง  เรามีไม่มากเท่าไหร่  อย่าโลภมากเกินไป “ – แม้ว่าความคิดชายคนนี้จะเย็นชาแต่เขาไม่ได้ปฏิเสธ  บางทีเขารู้ว่า ลู่หยวน คงไม่ได้มาจากเมืองเฮดงคนเดียวแน่

“ พวกนายอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว ? “

“ มากกว่า 5 เดือน เราลืมไปแล้วว่านานเท่าไหร่กันแน่ “ - ชายคนนั้นตอบอย่างเย็นชา

“ พวกนายไม่อยากออกไปไหนเหรอ ? “- ลู่หยวน ถาม  การอยู่ที่นี่ก็เท่ากับรอความตาย  แม้ว่าจะมีอาหารแต่มันก็จะหมดไปตามกาลเวลา ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่นั้นก็คือความตาย

“ ออกไป ?  ล้อเล่นรึเปล่า ? “ – ชายคนนั้นหัวเราะคิกคักและพูดขึ้น – “ นอกซะจากว่านายอยากตาย ฉันแนะนำให้นายออกไปจากเมืองเจียปิงไปซะ “

คำพูดพวกนี้เหมือนแฝงบางอย่างอยู่  ลู่หยวน นึกถึงท่าทีตอบกลับของกลุ่มก่อนหน้านี้และเริ่มรู้สึกขัดขึ้นมาและพูดขึ้น – “ พวกนายไม่เคยเจออันตรายมาก่อนเหรอ ? “

ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที

สีหน้าของชายคนนั้นแสดงความกลัวออกมา  เขาดูเหมือนพูดด้วยเสียงตื่นกลัว – “ อย่าถาม  นายไม่อยากรู้หรอก  ฟังคำแนะนำของฉัน ไม่ก็ออกไปซะ มันขึ้นอยู่กับนาย “

ลู่หยวน ไม่ได้โกรธ  เขาสงสัยว่าทำไมท่าทีของพวกนี้เปลี่ยนไปทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องนี้และมันก็น่าจะเกี่ยวกับสิ่งที่พวกนี้พูดอยู่ด้วย

มีของตุนอยู่แทบทุกที่ในร้านค้าแต่ใช้เวลาไม่นานก็พบกับเตนท์ที่พวกเขาเก็บไว้  พวกเขาเอาเตนท์ออกมา 5 อันและโยนมันใส่ตรงหน้า ลู่หยวน

“ เอาของที่นายอยากได้ไปและออกไปซะ “

ทันทีที่ชายคนนั้นพูดจบ เขาก็ให้คนของเขาถอยกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม

ตอนนี้ ลู่หยวน นั้นเต็มไปด้วยคำถาม คิ้วของเขาเองก็กระตุก ในที่สุดเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาและเลือกเตนท์สี่หลังและเดินออกมาจากชั้นสี่

เขาไม่ได้สนเรื่องคำเตือนของคนพวกนี้  เขาได้ผ่านอะไรมาเยอะกว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ไหนที่เขาไม่เคยเจอ ดูจากความสามารถของเขาตอนนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นระดับสีฟ้าเข้มรึสีเขียวอ่อนก็ไม่ใช่คู่ปรับของเขาเลย

สิ่งมีชีวิตพวกนั้นอันตรายกับคนธรรมดาแต่ไม่ใช่สำหรับเขา

แต่หัวใจของเขาก็ยังคงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรแต่เขาก็ไม่สามารถสลัดคำถามที่มีในหัวได้

เมืองเจียงปิงนั้นเงียบสงบเกินไป  สิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่นี่ดูเหมือนจะหลับใหลกันอยู่  ตามทางนั้นเขาไม่ได้เจอกับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งรึวี่แววของพวกมันเลยสักตัว มันแปลกจริงๆสำหรับเขตที่จมน้ำแบบนี้

ใครก็ตามที่ทำตามเป้าหมายได้แล้วจะออกจากเมืองได้ทันที  ไม่ว่าที่นี่จะอันตรายแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบจากมัน

ลู่หยวน แบกของทั้งหมดเดินออกมาจากร้านค้า  เมื่อเห็นเขากลับมาแล้วคนอื่นๆต่างก็โล่งใจกันเล็กน้อย  สาวๆต่างก็เข้าไปเช็คของที่ ลู่หยวน เอามาด้วยความตื่นเต้น

ในตอนที่ ลู่หยวน มองไปที่รูซึ่งเขาสร้างขึ้นมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ  ต้นไม้ข้างนอกร้านข้านั้นทำการปกป้องอันตรายให้คนด้านใน  ตอนนี้เขาทำหลุมขึ้นมา การป้องกันของพวกนั้นได้หายไปแล้ว ที่เขาทำได้ดีที่สุดคือหาอะไรมาปิดรูนั่นไว้

เขาหันไปหา เฉินเซียนฟง ที่ซึ่งยืนอยู่ไกลๆและพูดขึ้น – “ มีคนรอดอยู่ข้างใน ไปเอาหินมาปิดรูให้พวกเขาหน่อยสิ “

“ มีคนอยู่ข้างในเหรอ ? “ – เซ่าหยาหลี่ พูดด้วยท่าทีตกใจ – “ พวกนั้นไม่อยากตามเรามาเหรอ ? “

“ สำหรับพวกเขาแล้วมันอันตรายมากกว่าเดิมถ้าต้องออกมาข้างนอก “ - โฮวตง พูดขึ้น – “ มันจะดีกว่าถ้าพวกนั้นจะอยู่ข้างในต่อและนับวันเวลาที่ยังมีชีวิตรอดต่อไป “

ลู่หยวน รู้สึกหนักใจ  การเกิดภัยพิบัติได้เปลี่ยนมนุษย์จากการเป็นเจ้าของเมืองกลายมาเป็นหนูที่ต้องหลบซ่อนตามท่อ คนที่ยังรอดในเมืองผีแบบนี้มีไม่ถึงหมื่นคน

เฉินเซียนฟง เชื่อฟังคำสั่งของ ลู่หยวน และเริ่มไปที่พื้นที่ใกล้ๆโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

มีตึกถล่มอยู่แทบทุกที่ แม้ว่าจะมีหินใหญ่ไม่กี่ก้อนแต่หินคอนกรีตที่เปรอะโคลนนั้นมีอยู่แทบทุกที่

ไม่นานเขาก็เอาหินเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าหนึ่งเมตรหนัก 5 ตันดันมาหา   ลู่หยวน หวังว่าอยากจะมีแรงแบบนั้นบ้าง แรงของ เฉินเซียนฟง นั้นเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อหลังจากที่วิวัฒนาการแล้ว

เขาปล่อยหินนั่นและถอนหายใจออกมาก่อนจะรีบดันต่อเพื่อไปกันรูแล้วยืนอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไร

ลู่หยวน ใช้เถาวัลย์ปิดมันไว้  เขาลองใช้มือและมองมันอย่างระวัง แทบบอกไม่ได้เลยว่าที่นี่มีรูอยู่  บวกกับอีกไม่กี่วันให้หลังตอนต้นไม้โตและปกปิดพื้นที่นี้ มันคงกลับสู่สภาพเดิมได้แน่

ในขณะเดียวกัน หวงเจียฮุย และคนอื่นๆต่างก็จัดของเข้าใส่กระเป๋าเดินทางของตน

พวกเธอเรียนรู้เรื่องนี้หลังจากที่เสียของไปในครั้งที่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกัน  แม้ว่าจะขนได้ง่ายกว่าแต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นพวกเขาอาจเสียมันไปทั้งหมดเลยก็ได้

“ ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย ! “

ทันใดนั้น ลู่หยวน ก็ได้หยุดและเพ่งสมาธิพยายามฟังเสียง  พวกเขาได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วยจากที่ไกลๆทำให้เขารู้สึกแปลกขึ้นมา

“ มีอะไรเหรอ ? “ – หวงเจียฮุย รู้สึกสงสัยในตอนที่เห็นสีหน้าของ ลู่หยวน

“ มีบางคนร้องให้ช่วย เสียงเหมือนอยู่ใกล้ๆ เธอไม่ได้ยินเหรอ ? “

ทุกคนต่างก็สับสนพร้อมมกับส่ายหน้า มีแค่ เฉินเซียนฟง เท่านั้นที่ดูไม่แน่ใจ

“ ไปเช็คกันเถอะ “ – ลู่หยวน พูดขึ้น

ทุกคนต่างก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาและเดินไปยังแหล่งที่เกิดเสียง

ในตอนที่เลี้ยวที่หัวมุมอยู่ๆเสียงร้องนั้นก็ดังชัดขึ้น ตอนนี้คนอื่นๆก็ได้ยินเสียงนั่นเช่นกัน

เสียงนั่นเป็นเสียงของผู้หญิงเพราะเสียงนั้นแหลม

พวกเขาเดินต่อไปสักพัก

“ เดี๋ยว “ – สีหน้าของ เกาหลิง เปลี่ยนไปพร้อมกับถามขึ้นมา – “ เธอตะโกนมานานแค่ไหนแล้ว ? “

“ เราเดินมาได้กว่าหนึ่งนาทีแล้ว  “- หลินเสี่ยวจี พูดขึ้นเพราะเขานับมาตลอด สีหน้าของเขาเริ่มแสดงความกังวลขึ้น

ลู่หยวน เองก็รู้เรื่องนี้ เสียงร้องนี่มันแปลกเกินไป  คนธรรมดาคงร้องขอให้ช่วยพร้อมกับกรี๊ดแบบนี้ไม่ได้ บวกกับเสียงนี้เหมือนกับตกอยู่ในอันตราย การกรีดร้องออกมามันก็หมายถึงดึงความสนใจของสัตว์กลายพันธุ์มาด้วยและเร่งให้ตัวเองตาย  มันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำแต่ผู้หญิงคนนี้กลับมีชีวิตรอดอยู่ได้และมีแรงเหลือที่จะตะโกนออกมาดังๆ

ในความเห็นของพวกเขา เสียงร้องนี้ดูเหมือนการร้องของหุ่นยนต์ แต่ละครั้งเหมือนกับพูดซ้ำแบบเดิม  ไม่มีการเปลี่ยนแปลงน้ำเสียงและไม่มีความกลัวรึความสิ้นหวังแบบคนธรรมดาที่กำลังเจอกับอันตรายอยู่

ทุกคนต่างก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แม้แต่ ลู่หยวน เองก็รู้สึกระแวงขึ้นมาด้วย

หวังซีซี เผลอดึงเสื้อของ ลู่หยวน   ปกติเธอมักจะเป็นคนกลัวเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว  ไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่เธอก็ยังกลัวผีอยู่ดี

จากมุมมองทางจิตวิทยาแล้วสัตว์กลายพันธุ์นั้นไม่มีทางน่ากลัวได้เท่าผี  สิ่งมีชีวิตจริงๆนั้นสามารถทำลายได้แต่ความกลัวนั้นไม่สามารถพิชิตได้  มันเป็นสิ่งที่ยังไม่ทราบได้ซึ่งทำให้คนเกิดกลัวขึ้นมา

“ ทำไมเราไม่กลับไป ? “ - เกาหลิง ถามออกมา

“ ลองไปดูก่อน ฉันอยากรู้ว่ามันจะเล่นตลกอะไร “ - สีหน้าของ ลู่หยวน ดูจริงจัง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ถ้ามันกล้าที่จะดึงพวกเขาเข้าไป งั้นมันต้องเตรียมรับผลที่ทำแบบนี้

“ บ้าเอ้ย มันคงไม่ใช่ผีผู้หญิงหรอกนะ ? “ - โฮวตง พูดหยอกขึ้นมา  เสียงร้องขอให้ช่วยดังชัดขึ้นเรื่อยๆราวกับเสียงนั้นเดินเข้ามาหาพวกเขา

“ นายอยากตายมั้ย ? “ – หวังซีซี พูดขึ้นอย่างโกรธๆและมองไปที่เขา

“ โลกนี้มีผีที่ไหน ? มันต้องเป็นสัตว์กลายพันธุ์ “ - ลู่หยวน พูดด้วยท่าทีนิ่งขรึม

สำหรับพวกเขาแล้ว ลู่หยวน นั้นเป็นเสาหลักให้กับทุกคน  การมองเห็นเขาใจเย็นได้อยู่ทำให้ทุกคนรู้สึกมีความกล้ามากขึ้น  แม้ว่าพวกเขาจะยังคงกังวลอยู่แต่สีหน้าของพวกเขาได้เปลี่ยนมาดึขึ้นแล้ว

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.