หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 144: แอ่งน้ำที่กว้างอย่างมหาสมุทร

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่  144: แอ่งน้ำที่กว้างอย่างมหาสมุทร

 

ในตอนที่ทั้งคู่กลับมา โฮวตง ก็จุดกองไฟเสร็จแล้ว

ในตอนนี้หนังปลาชิ้นโตถูกเปิดออกก็เผยให้เห็นเนื้อปลาย่างที่พร้อมกิน

หวงเจียฮุย ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาราวกับไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ เธอพูดขึ้นอย่างใจเย็นและเทน้ำต้นไม้ให้กับทุกคนแล้วยื่นให้กับ หยาหลี่ – “ ลองนี่ดู “

เซ่าหยาหลี่ เป็นคนสุภาพ เธอมักจะแสดงอาการไม่พอใจให้กับคนที่เธอสนิทด้วยแต่ไม่ได้แสดงอารมณ์แบบนั้นต่อหน้าคนอื่น เธอรีบขอบคุณอีกฝ่ายทันที

เธอถือแก้วแล้วลองจิบดูก่อนจะดื่มไปอึกใหญ่แต่ก็ยังคงเงียบอยู่

หวังซีซี นั้นไม่ได้ใจเย็น พี่ชายลู่ ของเธอนั้นมีผู้หญิงมากเกินไปแล้ว ผู้หญิงของเขามาและจากไปทีละคนๆทำให้เป็นภัยต่อการมีอยู่ของเธอ

เธออดมองไปที่ หยาหลี่ ไม่ได้  สีที่เปื้อนบนหน้าของอีกฝ่ายหายไปเพราะน้ำตาเผยให้เห็นหน้าจริงๆ   ยิ่งเธอมองอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย เธอไม่สนเรื่องอคติอีก เธอถามออกมาด้วยความช็อค – “ นี่ไม่ใช่ว่าเธอเคยอยู่บ้านตรงข้ามฉันมาก่อนเหรอ ?”

เซ่าหยาหลี่ อึ้ง เธอไม่คิดว่าจะมีคนที่เธอรู้จักนอกจาก ลู่หยวน  เธอมองไปที่ หวังซีซี แต่เด็กหญิงคนนี้ได้เปลี่ยนไปมากจึงทำให้เธอจำไม่ได้

“ ฉันอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามบ้านเธอ เราเคยเจอกันบ่อยๆ “ - หวังซีซี อธิบายในตอนที่เห็นอีกฝ่ายดูสับสน

เซ่าหยาหลี่ นึกดูดีๆและแปลกใจในตอนที่เริ่มจำได้ – “ เธอโตขึ้นมากเลยและเธอก็อยู่กับ ลู่หยวน อีก “

“ พ่อแม่ฉันไม่ได้อยู่นั่นอีกแล้ว ฉันเลยตาม พี่ลู่ มาตั้งแต่นั้น “

เซ่าหยาหลี่ ถอนหายใจออกมาพร้อมกับคิดถึงครอบครัวของเธอ เธอดื่มน้ำต้นไม้ลงไปและเงียบ เธอถือมันไว้แล้วคิดถึงเรื่องในอนาคต

เมื่อเห็นทุกคนเริ่มคุยกัน บรรยากาศก็ไม่ได้เครียดอีกต่อไป  เกาหลิง อดไม่ได้ที่จะถามเธอด้วยความสงสัย – “ ตรงหน้าเธอมันอะไรน่ะ ? ฉันเห็นทุกคนในแคมป์นั่นหน้ามีสีทาไว้หมดเลย “

เซ่าหยาหลี่ หน้าแดงนิดๆ – “ มันเป็นน้ำจากต้นไม้เพื่อกันแมลงที่หาดแต่ผลของมันก็ไม่ดีเท่าไหร่ “

นอกจาก ลู่หยวน และ หวังซีซี แล้วทุกคนต่างก็ตาเป็นประกาย  แม้ว่ากลิ่นของมันจะแย่และดูไม่น่าเอามาทาหน้าแต่มันก็ไม่มีอะไรมาเทียบได้กับการมีชีวิตอยู่  เกาหลิง รีบถาม – “ ต้นไม้แบบไหน ? “

หยาหลี่ รู้สึกกระอักกระอ่วนนิดๆ – “ ฉันไม่แน่ใจ มัน...ซู่เฮา และคนอื่นเจอมันน่ะ “

เธอมักจะขี้อายเสมอ ตั้งแต่ที่เธอเข้าไปอยู่ในแคมป์นั้น เธอไม่เคยออกไปในป่าที่อันตรายเลย  ดังนั้นไม่มีทางที่เธอจะรู้ว่าน้ำนี่มาจากไหน

ทุกคนต่างก็แสดงความผิดหวังออกมา  จากต้นไม้ที่กลายพันธุ์หลายหลายต้น การหาต้นไม้นั่นก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร

ลู่หยวน เลือกที่จะไม่เข้าไปคุยด้วย เขาเลือกที่จะจับถังไม้แล้วเดินออกไป ที่นี่เป็นพื้นที่ต่ำทำให้มีน้ำทะเลขังในหลุมหลังจากที่น้ำลงซึ่งมันมีเกลืออยู่เยอะหลังจากที่โดนพระอาทิตย์ส่องแสงใส่

น้ำในหลุมนั่นเคยเป็นน้ำวนมาก่อนทำให้น้ำนั้นมันขุ่นในตอนที่ ลู่หยวน เดินเข้าไปดู เขาตักมันขึ้นมาและทำความสะอาดแล้วกลับมาพร้อมกับถังที่เต็มไปด้วยน้ำ

หวงเจียฮุย และ เกาหลิง เอาเสื้อผ้าไปกรองน้ำออกเพื่อจะได้เอาน้ำนั้นไปต้มแต่เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก น้ำมันยังขุ่นอยู่แต่ก็เป็นเพียงอย่างเดียวที่พวกเขาพอทำได้

เมื่อหม้อหินร้อนขึ้นมา น้ำก็เดือดอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงแค่เกลือหลังจากที่น้ำมันระเหย

เกลือเหล่านี้ไม่ได้ขาวเหมือนของที่พวกเขามีก่อนจะเกิดภัยพิบัติแต่เป็นสีค่อนข้างเทา

“ เกลือนี่มันเปื้อนเกินไป ฉันคิดว่ามันต้องขมแน่ๆ “ - โฮวตง พูดขึ้น

“ มันก็ดีกว่าไม่มี ฉันกินมันได้ 50 กรัมเลย  “ – หลินเสี่ยวจี พูดขึ้นพร้อมกับเลียปากที่แตกของตัวเอง  อะไรก็ตามที่เขากินมักไม่มีรสชาติเพราะมันขาดเกลือ  ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนอะไรมากถ้ามันจะขม

น้ำระเหยออกไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นเกลือที่อยู่ด้านล่างหม้อแต่ดูแล้วมันไม่ได้ดูเหมือนเกลือที่มีขายตามร้านค้าเลย

ทุกคนต่างก็รีบชิมดู เกลือนี้มันขมและเต็มไปด้วยทราย แม้แต่หมาในตอนก่อนเกิดภัยพิบัติก็ยังไม่กินแต่ตอนนี้ทุกคนเหมือนจะดีใจที่ได้กินมัน คนที่ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไงเมื่อขาดเกลือมานาน  บางคนกำเอามาเหมือนลูกกวาดแล้วเลียกิน, พวกเขากินทุกอย่างรวมไปถึงทรายด้วย

นอกจาก หยาหลี่ แล้วทุกคนต่างก็รีบกินมัน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็กินน้ำไปจนหมดด้วยเพราะคอแห้ง

หลังจากกินอาหารเสร็จ พวกเขาก็เก็บเกลือส่วนที่เหลือและออกเดินทางต่ออีกครั้ง

มีซากขนาดใหญ่ให้เห็นตามก้นทะเล สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลนั้นยังกลายพันธุ์ได้ไม่พอที่จะเอาตัวรอดบนพื้นดินได้ พวกมันตายในตอนที่น้ำลงต่ำ ลู่หยวน เห็นซากหนึ่งมีความยาวอย่างน้อย 30 ม.และสูงอย่างน้อย 8-9 ม. โครงกระดูกของมันเหมือนกับเนินขนาดเล็ก

เขาเดินเข้าไปเช็คดูและตระหนักได้ว่ามันไม่ได้อยู่ในระดับสีฟ้าเข้มแต่ขนาดของมันก็ยังใหญ่กว่าพวกที่อาศัยอยู่บนพื้นดินอย่างกิ้งก่ายักษ์  เขากลัวว่าแค่ด้วยขนาดของมันแล้วแม้แต่สิ่งมีชีวิตบนพื้นดินระดับสีเขียวคงสู้มันไม่ได้

ลู่หยวน คิดว่านี่แค่ส่วนที่น้ำตื้นแต่ตอนที่เขาเดินเข้าไปตรงกลางของสะพานแล้ว น้ำจะสูงกว่านี้และมีแอ่งน้ำอยู่ทั่วทุกที่

ตอนแรกพวกเขายังพอหลบแอ่งน้ำได้แต่มันเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆมันก็เป็นไปไม่ได้  ในตอนที่พวกเขาเห็นอีกฝั่ง ระยะห่างตอนนี้ก็ยังไกลออกไปหลายกิโลเมตร

ลู่หยวน มองไปรอบๆแต่แม้ว่าด้วยสายตาของเขาแล้วเขาก็ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของแอ่งน้ำนี้  ดูเหมือนว่ามันจะมีขนาดราวๆกับมหาสมุทร

“ แอ่งนี่กว้างเกินไป เราควรกลับไปดีมั้ย ? “ - หวงเจียฮุย ถามขึ้นมาแบบอ่อนแรง

“ เรามาไกลแล้ว มันจะไร้ค่าถ้าเราต้องกลับไป “ – โฮวตง ขัดขึ้นมา – “ นี่มันก็บ่ายสามแล้ว ท้องฟ้าจะมืดแล้ว  ที่นี่ก็เป็นโคลนหมด ดังนั้นมันจึงยากที่จะขุดหลุมไว้ การนอนที่นี่มันอันตรายเกินไป “

“ ใช่ น้ำไม่น่าจะลึกมาก ฉันคิดว่ามันน่าจะลึกแค่ 3-4 ม.แต่ไม่น่าจะมีปัญหากับกิ้งก่า “ – หลินเสี่ยวจี พูดขึ้นมา

มันหมดประโยชน์แล้วที่จะหันหลังกลับตอนนี้เพราะพวกเขาเดินทางมาไกลและเห็นจุดหมายอยู่ตรงหน้า

หนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้เขาต้องคิดคือการนอนในพื้นที่โล่งและอีกเหตุผลคือความอันตรายของทะเล  ลู่หยวน ลังเลสักพัก  เขาหวังว่าทะเลนี่คงไม่ใช่บ้านของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่ง เขาจึงตัดสินใจ – “ ลงไปในน้ำก่อน ถ้ามันลึกเกินไป เราค่อยกลับ “

ไม่มีใครขัดอะไรเนื่องจาก ลู่หยวน ได้ตัดสินใจไปแล้ว

กิ้งก่าได้เดินลงไปในน้ำอย่างระมัดระวัง มันคำรามออกมาเพื่อไล่พวกปลากลายพันธุ์ที่เข้ามาใกล้

น้ำเริ่มลึกลงเรื่อยๆ หลังจากเดินมาได้สิบนาทีระดับน้ำก็ขั้นมาอยู่ถึงต้นขาของกิ้งก่าแล้ว

น้ำนั้นมีการกระเพื่อมราวกับโดนธนูความเร็วสูงพุ่งผ่าน  บางครั้งก็มีน้ำพุ่งขึ้นมาสูงหลายเมตรและบางครั้งก็มีเลือดกระจายออกมาใต้ท้องทะเลนั้น ความอันตรายมีอยู่ทุกที่และอาจมาหาทุกคนตอนไหนก็ได้

เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะกลัว  หยาหลี่ เองก็ลืมเรื่องที่เธอเกลียด ลู่หยวน ก่อนหน้านี้แล้วเพราะตอนนี้เธอกำแขนของเขาแน่น

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.