spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 139: สะพาน
ต้นไม้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก สูงประมาณ 7-8 ม.กว้างครึ่งเมตร มันดูขาดสารอาหาร ที่ทำให้ ลู่หยวน เห็นคือเปลือกไม้ของมันนั้นเรียบอย่างกับผิวของคน
ในตอนที่เขาคิดว่ามันจะไม่อันตราย เขาก็ยังระวังในตอนที่เดินเข้าไปหาต้นไม้ ดาบของเขาได้เปล่งรังสีออกมาเงียบๆในตอนนั้นด้วย
จนกระทั่งเมื่อ ลู่หยวน เข้าไปใกล้พอ ต้นไม้นั้นก็ยังดูเหมือนจะไม่ขยับเลย
“ ดูเหมือนว่าต้นไม้นี่จะได้รับผลจากรังสี...แต่มันก็ยังเป็นต้นไม้ธรรมดา “ – ลู่หยวน คิดกับตัวเองพร้อมกับผ่อนคลายลง เขาเลือกกิ่งที่จะกระโดขึ้นไปและตัดมันลงมาอย่างง่ายดาย
ในต้อนนั้นเอง ลู่หยวน รู้สึกเหมือนต้นไม้มันสั่นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะนิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ลู่หยวน กระโดดลงจากต้นไม้และเขาไปดูใกล้ๆ
ต้นไม้ยังคงไม่เคลื่อนไหวเหมือนต้นไม้ธรรมดา เขาคงหูฝาดที่ได้ยินมันร้องด้วยความเจ็บปวด
นี่มันเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตจะหลีกเลี่ยงอันตราย แม้แต่ ลู่หยวน จะไม่ได้แสดงอะไรออกมาแต่ออร่าที่เขาปล่อยออกมานั้นก็เหมือนกับออร่าของสัตว์กลายพันธุ์ระดับสีฟ้าเข้ม ต้นไม้ระดับสีฟ้าอ่อนนั้นไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งด้วยนอกซะจากว่ามันจะหาเรื่องตาย ถ้ามันรู้สึกได้ดี มันคงจะรู้สึกว่ามีกิ้งก่าระดับสีฟ้าเข้มอยู่ใกล้ๆด้วย นั่นน่ะเกิดที่มันจะรับมือไหว
นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันยังคงเงียบและไม่เคลื่อนไหวอะไร มันเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งมีชีวิตน่ากลัวจะหลงเหลือในพื้นที่ที่ปนเปื้อนรังสีตรงนี้
“ ไม่คิดเลยว่าต้นไม้ก็แกล้งตายเป็น “ – ลู่หยวน คิดแต่เขาก็ไม่ได้ไปสนใจมันเพราะไม่ต้องการสร้างปัญหา
ในตอนที่เลือกกิ่งไม้ดูเหมือนมันอยากใช้เถาวัลย์มารัดที่ข้อมือเขาไว้ เขาสลัดมือทำให้กิ่งไม้นั้นสั่นไหว ลู่หยวน ทำการวิเคราะห์และก้าวถอยหลังออกมาดู
“ กิ่งของต้นไม้รังสี ”
“ ความหายาก:ระดับสีฟ้าอ่อน ”
“ น้ำหนัก : 3 ”
“ เมื่อสวมใส่ : ดูดซับรังสีจากสิ่งรอบข้าง ”
“ คำอธิบาย : ต้นไม้รังสีนั้นมักจะมีอยู่ในพื้นที่ที่มีรังสีปนเปื้อนทำให้ต้นไม้นั้นกลายพันธุ์เพื่อรอดชีวิต พวกมันใช้รังสีเหล่านั้นมาเป็นอาหารและบางครั้งก็จะกินสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ การโจมตีของมันนั้นรุนแรงแต่น้ำของมันนั้นเป็นส่วนผสมสำหรับใช้ทำยาต้านทานรังสีที่ดีที่สุด “
ลู่หยวน ไม่กล้ารีรออีกต่อไปและหันหลับไปหาทุกคนที่โดนรังสี
“ กิ่งไม้นี่มีพิษ ไม่ใช่รึไง ? “ - หวังซีซี พูดขึ้นมาทำหน้าตารังเกียจเมื่อเห็นกิ่งไม้บิดเบี้ยว
“ ไม่ต้องกังวล มันไม่มีพิษ ทุกคนจะโอเคหลังจากที่ดื่มน้ำมัน “ - ลู่หยวนตอบกลับ
“ มันน่ากลัวเกินไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าแม้แต่ต้นไม้ก็ยังขยับได้ด้วย “ - เกาหลิง พูดขึ้นด้วยท่าทีกลัว
“ ฮี่ฮี่ ผู้หญิงเป็นแบบนี้เก่งนิ ไม่ใช่รึไง ? “ - โฮวตง แหย่
ผู้ชายต่างก็หัวเราะออกมา แม้แต่ ลู่หยวน เองก็ขำออกมาด้วย
ไม่ใช่แค่ หวงเจียฮุย และ เกาหลิง ที่เคยเจอแบบนี้มาก่อนซึ่งหน้าแดง แม้แต่ หวังซีซี เองที่เป็นเด็กสาวก็ยังหน้าแดงด้วย หวงเจียฮุย มองไปที่เขา – “ ครั้งหน้าห้ามเล่นมุขแบบนี้อีก “
ผู้หญิงคนที่เหลือต่างก็มองเขาด้วย
โฮวตง ปิดปากอย่งาเชื่อฟังและขอโทษออกมาที่เขาไปคุกคามสาวๆ
ลู่หยวน หักกิ่งไม้มาให้ หวังเจียฮุย อีก ทุกคนต่างก็ดื่มน้ำสีแดงลงไปรวมถึง ลู่หยวน ด้วยเพราะเขากลัวว่าร่างกายเขาจะอ่อนแอลงเมื่อได้รับรังสี
น้ำนั้นรสชาติไม่ได้แย่แบบที่เขาคิด มันขมๆหวาน มีกลิ่นสมุนไพรนิดๆ ทำให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อดื่มมัน
ผลของมันก็ทำงานทันที หวังซีกวง ฟื้นตัวขึ้นมา ส่วนคนที่เหลือที่มีอาการต่างก็ฟื้นตัวขึ้นมาด้วย
เพื่อหลบเลี่ยงรังสี ลู่หยวน ได้หักกิ่งไม้เอาไว้เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินแล้วออกจากที่นั่นมา
เพราะพื้นที่ขนาดใหญ่นี้ได้รับผลจากรังสีทำให้กลุ่มนั้นเดินทางได้อย่างยากลำบากแต่กิ้งก่าก็ยังสามาถเดินทางได้ 4-5 ม.ในแต่ละก้าว ค่าความคล่องตัว 15 หน่วยของมันทำให้มันเดินทางได้ 20-30 ม.ต่อวินาทีแม้ว่าจะอยู่ในป่าหนาทึบนี่ แม้ว่าความเร็วจะช้าลงเพราะ ลู่หยวน กังวลว่าจะมีคนตกลงไปแต่มันก็ยังถือว่าเร็วอยู่ดี
ดังนั้นทุกคนจึงมาถึงที่ไฮเวย์ในตอนบ่ายสองแม้ว่าจะใช้เส้นทางที่ยาวกว่าเดิมก็เถอะ
หลายสิบกิโลเมตรห่างจากต้นไม้สวรรค์ ผิวของถนนยังคงขาดหายไปเป็นช่วงๆ
ในตอนที่พวกเขาเดินขึ้นไป พวกเขาได้หันหลังกลับมาและพบว่ามีภูเขาไฟที่สูงหลายร้อยเมตรตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆพร้อมกับมีควันหนาๆลอยละล่องออกมา ตึกในพื้นที่ 10 กม.ไม่มีลงเหลือให้เห็น ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยลาวา
นั่นรวมถึงส่วนเล็กของเมืองเฮดงด้วย
คำพูดอาจอธิบายไม่หมด เมื่อต้องอธิบายถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ
ทุกคนต่างก็อึ้งจนไม่สามารถกลับมาคืนสติได้
“ มันจะระเบิดอีกมั้ย ? “ – หวงเจียฮุย ถามขึ้นมาเมื่อมองไปยังหมอกหนาๆ
“ มันเป็นภูเขาไฟที่คุกกรุ่นอยู่แต่มันอาจจะใช้เวลานานก่อนจะระเบิดอีกครั้ง แต่มันก็ไม่แน่นอนเหมือนกัน บางทีมันอาจจะระเบิดมาอีกทีก็ได้ “ - ลู่หยวน ตอบ
“ ไม่ใช่ว่าเมืองเฮดงอันตรายอย่างมากเหรอถ้ามันระเบิดมาอีกรอบ ? ดูจากคนรอดชีวิตก็ยังมีอีกตั้งหลายร้อยคนที่อาศัยอยู่ในฐานใต้ดิน “ - หวงเจียฮุย พูดขึ้นพร้อมกับหน้าซีด
“ พี่หวง ชีวิตและความตายคือโชคชะตา เราปกป้องตัวเองไม่ได้แล้วทำไมต้องสนคนอื่นขนาดนั้น ? “ - เกาหลิง ถาม ออกมา เธอเคยพูดแบบนี้มาก่อนตอนอยู่ฐานทัพใต้ดิน เธอวางแผนที่จะไปที่นั่นแต่ก็โดนพาตัวมาก่อนที่จะเห็นประตูที่นั่น ดังนั้นเธอจึงมีความรู้สึกแย่ๆกับที่นั่น
ไม่ใช่แค่ เกาหลิง คนอื่นๆก็รู้สึกกลับกันด้วย
“ ลูกสาวฉันอยู่ด้านใน “ - หวงเจียฮุย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขึม – “ ฉันคิดว่าเธอปลอดภัยดีแล้ว...ดูเหมือนว่าฐานใต้ดินก็กันไม่อยู่ “
สามีเก่าของเธอคือผู้นำกองทัพ เขาให้ความสำคัญกับการป้องกันและตำแหน่งงาน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงให้ลูกสาวตามสามีเก่าเธอไปเพราะคิดว่ามันคงจะปลอดภัยกว่า
ทุกคนต่างก็เงียบ
สีหน้าของ โฮวตง แสดงความเศร้าออกมา ลูกชาย 8 ขวบของเขาก็พลัดหลงไปด้วย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากที่เด็กตัวน้อยๆนั้นจะรอดชีวิตมาได้ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแต่ลึกๆในใจเขายังคงหวังว่าลูกชายเขายังคงมีชีวิตอยู่
“ ไม่มีใครรู้ว่าจะเจอภัยพิบัติ บางทีวันนี้ รึพรุ่งนี้...เราเองก็จะโดน ดังนั้นอย่าให้เรื่องนี้มาทำให้เราวอกแวก อย่างน้อยพวกนั้นก็อยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่าเรา “ - ลู่หยวน กอด หวงเจียฮุย และปลอบเธอเบาๆ – “ ลูกสาวเธอต้องไม่เป็นไร ไปกันเถอะ “
หวงเจียฮุย พยักหน้าแต่ก็คอยหันหลังกลับไปดูตลอด สีหน้าของเธอเองก็ดูไม่ดีด้วย
กิ้งก่าเดินทางได้เร็วกว่าเดิมเมื่อขึ้นมาบนถนน มันแสดงค่าสเตตัสของมันออกมาซึ่งทำให้ความเร็วของมันเพิ่มขั้น
สิ่งรอบข้างกลายเป็นภาพเบลอพร้อมกับมีสายลมพัดผ่านพวกเขาไปตลอด
ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงสะพานข้ามทะเลก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง
ลู่หยวน สั่งให้กิ้งก่าหยุดและคิ้วขมวดพร้อมกับมองไปข้างหน้า – “ บ้าเอ้ย เรายังผ่านมันไปไม่ได้ ดูเหมือนว่าเราต้องรอไปก่อน “
สะพานที่ดูเหมือนมังกรนั้นหักไปแล้ว เคเบิลที่ห้อยสะพานไว้นั้นขาดซึ่งทำให้ถนนบางส่วนหลุดออก แม้ว่าจะมีเสาคอยรับน้ำหนักแต่มันก็เสี่ยง
เพราะการพังของสะพานทำให้ยังมีบางส่วนทียังใช้งานได้อยู่ยกเว้นแค่บางส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำ มีมอสโตขึ้นมาใต้สะพาน ดูเหมือนว่าไม่นานที่แห่งนี้จะกลายเป็นป่า
ลู่หยวน หนักใจยิ่งกว่าเดิมในตอนที่เห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ใต้น้ำที่อยู่ไกลๆ ชัดเจนแล้วว่ามีสิ่งมีชีวิตในทะเลสุดแสนอันตราย
โชคดีที่น้ำมันลงอยู่ทำให้ไม่เจอพวกมัน
“ ถ้าเราไปทางอื่น เราต้องใช้ถนนของเขต นั่นจะเพิ่มอีกหลายร้อยกิโลเมตรและเราต้องผ่านป่าไปด้วย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันยังมีทางอยู่รึเปล่า “ – หวงเจียฮุย พูดขึ้นมา – “ เราเดินทางไปด้านล่างสะพานไม่ได้เหรอ ? “
“ ดินทะเลมันอ่อนเกินไป..ฉันกังวลว่ามันจะทำให้เราจมเป็นหลุมแทน มันแย่ถ้าเราจมลงไป” - ลู่หยวน พูดในสิ่งที่ไตร่ตรองมาแล้ว เขาแค่กลัวว่าจะเดินไปเจอหลุม มันคงหมดหนทางถ้ามีใครจมลงไป
“ ยังไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนั้น ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราค่อยคุยเรื่องนี้วันพรุ่งนี้ “- ลู่หยวน พูดต่อหลังจากที่มองท้องฟ้า
เพราะสะพานนี้คือสะพานข้ามมหาสมุทร มันจึงอันตรายกว่าพื้นดินธรรมดา ดังนั้นการป้องกันจึงยากยิ่งกว่าเดิมถ้าเทียบกับถนน มีเขตป้องกันขนาดใหญ่สร้างขึ้นที่ทั้งสองฝั่งของทางเข้าสะพาน
มีรถถังสามคันจอดที่ตรงประตูและมีเครื่องยิงจรวดอีก 2 อันอยู่ด้านหลังประตู มีจรวดกองกันอยู่เป็นกองๆโดยแต่ละอันยาวกว่า 3 ม. ทำให้รู้สึกประทับใจกับการป้องกันที่นี่
มีปืนใหญ่อีกหลายกระบอก ลู่หยวน เดาว่ามันพอป้องกันการบุกของสัตว์แต่ละรอบได้
ลู่หยวน สั่งให้กิ้งก่าไปหยุดที่ทางและเข้าไปในป้อมนั้น ชั้นแรกนั้นคือศูนย์ควบคุม ข้างในนั้นมีเอกสารและขี้บุหรี่อยู่เต็มไปหมด คนที่นี่ดูเหมือนจะเร่งรีบจากไปเพราะเขาเห็นรูปซึ่งเป็นของส่วนตัวอยู่ด้วย
ลู่หยวน เข้าไปในออฟฟิศอีกห้อง มีกลิ่นศพลอยออกมาในตอนที่เขาเปิดประตู
โครงกระดูกที่สวมชุดเครื่องแบบนั่งอยู่บนโต๊ะ หัวกะโหลกนั้นตกลงไปที่พื้นแล้วและมีรูขนาดใหญ่ขนาดพอๆกับกระสุนและยังมีปืนกำอยู่ในมือของศพนั้น ชัดแล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นที่นี่งั้นเหรอ ?