spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 134: ถ้ำ
แสงเริ่มน้อยลงเรื่อยๆในตอนที่เข้ามาในป่า ใบไม้ด้านบนแน่นซะจนกันแสงอาทิตย์เอาไว้ทำให้บรรยากาศนี้ดูร่มรื่น
ป่านี้ดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยต้นไม้เมื่อมองจากด้านนอกแต่ข้างในมีทางเดินหลายทางซึ่งสร้างขึ้นโดยพวกสัตว์กลายพันธุ์ ไม่มีต้นไม้ใดๆเกิดขึ้นเลยในเส้นทางเหล่านั้น
มีต้นไม้ล้มอยู่ทั้งสองฝั่งจากการเข้าโจมตีของพวกสัตว์กลายพันธุ์ก่อนหน้านั้น เลือดและกระดูกต่างก็กระจัดกระจากที่พื้นแต่ไม่มีศพให้เห็น ด้วงนับไม่ถ้วนต่างก็เบินหนีออกจากกระดูกเหล่านั้นในตอนที่กิ้งก่าเดินเข้าไปใกล้
ลู่หยวน รู้สึกหนักใจเมื่อเห็นดังนั้น การระเบิดของภูเขาไฟไม่ได้ไล่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดออกไป นั่นแปลว่ายังคงมีอันตรายหลงเหลืออยู่
กิ้งก่าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆตามทางเส้นนั้น มีต้นไม้และพืชพันธุ์แปลกขึ้นอยู่เต็มไปหมดในเส้นทางเหล่านั้น
ทุกคนต่างก็มองไปรอบๆด้วยความสงสัยง
สัตว์กลายพันธุ์เพราะภัยพิบัติ ทุกเผ่าพันธุ์ก็มีการกลายพันธุ์แตกต่างกันไป
ส่วนมากนั้นโดนกำจัด บางส่วนยังคงพัฒนาได้ วงจรจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ร่องรอยของสังคมมนุษย์นั้นมีให้เห็นอยู่เต็มไปหมด เหมือนกับย้ำเตือนว่าที่นี่เคยเป็นเขตของมนุษย์มาก่อน
ในตอนที่กิ้งก่าเดินไปข้างหน้าสิ่งรอบข้างก็ยังคงเงียบสงัดยกเว้นบางครั้งจะมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์หายากและแมลงโผล่ออกมา
สองชั่วโมงต่อมาท้องฟ้าได้มืดสนิท ในตอนที่ ลู่หยวน ดูเวลาเขาก็เห็นว่าตอนนี้มันเป็นเวลาบ่ายสามแล้ว ปกติจะมีเวลาอีก 2-3 ชม.ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินแต่ตอนนี้มันกลับมืดสนิทแล้ว
นี่ไม่ใช่เพราะใบไม้ที่นี่กันแสงอาทิตย์ไปอย่างเดียวแต่เป็นเพราะเขม่าของภูเขาไฟด้วย
ลู่หยวน ตบไปที่หลังของกิ้งก่าให้มันก้มตัวลงและเขาก็ได้กระโดดลงไปพร้อมกับเอา หวังซีกวง ที่ไม่ได้สติลงไปด้วย
คนที่เหลือต่างก็ทำตามเขา ส่วนมากจะล้มเมื่อลงมาที่พื้น ออร่าของกิ้งก่านั้นดูอ่อนแรงลงหลังจากที่พวกเขาขี่มันเดินทางมานาน
ลู่หยวน ไปเช็คพื้นที่รอบๆพร้อมกับอุ้ม หวังซีกวง ไปด้วย พื้นที่ตรงนี้ราบเรียบและไม่มีร่องรอยสิ่งก่อสร้างใดๆ ที่นี่น่าจะเป็นเขตฟาร์มมาก่อน
พวกเขาออกมาที่ชายป่าโดยที่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
แย่หน่อยที่แผนที่นั้นได้หายไปพร้อมกับกระเป๋าแล้วทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่าพวกเขานั้นอยู่ที่ไหน พวกเขาดูเหมือนจะหลงแต่ ลู่หยวน เดาว่าคงไกลจากถนนไฮเวย์ไม่เท่าไหร่ เขามองไปด้านทิศเหนือแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดเลย
หวงเจียฮุย กระทืบแมลงตัวเล็กๆที่พยายามจะไต่ขึ้นมาที่ขาของเธอ มันแตกออกพร้อมกับส่งเสียงเบาๆออกมา เธอยกเท้าขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว – “ นี่เราจะอยู่ที่นี่เหรอคืนนี้ ? “
มันยากที่จะอยู่ในป่าเมื่อไม่มีเตนท์และไม่มีสิ่งก่อสร้าง พวกเขาอาจจะตายก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นถ้าไม่มีการปกป้องใดๆ ในตอนที่สิ่งรอบข้างดูเงียบสงบแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอันตราย แมลงและสัตว์กลายพันธุ์นั้นยังคงอยู่ในป่าอยู่ แม้แต่แมลงตัวเล็กๆก็อาจจะทำให้พวกเขาตายได้
ลู่หยวน ส่ายหน้า – “ เราจะหาถ้ำอยู่ ไม่งั้นแล้วก็ต้องขุดหลุมรึไม่ก็นอนในโพรงไม้ ! “
ทุกคนต่างก็รู้สึกหนักใจ สีหน้าของทุกคนเองก็แสดงความรู้สึกนั้นออกมา
นอนในป่านั้นอันตรายอย่างมากแม้แต่จะไม่มีภัยพิบัติก็เถอะ หวงเจียฮุย เริ่มรู้สึกผิดที่กล่อมให้ ลู่หยวน เดินทางมาทิศตะวันตก มันสายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนใจ มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ถ้าพวกเขาหันหลังกลับไป ภูเขาไฟยังคงปะทุอยู่ ตอนนี้ความหวังเดียวคือการเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
ลู่หยวน ชักดาบออกมาและเดินเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวัง เขาสับกิ่งไม้เคลียร์ทางไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาทีต่อมาในตอนที่ผ่านเนินเขาเล็กๆมา อยู่ๆเขาก็ได้หยุดลง ที่ตรงนั้นมีถ้ำอยู่โดยมีพวกต้นไม้ขึ้นปิดตรงด้านหน้าเอาไว้ มันง่ายที่จะมองผ่านมันไป ที่ตรงนั้นไม่มีรอยเท้าให้เห็นด้วย พวกเขาคงเดินผ่านถ้ำแห่งนี้ไปถ้าไม่ใช่ว่า ลู่หยวน เห็นมันซะก่อน
มันยากที่จะเข้าใจความคิดของสัตว์ สัตว์นั้นจะทำสิ่งที่น่าทึ่ง กับพวกแมลงตามมาด้วยนิสัยโหดร้ายของมัน ถ้าไม่ทำแบบนั้นมันคงสูญพันธุ์ ผลลัพธ์ก็คือถ้ำนี้นั้นดีกว่าและปลอดภัยกว่าถ้ำที่คนสร้างขึ้น
ทางเข้าของถ้ำนั้นสูงประมาณ 1.5 ม.และกว้าง 70 ซม. การจะเข้าไปคือต้องก้มตัวเดินเข้าไป มันเริ่มมืดลงแล้ว ตอนนี้ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือต้องในถ้ำเท่านั้น
“ พวกนายรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะเข้าไปดู “ – ลู่หยวน พูดขึ้นมา
ลู่หยวน ก้มตัวลงและเดินเข้าไปในถ้ำโดยไม่รอให้ใครตอบกลับ ข้างในนั้นมืดสนิทและยังมีกลิ่นแปลกๆลอยออกมา กลิ่นมันเหมือนปลาและกลิ่นศพเน่า – มันน่ารังเกียจสุดๆ ผนังของถ้ำนั้นราบเรียบและข้างในนั้นก็มีลมพัดผ่าน ลู่หยวน เดินเข้าไปเรื่อยๆ ในตอนที่เขาเกือบหมดความอดทนเขาก็พบกับพื้นที่ที่พอพักอาศัยได้
ตรงใจกลางพื้นที่นั้นมีกระดูกกองกันเอาไว้อยู่แต่ที่ตรงนั้นสะอาดอย่างมาก มีกองฟางปูไว้ตรงนั้นด้วย ดูแล้วที่นี่คงต้องเคยมีคนมาอยู่ก่อนแล้วแน่ๆ
ลู่หยวน บอกทุกคนว่าที่นี่ปลอดภัยและให้ทุกคนคลานกันเข้ามา สีหน้าอิดโรยของแต่ละคนนั้นหายไปและมีรอยยิ้มเกิดขึ้นมาแทนในตอนที่เห็นข้างในโดยเมื่อใช้ไฟฉายที่ถ่านกำลังจะหมดของ โฮวตง
“ เย้ ! ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าเราจะหาที่แบบนี้เจอ ! ฉันคิดว่าเราคงต้องนอนในโพรงไม้ซะแล้ว ! “ – หวังซีซี พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น พลังของเธอดูเหมือนจะสูงกว่าเดิมในตอนที่พวกเขาเข้าไปในหมู่บ้านครั้งแรก และสำหรับกองกระดูกและกลิ่นเหม็นๆนั้นมันเทียบไม่ได้กับการต้องออกไปนอนข้างนอก
“ โพรงไม้อันตรายเกินไป เห็นแมลงตามทางพวกนั้นมั้ย ? ฉันขนลุกด้วยซ้ำในตอนที่เห็นมัน ถ้า หัวหน้าลู่ ไม่จัดการพวกมัน เราอาจจะโดนพวกมันกัดเอาก็ได้ “ – โฮวตง พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา
“ ที่นี่มันมืดเกินไป โฮวตง นายกับ หลินเสี่ยวจี ออกไปหากิ่งไม้และใบไม้แห้งมา เราจะก่อกองไฟกัน ! “ - ลู่หยวน พูดขึ้นโดยไม่สนคำชม
ทั้งคู่เดินออกไปพร้อมกับดาบของตัวเองโดยไม่ลังเล
“ ไม่ใช่ว่าควันมันจะเยอะเหรอถ้าเราก่อกองไฟ ? “ - หวงเจียฮุย ถามขึ้นมาในตอนที่สองคนนั้นออกไปแล้ว
“ ไม่ ที่นี่ไม่มีลม ควันไม่เป็นไรหรอกถ้าเราไปก่อกองไฟใกล้ๆทางเข้า มันจะช่วยกันแมลงไม่ให้เข้ามา “ - ลู่หยวน ตอบกลับก่อนที่จะนั่งลง
ในตอนที่เขาเริ่มผ่อนคลาย ความเจ็บปวดก็ทำให้เขาต้องเหงื่อตก เขาทนมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“ พี่ลู่ พี่โอเคมั้ย ? “ – เกาหลิง ถามออกมาในตอนที่เธอเห็นบางอย่างผิดปกติไป
ลู่หยวน ส่ายหน้าพร้อมกับหลับตา – “ ฉันสบายดี ให้ฉันได้พักสักหน่อยก็พอแล้ว “
เมื่อเห็น ลู่หยวน ที่หน้าซีด ทุกคนก็รู้สึกผิดที่ให้เขานำทาง เขารับความเสี่ยงไว้คนเดียวแต่ชัดเจนแล้วว่าเขาต้องทนอาการเจ็บของเขามาโดยตลอด
“ เบาๆเสียงกันและให้ ลู่หยวน ได้นอนสักหน่อย “ – หวงเจียฮุย พูดขึ้นมาเบาๆพร้อมกับเริ่มมีน้ำตาปริ่มออกมา
“ ฉันจะออกไปหาอาหารสักหน่อย “ – เฉินเซียเฟิง พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่
หวงเจียฮุย อึ้ง เธอไม่คิดว่า หวงเซียเฟิง จะกล้าหาญขนาดนี้ เมื่อคิดถึงอันตรายแล้วเธอจึงพูดขึ้น – “ รอก่อน เราจะไปด้วยกันตอน โฮวตง กับ หลินเสี่ยวจี กลับมา “
เฉินเซียเฟิง ไม่คุ้นกับการคุยกับสาวสวยๆ หน้าของเขาแดงขึ้นและพูดอะไรไม่ออก
โฮวตง แหละ หลินเสี่ยวจี กลับมาพร้อมกับกองไม้แล้วทิ้งมันไว้ตรงหน้าทางเข้าถ้ำ หลินเสี่ยวจี เอาหัวกบที่โดนตัดหัวแล้วขนาดพอๆกับตะกร้ามาด้วย เขาถือมันโดยใช้มือขวาของตัวเอง
“ เราโชคดีแล้ว ฉันเห็นกบนี่ในพุ่มได้ ฉันเลยต้องตัดหัวมันออกไม่งั้นมันหนีไปแน่ๆ “ – หลินเสียวจี พูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ อย่าพูดดัง นายจะทำให้ พี่ลู่ ตื่น “ - หวังซีซี พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ – “ กบนี้ตัวเล็กเกินไป มันไม่พอแบ่งให้ทุกคน “
หลินเสี่ยวจี แสดงสีหน้าหนักใจแต่ก็ไม่ได้เถียง เขาเห็นว่า ลู่หยวน นั้นหลับอยู่เลยถามออกมา – “ พี่ลู่ หลับเหรอ ? ฉันจะออกไปหาเพิ่ม ฉันให้ทุกคนหิวตายไม่ได้ ! “
“ ข้างนอกมันอันตรายเกินไป ไปกันหมดนี่แหละยกเว้นแค่ หวังซีซี กับ เกาหลิง เราจะได้ดูแลกันได้ ! “ – หวงเจียฮุย พูดขึ้นพร้อมกับดึงปืนสั้นออกมา
“ พี่หวง ให้ฉันไปด้วย ฉันดีขึ้นแล้ว “ - หวังซีซี ยืนขึ้นอย่างอ่อนแรง
หวงเจียฮุย รู้ว่า หวังซีซี นั้นมีพลังจิต พวกเขาจะปลอดภัยกว่าถ้าเธอไปด้วยแต่คิดถึงความปลอดภัยของ ลู่หยวน แล้วเธอก็ปฏิเสธ – “ เธอไม่ได้ เธอต้องดูแล พี่ลู่ ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้นเธอจะได้รับมือได้ “
หวังซีซี เห็นด้วย ลู่หยวน คือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธออยู่แล้ว
เกาหลิง อยากพูดขึ้นมาแต่ก็ยังเงียบไว้ เธอเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด เธอจะไปทำอะไรได้นอกจากถ่วงคนอื่น ?
หวังซีกวง ตื่นขึ้นมาไม่นานหลังจากที่ทุกคนออกไป เธอไอออกมาและพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง
เกาหลิง เดินเข้าไปช่วย – “ ตื่นแล้วเหรอ ? “
“ ลู่หยวน ล่ะ ? ลู่หยวน อยู่ไหน ? “ - หวังซีกวง พูดขึ้นด้วยความกังวล เสียงของเธอนั้นแหบพร่า – “ ฉันอยู่ไหน ? ทำไมที่นี่ถึงมืดจัง ? “
“ พี่ลู่ เหนื่อยเลยหลับ เบาๆเสียงหน่อยเราจะได้ไม่ปลุกเขาตื่น เราอยู่ในถ้ำ คนอื่นออกไปหาอาหารแต่เดี๋ยวก็กลับมา “ – เกาหลิง พูดขั้นพร้อมกับถอนหายใจ
“ พี่หวัง พี่เกี่ยวข้องกับ พี่ลู่ ยังไง ? “ – หวังซีซี ถามขึ้นมาทันที
หวังซีกวง อึดอัดเล็กน้อยเมื่อรู้ว่า หวังซีซี อยู่ที่นี่ด้วย เธอได้ยินเสียงของสาวน้อยและพยายามที่จะคุมน้ำเสียงของตัวเองเอาไว้ในตอนที่ตอบ – “ เราเป็นเพื่อนร่วมงานแต่เราสนิทกันมาก เธอดูเด็กจัง เธออายุเท่าไหร่ ? “
“ ฉันเด็กสุดที่นี่ ฉันอายุแค่ 14 “ - หวังซีซี พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม
เกาหลิง แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
ท่าทางของ หวังซีกวง ก็เป็นเหมือนกัน เธอไม่คิดว่า หวังซีซี จะเด็กขนาดนี้ เธอคิดว่าเด็กนี่น่าจะอายุสัก 16-17 บางทีอาจจะ 18 เธอรับถามขึ้นมา – “ ลู่หยวน รู้มั้ยว่าเธอเด็กขนาดนี้ ? “
หวังซีซี ไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไงและตอบไปโดยไม่สน – “ พี่ลู่ รู้มาตลอด แล้วไง ? ฉันชอบเขา ! “
“ เป็นไปได้ยังไง ? “ – หวังซีกวง พูดกับตัวเองโดยไม่เชื่อในคำตอบ ภาพลักษณ์ที่เธอคิดเกี่ยวกับ ลู่หยวน นั้นพังทลายไป
ลู่หยวน แค่หลับตา เขาทนฟังไม่ได้เลยต้องไอออกมา หน้าของเขาแดงขึ้นเล็กน้อยแต่โชคดีที่ไม่มีใครเห็นไม่งั้นแล้วภาพลักษณ์เขาคงเสียหายมากกว่านี้ เขาเปลี่ยนเรื่องโดยพูดถึง หวังซีกวง – “ เธอตื่นแล้วนิ ! เธอรู้สึกดีขึ้นมั้ย ? “
หวังซีกวง หันกลับมา เธอไม่อยากคุยกับเขา แต่ก็คิดว่าคงไม่ถูกที่จะเมินเขา สุดท้ายเธอก็ตอบกลับมา – “ ไม่ต้องห่วง ฉันดีขึ้นเยอะแล้ว ! “
“ เธออ่อนแอเกินไป กินเลือดสัตว์ระดับสูงไว้ซะ โอเคมั้ย ? เธอน่าจะดีขึ้นในอีกไม่กี่วัน “ - ลู่หยวน พูดขึ้นพร้อมแสดงท่าทีเป็นห่วง
“ พี่ลู่ พี่ไม่อยากนอนแล้วเหรอ ? เราปลุกพี่เหรอ ? “ - หวังซีซี อิจฉา เธอไม่ชอบตอนที่เห็น ลู่หยวน คุยกับ หวังซีกวง ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เธอเลยเปลี่ยนเรื่องอีกรอบ
ลู่หยวน แอบโทษเธอในใจ มันเป็นความผิดเธอนี่แหละที่ทำให้เขาตื่น เขามองไปที่เธอแต่ หวังซีซี นั้นไม่รู้ตัว จากนั้นเขาจึงพูดขึ้น – “ ฉันยังไม่ได้หลับเลย เธอเป็นไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่มั้ย ? “
“ ดีขึ้นแล้วแต่หัวเหมือนจะระเบิดยังไงไม่รู้ ทำไมไม่นวดให้หน่อยล่ะ ? “ – หวังซีซี พูดขึ้นเสียงหวาน เหมือนเธออยากจะอวดคนอื่น
ลู่หยวน เห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของ หวังซีกวง แต่ในตอนที่เขาจะโกรธ เขาก็รู้ว่า หวังซีซี นั้นได้เสี่ยงตัวเองเพื่อช่วยเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู – “ เธออยากให้คนเจ็บมานวดเธอขนาดนั้นเลยรึไง ? เกาหลิง ไปนวดให้เธอหน่อยสิ ! “
เกาหลิง ยืนขึ้นอย่างเชื่อฟัง
หวังซีซี นั้นลืมไปเลยว่า ลู่หยวน บาดเจ็บอยู่ เธอรีบพูดขึ้นมา – “ พี่เกา ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่เป็นไร “
เมื่อได้ยินว่า ลู่หยวน บาดเจ็บ หวังซีกวง ก็รู้สึกเจ็บปวดและกังวลขึ้นมา เธอกัดปากตัวเองเพื่อไม่ให้พูดอะไรออกไป
ไม่นานทุกคนก็กลับมา นอกจาก เฉินซีเฟิง แล้วที่ซึ่งถือบางอย่างที่ห่อด้วยใบไม้อยู่ คนอื่นๆมีแค่กองฟืนกลับมาเท่านั้น
โฮวตง ก่อกองไฟขึ้นมาและถ้ำนั่นก็สว่างขึ้นมาทันที
“ พวกนายหาอะไรกินไม่ได้งั้นเหรอ ? “ – ลู่หยวน ถาม
“ นายตื่นแล้ว ! “ – หวงเจียฮุย พูดด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถอนหายใจ – “ ข้างนอกมีสัตว์ไม่เยอะ ไม่มีอะไรให้กินนอกจากแมลง เราเจอพวกด้วงบนต้นไม้อยู่บ้างแต่เราไม่รู้ว่ามันกินได้รึเปล่า “
“ ให้ฉันดูสิ “ - ลู่หยวน พูดขึ้น
เฉินซีเฟิง รีบสิ่งกองใบไม้ในมือให้ มีด้วงทั้งหมดเก้าตัว แต่ละตัวนั้นมีขนาดพอๆกับฝ่ามือและผิวของมันก็ดูซับซ้อน ลู่หยวน หยิบขึ้นมาหนึ่งตัวก่อนจะผ่าลงไป
เขาวิเคราะห์มันก่อนจะพูดขึ้นมา – “ ทั้งหมดกินได้ ไม่มีอะไรต้องกังวล ส่งกบมานี่ด้วย “- เขาพูดขึ้น การระวังตัวคือสิ่งจำเป็นเมื่อต้องกินอาหารพวกนี้
เขาทำการวิเคราะห์อีกรอบและส่ายหน้า – “ กินนี่ไม่ได้ ร่างกายของเราจะชา เอาไปทิ้งซะ ! “
ทุกคนต่างก็แปลกใจ โชคดีที่พวกเขายังไม่ได้กินมัน ไม่งั้นแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ พวกเขาคิดว่า ลู่หยวน นั้นสามารถวิเคราะห์สารพิษของอาหารได้ ดังนั้นจึงไม่ได้วิเคราะห์พวกมัน มีแค่ หลินเสี่ยวจี เท่านั้นที่ดูไม่พอใจเล็กน้อย ยังไงซะอาหารที่เขาพยายามจับมากลับกลายเป็นพิษซะงั้น