spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 128 ความผิดปกติ
หลังอาหารเย็น ลู่หยวนก็ปิดประตูค่ายพักทหารแล้วเอาลูกกระสุนออกมาจากปืนใหญ่ทั้งหมด จากนั้นก็ใช้ดาบของเขาตัดเอาปูนคอนกรีตมาจากทางด่วนเพื่อเอามาปิดช่องที่ใส่กระสุน เขาต้องระวังเป็นพิเศษเพราะเขากังวลว่าพวกสัตว์กลายพันธุ์ตัวเล็กๆจะแอบเข้ามาโดยไม่มีใครเห็น มันจะเสี่ยงยิ่งกว่าถ้าเขาไม่ปิดปืนใหญ่พวกนี้ซะ
เมื่อตกกลางคืน มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นแสงจากใต้เงามืดของต้นเสาแห่งสวรรค์ที่หนาทึบนี้ เสียงต่างๆโดยรอบก็เงียบมากเช่นกัน ค่ายพักทหารนั้นเล็กเกินไปที่จะตั้งเต็นท์ แต่โชคดีที่มีเตียงมากพอที่ชั้น 1 ซึ่งถูกทิ้งไว้โดยพวกทหารที่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน ลู่หยวนเช็ดดาบของเขาอย่างระมัดระวังและวางมันไว้บนเตียง
“ฉันล้างเท้าให้นะ” หวงเจียฮุยเอากะละมังมาวางข้างๆเท้าของลู่หยวน
“ฉันจะทำเอง” ลู่หยวนตอบอย่างไม่สบายใจ และถามต่อว่า “เธอเอาน้ำมาจากไหนเหรอ?”
หวงเจียฮุยยิ้มและยืนกรานจะทำ เธอจับเท้าของลู่หยวน ถอดรองเท้าให้เขาอย่างนุ่มนวล แล้วพูดว่า “นี่เป็นน้ำที่เราใช้ล้างหน้า ฉันคิดว่ามันสะอาดก็เลยเอาน้ำร้อนมาผสม”
เธอวางเท้าทั้งสองข้างของเขาลงในกะละมังและขัดถูให้อย่างอ่อนโยน “นายคิดว่าพวกเราเป็นภาระรึเปล่า? จริงๆแล้วนายไม่จำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนี้เลย นายสามารถไปถึงเขตตะวันตกได้เร็วกว่านี้ถ้านายไปโดยไม่มีเรา” จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมา
ความจริงแล้วการได้เห็นว่าลู่หยวนแข็งแกร่งขนาดไหนในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวมาก เธอรู้สึกไม่มั่นคงและหวาดกลัวว่าลู่หยวนอาจจะทิ้งเธอเข้าสักวัน ทุกคนได้ยินคำพูดของหวงเจียฮุยและหันมามองคนทั้งสอง
ลู่หยวนสัมผัสความรู้สึกที่ผิดปกติของเธอได้ เขาถอนใจแล้วพูดว่า “ไม่หรอก อย่าคิดแบบนั้นซิ ไม่มีใครเป็นภาระหรอกนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็ไม่มีอาหารอร่อยๆกิน ไม่มีคนพูดด้วย แล้วก็ไม่มีคนล้างเท้าให้ด้วย”
“วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันล้างเท้าให้นาย” หวงเจียฮุยตอบพร้อมกับยิ้ม
“เธอจะล้างทุกวันก็ได้” ลู่หยวนพูดอย่างหนักแน่น
เชาหลินที่นอนอยู่บนเตียงเอาแต่พลิกตัวอยู่ไปมา ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่รู้สึกไม่มั่นคงมากที่สุด เธอไม่ใช่ทั้งคนที่วิวัฒนาการแล้ว และไม่ใช่คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลู่หยวนเหมือนหวงเจียฮุยและหวังเซียกวง นอกจากการช่วยงานไม่สำคัญบางอย่าง เช่น ทำอาหาร, ถูพื้น และซักรีดเสื้อผ้าแล้ว เธอก็ไม่สามารถช่วยอย่างอื่นได้เลย ไม่มีเหตุผลที่ลู่หยวนจะเก็บเธอไว้ในกลุ่มและคอยปกป้องเธอ
เธอจะทำยังไงก็ได้เพื่อให้ลู่หยวนใส่ใจเธอให้มากกว่านี้ เธอจะไม่ลังเลที่จะมีเซ็กซ์กับเขาหรือทำอะไรที่น่าอายกว่านั้นเพื่อดึงดูดใจเขา แต่ว่าลู่หยวนไม่เคยมีเจตนาเช่นนั้นกับเธอเลย เขาไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ เธอพบว่าลู่หยวนไม่ใช่คนบ้าตัณหา ดังนั้นเธอจึงยอมแพ้มานานแล้ว แต่วันนี้เธอเริ่มกังวลอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าเธอควรทำเช่นนั้นก่อนหน้านี้แล้ว
“บางอย่างไม่ถูกต้อง......ฉันควรจะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาเขาก่อน” เชาหลินครุ่นคิดขณะที่แตะใบหน้าและทรวงอกของตัวเอง
ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในคืนนั้น แต่ไม่มีใครหลับสนิทซักคน เช้าวันต่อมาเมื่อลู่หยวนตื่นขึ้นและเดินออกมาจากค่ายพักทหาร เขาก็ชะงักไปเมื่อเห็นสัตว์กลายพันธุ์แปลกๆนอนอยู่ใกล้ๆค่ายพักทหาร บรรยากาศรอบตัวมันแปลกและน่าอึดอัด เขาเกือบจะโจมตีสัตว์ตัวนี้แล้วแต่เขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของมัน
ในตอนกลางคืน เจ้ากิ้งก่ายักษ์ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่! มันตัวโตขึ้นสองเท่าและเกล็ดสีเขียวอ่อนของมันก็กลายเป็นสีเขียวเข้มพร้อมด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน เขาบนหัวมันแทบจะหายไปแล้ว เหลืออันตรงกลางที่ยังยื่นออกมาอย่างชัดเจน แม้ว่ามันจะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเขียวหยกและมีรูปร่างเป็นเกลียว ลู่หยวนยังสังเกตเห็นด้วยว่ามันมีตา 3 ตาซึ่งเรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยม นอกจากนั้นมันยังมีนิ้วเท้า 4 นิ้วแทน 3 นิ้ว และสีที่เท้าของมันก็เข้มขึ้นเหมือนพื้นผิวโลหะ
เจ้ากิ้งก่ายักษ์รู้สึกถึงการมาของลู่หยวนจึงลืมตาขึ้น มันมองเขาแปลกไป หลังจากหยุดนิ่งอยู่พักนึง มันก็ลุกขึ้น มันไม่กลัวลู่หยวนเท่าเมื่อก่อนแล้ว การกระทำของมันดูหาเรื่องมาก ด้วยพลังที่แข็งแกร่งและความมั่นใจในตัวเองที่มากขึ้น ลู่หยวนมัวแต่ตื่นเต้นกับความเปลี่ยนแปลงของเจ้ากิ้งก่ามากเกินไปเลยไม่ทันรู้สึกถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติ
ทันใดนั้น มันก็พ่นควันสีขาวออกมาทางจมูก มีเปลวไฟอยู่ในควันนั้นด้วยและอุณหภูมิรอบด้านก็เพิ่มสูงขึ้น! ลู่หยวนรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว เขาเปิดหน้าต่างคุณสมบัติเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ของเจ้ากิ้งก่า และอย่างที่คาดไว้ มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
“สัตว์อสูรสงคราม : กิ้งก่าป่ายักษ์”
“ระดับขั้น : สีน้ำเงิน”
“คุณสมบัติ :-”
“ความแข็งแรง : 2”
“ความคล่องแคล่ว : 14”
“ร่างกาย : 18”
“ความฉลาด : 4”
“การรับรู้ : 6”
“พลังจิต : 2”
“ค่าประสบการณ์ : 18036”
“ทักษะ : กัด 19, ฉีกกระชาก B, การโจมตี การฟาดหาง ความช่ำชอง 0, การเอาตัวรอด 18, การเฝ้าสังเกต, การพ่นลมหายใจ 2”
“ทักษะติดตัว : สัมผัสอันตราย, ลมหายใจไฟ”
“สถานะ : แข็งแรง”
“ความภักดี : 61 (อาจจะทรยศได้ถ้าต่ำกว่า 60, ค่าสูงสุด 100)”
“คะแนนคุณสมบัติที่ยังไม่ได้ใช้ : 1”
“คะแนนทักษะที่ยังไม่ได้ใช้ : 6”
สรุปแล้วระดับขั้นของมันเพิ่มขึ้นจากสีฟ้าเป็นสีน้ำเงิน ความคล่องแคล่วของมันยังเท่าเดิม แต่ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 2 แต้ม ค่าคุณสมบัติอื่นๆก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างเช่น ทักษะฉีกกระชาก, ทักษะโจมตี, และการเฝ้าสังเกต ที่เหลือเป็นทักษะที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ไม่น่าแปลกใจที่มีทักษะฉีกกระชาก, โจมตี, และหายใจ เมื่อก่อนเจ้ากิ้งก่าทำอะไรไม่ได้มากนัก มันมีเพียงทักษะกัดและฟาดหางเท่านั้น ลู่หยวนไม่เคยเห็นมันใช้กรงเล็บโจมตีเลย ตอนนี้กรงเล็บที่แหลมคมของมันกับเขาบนหัวได้วิวัฒนาการครั้งใหญ่ มันต้องไม่ใช่แค่เครื่องประดับอย่างแน่นอน! สิ่งเดียวที่ลู่หยวนไม่เข้าใจก็คือทักษะการเฝ้าสังเกต
“หรือจะเป็นเพราะฉันฝึกเจ้ากิ้งก่าเมื่อก่อนนี้ยังไง? หรือความฉลาดของมันเพิ่มขึ้นหลังจากวิวัฒนาการ?” ลู่หยวนคิดในใจ
ยังไงก็เถอะ มีกิ้งก่ายักษ์ฉลาดๆก็ย่อมเป็นเรื่องดี ลู่หยวนไม่คิดอะไรให้มากกว่านั้นในเมื่อมันมีความสามารถที่จะท้าทายสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขั้นสีน้ำเงินแล้ว พวกสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีน้ำเงินตัวอื่นๆจะไม่ใช่ภัยคุกคามของมันอีกต่อไป โชคร้ายที่ค่าความคล่องแคล่วของมันยังเท่าเดิม ลู่หยวนจึงต้องเพิ่มมันเอง แต่ทันใดนั้นเอง ลู่หยวนก็สังเกตเห็นค่าความภักดีของมันแล้วเขาก็ต้องตกใจ!
“มันลงมาต่ำกว่า 60 ได้ไงเนี่ย? นี่มันต่ำกว่าตอนที่ชนะมันครั้งแรกอีก”
เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วสังเกตเห็นสายตามุ่งร้ายของเจ้ากิ้งก่ายักษ์ ลู่หยวนคิดด้วยความโกรธ “โชคดีที่มันยังมีความเคารพอยู่ในใจลึกๆ......ไม่อย่างนั้นมันคงทรยศไปแล้ว”
“บ้าเอ๊ย สัตว์ก็คือสัตว์จริงๆ! โชคดีที่ยังใส่คะแนนให้มันไม่หมด ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ มันจะเอาชนะยากขึ้นแน่นอน” เขาโกรธและรู้สึกอยากจะฆ่ามันให้ตาย แต่เขาก็ยั้งตัวเองไว้ ลู่หยวนสูดหายใจเข้าลึกและพยายามทำใจให้เย็นลง ตอนนี้เจ้ากิ้งก่าไม่กลัวเขาอีกต่อไปแล้ว ถ้าเขาทำเป็นไม่สนใจ มันจะควบคุมไม่ได้และโจมตีเขาอย่างแน่นอน เขามีทางเลือกแค่สองอย่างเท่านั้นคือ ปล่อยมันไปหรือเอาชนะมันอีกครั้ง
ถ้าเขาปล่อยมันไปมันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของเขา การเดินทางจะยากมากขึ้นถ้าไม่มีเจ้ากิ้งก่า ขนาดตัวที่ใหญ่โตของมันทำให้สัตว์กลายพันธุ์เล็กๆมากมายหวาดกลัวและหนีไป หลังจากพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้จากมันแล้ว เขาก็เลือกที่จะไม่ทิ้งมันไว้ โชคดีที่ค่าความภักดีของมันยังอยู่ในขั้นควบคุมได้ และมันน่าจะไม่ยากเกินไปที่จะเอาชนะมันอีกครั้ง
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ลู่หยวนก็เดินตรงไปที่เจ้ากิ้งก่ายักษ์ สัญชาตญาณของมันรู้สึกได้ถึงการคุกคามจากลู่หยวน มันจึงคำรามเป็นการเตือน เจ้ากิ้งก่ายักษ์ยังจำได้ดีว่าลู่หยวนแข็งแกร่งแค่ไหน ดังนั้นมันจึงไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีเขาก่อน
แต่ยิ่งลู่หยวนเข้าใกล้เจ้ายักษ์ใหญ่นี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งสังเกตเห็นความมุ่งร้ายในสายตามันเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และค่าความภักดีของมันก็ถดถอยลงอย่างช้าๆ
60...... 60......
ลู่หยวนเหงื่อแตก...... เขารู้สึกกระสับกระส่าย และถือดาบเอาไว้แน่น ในกรณีที่เจ้ากิ้งก่าเริ่มโจมตีเข้ามาจริงๆ เขาก็ตั้งใจจะฆ่ามัน เจ้ากิ้งก่ายักษ์เริ่มโมโหและเอาแต่คำรามไม่เลิก มันพยายามที่จะทำให้ลู่หยวนกลัวจนหนีไป เนื่องจากการวิวัฒนาการ เสียงคำรามของมันจึงมีคลื่นเสียงที่ทรงพลังที่ส่งผลกระทบกับลู่หยวน
ทุกคนตื่นตระหนกจากเสียงที่ดังสนั่นของเจ้ากิ้งก่าและรีบวิ่งออกมาดู หวงเจียฮุยเกือบเป็นลมหลังจากเห็นภาพที่น่ากลัวนั้น
“ขึ้นไปข้างบนแล้วเอาปืนใหญ่ลงมา!” หวงเจียฮุยพลันได้สติและรีบตะโกนขึ้น
โฮวตง, หลินเสี่ยวจี และเฉินเชี่ยนฟง รีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง ปืนใหญ่จัดเป็นอาวุธขนาดกลาง คนธรรมดาแทบจะเคลื่อนย้ายมันไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแรงของพวกเขาได้เพิ่มขึ้นจากการกินเนื้อสัตว์กลายพันธุ์มาเป็นเวลานาน ปืนใหญ่ชนิดนี้เป็นของหายาก แม้แต่หวงเจียฮุยที่เคยเป็นตำรวจเก่าก็ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อน
โชคดีที่การใช้งานมันไม่ได้ซับซ้อนเกินไปนัก หลังจากปรึกษากันแปบนึง พวกเขาก็ติดตั้งปืนใหญ่ด้านหน้าค่ายพักทหาร เตรียมพร้อมยิงเจ้ากิ้งก่ายักษ์
“ใจเย็นไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆ” โฮวตงพึมพำด้วยมือที่สั่นเทา เหงื่อหยดลงมาตามใบหน้า
ลู่หยวนยังคงสงบนิ่งและดึงเอาดาบออกมาช้าๆ เจ้ากิ้งก่ายักษ์รู้สึกถูกคุกคามจากสิ่งนี้ มันหายใจแรงๆพ่นควันสีขาวออกมาจากจมูก เจ้ากิ้งก่าสูง 6-7 เมตรแต่ลู่หยวนสูงเพียง 167 ซม.เท่านั้น ง่ายมากที่จะเล่นงานเขาให้ล้มลงแล้วกินซะ แต่มันกลับถอยหลังช้าๆแทน ตรงกันข้ามกับลู่หยวนที่ยังเดินตรงเข้าหามันด้วยฝีเท้าหนักๆ เขาชูมือซ้ายขึ้นและกดลงบนตัวเจ้ากิ้งก่าสองสามครั้ง นี่เป็นท่าทางที่มันคุ้นเคยพอสมควร เพราะมันต้องเจ็บตัวเพื่อที่จะจำท่าทางนี้
“หมอบลง” ลู่หยวนสั่ง
กิ้งก่ายักษ์มองลู่หยวนอย่างลังเลและนิ่งอยู่สักพัก แต่ในที่สุดมันก็ก้มหัวลงช้าๆและนอนลงกับพื้น ลู่หยวนสามารถบอกได้ว่าความมุ่งร้ายของมันเพิ่มขึ้นอีก เขาเดินไปแตะหัวมัน แล้ววินาทีต่อมา เขาก็ชกหัวมันอย่างแรง ความภักดีของมันลดลงจาก 61 เหลือ 45 และมันดูโกรธมาก เจ้ากิ้งก่าอ้าปากแล้วพ่นไฟใส่ลู่หยวน อุณหภูมิไม่ได้สูงจนเกินไปนักแต่มันแข็งแกร่งมาก ถนนมีรอยไหม้ยาวถึง 1 เมตร
แต่แล้วมันก็มึนงงอีกครั้งและเกือบจะหมดสติเมื่อลู่หยวนยืนบนหัวมันพร้อมกับจับเขามันไว้แน่นขณะที่ต่อยหัวมันซ้ำแล้วซ้ำอีก “ขอโทษตอนนี้ก็สายไปแล้วเว้ย ถ้าไม่สั่งสอนแกหนักๆตอนนี้ แกก็จะลืมอีก” หลังจากผสานหัวใจของต้นโลคัสวิญญาณหลอนแล้ว ตอนนี้เขามีพลังจิต 15 แต้ม แม้ว่าเจ้ากิ้งก่ายักษ์จะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง มันก็ไม่สามารถรับมือการโจมตีของลู่หยวนได้ เจ้ากิ้งก่ามึนงงจนเซไปมา
ชกครั้งที่ 3, 4...... 10, 11......
พอมาถึงครั้งที่ 15 เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็ล้มลง มันสะอื้นและร้องขอความเมตตา ลู่หยวนยิ้มเยาะแล้วชกต่อไป “ขอร้องตอนนี้ก็สายไปแล้ว ถ้าไม่ทำเดี๋ยวแกก็จะลืมอีก” เจ้ากิ้งก่ายักษ์พยายามต่อต้าน แต่ไม่นานมันก็ถูกลู่หยวนกดลงอีกครั้ง ลู่หยวนชกไม่หยุดจนกระทั่งเขาเห็นว่าเจ้ากิ้งก่าไม่ตอบสนองและหมดสติไปแล้ว
ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้นและรู้สึกโล่งอก นี่เป็นการลงมือที่อันตรายมาก ตอนนี้เจ้ากิ้งก่าเป็นสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีน้ำเงินแล้วและมันแข็งแกร่งมาก ลู่หยวนเปิดหน้าต่างคุณสมบัติขึ้นมาและพบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ค่าความภักดีของมันซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 75 แต้มแล้วตอนนี้ นี่เป็นตัวเลขที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ดูเหมือนบทเรียนครั้งนี้จะเอาความดุร้ายของมันออกไปจนหมด
ลู่หยวนกระโดดลงจากเจ้ากิ้งก่าแล้วเห็นว่ามีปืนใหญ่ติดตั้งไว้ที่หน้าค่ายพักทหาร เขาตกใจเพราะรู้ว่าปืนใหญ่นั้นมีพลังแค่ไหน โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ใช้มัน ไม่อย่างนั้นเป็นได้ฆ่าเขาไปพร้อมกับเจ้ากิ้งก่าแน่ หวงเจียฮุยวิ่งเข้าไปหาลู่หยวนด้วยใบหน้าซีดเผือด
ลู่หยวนรู้สึกได้ว่าตัวของเธอสั่น เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงเขามาก เขารู้สึกอบอุ่นและตบหลังเธอเบาๆ แล้วพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ฉันไม่เป็นไร อย่าห่วงเลย”
สักพักหวงเจียฉุยจึงปล่อยลู่หยวน เธอเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “นั่นคือเจ้ากิ้งก่ายักษ์ของนายใช่ไหม? ทำไมมันถึงโจมนายล่ะ?”
“ฉันแค่ลองทดสอบความสามารถของมันที่เพิ่งวิวัฒนาการมาน่ะ” ลู่หยวนหัวเราะ ไม่มีความจำเป็นต้องบอกความจริงให้ทุกคนกลัวกันไปเปล่าๆ หวงเจียฮุยมองลู่หยวนอย่างสงสัย เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดมากเมื่อลู่หยวนดูผ่อนคลาย
“อย่าคิดมากเลย ในเมื่อทุกคนตื่นแล้ว งั้นออกเดินทางกันตอนเจ้ากิ้งก่าตื่นแล้วกัน” ลู่หยวนรีบขัดจังหวะความคิดของเธอ พวกเขาพากันเดินกลับเข้าไปข้างใน
โฮวตงลังเลก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันจะเอาปืนใหญ่ไปด้วยได้ไหม?”
ลู่หยวนชะงักอย่างประหลาดใจ “นายแบกมันไหวเหรอ? มันหนักนะ แถมต้องเอากระสุนไปด้วย”
โฮวตงมองหลินเสี่ยวจีและเฉินเชี่ยนฟงแล้วพูดว่า “เฉินเชี่ยนฟง, หลินเสี่ยวจี กับฉันจะผลัดกันแบกมัน เราจะไม่ทำให้การเดินทางล่าช้าหรอก”
“ฉันก็ช่วยได้นะ” หนิงเสี่ยวหลานพูดพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ “ฉันแข็งแรงขึ้นแล้ว”
“ฉันก็จะช่วยด้วยคน” เชาหลินพูด
หวังเซียกวงมองเชาหลินอย่างประหลาดใจ เธอตกใจในคำพูดของเชาหลิน ลู่หยวนมองทุกๆคนแล้วเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเขา จริงๆแล้วลู่หยวนไม่เคยคาดหวังความช่วยเหลือจากพวกเขาเนื่องจากพวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา เขาช่วยชีวิตคนพวกนี้และพามาด้วยก็เพราะว่าเขายังมีมนุษยธรรมอยู่แม้ว่าเขาจะวิวัฒนาการแล้วก็ตาม นอกจากนั้น เขายังแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ เขาจึงไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากใคร
แต่เมื่อพวกเขาเสนอตัวจะช่วย เขาก็ยินดีจะรับไว้ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตกลง งั้นก็เอามันไปกับเราด้วย”
พวกเขารีบเก็บข้าวของกันทันที ขณะที่ลู่หยวนเดินออกไปแล้วเตะเจ้ากิ้งก่ายักษ์ แต่มันก็ยังไม่มีปฏิกิริยา ลู่หยวนเล็งไปที่จมูกของมันแล้วเตะอีกครั้ง ในที่สุดเจ้ากิ้งก่าก็ตื่น มันเกือบจะคำรามออกมาแต่เมื่อเห็นว่าลู่หยวนยืนอยู่ข้างหน้า มันก็รีบลุกขึ้นด้วยความกลัว ลู่หยวนคิดว่ามันจะไม่ทรยศเขาอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงใส่คะแนนที่ยังเหลือจากเมื่อวานลงในค่าความคล่องแคล่ว และทันใดนั้นมันก็เพิ่มขึ้นเป็น 15 แต้ม
เจ้ากิ้งก่ายักษ์ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ต่างออกไปจากการอัพเกรด มันคำรามอย่างตื่นเต้นและมองลู่หยวนอย่างชื่นชม ลู่หยวนไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้มาก่อน เขาจึงรีบตรวจสอบค่าความภักดีของมัน และพบว่าตอนนี้มันอยู่ที่ 80 แต้มแล้ว!
จากนั้นระบบก็แจ้งมาว่า “ในที่สุด คุณก็มีความสามารถในการฝึกสัตว์กลายพันธุ์” ในหน้าต่างคุณสมบัติก็ขึ้นไว้ว่า “ทักษะฝึกฝนสัตว์กลายพันธุ์ : 0” ที่บรรทัดสุดท้ายของหน้าทักษะ
ลู่หยวนประหลาดใจ เขาไม่เคยรู้ว่ามีความสามารถแบบนี้ด้วย นี่ต้องเป็นเหตุผลที่ค่าความภักดีของกิ้งก่ายักษ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแน่ อย่างไรก็ตาม มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับลู่หยวนอยู่ดี ในเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องฝึกเจ้ากิ้งก่าใหม่แล้วด้วยค่าความภักดีที่สูงขนาดนี้ เขาใส่คะแนนทักษะของเจ้ากิ้งก่ายักษ์ใหม่ โดยเอาแต้มออกจากทักษะกัดมา 5 แต้ม แล้วระบบก็ขึ้นว่า “ความเชี่ยวชาญในการกัด 0” เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ใส่คะแนนที่เหลือ 4 คะแนนลงไปที่ทักษะลมหายใจ เขาสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าทักษะนี้จะกลายมาเป็นทักษะโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน
หลังจากใส่คะแนนที่เหลือลงไปเรียบร้อย ลู่หยวนก็สั่งให้มันหมอบลงอีกครั้ง และแขวนห่อของขนาดใหญ่ที่คอของมัน ผ้าคลุมเกือบขาดจากการต่อสู้เมื่อวาน ลู่หยวนผสานมันกับขนนกวายุ ดังนั้นมันเลยทนทานขึ้นมาก
ลู่หยวนหันหน้าไปและเห็นโฮวตงกับคนอื่นๆกำลังแบกปืนใหญ่กับกระสุนปืนมา 3 กล่อง พวกเขาดูเหนื่อย เขาส่ายหน้าและเสนอความช่วยเหลือ “พวกนายจะเดินกันไปได้ไม่ไกลถ้าแบกไปทั้งหมดนี่ มานี่ เอามาใส่ในนี้กล่องหนึ่ง”
ลู่หยวนเอาห่อของจากคอเจ้ากิ้งก่าลงมาและเปิดออก เฉินเชี่ยนฟงรู้สึกซาบซึ้งและวิ่งเข้ามาทันที แต่เมื่อเขาเข้าใกล้กิ้งก่ายักษ์เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงเดินช้าลงและค่อยๆเข้าไปหาลู่หยวน ลู่หยวนอยากจะใส่กระสุนลงไปในห่อของ แต่เขาก็คิดว่าถ้ากระสุนระเบิดขึ้นมามันจะเป็นการสูญเสียมากเกินไป ผ้าคลุมอาจจะไม่ขาดแต่ของข้างในคงเสียหายหมด เขาเอาผ้าคลุมออกมาอีกอันหนึ่งแล้วผสานมันกับขนนก จากนั้นก็แขวนผ้าคลุมทั้งสองลงบนคอของกิ้งก่ายักษ์
ห่อของทั้งสองอันมีน้ำหนักประมาณ 200 กก. แต่เจ้ากิ้งก่ายักษ์ไม่รู้สึกอะไร มันสามารถแบกน้ำหนักได้มากกว่า 10 ตัน 2 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็ออกจากร่มเงาของต้นเสาแห่งสวรรค์
ทันใดนั้น พื้นดินก็สั่นไหว ลู่หยวนมองไปรอบๆและพบว่าไม่ใช่แค่พื้นที่รอบๆต้นเสาแห่งสวรรค์เท่านั้น แต่ทางตะวันออกทั้งหมดของเมืองกำลังสั่น เขาเห็นตึกที่อยู่ห่างออกไปหลายตึกกำลังถล่มลงมา ฝุ่นควันเต็มไปทั่วทั้งเมือง
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นการสั่นสะเทือนที่รุนแรงเช่นนั้น แรงสั่นสะเทือนอย่างน้อยก็น่าจะ 4 ริกเตอร์ เจ้ากิ้งก่ายักษ์รู้สึกไม่สบายใจกับการสั่นสะเทือนนั้น นกกลายพันธุ์ก็พากันบินหนีไปจากต้นเสาแห่งสวรรค์ พวกเขาสามารถได้ยินเสียงคำรามของสัตว์กลายพันธุ์จากตรงที่พวกเขายืนอยู่ และมีนกกลายพันธุ์ขนาดยักษ์สองสามตัวบินอยู่บนท้องฟ้า ลู่หยวนรู้สึกกังวลเมื่อเห็นภาพเหล่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?” ลู่หยวนสับสน การสั่นสะเทือนขนาดใหญ่อย่างนี้ไม่ใช่เพราะต้นไม้ยักษ์แน่ เขารู้สึกไม่ปลอดภัยและกังวลเมื่อเห็นความผิดปกติทั้งหมดนี้