spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 125: พลังงานที่สูงขึ้น
มันเป็นเรื่องที่อันตรายหากก่อกองไฟในห้องที่ปิดอย่างแน่นหนา ลู่หยวนจึงเลือกที่จะกินไส้กรอกจากเนื้อสัตว์กลายพันธุ์แทนมันต้องใช้ความพยายามอย่างมาถึงจะกินหมด พวกเขาทำไส้กรอกเผื่อไว้เกือบ 50 กิโลกรัมเนื่องจากมันให้พลังงานจำนวนมากและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ปริมาณที่พวกเขามีอยู่เพียงพอจะอยู่รอดได้อีกประมาณสองสัปดาห์
โฮวตงเองก็เอาไส้กรอกและยัดลงในปากของเขาเช่นกัน ทันใดกรามของเขาก็เกือบขยับได้ เขาอ้าปากอย่างรวดเร็ว เมื่อไส้กรอกเย็นลงมันกลายเป็นเหมือนน้ำยางพาราสดและเป็นเรื่องยากที่จะเคี้ยวมัน แม้กระทั่งฟันของลู่หยวนที่แข็งแรงกว่าปกติก็ต้องพยายามอย่างมากเพื่อเคี้ยวมัน
"ดื่มน้ำหน่อย" เจียฮุยเทน้ำอุ่นให้ลู่หยวนหนึ่งแก้ว
ลู่หยวนจิบมันเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็กลืนมันลงไปได้ เขาเริ่มเคี้ยวไส้กรอกที่เหลืออีกครั้ง เมื่อเขากินมันหมดท้องของเขาก็เริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นเพราะได้รับสารอาหารจากไส้กรอกที่คาดว่าน่าย่อยเสร็จแล้ว
“ปี๊บ! พลังงาน +1 "
ลู่หยวนดีใจมาก "ในที่สุดก็เพิ่มเป็น 13 แต้ม!"
แม้ว่าลู่หยวนจะถือเป็นผู้รอดชีวิตจากวิวัฒนาการ แต่เขาก็ไม่ได้มีพลังเฉพาะตัวเหมือนหลินเสี่ยวจีที่มีความสามารถในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วถึง แม้จะมีพลังพิเศษของเขาก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แค่แข็งแกร่งกว่าคนปกติและระดับพลังงานกับแต้มความชำนาญของเขาก็แค่ไม่เกิน 13 จุด ลู่หยวนไม่รู้ว่าเขาต้องมีแต้มอีกกี่แต้มจึงจะมีพลังฟื้นตัวมากเท่ากับหลินเสี่ยวจี
พลังของหนิงเสียวหลานเกี่ยวข้องกับความแข็งแรง ขณะที่พลังของลู่หยวนเกี่ยวข้องกับความแข็งแรงและความว่องไว "ความไว" ของเขาถึงระดับสูงสุดแล้วและคงไม่มีการเลื่อนเพดานระดับในเร็ว ๆ นี้
เขาจะหยุดการผลักดันตัวเองอย่างเร่งรีบเพื่อปรับสภาพร่างกายก่อน ถ้าทฤษฎีเกี่ยวกับทักษะความสามารถพวกนี้ถูกต้องล่ะก็ แต้มสถานะ 13 แต้มน่าจะเป็นขอบเขตของการวิวัฒนาการ มีความเป็นไปได้ว่ายังสามารถเพิ่มแต้มได้อีก หากฝึกฝนอย่างหนักอย่างไรก็ตามเพราะเขาไม่มีเวลาฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะรับความเสี่ยงในการกระทำทุกวิถีทาง และมันทำให้ตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะปกป้องตนเองในยุคแบบนี้แล้ว
ลู่หยวนเปิดแถบสถานะและตรวจสอบแต้มที่มีอยู่ ก่อนหน้านี้เขาตัดสินใจที่จะใช้คะแนนทั้งหมดเพิ่มให้กับความว่องไว และเขาก็ยังทำตามคติเดิมคือเพิ่มแต้มความว่องไว แต่การอัพแต้มแต่ละครั้งทำให้เขาลำบากใจมากเพราะทุกอย่างในโลกนี้กลายเป็นภาพสโลว์
ปัญหาก็คือเขาต้องการลดความเร็วในการพูดของเขาลงเรื่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยจากคนอื่น
"เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?" เซียกวงมองไปที่ลู่หยวนและถาม
"ฉัน ... ฉันสบายดี ฉันแค่คิดอะไรนิดหน่อย "เขาตระหนักว่าเขาพูดเร็วเกินไปและพยายามจะชะลอให้มันช้าลง
"มีอะไรผิดปกติกับเส้นทางหรือเปล่า?" เจียฮุยถาม ทุกคนเริ่มมองลู่หยวน
ลู่หยวนนึกไม่ถึงว่าคำแก้ตัวของเขาจะโยงไปได้ขนาดนี้ จากนั้นเขาก็แถว่า "คุณกังวลมากเกินไปแล้ว เราควรจะวางแผนเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ดีกว่า เจียฮุยขอแผนที่ของเมืองเฮตง"
เจียฮุยเอาแผนที่ออกมาจากกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็วและเปิดมัน ลู่หยวนชี้บนแผนที่และกล่าวว่า "นี่คือตำแหน่งของต้นไม้ยักษ์และนี่คือที่ที่เราจะไป"
ลู่ยวนมีความจำที่ดีมากเขาจำได้เกือบทุกอย่างที่เคยผ่านตา เขาทำเครื่องหมายบนแผนที่และพูดว่า "จากแผนที่เราต้องผ่านต้นไม้ยักษ์ ใต้ร่มเงาของมันอาจมีอันตราย แต่หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันต้นไม้ยักษ์มีความแข็งแรงมากเกินกว่าที่จะจินตนาการคุณคิดว่าไง?”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยิน ลู่หยวนอธิบายว่ามันเป็น "ต้นไม้ยักษ์" เพราะพวกเขายังคงมีรอยแผลเป็นจากต้นผีสิงก่อนหน้านี้ แม้ว่าพวกเขาจะลืม ๆ มันไปบ้างแล้วแต่เขาก็ไม่อยากไปสกิดแผลนั้น
"เราอาจต้องเดินทางไกลถึง 30 กม. หากเราใช้เส้นทางอื่น" เสี่ยวหลินกล่าว
ทุกคนตกใจกลัว โฮวตงเริ่มรู้สึกเสียขวัญกำลังใจ เขาไม่ต้องการปะหน้ากับมัน เขาจินตนาการถึงพลังของต้นไม้ยักษ์กลายพันธุ์ไม่ได้เลย สงสัยว่าแม้แต่จรวดของคุณคิม*ก็อาจไม่สามารถทำลายมันได้
โฮวตงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เงียบไปเมื่อนึกได้ว่าถึงพูดไปลู่หยวนก็ไม่เปลี่ยนใจ ถ้าโฮวตงถูกทิ้งอยู่เขาอาจถูกกินโดยสัตว์กลายพันธุ์ก่อนที่จะทันตั้งตัวด้วยซ้ำไม่ต้องหวังว่าจะไปถึงเมืองหน้าเลย
ลู่หยวนสังเกตเห็นว่าทุกคนรู้สึกหดหู่เขาจึงยิ้มและพูดว่า "เมื่อครู่คือการคาดเดาในทางลบ ความจริงต้นไม้น่าจะเป็นเพียงต้นไม้ปกติที่โตเร็ว อาจมีนกกลายพันธุ์ไม่กี่ตัวอยู่บนต้นไม้ ฉันคิดว่ารังของพวกมันน่าจะอยู่ที่นั่น ถ้านกกลายพันธุ์ไม่หิวโหยเราก็ควรจะเดินไปตามเส้นทางเดิม "
"มีนกกลายพันธุ์อีกหรือ?" ซีซี่ถามอย่างกระวนกระวาย
"ถ้าคุณกลัว คุณควรจะอยู่ที่ฐานเก่า" ลู่หยวนกล่าวนิ่ง ๆ
ซีซี่กัดริมฝีปากล่างและจ้องมองลู่หยวนอย่างงอล ๆ เขาไม่สนเธอและทำการพูดคุยกับคนอื่นต่อ เธอเหวอไปเลย ถ้าให้เปรียบเทียบท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนคนที่หลุดมาจากโรงพยาบาลประสาท
หลังอาหารเย็นก็ไม่มีอะไรมาก ทุกคนก็ตัดสินใจนอนพักผ่อนให้เพียงพอ แม้ว่าสำนักงานแห่งนี้จะใหญ่โต แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักว่ามันกางเต็นท์ได้ไม่มาก หลังจากการเตรียมการบางอย่างหลินเสี่ยวจีจบลงด้วยการมีเต๊นท์ของตัวเองเพราะไม่มีใครอยากจะอยู่กับเขาเพราะเหม็น หนิงเสียวหลาน ก็นอนคนเดียวเพราะกลัวว่าจะละเมอและทำร้ายคนอื่นเข้า ส่วนคนที่เหลือก็แบ่งกันนอน
โฮวตงและเฉินเชียนฟงนอนเต็นท์เดียวกัน หวังเซียกวงและเสี่ยวหลินก็นอนเต็นท์เดียวกัน ขณะที่หวัง ซีซี่และหวง เจียฮุยนอนเต็นท์เดียวกับลู่หยวนตามปกติ เซียกวงไม่อยากจะเชื่อว่าลู่หยวนจะนอนกับเจียฮุยและซีซี่เธอกำขอบเสื้อแน่น ขณะเฝ้าดูพวกเขาเข้าเต็นท์เดียวกัน น้ำตาของเธอไหลลงแก้มดั่งพิรุณโปรยลงใบบอน
ลู่หยวนรู้ว่าเธอคิดอะไร แต่เขาเลือกที่จะหลับตาลงและสูดลมหายใจลึก ๆ น้ำตาของเซียกวงเหมือนหยดลงที่ใจของเขา เขาถอนหายใจเขารู้ตัวดีว่าไม่อาจมีเธอคนเดียวได้อีกแล้ว เขาไม่อยากโกหกเธอมันน่าจะดีกว่าถ้าให้เธอรู้ความจริงว่าเขามันก็เป็นคนแบบนี้แหละ
*คิมจอง_