spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 122: มนุษย์กลายพันธุ์
หลังจากที่แน่ใจว่าหวังเซียกวงไม่เป็นอะไรแล้วลู่หยวนก็คว้าดาบขึ้นมาและเดินออกจากห้องไป
มีคนที่ดูภูมิฐานยืนอยู่หน้าห้องห้าคน คนที่อายุมากที่สุดมีอายุ 67 ปีและคนที่อายุน้อยที่สุดมีอายุ 34 ปีเมื่อเทียบกับคนธรรมดา ทั้ง 5 คนดูมีความเป็นผู้นำมากกว่า ขณะที่พวกเขามองดูลู่หยวนเดินออกมาจากห้อง คนเหล่านี้ก็ยังคงรักษาความสงบของพวกเขาไว้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะยังมีท่าทางไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ไม่มีใครอยากเป็นและอยากเผชิญหน้ากับฆาตกรหรอก พวกเขาถูกบังคับ เดิมทีการสังหารหมู่ครอบครัวสกุลหวังก็ได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่ายแล้ว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าพวกเขาต้องรับผลกรรม
"คุณและหวัง ฮงเปียว มาจาก East Lake City ใช่มั้ย?" ชายชราคนหนึ่งถามขึ้นและพยายามยกยิ้มที่อบอุ่นให้ลู่หยวน
ลู่หยวนแสยะยิ้ม "หยุดพล่าม แกอยากตาย?"
ทุกคนมีความรู้สึกเดียวกันคือโล่งอก ตราบเท่าที่ไม่มีความรุนแรงทุกอย่างก็ไม่เป็นไร คนที่น่ากลัวที่สุดคือคนที่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่งโดยไม่พูดและไม่ฟังอะไรเลย เขาพูดอย่างรอบคอบและไตร่ตรองอย่างดีสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้มด้วยรอยยิ้ม "เราหวังเพียงว่าคุณจะไม่ฆ่าคนที่บริสุทธิ์อีก มันต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่างแน่นอน!"
"เข้าใจผิด?" ลู่หยวนเค้นเสียง “หึ” เขามองกลุ่มคนพวกนี้คร่าว ๆ คนกลุ่มนี้น่าจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของฐานใต้ดิน
แม้ว่าเขาคาดเดาอะไรได้บ้างเล็กน้อย แต่ความจริงถูกเปิดเผยทำให้เขาตกตะลึง
"ใช่! เข้าใจผิด!" ชายชราถอนหายใจเบา ๆ นัยย์ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว"หวัง ฮงเปียวเป็นเพื่อนของเรา แม้ว่าบางคนจะเพิ่งรู้จักเขาเมื่อไม่นานมานี้ แต่พวกเราส่วนใหญ่รู้จักกันมานานและได้ทำธุรกิจร่วมกันมาก่อนแล้ว แม้ว่ามิตรภาพของเราอาจจะไม่ลึกซึ้งหรือสนิทใจเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน "
"ฐานใต้ดินเล็ก ๆ นี้ถูกก่อสร้างมานานแล้ว มันถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเส้นทางหลบภัยสำหรับคนของเรา เราคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์และอาจจะได้ใช้ แต่พวกเราไม่คาดว่ามันจะถูกใช้เป็นฐานใต้ดินเร็วขนาดนี้ "
"ในตอนแรกเมื่อเราย้ายลงมาที่นี่ทุกอย่างก็ปกติดี อย่างไรก็ตามเราค่อย ๆ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ จากพฤติกรรมของหวัง ฮงเปียว เขากินเนื้อดิบ ตอนแรกเขาแอบกินไม่ให้ใครเห็น แต่แล้วเขาก็เริ่มไม่ระวังและกินมันต่อหน้าทุกคน ความต้องการของเขามีมากขึ้นเรื่อย ๆ แค่ไม่นานเขาก็เริ่มกินเนื้อเพิ่มเป็นหลายกิโลต่อวัน เขาเริ่มเหม่อลอยบางครั้งก็บ้าคลั่งขึ้นมา ความรู้สึกที่เขาใช้มองมนุษย์ด้วยกันก็เริ่มเปลี่ยนไป พอมาคิดดูดี ๆ สายตาที่เขาใช้มองพวกเราเหมือนสายตาที่ใช้มองอาหารเวลาหิว "
"ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้สึกแปลก ๆ แต่เราก็พยายามไม่ใส่ใจมันมากนัก เราได้ยินข่าวลือเกี่ยวการวิวัฒนาการและเราคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ผ่านไปไม่นานผู้คนภายในฐานใต้ดินก็เริ่มหายตัวไป จำนวนของพวกคนที่กินเนื้อก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
"หนึ่งในมนุษย์กินเนื้อนั้นเป็นพ่อของชายคนหนึ่งที่คุณเพิ่งฆ่าเขาไปซานเซี่ยวฉาง ทุกคนคิดว่าเขาน่าจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์อีกคน เมื่อเราทำการตรวจสอบอย่างละเอียดและติดตั้งกล้องวงจรปิดในทุก ๆ ที่ เราพบว่าเขาอยู่ในห้องน้ำที่เต็มไปด้วยเลือดและฉีกซากศพกินเหมือนสัตว์เดรัจฉาน "
"พวกเขาแข็งแกร่งมากถึงขนาดที่กระสุนปืนทำอะไรเขาไม่ได้ เราตัดสินใจที่จะฆ่ามนุษย์กลายพันธุ์คนหนึ่ง ในขณะต่อสู้กลุ่มคนที่รุมสังหารเขาบังเอิญทำเสื้อผ้าของเขาขาด มันเผยให้เห็นร่างกายของเขาที่เป็นเกร็ดเหมือนปลา ถึงแม้ว่าในที่สุดเราจะฆ่าเขาได้แต้มันก็และไปด้วยชีวิตคนถึง 8 คน "
มันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
เมื่อลู่หยวนได้ยินว่าหวัง ฮงเปียวกลายพันธ์ เขาก็สงสัยว่านี่เป็นวิวัฒนาการที่ล้มเหลวใช่หรือไม่? ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของเขาขณะที่เขาถามอย่างเย็นชาว่า "มีอะไรจะบอกฉันอีกไหม?"
ชายชราถอนหายใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร
แม้ว่าเขาจะอ้างอะไรก็ตาม ลู่หยวนก็สามารถคาดเดาได้ว่าจากความเกลียดชังของทุก ๆ คน ทำให้พวกเขาต้องแก้แค้นภรรยาและลูกสาวของหวัง ฮงเปียว ลู่หยวนไม่เคยประเมินปีศาจในใจมนุษย์ผิดพลาด เขาเหล่มองไปที่ฝูงชนก่อนจะกระชับมือจับด้ามดาบเตรียมพร้อมสำหรับการสังหารหมู่
ทุกคนสูดหายใจ ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวและหัวใจของพวกเขาเต้นระรัว บางคนก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ เพื่อหยิบปืนพก จากมุมของเขา ลู่หยวนเห็นชายหลายคนจับปืนเตรียมไว้เผื่อสถานการณ์ที่แย่ที่สุด
"แม่ของหวังเซียกวงเสียชีวิตอย่างไร?" ลู่หยวนถามอย่างกะทันหัน ฐานใต้ดินที่กว้างใหญ่เงียบไปชั่วขณะ
"เธอได้ยินข่าวนี้และไม่รอให้ใครทันตั้งตัวทั้งนั้น เธอฆ่าตัวตายภายในคืนนั้น "ชายชรากล่าวอย่างยากลำบาก
“หวังเซียกวงล่ะ? "
"พวกเราไม่ยุ่งกับเธอเลย แต่ซานเซี่ยวฉางต้องการให้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าเขา เธอปฏิเสธหัวชนฝาและในตอนแรกเราเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว พวกเราไม่คิดว่าซานเซี่ยวฉางจะตามราวีไม่เลิกแบบนี้" ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ลู่หยวนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
เธอคงไม่อาการแย่ขนาดนี้ถ้าทุกคนไม่ตั้งใจจริง ๆ ลู่หยวนรู้ว่าต้องมีคนอื่น ๆ เกี่ยวข้องด้วยแน่ พวกเขาไม่ใช่กระดาษขาวอย่างที่กล่าวอ้าง แต่นี่มันก็เป็นสัจธรรมของมนุษย์ไม่ใช่หรือ? ฆ่าคนเพียงคนเดียว? หรือทุกคนในฐานใต้ดินถูกฆ่า?
อย่างน้อยหวังเซียกวงก็ยังมีชีวิตอยู่ ลู่หยวนไม่มีครอบครัวจึงไม่เคยพบเจอความเศร้าจากการศูนย์เสียพ่อแม่ ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ในเรื่องนี้ เขาเพียงแต่รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ลู่หยวนจึงโบกมือไล่ทุกคน "ออกไปให้หมด ก่อนที่ผมจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วเผลอฆ่าคุณไป"
ทุกคนแยกตัวออกไปด้วยความโล่งอกเหมือนผึ้งแตกรัง ต้องบอกว่าแผ่นหลังของทุกคนตอนนี้เหงื่อหลากยิ่งกว่าแม่น้ำป่าสัก
"เดี๋ยว!" ลู่หยวนตะโกนขึ้นมา
ทุกคนหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม บางคนแทบจะกรีดร้องและวิ่งหนีไป แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็หยุดเดิน ชายชราต่อสู้กับความกลัวของเขาอย่างหนักและหันกลับมาพูดว่า "น้องชายถ้ามีอะไรที่คุณต้องการโปรดแจ้งให้เราทราบ ตราบใดที่เรามีเราจะให้คุณ เงิน ทอง เพชร พลอย อัญมณี อาหาร ... ทรัพยากรต่าง ๆ ไม่ใช่ปัญหา "
บางทีสิ่งเหล่านี้อาจชักจูงคนทั่วไปได้ แต่สำหรับลู่หยวนซึ่งกำลังจะออกจาก East Lake City ของที่ไม่มีประโยชน์เช่นนี้จะเป็นภาระก็เท่านั้น
ตลอดการเดินทาง ลู่หยวนไม่ได้อยากพกของอะไรมากมายแม้แต่อาหาร ถ้ามีอะไรมากเกินไปมันจะไม่เหมาะกับรถของเขา แม้ว่าที่นี่จะอยู่กลางเมือง แต่ถนนส่วนใหญ่ถูกทำลายไปแล้ว เพราะฉะนั้นการขนส่งของจึงเป็นเรื่องที่ลำบาก
"ฉันไม่สนใจอะไรพวกนั้นหรอก หวัง ฮงเปียวยังอยู่ที่นี่หรือไม่?" ลู่หยวนถาม
ร่างกายที่ผิดปกติของ หวัง ฮงเปียวสะกิดต่อมเผือกของเขาเต็ม ๆ
ชายชราลังเลอยู่ครู่หนึ่งและจ้องมองไปที่ฝูงชนอย่างไม่เต็มใจ เขาเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็ยอมบอก "ใช่เขาอยู่ในห้องแช่แข็งของห้องทดลอง"
"ห้องทดลอง?" ลู่หยวนกล่าว
คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่ นอกเหนือจากครอบครัวที่ร่ำรวยก็มีชนชั้นสูงที่ชาญฉลาดจากเมืองดงฮู นอกเหนือนี้ก็มีคนที่มีชื่อเสียงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เพราะนักวิจัยส่วนใหญ่ถูกรัฐบาลพาตัวไปช่วยในการวิจัยที่ฐานใต้ดินของรัฐหมดแล้ว คนที่เหลืออยู่คือส่วนน้อยที่ยังเห็นผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินอยู่
"นำทางไป" ลู่หยวนกล่าวโดยไม่แยแสต่อความกลัวของฝูงชน
ห้องทดลองแทบจะเป็นห้องว่าง มีอุปกรณ์น้อยมาก ส่วนใหญ่มีเพียงหลอดทดลองและสารเคมี แม้แต่กับคนนอกเช่นลู่หยวนก็ดูออกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ค่อยดีนัก
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไม การค้าและธุรกิจในเมืองเฮดงถึงหยุดชะงักลง เพราะที่นี่มีการควบคุมทรัพยากรมากที่สุด แม้กระทั่งกลุ่มประชาชนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองก็ไม่สามารถหาสถานที่วิจัยได้
ก่อนที่ลู่หยวนจะเข้ามาในห้องทดลอง มันเคยมีคนอยู่
นักวิจัยสวมชุดกาวน์ผู้หวาดกลัวจนหัวหด ถูกลากกลับเข้ามาในห้องทดลอง
"หวัง ฮงเปียวอยู่ที่ไหน?" เขาถาม
"ใน ... ในห้องแช่แข็ง ฉัน ... ฉันจะเอามันออกมา" ชายคนนั้นเดินเข้าไปในห้องแช่แข็งอย่างรวดเร็ว
ลู่หยวนสังเกตดู มันก็เหมือนห้องแช่ศพธรรมดา เพียงแต่มีสัตว์กลายพันธุ์และสัตว์ธรรมดาสายพันธ์เดียวกันอยู่ในตู้เดียวกัน พร้อมป้ายบอกชื่อของสัตว์ชนิดนั้น ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย มันเป็นแค่สัตว์กาก ๆ ที่สามารถจับมันได้ด้วยทักษะอันต่ำตมของพวกเขาเท่านั้น
นักวิจัยดึงโลง โลงหนึ่งออกมาและสวมถุงมือก่อนจะดึงร่างบางอย่างที่คลายมนุษย์ออกมา
ร่างกายของเขาถูกผ่า ช่องอกถูกเปิดออกและกะโหลกถูกผ่าออกเผยให้เห็นรอยหยักและเนื้อสมองสีขาวอมเทา สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของลู่หยวนส่วนหน้าอก ต้นขาและแขนซึ่งปกคลุมไปด้วยเกร็ดคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน รูปร่างของเกร็ดพวกนี้ทำให้หลาย ๆ คนเย็นวาบตั้งแต่หนังหัวไปจนถึงปลายเส้นผม
ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปแตะร่างกาย ข้อมูลก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
'มนุษย์กลายพันธุ์ ชาย'
'ระดับ: กลายพันธ์ระดับหนึ่ง'
'น้ำหนัก: 68 กก.'
"ประเมิน: ยีนของเขาถูกเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ในช่วงวิวัฒนาการ เขาได้สร้างลำดับยีนและเนื้อเยื่อใหม่ "
ลู่หยวนยังคงไม่เข้าใจมันซักเท่าไหร่ นักวิจัยจึงรีบอธิบาย"เราค้นพบว่าร่างกายของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากการผ่าชั้นผิวของเขาจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก มีดผ่าตัดธรรมดาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเราต้องใช้เลื่อยตัดผ่า รูขุมขนของเขาหดตัวทำให้ผมร่วง เล็บของเขาก็แข็งมาก แม้แต่อวัยวะภายในของเขาก็เปลี่ยนไป เยื่อหุ้มลำไส้เล็กของเขาก็หนาขึ้นสองเท่าของคนปกติ คุณน่าจะจินตนาการได้ว่าเขาย่อยอาหารได้เร็วขนาดไหน นอกจากนี้เขามีหัวใจสองดวงหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก เลือดของเขายังมีอัตราการไหลเวียนทั่วร่างกายมากกว่าคนทั่วไปถึง 1.5 เท่า "
ลู่หยวนถอนมือกลับมาช้า ๆ จากหลายมุมมองมนุษย์กลายพันธุ์ถือว่าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ทันใดนั้นเขารู้สึกขอบคุณที่เขาไม่ได้กลายเป็นปีศาจจากการกลายพันธุ์หลังจากวิวัฒนาการของเขา
ลู่หยวนมองเขาและถามว่า "คุณวิจัยอะไรอยู่?"
ใบหน้าของนักวิจัยแข็งค้าง เหงื่อไหลออกมาตามไรผม ก่อนที่เขาจะตอบว่า "เรากำลังค้นคว้าสาเหตุของการกลายพันธุ์ในมนุษย์เราเชื่อว่าการกลายพันธุ์เป็นรูปแบบของวิวัฒนาการ"
ในอดีตการทดลองประเภทนี้อาจได้รับการพิจารณาว่าเป็นเรื่องที่ชั่วร้าย แต่ในตอนนี้มันถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อหาทางรอดให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ การทดลองชั่วร้ายและไร้มนุษยธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่จะนับเป็นอะไรได้
ลู่หยวนออกจากห้องทดลอง เขาอุ้มหวังเซียกวงที่กำลังหลับไหลขึ้นมาและเตรียมตัวจากไป
ชีวิตที่สะดวกสบายมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบคัน มีน้ำดื่มที่สะอาดและคลังอาหารสำรองที่สามารถเลี้ยงคนร้อยชีวิตที่อยู่ที่นี่ได้เป็นเวลาเกือบยี่สิบปี แม้เขาจะมีความคิดที่อยากจะมาอยู่ที่นี่นิดหน่อย แต่ในที่สุดเขาก็ปฏิเสธความคิดนั่น
ลู่หยวนเห็นกับตาว่าพืชที่กลายพันธุ์สามารถทำลายปูนได้อย่างรวดเร็ว น่าจะอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนบ้านทั้งหมดอาจกลายเป็นดิน แม้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยของฐานใต้ดินจะดีแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ปลอด100% บางทีภายในปี หรืออาจจะไม่ถึงครึ่งปีฐานใต้ดินนี้ก็อาจจะพังทลาย
ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องออกจากที่นี่และมันจะเป็นอันตรายมากขึ้นถ้าพวกเขายิ่งยื้อเวลาในการอพยพ นอกจากนี้หลังจากช่วงเวลาแสนสบายผ่านไปความต้องการและการระวังภัยของพวกเขาก็จะค่อย ๆ หดหายไป จนในที่สุดก็ไม่มีแม้แต่กำลังจะปกป้องตนเอง
ลู่หยวนปิดประตูเหล็กและมองดูมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะพาหวังเซียกวงจากไป
เขาเป็นคนที่ระมัดระวังมาก บนท้องถนนเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่ง มีหลายครั้งที่เขาเกือบจะเริ่มการต่อสู้ แต่โชคก็เข้าข้างเขาทำให้สามารถหลบหนีไปได้ สามชั่วโมงต่อมาเขาก็กลับไปถึงบ้านพัก เจียฮุยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นลู่หยวนอุ้มผู้หญิงเข้ามา ลู่หยวนไม่ต้องให้เธอเขาก็ชิงบอกก่อน "นี่เป็นเพื่อนเก่าของฉัน ฉันจะพาเธอไปด้วย"
เสี่ยวหลินและคนอื่น ๆ มองหน้ากันแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไร บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
"นี่คือคนที่คุณเคยพูดถึงเหรอ?" เจียฮุยก็นึกขึ้นได้ทันที เธอเหลือบมองไปที่หวังเซียกวง
ลู่หยวนพยักหน้า "หาที่อยู่ให้เธอและทำโจ๊กให้เธอหน่อย เธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว!"
" ตกลง ! " เจียฮุยตอบตกลงก่อนที่เธอจะถอนหายใจและเดินไปหาห้องพักที่ว่างอยู่
เจียฮุยแอบอ่านข้อความของลู่หยวนตั้งแต่ก่อนเกิดการกลายพันธุ์ ลู่หยวนได้รับข้อความไม่มากนักและส่วนใหญ่ส่งมาจากเซียกวง เจียฮุยดูออกว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับลู่หยวน ดูเหมือนว่าตอนนี้เซียกวงจะกลายเป็นศัตรูของเธอซะแล้ว ถึงแม้ว่าลู่หยวนไม่ได้สนใจเซียกวงก็ตาม
ซีซี่มุ่ยปาก เธอดูไม่พอใจและไม่สบายใจ สายตาของเธอมองไปที่เซียกวง ขณะที่เจียฮุยทำความสะอาดห้องให้เธออยู่ เธอมองดูลู่หยวนอุ้มเซียกวงไปที่เตียงและถอดเสื้อคลุมของเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะห่มผ้าให้เธออย่างนุ่มนวล ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถซ่อนความคิดของเธอได้อีกต่อไป เธอพูดโพล่งออกไป“พี่ลู่เธอเป็นอะไรกับคุณ?”
"ฉันไม่ได้บอกหรือว่าเธอเป็นเพื่อนเก่าของฉัน?" ลู่หยวนตอบโดยไม่หันกลับไปมองเธอ
"ฉันมันไม่ได้หมายความอย่างนั้น คุณดูเหมือนจะชอบเธอ คุณอ่อนโยนกับเธอ ฉันคิดว่าคุณชอบฉัน? คุณจะชอบคนอื่นได้ยังไง?"
ความรู้สึกของที่ลู่หยวนมีต่อเซียกวงนั้นซับซ้อนมาก การมีสาวสวยคอยดูแลคิดถึงคุณเป็นความรู้สึกไม่สามารถอธิบายได้
ก่อนเรื่องจะเกิดขึ้น พวกเขาได้ทำงานในบริษัทเดียวกัน อัตลักษณ์ที่ดีของลู่หยวน นิสัยที่น่าคบหา ความมั่นใจ ควบคู่กับความขยันของเขาได้ดึงดูดความสนใจของผู้หญิงจำนวนมาก เซียกวงเองก็ประทับใจเขาและเช่นเดียวกันเขาก็ประทับใจเซียกวงความรู้สึกนี้มันเรียกได้ว่าคลื่นตรงกัน(?) อย่างไรก็ตามความแตกต่างในด้านฐานะครอบครัวของพวกเขาทำให้เขาตัดสินใจที่จะอยู่ห่างจากเธอ เขาไม่ต้องการเกาะคนรวยเพื่อหน้าที่การงานคนอื่น
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะยึดติดเขาขนาดนี้ มันทำให้เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ปัจจุบัน
เขามองอย่างหน่าย ๆ ในขณะที่พูดว่า "ระวังอย่าให้เจียฮุย ได้ยิน"
ซีซี่อ้าปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากเงียบไปชั่วขณะเธอก็พูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า 'ได้ยินไปเถอะฉันไม่กลัวหรอก'