spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 121: การพบกันอีกครั้ง
ลู่หยวนเดินแหวกกอหญ้าด้านหน้าออกไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาก็พบร่องรอยของถนน ทางที่ทำจากหินปูพื้นและปูนซีเมนต์ถูกทำลายโดยหญ้าพวกนั้นจนเกือบจะกลายเป็นดิน ถ้าเขาไม่เห็นเศษซากของหินปูถนนและปูนซีเมนต์ที่ปนอยู่กับดิน เขาคงไม่สามารถแยกแยะเส้นทางเดิมออกจากดินธรรมดาได้
เขาค่อย ๆ เดินไปยังใจกลางเมืองและถางทางไปด้วย ในไม่ช้าเขาก็เห็นบ้านหลังแรก เขาไม่สามารถเห็นหมายเลขของมันได้เนื่องจากอาคารทั้งหลังถูกห่อหุ้มด้วยเถาวัลย์และพืชพันธ์ไม่เลื้อยต่าง ๆ นา ๆ พื้นทุกตารางนิ้วถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ
งูสีดำหลายตัวค่อย ๆ เลื้อยออกมาจากกอเถาวัลย์และชูคอขู่ลู่หยวน
ลู่หยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเดินไปที่บ้านหลังนั้นอย่างช้า ๆ ต้องขอบคุณรังสีสังหารที่แผ่ซ่านออกจากตัวเขา งูดำและสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่ตอนแรกซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ อาคารได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พื้นที่ในรัศมี 10 เมตรรอบตัวเขาก็กลายเป็นที่ที่เงียบสงบมาก
หยวนหยวนหยิบเอาดาบฟันขาม้าออกมาและจัดการถางพืชต่าง ๆ รอบ ๆ บ้านออก
บ้านที่เต็มไปด้วยรอยร้าวและผุพังไปบ้างแล้วเปิดเผยตัวออกมา ถ้ามันไม่ได้เถาวัลย์คอยยึดไว้มันก็คงถล่มลงไปนานแล้ว
"หมายเลข 5 นี่คือบ้านหลังที่ 5 ข้อความของหวังเซียกวง บอกไว้ว่ามันเป็นบ้านหลังที่ 18 ถ้าเรียงตามตัวเลขก็น่าจะอยู่แถว ๆ นี้ ที่ไหนสัก "ลู่หยวนกล่าว
เขาเดินผ่านบ้านอีกสองสามหลังอย่างรวดเร็ว บ้านทั้งหมดเต็มไปด้วยพืชไม้เลื้อยทำให้มองไม่เห็นสภาพความหรูหราที่เคยมี รังสีสังหารของเขาถูปล่อยออกมาตลอดเวลา ดังนั้นสัตว์กลายพันธุ์จึงไม่กล้าเข้ามาใกล้เขา
เขาตรวจสอบหมายเลขบ้านไปเรื่อย ๆ สองชั่วโมงต่อมาในที่สุดเขาก็พบบ้านหมายเลข 18
ลู่หยวนเกิดอาการกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตัดเถาวัลย์ที่ขวางทางอยู่ เผยให้เห็นประตูที่ใกล้จะหลุดออกมาเต็มที ขณะที่เขาเดินเข้าไปภายในบ้านกลิ่นเหม็นสาบรุนแรงก็ปะทะหน้าของเขา กำแพงเต็มไปด้วยรอยแตกเหมือนใยแมงมุม เฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งหมดอยู่ในสภาพผุกร่อน พื้นหินอ่อนถูปกคลุมไปด้วยตะไคร่และแม้แต่โคมไฟเพดานก็มีมอสขึ้นอยู่รอบ ๆ ที่นี่ดูราวกับว่าไม่มีคนอาศัยอยู่มานานหลายศตวรรษแล้ว
ลู่หยวนใช้จิตสัมผัสของเขาเพื่อดูพื้นที่ชั้นใต้ดินของบ้าน หัวใจของเขาหล่นวูบทันที
ไม่มีใคร ที่นั่นไม่มีใครเลย
คะแนนจิตสัมผัสทั้ง 14 จุดช่วยให้เขารู้สภาพแวดล้อมทุกอย่างภายในรัศมี 50 เมตรได้แม้ว่ามันจะอยู่ใต้ดินก็ตาม หากไม่มีโลหะหรือแร่อะไร จิตสัมผัสของเขาสามารถตรวจสอบใต้ดินได้มากกว่า 10 เมตรเสียอีก
ตราบเท่าที่เขาใช้จิตสัมผัสของเขา ไม่มีอะไรที่อยู่รอบ ๆ บ้านสามารถหลบมันได้
แต่เขาไม่เห็นอะไรเลย มันมีชั้นใต้ดิน แต่ก็เล็กเกินไปและส่วนใหญ่ใช้เป็นโรงเก็บเหล้า ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ของที่มีประโยชน์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเอาทุกอย่างไปด้วยเมื่อพวกเขาออกจากบ้านหลังนี้ไป
ลู่หยวนรู้ว่าข้อความของหวังเซียกวงส่งมานานก่อนที่จะมีการโจมตีจากกลุ่มสัตว์ยักษ์และยุงกลายพันธุ์ ทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันยาวนานเช่นนี้
ครอบครัวของเธอนั้นรวยและเงินแก้ได้ทุกปัญหา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้าพวกเขาย้ายไปหลบภัยอยู่ใต้ดิน
"น่าจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง" ลู่หยวนคิดว่าทีหลบภัยใต้ดินพ่อของหวังเซียกวง อาจไม่ได้สร้างด้วยตัวคนเดียว แต่น่าจะสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือกับเพื่อนอีกสองสามคนของเขา ดังนั้นมันอาจจะไม่อยู่ภายใต้บ้านของเขา อาจจะเป็นที่อื่น
ในช่วงการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่มากล้น ทุกอย่างแพงเกินไปสำหรับคนทั่วไปและสินค้าบางประเภทได้รับการจดทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการควบคุมตามยุทโธปกรณ์สงคราม ดังนั้นเศรษฐีธรรมดาๆ น่าจะไม่สามารถสร้างฐานใต้ดินได้
ขาของเขาบังเอิญสะดุดกับอะไรบางอย่าง เขาก้มลงไปดูและหยิบมันขึ้นมา มันเป็นกรอบรูปที่หัก ภาพภายในภาพค่อนข้างเบลอ แต่ลู่หยวนรู้ว่ามันเป็นรูปของหวังเซียกวง
เขานึกถึงนิสัยของหวังเซียกวงและข้อความล่าสุดที่เขาได้รับ เขารู้สึกดีขึ้นมา ขณะที่เดินอย่างรวดเร็วไปยังชั้นสอง ด้วยความช่วยเหลือของจิตสัมผัส เขารีบเปิดประตูห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของหวังเซียกวงเขาเห็นบางอย่าง มันเป็นกระดาษที่ถูกห่อด้วยพลาสติกใสวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนและมีที่ทับกระดาษว่าทับไว้
ลู่หยวนหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน ลายมือที่สวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย มันเป็นลายมือของเธอ
‘ฉันรอคุณอยู่สองสามวัน แต่คุณไม่ได้มาและไม่ตอบข้อความของฉัน ฉันพยายามโทรหาคุณแล้ว แต่โทรศัพท์ของคุณปิดอยู่
คุณเป็นอย่างไรบ้าง?
ยุงกลายพันธุ์ได้ฆ่าคนเป็นจำนวนมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทุกคนตื่นตระหนกและหลายคนตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ที่ฐานใต้ดินเพื่อหลบภัย ครอบครัวและฉันก็ด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันฝากข้อความนี้ไว้ ดังนั้นคุณสามารถมาหาฉันได้เมื่อคุณมาถึง
ฉันเพิ่งจะย้ายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันคิดถึงคุณทุกวัน ฉันเป็นห่วงคุณมากและฉันภาวนากับเจ้าแม่กวนอิมทุกวันให้คุณปลอดภัย
ทางเข้าฐานใต้ดินจะอยู่ด้านหลังของกระดาษนี้ บางทีคุณอาจไม่พบกระดาษนี้ แต่ฉันก็อยากจะเขียนมันด้วยความหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ’
หลังจากที่ลู่หยวนอ่านเสร็จเขายืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานด้วยความรู้สึกหน่วง ๆ จากนั้นเขาเก็บจดหมายลงไปในซองพลาสติกและนำติดตัวไปด้วย
เขาหยิบขึ้นมาดาบฟันขาม้าขึ้นมาและรีบวิ่งออกไปจากบ้าน
ทางเข้าฐานใต้ดินอยู่ใต้ศาลากลาง อย่างไรก็ตามศาลาได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วและลู่หยวนใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อตามหามันท่ามกลางดกพืชที่หนาทึบ
เขาขจัดวัชพืชต่าง ๆ และซากปรักหักพังทั้งหมดออกไปจนพบฝาท่อที่ปิดอยู่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางท่อคือ 1.5 เมตร เขาใช้จิตสัมผัสของเขาและพบว่ามีคนอยู่ประมาณ 100 คน ลู่หยวนไม่สามารถบอกได้ว่าใครคือหวังเซียกวงแต่เขาเชื่อว่าเธออยู่ที่นั่น
เขาดึงฝาปิดโลหะออกและพบบันไดปูน
บันไดดูค่อนข้างชื้นและมีคราบเลือดติดอยู่หลายแห่ง เห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นบ้าง
เมื่อบันไดที่ยาว 30 ขั้นสิ้นสุดลงก็เผยให้เห็นประตูเหล็กหนาอยู่ด้านหน้าเขา มาตรการป้องกันที่นี่ค่อนข้างแน่น ลู่หยวนรับรู้ได้ราง ๆ ว่ามีประตูทั้งหมดสามบานแต่ละบานหนาประมาณ 30 เซนติเมตร
เขาดึงดาบฟันขาม้าออกมา แต่เขาก็เก็บมันกลับไปในวินาทีต่อมา เขาตระหนักได้ว่าการทำลายประตูอาจไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเท่าไหร่ การกระทำของเขาอาจทำให้เกิดความโกรธได้โดยเฉพาะเวลาที่เกิดภัยพิบัติเช่นนี้
เขาใช้ด้ามจับของดาบเพื่อเคาะประตู ไม่กี่นาทีต่อมามีเสียงดังที่ฟังเหมือนโลหะสองอันกระทบกันดังขึ้นและมีลำโพงขนาดเล็กสองคู่ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู ลู่หยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"คุณมาที่นี่ได้อย่างไร? ทำไมคุณถึงมาที่นี่ ? "
ลู่หยวนคิดว่าน่าจะมีกล้องสังเกตการณ์เขาอยู่
"ฉันกำลังตามหาคนคนหนึ่ง เธอชื่อหวังเซียกวงเธออยู่ข้างในหรือเปล่า เธออายุ 21 ปีและสูง 1.65 เมตร "
"ไม่มีเธอไม่ได้อยู่ที่นี่" ชายคนนั้นปฏิเสธด้วยความอดทน
"คุณแน่ใจหรอ ? บางทีคุณอาจจะไม่รู้จักเธอ ทำไมคุณไม่ลองถามคนอื่นดูล่ะ? "หัวใจของลู่หยวนเต้นรัว
"เกิดอะไรขึ้นกับสมองของคุณ? ผมบอกคุณแล้วไม่ ไปซะ เราจะไม่เปิดประตู "ชายคนนั้นพูดอย่างหมดอดทน
แม้ว่าลู่หยวนจะไม่อยากมีปัญหา แต่คาดว่าไม่มีก็ไม่น่าจะได้แล้ว เพราะตอนนี้เขาโกรธมาก เขาจ้องเขม็งไปที่กล้องอย่างดุเดือดในขณะที่พูดว่า " ผมจะถามอีกครั้งว่าคนที่ผมตามหาอยู่ในนั้นไหม"
ชายคนนั้นตกใจ เขาตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย "มันไร้ประโยชน์ที่จะถามอีกครั้ง ผมมาที่นี่เป็นเวลานานแล้ว และผมไม่เคยได้ยินเรื่องผู้หญิงที่ชื่อว่าหวังเซียกวง"
ลู่หยวนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด "เปิดประตูผมอยากตรวจสอบดูด้วยตัวเอง" เขาพูดด้วยเสียงต่ำ
"เราจะไม่เปิดประตูไม่ว่าคุณจะพูดอะไรก็ตาม ไปให้พ้น "ชายคนนั้นกล่าว
"อย่างนั้นผมจะเปิดมันเอง" ลู่หยวนส่ายหัว เขาไม่ได้ต้องการที่จะใช้ความรุนแรง เขาเอาดาบฟันขาม้าแทงเข้าไปตรงประตูและผ่ามันออก จากนั้นเขาก็ดึงประตูที่หนึ่งเปิดออกและเตรียมพร้อมที่จะพังประตูบานที่สอง
ชายคนนั้นคิดว่าลู่หยวนพูดเล่น แต่เมื่อเห็นเขาเปิดประตูแรกได้อย่างง่ายดายเหมือนตัดเต้าหู้เขาตะโกนว่า "หยุดเถอะ หยุดก่อน! ผมจะเปิดประตูเดี๋ยวนี้แหละ! "
ลู่หยวนแสยะยิ้ม เขาหยุดการกระทำทั้งหมดและก้าวถอยหลังเล็กน้อย
สิบนาทีต่อมามีผู้ชายสิบคนออกมา ทันทีที่ประตูโลหะบานที่สองเปิดออก ปืนทั้งสิบกระบอกจ่อไปที่ลู่หยวน หัวหน้าของพวกเขาคือชายหนุ่มที่ดูหยิ่ง ๆ ร่างของเขาสูงโปร่งเขาสวมสูทที่ดูเหมาะกับตัวเขา
กระบอกปืนของเขาจ่อไปที่ลู่หยวนตลอดเวลา เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาลู่หยวนและพูดอย่างสุภาพว่า "ทำไมคุณไม่ใช้ทางที่แสนสบายเพื่อไปสวรรค์แต่เลือกที่จะเดินทางที่ยากลำบากเพื่อจะไปนรกแทนล่ะ? ดาบของคุณดูดีนี่ พอจะเป็นค่าชดเชยสำหรับการทำลายประตูของพวกเราได้ "
"เราจะพูดถึงเรื่องการชดเชยทีหลัง มีคนบอกว่าหวังเซียกวงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แกรู้หรือไม่ว่าเธออยู่ไหน? "ลู่หยวนสงบมากแม้ว่าเขาจะถูกล้อมด้วยกระบอกปืนก็ตาม
ชายหนุ่มคนหนึ่งปรบมืออย่างชื่นชมและพูดด้วยความมั่นใจว่า "ผมไม่เชื่อว่าจริง ๆ แล้วคุณเป็นคนที่รักสงบ แต่ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้วผมจะบอกคุณอีลูกกะ*ปิ๊ป*นั่นกำลังจะตายในตอนนี้ ผมให้เธออดอาหารไปสามวัน แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ทำไมเธอถึงดื้อรั้นขนาดนี้? มันทำให้ผมอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัด. "
ใบหน้าของลู่หยวนมืดครึ้มเขาปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งและน่ากลัวทำให้อากาศรอบตัวเขาลดลง ทุกคนรู้สึกอึดอัดและหายใจลำบาก เหงื่อเย็น ๆ ไหลหยดลงมาจากหน้าผากของพวกเขา
ชายหนุ่มเกิดอาการหวาดกลัว แต่ด้วยความที่มีคนมากกว่าทำให้เขากลับมาสงบอีกครั้ง เขาส่ายหัวและพูดว่า "หรืออยากจะลองดี"
ลู่หยวนเดินเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นด้วยที่ทีคุกคาม ในตอนที่กำลังตึงเครียดก็มีเสียงกระซิบรอดออกมาจากปากของลู่หยวน "คนโง่"
ชายหนุ่มคนนั้นเฝ้าดูลู่หยวนที่ก้าวเข้ามาใกล้อย่างมีเจตนาร้ายก่อนที่เขาจะตะโกนว่า "ยิง!"
เสียงของชายหนุ่มดังสะท้อนไปทั่ว เมื่อเลือดที่อบอุ่นและสดใสสาดกระเซ็นไปทั่ว ชายผู้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากที่สุดล้มลงไปเสียแล้ว ทุกคนทำตามสัญชาตญาณของตนเอง
ปัง ปัง ปัง
กระสุนจำนวนมากถูกสาดมั่วไปหมด พื้นที่มันแคบมาก ทำให้ผู้ชายเคราะห์ร้ายบางคนหวิดที่จะตายได้
ความแม่นยำในการยิงของชายคนนั้นต่ำมาก
หนึ่งในนั้นกำลังจะทำอะไรบางอย่าง แต่สายไปแล้ว เขาพึ่งตระหนักได้ว่าลู่หยวนหายตัวไปจากที่ที่เขายืนอยู่ในตอนแรก ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงความหนาวเย็นจากด้านหลังของเขา ก่อนที่จะได้ตอบสนอง เขาก็รู้สึกว่าหนาวเย็นไปทั่วศีรษะตามด้วยความรู้สึกร้อนดุจเพลิงโลกัณฑ์ ความเจ็บปวดที่เกินบรรยายแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา เขาพยายามที่จะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขาไม่สามารถทำได้
ก่อนที่ชายคนนั้นจะร่วงลงไปจูบพื้นลู่หยวนก็หายตัวไปอีกครั้ง
พื้นที่แคบ ๆ อัดแน่นไปด้วยผู้ชายหลายคนมีพื้นที่เหลือแทบไม่พอจะขยับตัว ลู่หยวนสามารถจบชีวิตคนห้าคนได้ในพริบตา เลือดจากคอของศพทั้งห้าสาดกระเซ็นดั่งใบไม้ร่วงหล่นจากต้นในฤดูใบไม้ผลิ สร้างความหวาดกลัวให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่
ทุกครั้งที่เขาตะหวัดมีดของเขาจะต้องมีคนตายลง คนพวกนี้เป็นเพียงคนปกติ พวกเขาอาจมีปืน แต่ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาแย่กว่าลู่หยวนมาก
นอกจากนี้พวกเขาได้ซ่อนตัวอยู่ในฐานใต้ดินและได้รับการตัวขาดจากโลกภายนอกเป็นระยะเวลานาน เป็นผลให้พวกเขาไม่ทราบว่ามนุษย์สามารถมีความสามารถเช่นนี้ได้
พวกเขาหาลู่หยวนไม่เจอ ลู่หยวนเร็วเกินไป ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่ในสถานที่เดิมเกินหนึ่งวินาทีหลังจากที่เขาฆ่าคน ความกลัวที่รุนแรงก่อให้เกิดความสับสนในหมู่มนุษย์ กระสุนปืนถูกยิงอย่างมั่วทิศทางทำให้เพื่อนตนเองบาดเจ็บก็เท่านั้น
ทางเดินทั้งหมดดูเหมือนห้องทรมาน เมื่อเห็นเพื่อนผู้ชายอีกคนล้มลงความกล้าหาญและความเชื่อมั่นของชายหนุ่มก็ทรุดฮวบเหมือนอาคารไม้ที่กำลังพังทลาย ใบหน้าของเขาซีดลงขณะที่เขาพยายามวิ่งหนีกลับเข้าไปในฐานใต้ดิน
ลู่หยวนวิ่งผ่านเขาไปและพลิกมีดฟันเข้าที่กลางลำตัวของชายหนุ่ม เครื่องในของเขาทะลักออกมาทันที ชายหนุ่มกรีดร้องทุรนทุรายและทรุดตัวลงบนพื้นเพื่อเก็บเครื่องในของเขาและพยายามยังมันกลับเข้าไปในร่างกาย เขาดิ้นรนอย่างน่าสมเพช
ลู่หยวนไม่ใช่คนที่โหดร้าย แต่ตอนนี้เขาโกรธมาก
เขาเหลือบมองชายหนุ่มแล้วหันกลับไป เขาเดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว มีเสียงกรีดร้องและคำสาปแช่งดังมาจากเบื้องหลังเขา
คนที่อยู่ในฐานได้ยินเสียงรบกวนข้างนอกและซ่อนตัวอยู่ในห้อง แม้ว่าจะมีบางคนกล้าหาญเปิดประตูออกมาแอบมองลู่หยวนแต่เมื่อหลู่หยวนมองพวกเขากลับไปพวกเขาก็ปิดประตูทันที ตอนนี้ลู่หยวนเป็นดั่งปีศาจในใจทุกคน
ฐานใต้ดินนี้ใหญ่มาก มันสูง 5 เมตรและกว้านนับล้านตารางเมตร ต้องพยายามอย่างมากที่จะสร้างมัน พื้นที่ทั้งหมดสว่างไสวและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เช่น ห้องคาราโอเกะ ห้องสมุด ยิม สนามยิงปืน มีห้องเต้นรำและห้องซาวน่า ลู่หยวนรู้สึกแปลกใจกับสถานที่แบบนี้
คนเหล่านี้สะดวกสบายมากเกินไป พวกเขาไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย
ลู่หยวนเดินผ่านสถานที่ต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว เขาดูเหมือนเดินผ่านมันไปเฉย ๆ แต่ความจริงคือเขาใช้จิตสัมผัสตรวจดูสภาพของแต่ละห้องแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เดินไปที่หน้าประตูไม้แล้วใช้ดาบฟันขาม้าผ่าประตูทิ้ง
เขารีบเดินเข้าไปในห้อง เขาตกใจเมื่อพบหวังเซียกวงนอนอยู่บนเตียงแต่ตาของเธอไม่ได้หลับ เธอดูแย่มากและใบหน้าที่เคยสมบูรณ์ของเธอก็ซูบลงมาก เมื่อลู่หยวนรู้ว่าหน้าอกของเธอยังเคลื่อนไหวขึ้นและลงเล็กน้อยเขารู้สึกโล่งใจ
เขาเขย่าตัวเธอเล็กน้อย หวังเซียกวงรู้สึกว่าใครบางคนกำลังจับเธอไว้และเธอต่อสู้กับตัวเองเพื่อไม่ให้ดวงตาปิดลง เธอลืมตาขึ้น
เธอคิดว่าเธอกำลังมีอาการประสาทหลอน ทุกอย่างดูเหมือนไม่ใช่ความจริง เธออยากจะสัมผัสใบหน้าของเขา แต่เธอลังเล
ลู่หยวนรู้สึกหดหู่ขณะที่ปลอบโยนเธอ "ไม่เป็นไรทุกอย่างจะดีขึ้น"
"ฉันฝันเหรอ?" หวังเซียกวงถาม เธอดูเหมือนคนละเมอพูดมากกว่า
"ลองจับตัวฉันดู" ลู่หยวนกล่าว
หวังเซียกวงส่ายหัว เธอจ้องมองที่เขาขณะที่เธอพูดเบา ๆ "ฉันได้ยินมาว่าคนจะเกิดอาการประสาทหลอนก่อนตาย ฉันกลัวว่าถ้าฉันรู้สึกตัวภาพหลอนนี่มันจะจบลงทันที "
ดวงตาของลู่หยวนอ่อนโยนลงเรื่อย ๆ แต่เขาก็ยิ้มอย่างปวดใจ "คุณโง่มาก มันไม่ใช่ความฝัน ผมมาหาคุณจริง ๆ "
หวังเซียกวงยิ้มอย่างอ่อนแรง เปลือกตาของเธอหนักขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับคนง่วงนอน
ลู่หยวนตกใจมาก เธอไม่ได้กินอะไรเป็นเวลานานแล้วการดิ้นรนนี้เป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของเธอแล้ว ลู่หยวนรู้สึกว่าลมหายใจของเธอค่อย ๆ เบาลง
เขาลุกขึ้นยืนและเตะประตูห้องข้าง ๆ คู่รักวัยกลางคนกรีดร้องเสียงดังและนำอาหารทั้งหมดให้เขาก่อนที่เขาจะข่มขู่เสียอีก
ลู่หยวนหยิบน้ำต้มเทใส่โจ๊ก ตอนที่เขากลับมาที่ห้องหวังเซียกวงเกือบจะหลับไปแล้ว
"อย่าพึ่งนอน ห้ามหลับนะ คุณต้องกินอะไรก่อน "ลู่หยวนเปิดฝาโจ๊กและตักมันขึ้นมาเป่าก่อนที่จะป้อนเธอ
เธอทานไปเพียงไม่กี่คำก็ค่อย ๆ เงียบลงและหลับไป
ลู่หยวนกังวลมากกับสภาพของเธอ เธออาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย อาหารปกติไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะฟื้นฟูร่างกายของเธอ เขาต้องการเนื้อสัตว์ที่ถูกดัดแปลงระดับสูง แต่เขาไม่สามารถหามันได้ในเวลานี้
แล้วเขาก็มีความคิด บางทีเลือดของเขาอาจช่วยได้ ร่างกายของเขากำลังยกระดับอย่างต่อเนื่องและระดับของเขาควรจะคล้ายกับสัตว์กลายพันธุ์สีฟ้าอ่อน ถ้าเขานับรวมพลังทั้งสองที่เขามีคือจิตสัมผัสและสติปัญญา ความสามารถโดยรวมของเขาน่าจะมากกว่ากิ้งก่ายักษ์
เขาก็เป็นเหมือนมนุษย์กลายพันธ์
ขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้หยิบดาบฟันขาม้าออกมาอย่างไม่ลังเล เขากรีดมือของเขาเบา ๆ และป้อนเลือนที่ไหลออกมาจากข้อมือให้ หวังเซียกวงและเธอกลืนมันลงไปแม้ไม่รู้สึกตัว
พลาสมาในเลือดของเขาเข้มข้นมากกว่าคนทั่วไปมาก เป็นผลให้เลือดจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายเลือดจากบาดแผลหยุดไหลอย่างรวดเร็ว
ลู่หยวนต้องกรีดข้อมือหลาย ๆ ครั้งทำให้เขามีบาดแผลมากมายบนผิวหนัง
หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีแก้มของหวังเซียกวงค่อยๆมีสีเลือดฝาดและการหายใจของเธอก็คงที่ ลู่หยวนรู้สึกโล่งใจ
ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นคนไม่กี่คนที่ยืนอยู่นอกประตู กำลังมองมาอย่างลังเล