spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 281: การตัดสินใจของนิกายตะวันม่วง
เจี้ยงเฉินมีชื่อเสียงโด่งดังในราชอาณาจักรทั้งสิบหก นอกเหนือจากภายในอาณาจักรนภาจันทร์ สิ่งที่เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับเจี้ยงเฉินก็ถูกสร้างขึ้นจากข่าวลือ
เนื่องจากเป็นเพียงข่าวลือและการนินทา หลายคนยังปฏิเสธที่จะยอมรับเจี้ยงเฉินอยู่ในใจ พวกเขาไม่เชื่อข่าวลือเหล่านี้ พวกเขารู้สึกว่าผู้คนกล่าวขานเรื่องราวของเจี้ยงเฉินเกินความจริง
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ รองประมุขของสองนิกายและประมุขของนิกายพฤกษาสวรรค์กำลังเชิญชวนเจี้ยงเฉินให้เข้าร่วมนิกายของตนต่อหน้าทุกคน โดยไม่สนใจถึงสถานะของตัวเอง !
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พูดในทางทฤษฎี การกระทำของพวกเขาไม่ได้ขัดต่อหลักเกณฑ์
กฏบอกว่าห้ามมีการโกงหลังจากการคัดเลือกรอบแรกได้เริ่มขึ้น
พวกเขาไม่ได้บอกว่านิกายไม่สามารถรับสมัครสาวกก่อนที่จะเริ่มการคัดเลือกรอบแรก มันถูกต้องและเหมาะสม ถ้ามีใครรู้จักคุณค่าของสิ่งที่มันวางอยู่ตรงหน้าและยินดีที่จะมอบรางวัลอันล้ำค่าให้แก่คนที่พวกเขาอยากให้เข้าร่วมนิกาย
แม้ว่าซี่เทียนชูจะรู้สึกอึดอัดใจ แต่เขาก็ยังเป็นประมุขของนิกาย
หลังจากถูกหวังตุยและเจี้ยงรั่วกดดัน เขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน "ดาบอันล้ำค่ามันคมได้เพราะถูกลับหลายครั้ง ผลพลัมที่ออกผลผ่านฤดูหนาวมีกลิ่นหอมมากกว่าเดิม แม้ว่าเจี้ยงเฉินได้พบกับความพ่ายแพ้บางอย่างในราชอาณาจักรนภาจันทร์ แต่นิกายของข้าก็คิดถึงอนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่านี้และอยากจะเดินหน้าทดสอบเขาให้มากขึ้น ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเจี้ยงเฉินเหมาะสมกับนิกายพฤกษาสวรรค์ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยกับสิ่งใด เราก็จะยอมเพื่อให้ได้ตัวเขามาเพราะเขาสำคัญมากสำหรับนิกายของเรา”
ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยกับอะไรก็ตาม
นี่เป็นคำพูดที่เอาจริงเอาจังมาก
หวังตุยและเจี้ยงรั่วมองหน้ากันเอง
ถ้านิกายพฤกษาสวรรค์ยอมทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อให้ได้ตัวเจี้ยงเฉินมา ข้อเสนอของพวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับสิ่งนั้นได้
รากฐานของเจี้ยงเฉินอยู่ในราชอาณาจักรนภาจันทร์ เส้นสาย, ความสัมพันธ์ของเขาก็มีอยู่เช่นกัน ถ้านิกายพฤกษาสวรรค์ไม่กังวลกับค่าใช้จ่ายในการรับตัวเขา พวกเขาก็จะมีข้อได้เปรียบที่ดี
หวังตุยกังวลมากขึ้น "เจี้ยงเฉิน เจ้ามีศักยภาพพิเศษในการเลี้ยงดูสัตว์วิญญาณ และสามารถพูดได้ว่าเจ้าคืออัจฉริยะที่หายากซึ่งเกิดขึ้นเพียงหนึ่งเดียวในรอบหนึ่งพันปี นิกายจิตมหัศจรรย์คือนิกายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเจ้า นิกายพฤกษาสวรรค์จะทำให้เจ้าเหี่ยวเฉาในเงามืด ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ช่วยเจ้า แต่พวกเขายังมองข้ามเจ้าไปด้วยเช่นกัน ทัศนคติเช่นนั้นเหมาะสมต่ออัจฉริยะหรือ? "
เจี้ยงรั่วไม่ยอมแพ้เช่นกัน นางกล่าวว่า "เจี้ยงเฉิน บางทีศักยภาพของเจ้าไม่ได้จำกัดเฉพาะการเลี้ยงสัตว์วิญญาณ นิกายวายุคลั่งของเราคือผู้เชี่ยวชาญในการเปิดเผยพรสวรรค์ที่ถูกซ่อนอยู่ บางทีอาจมีศักยภาพและพลังอันยิ่งใหญ่อื่น ๆ ซ่อนอยู่ภายในตัวเจ้า ในสิบหกอาณาจักรมีเพียงนิกายวายุคลั่งที่สามารถค้นพบศักยภาพอันสูงสุดของเจ้าได้ "
คำพูดของทุกคนต่างสมเหตุสมผล
พวกเขาแต่ละคนเน้นข้อดีของตัวเองและพูดจาอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยราวกับว่าดอกไม้กำลังร่วงหล่นจากฟากฟ้า
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่สำคัญของเจี้ยงเฉินคือนิกายพฤกษาสวรรค์ เขายอมเข้าร่วมในการคัดเลือกเนื่องจากทรัพยากรโอสถวิญญาณของนิกายนั้น
แม้ว่านิกายจิตมหัศจรรย์จะแข็งแกร่งมากในการฝึกสัตว์วิญญาณ แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถเรียนรู้ได้มากจากพวกเขา
เป็นความจริงที่ว่านิกายวายุคลั่งมีฝีมือในการค้นพบศักยภาพ แต่เจี้ยงเฉินรู้ดีว่าศักยภาพของเขามีเท่าไหร่และยิ่งตระหนักถึงข้อได้เปรียบของตัวเอง
ความกังวลของเขาไม่ใช่วิธีการค้นพบความสามารถ แต่เขาก็มีมากเกินไป
ส่วนนิกายตะวันม่วง มันไม่เคยมีอยู่ในหัวของเขา ไม่ว่ามันจะเลิศเลอแค่ไหน
เขาได้ตัดสินใจเลือกนิกายพฤกษาสวรรค์มานานแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะประกาศถึงแนวโน้มของเขาในขณะนี้
การทำเช่นนี้จะทำให้นิกายพฤกษาสวรรค์ไม่เห็นคุณค่าในตัวเขา พวกเขาได้เชิญเขาเพียงครั้งเดียวและทันทีที่พวกเขากวักมือ เขาก็รีบวิ่งเข้าหาโดยเร็วที่สุด
สิ่งนี่ไม่เหมาะกับบุคลิกของเจี้ยงเฉิน
ถ้าเขาจะเข้าร่วมนิกาย พวกเขาจะต้องต่อสู้กันเพื่อเป็นเกียรติ
เพียงแค่ประมุขของนิกายมาปรากฏตัวงั้นหรือ ?
เจี้ยงเฉินไม่สนใจกับเรื่องนี้เลย ท่านเป็นประมุขของนิกาย แต่มันไม่ได้เป็นสายเกินไปสำหรับท่านหรือที่จะแสดงความจริงใจในตอนนี้?
ท่านอยู่ที่ไหนกัน เมื่อตอนที่ตระกูลเหล็กสร้างปัญหาให้กับข้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ท่านต้องการให้ข้าวิ่งไปหาท่านด้วยความกตัญญูตอนนี้ เพราะท่านมาที่นี่เพื่อแสดงตัวเช่นนั้นหรือ?
คิดดูอีกครั้ง!
เนื่องจากเจ้านายของนิกายพฤกษาสวรรค์คือบรรพบุรุษพันใบ เขาต้องเป็นคนที่มาเสนอคำเชิญด้วยตัวเอง !
นอกจากนี้เจี้ยงเฉินไม่ต้องการให้มีข่าวลือว่าเขาจะเข้าไปในนิกายโดยใช้ประตูหลัง
ข้า เจี้ยงเฉิน จะเข้าร่วมนิกายด้วยความสามารถของตัวเอง ซี่เทียนชูไม่จำเป็นต้องเล่นบทเป็นคนดีในขณะนี้?
.......
ในที่ซึ่งบรรพบุรุษรวมตัวกัน อยู่นอกเหนือจากนักล่าตะวัน อีกสามคนต่างก็งงงวยสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น ไม่มีใครยืนขึ้นเพื่อคัดค้าน
มันน่าจะเป็นเรื่องน่าหัวเราะหากบรรพบุรุษทั้งสามก้าวออกไปต่อสู้กับแย่งชิงตัวศิษย์สามัญ แม้ว่าเจี้ยงเฉินจะทิ้งความประทับใจไว้ในตัวพวกเขา แต่สิ่งต่าง ๆ ยังไม่ก้าวหน้าไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการคัดเลือก ด้วยตำแหน่งของพวกเขาในฐานะบรรพบุรุษของอาณาจักรต้นกำเนิด พวกเขาจะไม่ก้าวออกไปสู้แย่งชิงตัวศิษย์
แม้ว่าการกระทำของเจี้ยงเฉินค่อนข้างน่าทึ่งและมีท่าทางที่สะดุดตา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่พิเศษบางอย่าง แต่ในขั้นตอนปัจจุบันบนเส้นทางเต๋าศิลปะการต่อสู้ พวกเขาได้เห็นสิ่ง ๆ ต่างมามากแล้ว
พวกเขาได้เห็นอัจฉริยะที่มีศักยภาพมากมาย
ถึงกระนั้นมีกี่คนกันที่สามารถไปถึงอาณาจักรต้นกำเนิดนี้ได้ในที่สุด?
มีเพียงพวกเขา 4 คนที่ปรากฏตัวในเกือบพันปีเท่านั้น
แม้ว่าพวกเขากระหายในตัวผู้มีพรสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังเชื่อใจเฉพาะสายตาของพวกเขาเท่านั้นเพื่อเป็นหลักฐานและปรารถนาที่จะสังเกตความสามารถที่แท้จริงของบรรดาอัจฉริยะต่าง ๆ ผ่านการคัดเลือกรอบแรก
นักล่าตะวันแห่งนิกายตะวันม่วงขมวดย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นฉากนี้
อีกสามคนได้ส่งประมุขของนิกายหรือรองประมุขของพวกเขา และมีเพียงผู้บริหารระดับสูงของนิกายตะวันม่วงเท่านั้นที่ไม่อยู่ที่นั่น
นี้ทำให้บรรพบุรุษนักล่าตะวันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แม้ว่าพวกเจ้าจะให้ความสำคัญกับหนุ่มคนนั้นมาก อย่างน้อยควรเก็บอาการสักหน่อยไม่ใช่รึ? สาวกสามัญ 400,000 คนอยู่ตรงนั้นหมายความว่ามีดวงตาถึง 400,000 คู่
พวกเขาคิดอะไรเกี่ยวกับนิกายของเรา เมื่อพวกเขาเห็นว่าทั้งสามคนมีความกระตือรือร้นต่อชายหนุ่มคนนี้?
คนอาจจะคิดว่านิกายตะวันม่วงหยิ่งเกินไป.
"ฉีเค่อ เกิดอะไรขึ้นที่นั่น?" บรรพบุรุษนักล่าตะวันอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความทางจิตให้กับประมุขของนิกายตะวันม่วง อาวุโสฉีเค่อ
อาวุโสฉีเค่อรู้สึกอึดอัดมากเมื่อได้เห็นฉากนี้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการรับสมัครเจี้ยงเฉิน แต่เมื่อเขาได้ยินถึงความบาดหมางระหว่างเจี้ยงเฉินกับฝ่ายชูหยู่ของนิกายแล้ว เขาก็ต้องถอนใจกับความติดนั้น
เจี้ยงเฉินคนนี้มาจากอาณาจักรตะวันออกและมีความอาฆาตกับอัจฉริยะหลงยู่ซื่อจากกลุ่มชูหยู่ !
เมื่อเขาได้ยินชื่อ "หลงยู่ซื่อ" ฉีเค่อรู้ว่าไม่มีหวังให้เจี้ยงเฉินเข้าร่วมนิกาย
แม้ว่าจะน้อยกว่าสองปีนับตั้งแต่ที่หลงยู่ซื่อเข้ามาในนิกาย ชูหยู่ได้ใช้ความพยายามอันยิ่งใหญ่ในการผลักดันหลงยู่ซื่อจากจุดสูงสุดของพลังลมปราณฉีจนนางก้าวเข้าสู่อาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีเมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา !
หลงยู่ซื่อ สาวอัจฉริยะอายุต่ำกว่า 20 ปี อยู่ในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีเรียบร้อยแล้ว !
นี้ไม่ได้บอกว่านิกายตะวันม่วงขาดอัจฉริยะที่มีระดับของการฝึกอบรมขั้นนี้ หลงยู่ซื่แตกต่างกับคนอื่น นางเข้าร่วมนิกายไม่ถึง 2 ปี นางสามารถพัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ
ข้อได้เปรียบของร่างฟีนิกซ์ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของนิกาย ผลักดันหลงยู่ซื่อไปข้างหน้าในอัตราที่อัจฉริยะระดับแนวหน้าคนอื่นภายในนิกายสามารถทำได้เพียงประหลาดใจเท่านั้น
แม้ว่าระดับการฝึกอบรมของนางไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของอัจฉริยะในนิกาย ศักยภาพของนางแข็งแกร่งมาก ทุกคนตระหนักดีว่าการคัดเลือกรอบสองจะใช้เวลาถึง 3 ปี
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา การฝึกอบรมของหลงยู่ซื่อได้เพิ่มขึ้นมาก!
ความคาดหวังของอาวุโสชูอยู่คืออย่างน้อยที่สุดนางต้องอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพี หมายถึงอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับ 6
และนั่นเป็นเพียงค่าที่ต่ำที่สุดของนางเท่านั้น
ศักยภาพที่น่าทึ่งเช่นร่างฟีนิกซ์สวรรค์ ถ้านางได้รับทรัพยากรเพียงพอและได้พบเจอกับโชคชะตาที่ดีภายใน 3 ปีนี้ เป็นไปได้ว่านางสามารถตัดผ่านไปยังอาณาจักรปราณจิตวิญญาณนภา
นางสามารถพัฒนาต่อไปในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณนภาได้เช่นกัน
ร่างฟีนิกซ์สวรรค์ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่พบได้เพียงคนเดียวในหลายร้อยปี นางเกิดมาเพื่อเต๋าศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง ศักยภาพของนาง, ความสามารถในการเข้าใจ, สายเลือดของนาง, ทั้งหมดทำให้นางสามารถใช้ทักษะและวิธีการต่าง ๆ เช่นปลาได้น้ำ เมื่อนางประสบความสำเร็จในการฝึกฝนพวกมันให้สมบูรณ์แบบ พลังของนางก็จะยิ่งสูงส่งกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน
แม้ว่าหลงยู่ซื่อตอนนี้อยู่ในระดับปราณจิตวิญญาณระดับ 4 เท่านั้น ผู้บริหารระดับสูงของนิกายตะวันม่วงก็นับว่านางต้องเป็นหนึ่งในคนที่จะได้เข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้าย
นอกเหนือจากหลงยู่ซื่อ อีก 5 คนเกือบอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพี และยังมีบางคนที่อยู่ในระดับอาณาจักรปราณจิตวิญญาณนภา
หลงยู่ซื่ออยู่ที่ระดับปราณจิตวิญญาณระดับสี่เท่านั้นและได้รับการปฏิบัติเหมือนในฐานะที่เป็นอัจฉริยะชั้นแนวหน้าของนิกาย จากนี้ก็เห็นได้ชัดว่าศักยภาพของนางพิเศษแค่ไหน
เป็นเพราะเหตุนี้เมื่ออาวุโสฉีเค่อได้ยินถึงความบาดหมางระหว่างเจี้ยงเฉินและหลงยู่ซื่อ เขาจึงตัดใจเรื่องการรับเจี้ยงเฉิน
จริงอยู่ที่ว่าเจี้ยงเฉินมีชื่อเสียงมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่จากมุมมองของฉีเค่อกลเม็ดเล็กน้อยของคนที่มีพรสวรรค์ ก็ไม่อาจเทียบได้กับร่างฟีนิกซ์สวรรค์ของหลงยู่ซื่อ
ฉีเค่อจึงตอบอย่างตรงไปตรงมาเมื่อบรรพบุรุษถามเขา "บรรพบุรุษ เจี้ยงเฉินและหลงยู่ซื่อผู้มีร่างฟีนิกซ์สวรรค์ทั้งสองมาจากทางฝั่งตะวันออกและมีเรื่องอาฆาตแค้นระหว่างกัน เสือสองตัวไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้ เพราะฉะนั้นนิกายของเราก็ไม่อาจรับเจี้ยงเฉินเข้ามาได้"
นักล่าตะวันเข้าใจทันทีที่ได้ยินคำอธิบายนี้
เขาใส่ชื่อเจี้ยงเฉินไว้ในบัญชีดำของเขา ถ้าเขามีความอาฆาตกับหลงยู่ซื่อ เขาก็เป็นศัตรูของนิกายตะวันม่วง
บรรพบุรุษนักล่าตะวันยอมรับว่าศักยภาพของหลงยู่ซื่อทำให้เขาต้องการพานางมาเป็นสาวกที่แท้จริง
เขากำลังรอคอยให้หลงยู่ซื่อโผล่ออกมาจากฝูงชนในระหว่างการคัดเลือกที่ก่อนที่จะให้นางเป็นศิษย์ที่แท้จริง
ด้วยเหตุนี้เองความคิดของนักล่าตะวันจึงต่างไปจากคนอื่น และเขาก็นั่งลงเพื่อรับชมการทะเลาะวิวาทในขณะที่มองดูนิกายทั้งสามคนต่อสู้กันแย่งชิงตัวสาวกสามัญ เขาค่อนข้างดูถูกพวกเขา มันคุ้มค่าหรือกับการต่อสู้เพื่อใครบางคนที่ถูกลิขิตให้ตายในอีกไม่นาน ?
"ข้าขอพูดว่า พวกท่าน 3 คนส่งอาวุโสของนิกายไปเชิญชวนสาวกสามัญ พวกท่านไม่คิดหรือว่าพวกท่านกำลังเพิ่มความวุ่นวายโดยเปล่าประโยชน์และทำลายชื่อเสียงของนิกายของตัวเอง?" นักล่าตะวันหัวเราะเบา ๆ
บรรพบุรุษเก้าสิงโตของนิกายจิตมหัศจรรย์ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น "อาวุโสนักล่าตะวัน อย่าพูดเสียงดัง มันฟังดูน่ากลัว มีใครไม่รู้บ้างว่าเจี้ยงเฉินมีเรื่องอาฆาตปางตายกับอัจฉริยะคนหนึ่งของท่าน จึงทำให้ท่านไม่สามารถนำเขามาเข้าร่วมนิกายได้ ท่านปลีกตัวไปทำไมกัน? "
ท่าทีของบรรพบุรุษเก้าสิงโตดูไม่ค่อยเห็นด้วย เขาจึงเปิดโปงความน่าอับอายของบรรพบุรุษนักล่าตะวันอย่างไร้ความปราณี