spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 120 เขตอันเซีย
เลือดและเนื้อที่เต็มพื้นเมื่อสองวันก่อนถูกทำความสะอาดเรียบร้อย แต่ลู่หยวนยังคงได้กลิ่นของมันอยู่จางๆ
อาหารเย็นถูกจัดเตรียมและวางอยู่บนโต๊ะ ลู่หยวนวางดาบฟันขาม้าแล้วนั่งลง
ชามข้าวของเขาถูกเติมในทันที ลู่หยวนหิวโซทีเดียว เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบอวัยวะภายในของสัตว์กลายพันธุ์ขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วกลืนมันลงไป
หลายวันมานี้ เขาเจริญอาหารมากขึ้น ต้องขอบคุณการฝึกฝนที่หนักหน่วงของเขา ความแข็งแรงของเขาที่ก่อนหน้านี้ได้หยุดนิ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โดยทั่วไปแล้ว พลังงาน 13 แต้มคือขีดจำกัดของมนุษย์ ถึงแม้จะผ่านการฝึกที่หนักหน่วง ก็ยังขึ้นไม่ถึงพลังในระดับนั้น
นี่ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์หรือเทคนิคการฝึกที่แตกต่าง มันเป็นเพราะขนาดของร่างกายต่างหาก
ถ้าผู้ชายหนัก 75 กก.กับผู้ชายหนัก 150 กก.ผ่านการฝึกฝนที่เหมือนๆกัน ความแข็งแรงและพลังของพวกเขาจะแตกต่างกันมาก และความแตกต่างนั้นก็เป็นเพราะน้ำหนักของพวกเขา สำหรับคนที่มีร่างกายแบบลู่หยวน ค่าความแข็งแรง 12 แต้มนั้นก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีไหนก็ตาม
เหตุผลที่ความแข็งแรงของเขาเพิ่มขึ้นนั้นก็คือการวิวัฒนาการนั่นเอง
หลังจากที่เขาเริ่มกินได้ไม่นาน กระดาษสองสามแผ่นก็ปลิวผ่านประตูที่เปิดไว้เข้ามา
“ลมพัดพวกมันเข้ามาน่ะ” หวังซีซีพูดเรียบๆ
ลู่หยวนเหลือบมองแล้วพบว่ากระดาษนั้นดูใหม่ราวกับเพิ่งจะปริ้นท์ออกมา พวกมันดูไม่เหมือนกระดาษที่ถูกทิ้งซึ่งถูกลมพัดพามา ด้วยความสงสัย ลู่หยวนจึงวางชามข้าวลงแล้วเดินมาหยิบมันขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “ใบปลิวนี่!”
“ใบปลิวอะไรเหรอ?” หวงเจียฮุยถาม
“ดูซิ!” ลู่หยวนส่งต่อให้หวงเจียฮุย
“ประกาศถึงประชาชนชาวจีนทุกคน!
ประชาชนที่รักทุกท่าน เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันได้รุนแรงมากขึ้น ทางรัฐบาลจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องละทิ้งเขตทางตะวันออกกลางทั้งหมดและดำเนินการล่าถอยทั่วประเทศ นี่เป็นหนทางเดียวที่จะรักษาความแข็งแกร่งของมนุษยชาติเอาไว้ได้ และหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ รัฐบาลไม่สามารถที่จะส่งกองกำลังไปยังพื้นที่ที่ล่มสลายแล้วเพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้
ถ้ามีผู้รอดชีวิตคนใดที่โชคดีได้อ่านใบปลิวนี้ โปรดเผยแพร่ข่าวสารและพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน!
คณะกรรมการภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ”
หวงเจียฮุยอ่านทุกคำอย่างละเอียด ใบหน้าของเธอซีดขาว
ลู่หยวนหยิบใบปลิวขึ้นมาอีกแผ่นและอ่านมันอย่างระมัดระวัง ด้านหลังมีรูปภาพของแผนที่โลกที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ด้วยสีที่แตกต่างกัน พื้นที่ส่วนใหญ่ทาสีดำเอาไว้ มีบางพื้นที่ที่ทำเครื่องหมายสีแดง มีเพียงทางตะวันตกที่มีประชากรน้อยและสภาพอากาศไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัยเท่านั้นที่ถูกทำเครื่องหมายสีเหลือง
จังหวัดเจียงหนานทั้งจังหวัดเป็นสีดำ เป็นพื้นที่ที่ล่มสลายแล้ว
ดูเหมือนว่าโฮวตงจะคิดอะไรออกกะทันหัน เขาวิ่งไปที่ประตูอย่างตื่นเต้นและตะโกนว่า “เครื่องบิน! ใบปลิวต้องถูกโปรยลงมาจากเครื่องบินแน่!”
ลู่หยวนสะดุ้ง แต่เขาก็รีบวิ่งไปร่วมกับโฮวตงทันที
มีจุดสีขาวเงินบินร่อนอยู่กลางท้องฟ้าพร้อมกับใบปลิวจำนวนมากที่ปลิวไปทั่วทุกที่
“เฮ้! เราอยู่นี่! มีผู้รอดชีวิตอยู่ตรงนี้!” โฮวตงตะโกนพลางโบกไม้โบกมือราวกับคนบ้า
ไม่นานทุกคนก็เริ่มตะโกนจนกระทั่งเสียงแหบ
“พวกเขาไม่ได้ยินเรา งั้นต้องใช้ควัน! เฉินเชี่ยนฟง ไปเอาน้ำมันดีเซลที่ห้องใต้ดินมา!” ลู่หยวนตะโกน
“ไม่มีประโยชน์! ถ้ามันเป็นเครื่องบินที่ไม่มีคนขับล่ะ?” หวงเจียฮุยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครฟังเธอ เฉินเชี่ยนฟงรีบวิ่งไปที่ห้องเก็บของและเอาถังน้ำมันดีเซลออกมาถังหนึ่ง ลู่หยวนเอามันมาแล้วหมุนฝาเปิดออก เทน้ำมันลงบนพื้นแล้วจุดไฟ เมื่อไม่มีควันหนาทึบอย่างที่เขาต้องการออกมา ลู่หยวนก็ตะโกนขึ้นว่า “ไปเอาฟืนเปียกๆมา!”
เมื่อฟืนถูกโยนเข้าไป ควันสีดำหนาทึบก็เริ่มลอยขึ้น
พวกเขายืนเงียบๆอยู่นาน เฝ้ามองควันที่ลอยขึ้นไปในท้องฟ้า
ตอนกลางคืน ลู่หยวนเอาแต่พลิกตัวไปมา ดูเหมือนเขาจะนอนไม่หลับ เครื่องหมายสีดำที่บ่งบอกถึงความตายในใบปลิวคอยผุดขึ้นมาในใจของเขา ทำให้เขาเครียดและนอนไม่หลับ
เมืองค่อยๆถูกปกคลุมด้วยสีเขียว ตราบใดที่มีดินอยู่แม้เพียงเล็กน้อย พืชก็เติบโตขึ้นได้ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ พื้นที่หลายแห่งได้กลายเป็นป่าที่ซึ่งต้นไม้โตขึ้นอย่างแข็งแรงและมีพลัง ต้นหญ้าก็เริ่มโผล่ออกมาระหว่างรอยแตกของพื้นคอนกรีต
ตอนที่ลู่หยวนอยู่มัธยม เขาเคยอ่านบทความเรื่องดอกไม้ป่าที่เติบโตตรงหน้าผา บทความนั้นยกย่องชื่นชมความพยายามอุตสาหะของดอกไม้ป่าที่เจริญเติบโตงอกงามในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้ ในเวลานั้น เรื่องราวนี้ดูงี่เง่าน่าเบื่อ แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตัวเองกำลังหวาดกลัว
ทันทีที่สีเขียวปกคลุมเมืองนี้ทั้งหมด การกัดเซาะของรากจะทำให้การสูญพันธุ์ของมนุษย์เร็วขึ้นอีก และไม่ช้าทั้งเมืองก็พังทลายกลายเป็นเศษซากปรักหักพังอยู่ในป่า
“ทำไมเราไม่มุ่งหน้าไปทางตะวันตกกันล่ะ?” อยู่ๆหวงเจียฮุยก็ถามขึ้น
“ฉันทำเธอตื่นเหรอ?” ลู่หยวนถาม
“ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกัน” หวงเจียฮุยพูด ทันใดนั้นเธอก็หันมากอดลู่หยวน แล้ววางหัวลงบนหน้าอกของเขาก่อนจะพูดเสริมขึ้นว่า “เราอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ได้หรอก ทำไมไม่ไปจากที่นี่กันล่ะ?”
นี่เป็นครั้งที่สองที่หวงเจียฮุยยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ในการสนทนากันครั้งที่แล้ว ลู่หยวนปฏิเสธความคิดนี้ แต่ในครั้งนี้เขานิ่งเงียบ
หลังจากนิ่งอยู่นาน เขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำๆว่า “ข้างนอกอันตรายมาก อาจจะมีคนตาย บางทีอาจจะไม่มีใครไปถึงครึ่งทางเลยด้วยซ้ำ”
“เราอาจตายได้ก็จริง แต่เราก็อยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้ ฉันไม่อยากให้ลูกที่จะเกิดในอนาคตของเราโตขึ้นที่นี่ ตราบใดที่ยังมีความหวัง ถึงแม้จะริบหรี่แค่ไหน เราก็ไม่ควรยอมแพ้นะ” หวงเจียฮุยพูดเบาๆพร้อมกอดลู่หยวนแน่น
ลู่หยวนสะดุ้ง เขาเกือบกระโดดขึ้นจากเตียง “เธอท้องเหรอ?”
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องมีลูก เขารู้สึกเหมือนเด็กนักเรียนมัธยมที่แฟนสาวเพิ่งจะมาบอกว่าเธอท้อง ปฏิกิริยาแรกของเขาจึงไม่ใช่ความสุข แต่เป็นความกลัว นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว
หลังจากสังเกตเห็นปฏิกิริยาของลู่หยวน หวงเจียฮุยก็ถอนใจออกมาเบาๆ
เธอรู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันก็เพราะเซ็กซ์ ไม่ใช่ความรัก เธอแต่งงานมีลูกแล้ว ถึงแม้เธอจะเป็นคนสวย แต่นั่นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ลู่หยวนสามารถมีผู้หญิงที่สวยกว่านี้ได้ด้วยซ้ำ ความจริงแล้ว ถ้าลู่หยวนต้องการ เขาสามารถไปขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนไหนก็ได้
ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน เธอก็ไม่ขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม เธอก็อดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ หวงเจียฮุยฝืนยิ้ม “ดูนายกลัวเข้าซิ ฉันพูดว่าลูกที่จะเกิดในอนาคตนะ”
ลู่หยวนพลันรู้ตัวว่าเขามีปฏิกิริยารุนแรงเกินไป เขาจึงพูดเป็นเชิงขอโทษว่า “ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ก็แค่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะตั้งท้อง มันจะโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็ก พวกเขาจะต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้ายตั้งแต่เกิดเลยนะ”
ความคิดนี้กวนใจเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ตลอดชีวิต ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็ต้องไป เมืองเหอตงกำลังอันตรายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สัตว์กลายพันธุ์ที่ใหญ่กว่านี้สามารถวิวัฒนาการเมื่อไรก็ได้ การอยู่ที่นั่นก็จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
เขาหลับตาลง พลิกตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึก และพูดออกมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “งั้นก็มุ่งหน้าไปตะวันตกกัน เราจะออกเดินทางในอีกไม่กี่วัน”
เงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงไปตามถนนที่ว่างเปล่า
ลู่หยวนกระโดดข้ามตึกที่ล้มลงบนถนนแล้ววิ่งต่อไป เขาวิ่งเต็มฝีเท้าโดยไม่หยุดมา 1 ชั่วโมงแล้ว แต่ค่าร่างกาย 16 แต้มของเขาทำให้เขาไม่รู้สึกเหนื่อย ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็หยุดวิ่ง เขาถือแผนที่ที่ขาดรุ่งริ่งและมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เปรียบเทียบพื้นที่กับรูป สถานที่ที่เป็นจุดสังเกตหลายแห่งถล่มลง ถนนหลายสายก็ถูกปิดกั้น ถึงแม้จะมีแผนที่ ก็ยังยากที่จะระบุตำแหน่งได้ ลู่หยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพลางมองไปรอบๆอยู่นานก่อนจะยืนยันได้ว่านี่คือถนนฮัวหยวนในเขตตงกวง ยังเหลือระยะทางที่ต้องไปต่อก่อนจะถึงชุมชนอันเซียเกาชาง
สองสามวันก่อน ลู่หยวนเครียดมากจนเกือบจะลืมบางอย่างไป แต่พอเขากำลังจะไปถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าเขาได้รับข้อความจากหวังเซียกวง
บางทีคนที่คุณเมินเฉยที่สุดกลับเป็นคนที่ใส่ใจคุณมากที่สุด ลู่หยวนรู้สึกผิดต่อหญิงสาวคนนั้นอยู่เสมอ ก่อนจะจากเมืองเหอตงไป เขาก็ตัดสินใจว่าจะไปตรวจดูเธอสักหน่อย
เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะดึงความสนใจพวกสัตว์กลายพันธุ์ เขาจึงไม่พากิ้งก่ายักษ์มาด้วย แต่เดินทางมาเพียงลำพังแทน
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าสถานการณ์ที่นั่นเลวร้ายมาก ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่หรูหรา มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม เต็มไปด้วยสวนสาธารณะและต้นไม้สีเขียว ถึงแม้ว่าต้นไม้ทั้งหมดจะถูกกำจัดไปก่อนที่เมืองเหอตงจะล่ม พืชพันธุ์ต่างๆก็ยังเติบโตแข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อน และคลองขนาดใหญ่ที่คดเคี้ยวไปมาผ่านเขตนี้ก็ทำให้อันตรายมากยิ่งขึ้นไปอีก
หัวใจของเขาดิ่งวูบ เปรียบเทียบกับเขตตงกวนแล้ว ที่ๆลู่หยวนอยู่ตอนนี้ดูราวกับสวรรค์อันปลอดภัย
เขาไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าสัตว์กลายพันธุ์ที่นี่อยู่ที่ระดับไหน แต่พวกมันต้องแข็งแกร่งกว่าหนอนดินที่เขาเคยปะทะด้วยหลายเท่าอย่างแน่นอน เขาไม่เคยรู้สึกถึงออร่าที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน
ในที่สุดพวกสัตว์กลายพันธุ์ก็เริ่มวิวัฒนาการ ยังไม่มีใครรู้ว่ามีกี่ตัวกันแน่ที่วิวัฒนาการแล้วในเมืองเหอตงทั้งหมด
ลู่หยวนรู้สึกได้ถึงออร่าแปลกๆ ในใจของเขาตึงเครียด และเขาระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เขาออกจากพื้นที่ที่เขาเปรียบเทียบถนนในแผนที่ แล้วอีกประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงเขตอันเซีย
ประตูไฟฟ้าเหมือนโดนบางอย่างกระแทกเอา มันลอยห่างออกไป 10 เมตรและบิดเบี้ยวผิดรูป
ถึงแม้ที่นี่จะเคยเป็นพื้นที่ของชนชั้นสูง มันก็ไม่เหลือเค้าให้จำได้อีกต่อไป ต้นไม้ขึ้นหนาทึบจนเป็นป่า มีเสียงคำรามของสัตว์กลายพันธุ์ให้ได้ยินอยู่ไกลๆ แมลงกลายพันธุ์กลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์กำลังบินขึ้นลงผ่านป่า
ถนนที่พื้นถูกกลบฝังจนมิดใต้หญ้า ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของคอนกรีตให้เห็นแม้แต่น้อย ยกเว้นอพาร์ทเมนต์สูงที่ปกคลุมด้วยเถาวัลย์ซึ่งยังคงตั้งตระหง่านอยู่เหนือป่า ตึกที่เหลือล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้จนหมดสิ้น
มันดูเหมือนป่าดงดิบมากกว่าสวนสาธารณะชุมชน
ในใจของลู่หยวนพลันหนักอึ้ง เขาหวังว่าหวังเซียกวงจะยังมีชีวิตอยู่