spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 119 ชีพจรของโลก
เหยเก่อวิ่งหนีเอาตัวรอด เขากลัวมากจนเกือบจะเสียสติ เขารู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาเมื่อชายคนนั้นวิ่งตามหลังเขามา สิ่งที่ทำให้เขาแทบบ้าก็คือความเร็วของคู่ต่อสู้ซึ่งเร็วกว่าเขาด้วยซ้ำ มันเป็นความสิ้นหวังอย่างแท้จริงเมื่อพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเช่นนี้
เขาวิ่งไปตามทางเดินและตรงไปที่ประตูโดยหันกลับมามองข้างหลัง
ความกลัวทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นหวังซีซีที่กำลังอ้วกอยู่ใกล้ๆ แต่ถึงจะเห็นเขาก็ทำอะไรไม่ทันอยู่ดี
ไม่ใช่ว่าคนที่วิวัฒนาการแล้วทุกคนจะเหมือนลู่หยวนที่พัฒนาคุณสมบัติของเขาได้อย่างสมดุล คนที่วิวัฒนาการแล้วส่วนใหญ่จะมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็มีจุดอ่อนด้วยเช่นกัน ความเร็วของเขาอาจจะเท่ากับลู่หยวน แต่เขาไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ที่เก่งกาจอะไรนัก รวมถึงสมองที่ชาญฉลาด หรือความสามารถในการรับรู้ที่ทำให้ได้ข้อมูลมามากมายในระหว่างการต่อสู้
มันเหมือนกับให้คนที่ไม่ใช่มืออาชีพมาขับรถแข่ง เขาอาจจะซิ่งบนทางด่วนได้ แต่ไม่สามารถเลี้ยวยูเทิร์นหรือแซงรถอื่นได้
ความจริงแล้ว หลังจากที่ลู่หยวนกลายเป็นคนที่วิวัฒนาการแล้ว เขาก็ต้องลดความเร็วของตัวเองลงถึง 50% ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเขาจึงจะไม่ลดลง
อีกไม่กี่ก้าว เหยเก่อก็เกือบจะถึงประตู และทันทีที่เขาออกจากบ้าน เขาก็เห็นหญิงสาวในชุดสีดำที่กึ่งๆย่อตัวอยู่ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร เธอถือปืนสั้นสีขาวเงินไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และชี้ปากกระบอกปืนตรงมาที่เขา
ความเย็นยะเยือกไล่ไปตามสันหลัง เขาถลึงตาและส่งเสียงคำรามออกมา ด้วยแรงขับของคนที่กำลังจะถูกฆ่า เขาเร่งความเร็วตรงเข้าใส่หญิงสาว เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่จับตัวประกันไว้ต่อรองกับชายที่น่ากลัวข้างหลังเขาล่ะก็ เขาก็คงไม่รอด
“เจียฮุย หนีเร็ว!” ลู่หยวนตะโกนอย่างตกใจ
ดูเหมือนหวงเจียฮุยจะไม่ได้ยินเขา เธอยังคงนิ่ง เหงื่อเย็นๆไหลลงมาตามหน้าผากขณะที่มองดูศัตรูที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ลูกตาของเธอหดลงขณะเล็งปืนไปที่เงาอันคลุมเครือนั้น
ระยะห่างระหว่างพวกเขาสั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
30 เมตร, 25 เมตร, 20 เมตร……
ในที่สุดหวงเจียฮุยก็เหนี่ยวไก
ปัง! ปัง! ปัง!
นัดแรกพลาด แต่นัดที่สองเฉียดแขนเขาเรียกเลือดออกมาได้ และนัดที่สามเจาะเข้าที่หน้าอก กระสุนปืนขั้นสีน้ำเงินนั้นมีอำนาจเจาะทะลวงที่รุนแรงมาก มันพุ่งทะลุหน้าอกของเขาและทะลวงผ่านกำแพงสองชั้นก่อนจะหายไปในที่สุด ทิ้งรูสองสามรูไว้ในบ้านพัก
ร่างของเหยเก่อกระตุกและสะดุดลอยขึ้นด้วยแรงจากความเร็วของเขา สีหน้าดุร้ายจากความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่ดึงเอาปืนสั้นออกมาจากเอว แล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเหนี่ยวไกไปทางหวงเจียฮุย
“ไม่!” ลู่หยวนตกใจ เขาขว้างดาบฟันขาม้าไปทางเหยเก่อทันที
สายไปแล้ว เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับที่ดาบฟันขาม้าแทงเข้าที่หน้าอกของเขา
ในช่วงเวลาอันตรายเช่นนั้น ไม่มีใครคิดว่าเงาที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่กระสุนปืนของหวงเจียฮุย จะปล่อยกระสุนปืนเข้าใส่เธอแทน เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ
หวงยู่อิงนั่นเอง
ลู่หยวนตกใจ เขาไม่คิดว่าหวงยู่อิงจะทำอะไรเช่นนี้
เมื่อเห็นว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ ทุกคนก็พากันวิ่งเข้ามา
ลู่หยวนดึงดาบฟันขาม้าของเขาออกจากร่างของชายคนนั้น เขายังไม่ตาย แต่มีเลือดไหลออกจากปากของเขา และเขาไม่สามารถพูดได้อีกแล้ว เขามองลู่หยวนอย่างวิงวอน หวังว่าเขาจะสงสารและช่วยจบชีวิตของเขาอย่างรวดเร็ว
ลู่หยวนเหวี่ยงดาบอย่างไร้ความรู้สึกและจบชีวิตของเหยเก่อลงตรงนั้น
จากนั้นเขาก็รีบพุ่งไปที่หวงยู่อิงที่นอนอยู่บนพื้น มือของเธอกดที่ท้องที่มีเลือดไหลผ่านนิ้วของเธอออกมา ย้อมนิ้วของเธอให้เป็นสีแดงเข้ม
หวงเจียฮุยจับมือของเธอเอาไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยหยดน้ำตา เธอรู้สึกขอบคุณและละอายใจในเวลาเดียวกัน หญิงสาวเอาแต่พึมพำว่า “อดทนเอาไว้นะ! ทำไมเธอถึงโง่อย่างนี้? เธอไม่จำเป็นต้องช่วยฉันเลย”
ใบหน้าของหวงยู่อิงซีดขาว แต่เธอพยายามฝืนยิ้มและพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ฉัน...... ฉันเป็นหนี้พวกเธอทุกคน ฉันทำอะไรไม่ได้มาก เท่าที่ฉันทำได้ก็แค่......สิ่งนี้ ถ้าฉันตาย ช่วยไปที่อำเภออู๋กู่ในจังหวัดชานหนานแล้วดูให้หน่อยว่าพ่อแม่ของฉันยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า พ่อของฉันชื่อ หวงเว่ยมิน ส่วนแม่ของฉัน......”
เธอกระอักเลือดออกมาก่อนที่จะพูดจบประโยค
“อย่าห่วงเลย เธอต้องไม่ตาย พวกเราจะไปด้วยกัน” เมื่อตระหนักว่าเธอกำลังจะตายในไม่ช้า หวงเจียฮุยก็หันไปตะโกนเรียกหนิงเสี่ยวหลาน “ช่วยเธอเร็ว!”
ในที่สุดเธอก็ตาย
หนิงเสี่ยวหลานเป็นแค่พยาบาล เธอไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ ยิ่งกว่านั้น กระสุนก็พุ่งทะลุท้องของหวงยู่อิงทำให้เลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แล้วยิ่งขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วยเช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงเช่นนั้นได้
เถ้าถ่านหน้าบ้านยังไม่ทันสลายตัว ไฟกองใหม่ก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
ชีวิตคือสิ่งที่ไม่อาจทำนายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโลกาวินาศเช่นนี้
ลู่หยวนไม่ชอบหวงยู่อิง เธอสร้างความประทับใจแย่ๆให้เขามาตั้งแต่ต้น ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงสวย ลู่หยวนก็ไม่เคยดีกับเธอ เขาอยากจะฆ่าเธอด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังเต็มใจสละชีวิตช่วยเหลือคนที่เธอเพิ่งรู้จักมาไม่ถึงครึ่งเดือน
นิสัยของมนุษย์นั้นซับซ้อน ไม่มีใครทำนายได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า
หลังเหตุการณ์นั้น หวงเจียฮุยก็อารมณ์ไม่ดีมาตลอด เธอเงียบไปหลายวัน และทำร้ายตัวเองด้วยการฝึกอย่างหนักหน่วง เธอถือปืนในแนวราบอยู่หลายชั่วโมงจนเหนื่อย และหลับใหลไปในทันทีที่หัวถึงหมอน ลู่หยวนไม่ได้ห้ามหรือให้กำลังใจเธอแม้ว่าเขาจะรู้ก็ตาม
อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นเรื่องปกติในช่วงเวลาเช่นนี้ การผ่อนคลายที่พวกเขาเคยมีนั่นต่างหากที่ไม่ปกติ
การต่อสู้นี้เปลี่ยนแปลงพวกเขาไปหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวังซีซี
การฆ่าคนนั้นอาจจะฟังดูง่าย แต่เป็นเรื่องยากสำหรับจิตใจที่จะแบกรับมัน นักฆ่าจะมองคนต่างไปจากคนทั่วไป พวกเขาเหยียดหยามคนธรรมดา และพวกนักฆ่าต่อเนื่องก็มักจะมองคนเหมือนสัตว์
หวังซีซีไม่ใช่ผู้ใหญ่ โลกทัศน์ของเธอยังไม่มั่นคง นอกจากความกลัวและความไม่สบายใจในตอนแรกแล้ว เธอก็ผ่านมันมาได้อย่างรวดเร็วหลังจากพูดคุยปลอบใจกันอยู่สองสามครั้ง มันเร็วกว่าที่ลู่หยวนคิดไว้
สิ่งที่ทำให้เขาดีใจก็คือ หลังจากฆ่าคนแล้ว พลังจิตของเธอดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น และพลังเคลื่อนย้ายสิ่งของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย เธอสามารถยกของหนักถึง 50 กก.ได้แล้ว และกระสวยของเธอก็ทำลายกำแพงกั้นเสียงได้ง่ายขึ้นและแสดงพลังได้มากกว่าเดิม
ลู่หยวนเองก็ไม่ได้ขี้เกียจเช่นกัน ตั้งแต่เขาวิวัฒนาการมา เขาก็หยุดล่าเพื่อฝึกฝนความสามารถพิเศษของเขา
พลังกระทืบปฐพีของเขาเชื่อมโยงกับการรับรู้และความแข็งแรงของเขา นอกจากการฝึกความแข็งแรงแล้ว ลู่หยวนจึงใช้เวลามากมายไปกับการยืนเงียบๆอยู่บนหญ้า และเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ที่พื้นดินให้เขามา
ด้วยความสามารถที่วิวัฒนาการแล้วของเขา เขาสามารถใช้การรับรู้ของเขา “มอง” ลึกเข้าไปในพื้นดินซึ่งเป็นโลกที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ต้นหญ้ามีรากที่เชื่อมโยงกันอยู่ใต้ดินและสามารถกระจายออกไปได้ถึงสองสามตารางเมตร รากจำนวนมากสานเข้าด้วยกันและกลายเป็นตาข่ายที่แน่นหนาซึ่งเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์หลายชนิด
เมื่อการรับรู้ของเขาขยายออกไป ภาพในใจของเขาก็ค่อยๆคลุมเครือและไม่ชัดเจนมากขึ้น
และน่าแปลกที่เขาคิดว่าเขารู้สึกได้ว่าการโคจรรอบตัวเองช้าๆของโลกนั้นไม่เคยหยุดหรือเปลี่ยนแปลง
มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจอธิบายได้ และมันทำให้เขากลัวเกรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากสัมผัสพลังนั้นอยู่สักพัก เขาก็ถอยออกมาและเริ่มพิจารณา
ชีพจรที่เขาสัมผัสได้น่าจะอธิบายได้ว่าเป็นแผ่นดินไหว เขารู้สึกว่าโลกสั่นสะเทือนขณะที่เขาสัมผัสการโคจรรอบตัวเองนั้น แต่เขาก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะมีการเคลื่อนไหวของโลกอยู่หลายแบบนอกจากแผ่นดินไหว, ภูเขาไฟระเบิด, การระเบิดของนิวเคลียร์ กระทั่งแรงสั่นสะเทือนที่น้อยที่สุดจากการเคลื่อนที่ของสัตว์กลายพันธุ์
นอกจากนี้ แรงสะเทือนทั้งหมดนี้ บางอันก็ชัดเจนและทรงพลัง ขณะที่อันอื่นนั้นอ่อนแรงและไม่อาจระบุได้ บางความถี่ก็สอดคล้องกัน ขณะที่อันอื่นๆไม่สอดคล้องกัน
อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนก็เดาว่าจะต้องมีความถี่หลักที่เป็นชีพจรของโลกอยู่หนึ่งอัน คำถามก็คือเขาจะแยกแยะพวกมันได้อย่างไร
หลังจากทำแบบนี้อยู่สองสามวัน เขาก็ค้นพบว่าชีพจรของโลกนั้นไม่ได้ชัดเจนที่สุดหรือเบาบางที่สุด แผ่นดินไหวเล็กๆสัก 2-3 ริกเตอร์ก็สามารถกลบมันได้มิดแล้ว
เขาพิจารณาความเป็นไปได้หลายอย่าง กระทั่งคิดจะใช้การหมุนรอบตัวเองของโลกใน 24 ชั่วโมงมาช่วยหาระยะห่างของการเต้นของชีพจร แต่ก็ไม่มีประโยชน์
ชีพจรของโลกดูเหมือนจะมาจากแกนโลก มันเป็นความถี่แฝงที่เร็วมาก
เวลาผ่านไปในขณะที่เขาพยายามทำความเข้าใจโลก ลู่หยวนมองเวลาแล้วเห็นว่ามันใกล้จะมืดแล้ว เขาส่ายหัวและกำลังจะกลับไป แต่เมื่อเขาจะยกเท้าขวาขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ว่ามันติดแน่นอยู่กับพื้นดิน พลังที่น่าหวาดกลัวกำลังดึงเขาไว้อย่างแน่นหนา หัวใจของเขาพลันเต้นผิดจังหวะและเริ่มเต้นแรงขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาตกใจ เขารวบรวมพลังทั้งหมดของเขา หน้าผากของเขามีเส้นเลือดปูดออกมาราวกับว่าเขากำลังพยายามแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า เขาสามารถยกเท้าขึ้นได้แค่ 2-3 ฟุตเท่านั้นก่อนที่เขาจะไม่สามารถต้านทานพลังนั้นได้อีกต่อไป และกระทืบเท้าขวาของเขาลงบนพื้น
ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
มันรู้สึกเหมือนผิวหน้าของพื้นดินในรัศมี 50 เมตรระเบิดขึ้น วัชพืชจำนวนมาก ก้อนกรวด และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์บางอย่างที่อาศัยอยู่ใต้ดินลอยละลิ่วขึ้นมาในอากาศ สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์พวกนั้นได้ระเบิดออกกลายเป็นหมอกเลือดก่อนที่มันจะหล่นลงบนพื้น
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงระเบิดก็เริ่มลดลง นอกจากพื้นที่เล็กๆที่เขายืนอยู่ พื้นที่ทั้งหมดดูเหมือนถูกไถพลิกขึ้นมา ดินและวัชพืชดูเหมือนทรายที่ผสมกับอะไรเขียวๆ
ลู่หยวนถึงกับช็อคเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น กระทั่งคนที่สมองช้าก็ยังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้
“กระทืบปฐพี......นี่คือกระทืบปฐพี!” เขาพึมพำ ไม่สามารถระงับอาการตกใจไว้ได้
“ถ้าสัตว์กลายพันธุ์ระดับต่ำยังไม่สามารถต้านทานได้ บางทีพวกสีฟ้าอ่อนก็อาจจะไม่สามารถหลบหนีพลังนี้ได้เหมือนกัน”
คำอธิบายของระบบเรื่องพลังกระทืบปฐพีนั้นค่อนข้างคลุมเครือ ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันเป็นเพียงพลังเสริมที่มีพลังโจมตีต่ำ ลู่หยวนพยายามเต็มที่ที่จะเข้าใจมันในสองสามวันที่ผ่านมานี้ เพราะเขาคิดว่ามันสามารถทำให้เกิดอาการมึนงงและอาจจะช่วยในการโจมตีและฆ่าศัตรูได้
แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าพลังกระทืบปฐพีเลเวล 3 นั้นจะมีพลังโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ มันเหมือนเครื่องบดเนื้อชั้นยอดดีๆนี่เอง
“ผลกระทบที่ทำให้มึนงงคงเป็นกับพวกขั้นสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ส่วนพวกธรรมดาทั่วไปก็จะถูกทำลายไปเลย”
เขาตื่นเต้นอยู่สักพักก่อนจะสงบลงในที่สุด แล้วคิดว่า “ครั้งนี้ที่ใช้พลังออกมาได้ก็เพราะโชคช่วย แต่ครั้งต่อไปนี่ซิ ต้องหารูปแบบการใช้พลังของมันให้ได้”
พลังนี้แข็งแกร่งมาก ถ้าเขาสามารถใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก และเขาจะสามารถใช้มันเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเขาได้