หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 118  สังหารโหด

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 118  สังหารโหด

น่าประหลาดใจที่ศพที่ถูกพบตรงประตูนั้นเป็นผู้หญิง  หน้าของเธอเต็มไปด้วยฝุ่น  ลู่หยวนทำได้เพียงระบุเพศของเธอจากขนาดหน้าอกเท่านั้น  เธอนอนหงายหลัง  ตาถลนออกมานอกเบ้าคล้ายกับว่าเธอตายตาไม่หลับ

ลู่หยวนก้าวข้ามร่างของเธอ  แต่หวังซีซีไม่กล้าพอที่จะทำ  เธออ้อมรอบศพราวกับว่าผู้หญิงคนนั้นจะกระโดดขึ้นมาอย่างกะทันหัน  เธอกำกระสวยเอาไว้แน่นขณะที่ใช้พลังจิตของเธอ

ลู่หยวนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น  ด้วยพลังการรับรู้ของเขา  ไม่มีใครสามารถหลบหนีหรือซ่อนตัวจากเขาได้

เขาส่งสัญญาณให้หวังซีซีคอยอยู่ในห้องนั่งเล่น  เธอพยักหน้าอย่างประหม่าและวิ่งไปที่มุมห้องที่ซึ่งเธอสามารถซุ่มโจมตีใครก็ตามที่เข้ามาในห้องนั่งเล่นผ่านทางห้องเก็บของได้  ลู่หยวนพยักหน้า  พอใจที่ได้เห็นว่าเธอไม่ใช่คนโง่

เขาเข้าไปที่ห้องเก็บของและยืนอยู่ใกล้ๆผนัง

ห้องใต้ดินมีทางเข้าออกแค่ทางเดียว  ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเสี่ยงบุกเข้าไปข้างใน  ไม่มีใครจะหลบหนีไปได้ถ้าเขายังอยู่ตรงนี้

ไม่ใช่ว่าลู่หยวนไม่คุ้นเคยกับคนที่วิวัฒนาการแล้ว  เขามีคนที่วิวัฒนาการแล้วอยู่กับเขาถึงสามคน  และตัวเขาเองก็วิวัฒนาการแล้วเช่นกัน  แต่คนที่วิวัฒนาการแล้วนั้นมีความสามารถหลากหลาย  บางอย่างก็แปลกประหลาด

บางคนแข็งแกร่งขณะที่บางคนก็อ่อนแอ  หลินเสี่ยวจีก็อ่อนแอ  ความสามารถของเขาไม่สามารถใช้โจมตีได้  แต่ใช้ป้องกันตัวเขาเองได้เท่านั้น  หวังซีซีนั้นตรงกันข้าม  เธอแข็งแกร่งมาก  ถ้าเธอใช้พลังเต็มที่  กระทั่งลู่หยวนก็คงต้องล่าถอยชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม  หวังซีซีนั้นค่อนข้างขี้เกียจและขาดการฝึกฝนที่จำเป็น  ถ้าเขาไปเจอคนที่วิวัฒนาการแล้วที่ฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน  กระทั่งลู่หยวนก็อาจจะพ่ายแพ้ได้  ดังนั้นเขาจึงระวังมาก  ความระมัดระวังกลายเป็นนิสัยติดตัวของเขามาตั้งแต่ช่วงเวลาอันตรายได้เริ่มต้นขึ้น

คนในห้องเก็บของกำลังถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด

“เย็ดแม่ง  นี่มัน 5 นาทีแล้ว  ทำไมยัยนั่นยังไม่กลับมาอีกวะ?  แม่งหนีไปแล้วรึไง?”  หม่าเหลียนพูดอย่างหงุดหงิดขณะที่มองนาฬิกาข้อมือของเขาในความมืด

เหยเก่อเดินวนไปมาอย่างหัวเสีย  เขาดูอึดอัดไม่สบายใจ  ทันใดนั้นเขาก็หันไปจ้องชายที่ทรยศพวกพ้องของเขา  และเดินเข้าไปหาแล้วกระชากคอเสื้อขึ้นมาดันตัวติดกับผนัง  แล้วพูดอย่างดุร้ายว่า  “ไอ้ระยำ  มึงแกล้งปั่นหัวพวกกูรึเปล่าวะ?  ถ้ามึงกล้าโกหก  กูจะให้มึงรู้ว่าตายทั้งเป็นน่ะมันเป็นยังไง!"

“หัวหน้า  ผมจะไปปั่นหัวหัวหน้าได้ยังไง?  ผมบอกความจริงนะครับ”  ซันเสี่ยวหวู่เจ็บมากจนเสียงแหบ  “เจ้าสัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นถูก ลู่หยวน หัวหน้าของกลุ่มนั้นควบคุมเอาไว้จริงๆ  ตอนนี้เขาหมดสติอยู่  เรามีโอกาสดีแล้วนะครับ  ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาล่ะก็......”

ซันเสี่ยวหวู่จะพูดอะไรบางอย่าง  แต่เขาก็ไม่สามารถต่อให้จบได้

“ถ้าเขาฟื้นแล้วจะเป็นยังไง?”  เหยเก่อตะคอก

“เขา......เขาจะฆ่าเราทุกคนนะสิครับ!”  ซันเสี่ยวหวู่พูดตะกุกตะกัก  เขากลัวลู่หยวนจากใจจริงๆ  แค่คิดว่าต้องเผชิญหน้ากับลู่หยวนก็ทำให้เขาวิตกกังวลแล้ว  ถ้าคนพวกนี้แข็งแกร่งพอล่ะก็  พวกเขาจะไม่หนีมาหลบซ่อนแบบนี้ทันทีที่เห็นเจ้ากิ้งก่ายักษ์หรอก

คนพวกนั้นทำท่าราวกับว่าได้ยินเรื่องตลกเข้า  พวกเขาพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ผมรู้ว่าพวกคุณไม่เชื่อผมหรอก!”  ซันเสี่ยวหวู่กังวลมาก  พวกเขาไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเขาเลย  ถ้าลู่หยวนยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็  เขาจะต้องฆ่าเขาแน่

ทันใดนั้น  ซันเสี่ยวหวู่ก็ใจกล้าขึ้นมา  เขาผลักเหยเก่อออกและเดินไปที่เนื้อแห้งที่แขวนลงมาจากเพดาน  ชี้นิ้วสั่นๆไปที่มันแล้วตะโกนว่า  “พวกคุณคิดว่าไอ้นี่คืออะไร?  นี่คืออวัยวะภายในของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสามเหมือนเจ้ากิ้งก่ายักษ์ข้างนอกโน่น  เมื่อวันก่อนลู่หยวนเอาอวัยวะภายในออกมาจากสัตว์กลายพันธุ์ 3 ชนิด  ขำอะไรกัน?  กระทั่งเจ้ากิ้งก่ายักษ์ข้างนอกนั่นก็ยังจัดการกันไม่ได้!  มีอะไรน่าขำนักหนา?”

เสียงตบหน้าอย่างแรงดังขึ้น  แรงตบทำให้เขาล้มลงบนพื้น

“ระวังปากมึงไว้บ้าง”  ชายที่มีแผลเป็นพูดขึ้นอย่างเฉียบขาด

เสียงหัวเราะหยุดลง  ห้องใต้ดินทั้งห้องเงียบกริบ

เหยเก่อเครียดหนัก  เขาเดินไปที่ผนังแล้วเอาหูแนบฟังอย่างเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชกกำแพงเสียงดัง  ทำเอากำแพงหนาๆแตกร้าว

“เราน่าจะส่งคนออกไปดูอีกทีนะ”  หม่าเหลียนแนะ

ยังเหลือผู้ชาย 2 คนกับผู้หญิงอีก 1 คน  พวกเขามีสีหน้าหวาดกลัว  ทั้งหมดตัวสั่นและพยายามหดตัวแนบติดกับผนัง

เหยเก่อพยักหน้า

หม่าเหลียนดึงตัวผู้หญิงที่อ่อนแอขึ้นมา  เธอดิ้นรนอย่างหนัก  อ้อนวอนขอโทษพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น  น้ำมูกน้ำตาไหลลงมาเต็มหน้า  หม่าเหลียนเตะเธออย่างรุนแรง  จับผมเธอไว้แน่นแล้วเอาหัวเธอกระแทกกับพื้นอย่างแรง

ผู้หญิงคนนั้นดิ้นรนในตอนแรก  แต่เธอก็ค่อยๆหยุดนิ่ง  เศษกระดูกแตกและเลือดสดๆไหลออกมาผสมกันบนพื้น

“พอแล้ว  เธอตายแล้ว!”  เหยเก่อคำรามเสียงแหบ  เสียงของเขาฟังดูหงุดหงิด

“ก็เธอผิดเอง!”  หม่าเหลียนพึมพำแล้วปล่อยมือ  เขามองรอยแผลที่ถูกเล็บของเธอข่วนเอาแล้วเตะร่างนั้นอีกสองสามทีเพื่อระบายความโกรธ

ซันเสี่ยวหวู่นอนอยู่บนพื้นขณะที่เฝ้ามอง  เขากลัวมาก  ทันใดนั้น  เขาก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำที่ทำไปตามอารมณ์ชั่ววูบ  ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น  เขาก็ไม่ต้องมาหวาดกลัวอยู่ที่นี่

“นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกแกไม่ยอมทำตามคำสั่ง”  หม่าเหลียนพูดอย่างเย็นชา  มองไปที่ชายคนหนึ่ง  “ตาแกแล้ว”

ชายคนนั้นดูหวาดกลัว  แต่เมื่อมองไปที่ผู้หญิงที่ตาย  เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา  เขาจับปืนแล้วยืนขึ้น  และเดินตรงไปที่บันไดขึ้นสู่ชั้นหนึ่ง

เขาดันประตูเปิดออกและเดินออกไปอย่างระมัดระวังก่อนจะก้มลงปิดประตู

ยังไม่ทันที่เขาจะยืดตัวขึ้น  อุ้งมือแข็งแรงก็เอื้อมมาปิดปากเขา  และเสียงกระดูกหักก็ดังขึ้น  เขามองขึ้นข้างบนและรู้สึกว่าร่างของเขาถูกลากไปที่มุมห้องอย่างรวดเร็ว  สายตาของเขาค่อยๆมืดลงอย่างถาวร

“ได้ยินเสียงอะไรไหม?”  ชายในชุดสูทพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียดขณะเอียงตัวแนบติดกับกำแพง

“ฟังเหมือนเสียงลากอะไรสักอย่าง”  ชายที่มีแผลเป็นพูดอย่างไม่แน่ใจ

“เวรเอ๊ย  ต้องมีคนอยู่ในห้องเก็บของแน่”  เหยเก่อพูดอย่างโกรธจัด

เขาจับตัวซันเสี่ยวหวู่มาแล้วตบหน้าเขาอย่างแรง  “นอกจากลู่หยวนนั่นแล้ว  มีคนที่วิวัฒนาการแล้วอีกรึเปล่า?”

ซันเสี่ยวหวู่รู้สึกมึนงง  ใบหน้าด้านขวาของเขาบวมขึ้นมา  จากนั้นเขาก็บ้วนฟันออกมาสองซี่และตอบอย่างหวาดกลัวว่า  “มีครับ  หัวหน้า  มีอีกสามคน!”

“สาม?”  เหยเก่อทำหน้าถมึงทึงอย่างโกรธจัด  “ไอ้เหี้ย!  ทำไมมึงไม่พูดก่อนหน้านี้วะ?”

“ผม......เพราะ......เพราะพวกที่เหลือไม่น่ากลัวเท่าลู่หยวนนี่ครับ!”  ซันเสี่ยวหวู่รีบพูดขึ้นด้วยความกลัวว่าจะถูกตบอีกครั้ง

เหยเก่อโกรธจนแทบคลั่ง  เขาชี้ปืนมาที่หน้าผากของซันเสี่ยวหวู่  “ระยำ  ไอ้ชาติหมา  คราวนี้ถ้ามึงบอกกูมาไม่หมดล่ะก็  กูจะยิงมึงทิ้งเดี๋ยวนี้ล่ะ”

“หัวหน้า......อย่ายิง  อย่ายิงนะครับ!  ผมจะบอกให้หมดเลย!”  ซันเสี่ยวหวู่ฉี่ราดกางเกงด้วยความกลัวปืนที่จ่อหัวเขา  “หัวหน้าฆ่าไปคนหนึ่งแล้ว  แต่ยังมีผู้หญิงสาวๆที่สวมเสื้อเชิร์ตสีเหลือง  ผมไม่แน่ใจว่าเธอมีพลังอะไร  แต่เธอสามารถบินหนีไปได้เวลาถูกโจมตี  คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือเด็กผู้หญิง  ความสามารถของเธอคล้ายๆกับพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของในหนัง  อาวุธของเธอคือกระสวย  ผมเคยเห็นเธอฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสองอยู่ครั้งหนึ่ง”

เหยเก่อกับคนอื่นๆนึกเสียใจที่ไม่ได้ฆ่าคนพวกนั้นให้หมดทุกคน  ถ้ารู้มาก่อนล่ะก็  พวกเขาจะไม่ปล่อยพวกนั้นไว้แน่นอน

“งั้นก็มีผู้หญิงสองคนอยู่ข้างนอกนั่น”  ชายในชุดสูทพูดห้วนๆ  เขาเป็นเพียงคนเดียวในห้องที่ยังใจเย็นอยู่  “ในเมื่อไม่มีใครสามารถควบคุมสัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นได้นอกจากลู่หยวน  ที่เราต้องทำก็แค่จัดการผู้หญิงสองคนนั้น  ตำแหน่งที่เราอยู่ตอนนี้ไม่เป็นผลดีต่อเรานัก  ถ้าพวกเขาโหดเหี้ยมและยอมละทิ้งเสบียงในนี้  พวกเขาก็สามารถใช้ไฟหรือพิษโจมตีหรือปิดทางหนีเราได้  เราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เหยเก่อพยักหน้าและค่อยๆใจเย็นลง  เขามีความประทับใจผู้หญิงสองคนนั่น  และความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าผู้หญิงชุดดำ   แม้ว่าพวกเขาจะวิวัฒนาการเหมือนกัน  พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น

“เราจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย  ช้ากว่านี้ไม่ได้”  เหยเก่อพูดอย่างเคร่งเครียด  หยิบดาบที่ทำจากกรงเล็บสัตว์กลายพันธุ์ขึ้นมา  “ระวังตัวกันด้วย”

“ก็แค่ผู้หญิงสองคน  จะต้องไปกลัวอะไร?”  หม่าเหลียนยิ้มอย่างลามก  “เสียดายที่พวกวิวัฒนาการแล้วอันตรายเกินไป  ไม่งั้นเราจะจับพวกมันมาแล้วดูแลให้ดี  ผู้หญิงสองคนนั่นสวยซะด้วย  โดยเฉพาะยัยชุดดำ  ก้นงี้ทั้งใหญ่ทั้งกลม  ฉันอยากจะขยุ้มมันไว้ตอนที่เย็ดยัยนั่นจริงๆ”

“หุบปาก  หยุดเลยทั้งนายทั้งความคิดเน่าๆของนายด้วย”  เหยเก่อด่าพลางจ้องหน้าเขา

หม่าเหลียนปิดปากเงียบทันที

“นาย  แล้วก็นาย!  ทั้งสองคนออกไปก่อน!  เร็วเข้า!”  เหยเก่อพูดพร้อมฉีกยิ้มน่ารังเกียจขณะที่ชี้ปืนมาทางซันเสี่ยวหวู่และผู้ชายอีกคน

ซันเสี่ยวหวู่ลุกขึ้นยืนด้วยความหวาดกลัว  ดวงตาของเขาทอแววเกลียดชัง  เขาก้มหัวลงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นสายตาของเขา

เหยเก่อส่งสัญญาณให้พวกเขาเงียบ  จากนั้นเขาก็หันมาทางชายในชุดสูทและชี้ไปที่ประตู  ชายในชุดสูทเข้าใจความหมายของเขาและพยักหน้า

ประตูบนเพดานห้องเก็บของพลันถูกยิงด้วยปืน  กระสุนปืนประมาณ 10 ลูกสะท้อนไปมาในพื้นที่แคบๆของห้องเก็บของ  ลู่หยวนถอยออกจากห้องเก็บของไปแล้วตั้งแต่ตอนที่พวกนั้นหยิบปืน  เขาเอาหลังพิงกำแพงด้านนอกห้องเก็บของขณะที่ดึงดาบฟันขาม้าออกมาช้าๆ

การใช้ความสามารถในการรับรู้ของเขา  ทำให้ลู่หยวนรู้ว่าพวกนั้นกำลังทำอะไรอยู่  ข้อมูลที่พวกนั้นมีนั้นไม่ถูกต้อง  ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่มีโอกาสชนะ

ในที่สุดพวกเขาก็ออกมา  คนสองคนที่ถูกใช้เป็นเหยื่อล่อเดินออกมาอย่างระมัดระวัง  ตามด้วยคนอีกสี่คน  ลู่หยวนตระหนักว่าคนหนึ่งในนั้นมีการประสานงานที่ต่างออกไปจากคนอื่น  เขาสัมผัสได้ด้วยความสามารถในการรับรู้ของเขา  พวกเขาอยู่ห่างกันประมาณหนึ่งเมตร  แต่เขาต้องเป็นคนที่สามารถควบคุมแสงได้แน่

อย่างไรก็ตาม  เขาไม่รู้ความสามารถของคนอีกสองคน

เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าอีกสี่คนเดินออกจากประตูแล้ว  เขาก็เคลื่อนไหว  ร่างของเขาพุ่งเข้าไปราวกับลูกธนู  ตรงเข้าใส่ชายร่างสูงผิวคล้ำ  เขารู้ว่าชายคนนี้เป็นหัวหน้ากลุ่ม  และต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกนั้น  ถ้าฆ่าเขาได้  คนที่เหลือก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย

เขาไม่คิดว่าชายคนนั้นจะประสาทสัมผัสไวต่ออันตราย  เขากลิ้งตัวหลบไปก่อนที่ลู่หยวนจะเข้าใกล้เขาได้  และหลบการโจมตีถึงตายไปได้

“อา”  ลู่หยวนพึมพำ  เปลี่ยนทิศทางและหันปลายดาบตรงเข้าใส่ลำคอของชายคนนั้น

ชายคนนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการเหยียบขึ้นไปบนกำแพงแล้วตีลังกากลับหลัง  แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลบการโจมตีได้ทั้งหมด

ดาบฟันขาม้าเฉือนผ่านหนังศีรษะของเขาและตัดผมเขาออกไปส่วนนึงขนาดประมาณฝ่ามือ  เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผล

“โจมตี!  เร็ว!”  เหยเก่อตะโกนอย่างหวาดกลัวขณะที่ล่าถอย  ถือมีดกระดูกสัตว์เอาไว้ในมือ

คนที่เหลือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว  ชายในชุดสูทจุดไฟขึ้น  ขณะที่ลูกกระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืน  หินก้อนเล็กๆแตกกระจายออกจากกำแพง

คนที่มีแผลเป็นขยายร่างของเขาจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ล่ำบึ้ก  เขาคำราม  พื้นสะเทือนเล็กน้อยตอนที่เขาก้าวเท้าเข้ามา

ร่างกายของลู่หยวนพลันเลือนรางคลุมเครือ  ดูราวกับเงาจำนวนมากซ้อนทับกัน  กระสุนปืนหลายลูกพุ่งผ่านเขาไปแต่ไม่โดนตัว  หลังจากยิงจนกระสุนหมด  ลู่หยวนก็วิ่งเต็มฝีเท้าเข้าใส่ชายที่มีแผลเป็นพร้อมดาบในมือ

ชายคนนั้นกระตุกไปด้านหลัง  แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาร่วงลงมา  เขาก้มลงมองที่หน้าอก  เสื้อที่คับตึงเพราะกล้ามเนื้อที่ขยายตัวขึ้นมีรอยถูกฟัน  เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากบาดแผล  เขารู้สึกหวาดกลัว  ร่างของเขาเอียงลงและกระแทกเข้ากับกำแพง  เสียงร้องโหยหวนก้องสะท้อนไปทั่วบ้านพัก

เมื่อซันเสี่ยวหวู่เห็นลู่หยวน  เขาก็สติแตก  พอรู้ว่าลู่หยวนไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขา  เขาก็วิ่งหนีเอาตัวรอดเร็วที่สุดเท่าที่ขาของเขาจะทำได้

เมื่อเขามาถึงห้องนั่งเล่น  กระสวยอันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวกับกระสุนปืน  และปักลงตรงหน้าเขา  เมื่อเขาเห็นหวังซีซีจ้องมองเขา  ขาของเขาก็อ่อนปวกเปียกราวกับเยลลี่  เขาทรุดตัวลงกับพื้นพลางร้องไห้  “อย่าฆ่าฉัน  ได้โปรด  อย่าฆ่าฉันเลย”

“นายมันคนทรยศ  อ้อนวอนไปก็ไร้ประโยชน์”  หวังซีซีพูดพลางพยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับเขา

ถ้าเป็นโฮวตง  เขาย่อมรู้ว่าหวังซีซีนั้นเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน  เธออาจจะปล่อยเขาไปถ้าเขาทำให้เธอเมตตาได้  อย่างไรก็ตาม  ซันเสี่ยวหวู่ไม่ใช่โฮวตง  และเขาไม่รู้วิธีการอ่านภาษากาย  แทนที่จะอ้อนวอนขอความเมตตา  เขากลับสบถด่าทอแทน  “อีกะหรี่!  อีดอก!  ถ้ากูกลายเป็นผี  กูจะกลับมาหลอกพวกมึง  ทั้งมึงทั้งไอ้ลู่หยวน!  พวกมึงสองคนต้องตายอย่างทรมาน!”

“นาย......ไปตายซะ!”  เขาไม่เพียงแต่ด่าหวังซีซีเท่านั้น  แต่ยังด่าพี่ลู่ด้วย  หวังซีซีโกรธจนตัวสั่น  กระสวยระเบิดออกเสียงดังปัง  วินาทีต่อมาหัวของซันเสี่ยวหวู่ก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ  สมองกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง

ใบหน้าของหวังซีซีซีดขาว  ร่างของเธอเต็มไปด้วยเลือด  ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรงจนต้องเอนตัวพิงผนังและอาเจียนออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

ตรงกันข้ามกับลู่หยวนที่ใกล้จะจบการต่อสู้ของเขาแล้ว

เมื่อชายในชุดสูทใช้กระสุนปืนจนหมด  เขาก็โยนปืนไรเฟิลทิ้งไป  และชักมีดทหารออกมาอย่างรวดเร็วจากด้านหลัง  แล้วพุ่งเข้าใส่ลู่หยวน

ความเร็วของเขามากกว่าคนทั่วไป  และหลังจากฝึกการต่อสู้มานาน  ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจึงค่อนข้างสูง  อย่างไรก็ตาม  ลู่หยวนก็ยังคงเก่งกว่าอยู่ดี  เขาก้าวขึ้นหน้าไปสองสามก้าวแล้วเหวี่ยงดาบเสียงดังขวับ  ตัดมีดของเขาขาด  และโดยไม่รอดูปฏิกิริยาของเขา  ลู่หยวนเหวี่ยงดาบอีกครั้งตัดผ่านเส้นเลือดใหญ่ที่คอของชายคนนั้น

เลือดพุ่งทะลักออกมามากมาย  ทำให้กำแพงส่วนหนึ่งกลายเป็นสีแดง

ถึงแม้การต่อสู้ดูเหมือนจะนาน  แต่จริงๆแล้วการต่อสู้ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 10 วินาทีเท่านั้น

“หม่าเหลียน  หนีเร็ว!”  เหยเก่อเสียความมั่นใจไปจนหมดสิ้นเมื่อเผชิญหน้ากับลู่หยวน  เขาคาดหวังการต่อสู้  ไม่ใช่การสังหารหมู่ฝ่ายเดียว

เติ้งเชานั้นแข็งแกร่งมาก  แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้  ลู่หยวนสามารถฆ่าคนที่แข็งแกร่งและมีความสามารถสูงได้อย่างง่ายดาย  โจวจงหมิงเป็นสมาชิกกองกำลังพิเศษ  เขาเก่งกาจในด้านการต่อสู้  เก่งกว่าพวกที่วิวัฒนาการคนอื่นด้วยถ้าเขามีปืน  แต่เขาก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้  ลูกปืนไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

สิ้นหวังแล้ว  สิ้นหวังอย่างที่สุด

เสียงร้องโหยหวนของเขายังดังก้องสะท้อนไปทั่วทางเดิน  หม่าเหลียนร้องคร่ำครวญออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน  มีแสงวาบขึ้นครั้งหนึ่ง  แล้วหัวใครคนหนึ่งก็ลอยสูงขึ้นไป  เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ

เหยเก่อไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป  เขาวิ่งออกไปจากที่นั่นอย่างสิ้นหวัง  การวิวัฒนาการของเขาคือความเร็ว  เขาจึงออกวิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อเอาตัวรอด  กระทั่งลู่หยวนก็ยังประหลาดใจ  เขายืนอึ้งอยู่แปปนึงก่อนจะวิ่งออกไปจากทางเดิน

“หวังซีซีกับหวงเจียฮุยอยู่ในอันตราย”

หัวใจของลู่หยวนเต้นผิดจังหวะขณะที่รีบไล่ตามชายคนนั้นไป

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.