spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 116 ความสามารถที่วิวัฒนาการแล้ว
หวงเจียฮุยและคนอื่นๆมัวแต่สนใจเจ้ากิ้งก่ายักษ์จนไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังวิ่งตรงมาที่พวกเขา
สีหน้าของหวงเจียฮุยมีความกังวลอยู่เล็กน้อยขณะที่สวดภาวนาอยู่เงียบๆ
ตอนแรกมีแค่เธอและหวังซีซีเท่านั้นที่รออยู่ด้านนอก อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆก็สังเกตเห็นสีหน้าของพวกเธอ ทั้งหวงเจียฮุยและหวังซีซีมีสถานะสูงกว่าคนอื่นๆในบ้าน กระทั่งคนตาบอดก็ยังสังเกตเห็นได้ว่าลู่หยวนและผู้หญิงของเขาทำตัวแปลกๆตลอดทั้งวัน หลังจากลู่หยวนจากไป พวกเธอสองคนก็ยังกระสับกระส่ายอยู่ตลอดทั้งเช้า และไม่สามารถนั่งลงได้เลย บางคนจึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงพากันออกมา
เมื่อการสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น พวกเขาก็สามารถเห็นร่างของกิ้งก่ายักษ์ได้จากที่ไกลๆ
หวงเจียฮุยมองอย่างระมัดระวัง เธอจับแขนหวังซีซีแน่นและพูดว่า “ซีซี ฉันไม่แน่ใจในตาตัวเอง เธอช่วยดูทีซิว่าลู่หยวนอยู่บนนั้นรึเปล่า”
เจ้ากิ้งก่ายักษ์สูง 5 เมตร ลู่หยวนนอนอยู่บนหลังของมัน ตัวของเขาถูกหัวของกิ้งก่ายักษ์บังซะมิด พวกเขาจึงไม่เห็นอะไรเลย
“ฉัน......ฉันไม่รู้” หวังซีซีมองขึ้นไปแล้วก็เริ่มกระวนกระวายอีกคน
เชาหลินอยู่ที่นั่นด้วย เธอรู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน พอแอบมองคนอื่นๆก็เห็นว่าพวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย
ลู่หยวนคือผู้ปกป้องคุ้มครองของพวกเขา ถึงวันโลกาวินาศจะมาเยือน เขาก็ยังทำให้สถานที่เล็กๆแห่งนี้สงบได้ เธอไม่กล้าคิดถึงอนาคตของพวกเขาเลยว่าจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีลู่หยวน โลกทั้งใบของเธอพลันมืดมิด ไม่มีกระทั่งเศษเสี้ยวของชีวิตเหลืออยู่
ทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นกลุ่มคนกำลังวิ่งตรงเข้ามาที่พวกเขาอย่างตื่นตระหนก
การอยู่ในสถานที่ปลอดภัยมานานทำให้ความระแวดระวังของเธอลดลง เธอลืมคำเตือนไปแล้ว เธอแค่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่ออีกฝ่ายเล็งปืนไรเฟิลมาทางพวกเขา
“ถ้าไม่อยากตายก็ทำตามที่สั่ง! รีบพาพวกเราไปที่ที่ปลอดภัยเดี๋ยวนี้!” เหยเก่อตะโกน เขาเดาว่าคนพวกนี้จะต้องมีที่หลบซ่อนลับๆถึงได้อยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางสัตว์กลายพันธุ์มาได้นานขนาดนี้ เขาจึงวิ่งตรงมาที่พวกเขาอย่างไม่ลังเล
โฮวตงและคนอื่นๆตัวแข็งทื่อเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด พวกเขาไม่ตอบคำถาม
เหยเก่อกระวนกระวายหนัก เขาแทบจะล้มพับลงไปเมื่อเห็นกิ้งก่ายักษ์เข้ามาใกล้มากขึ้น เขายกปืนพกขึ้นมา “บ้าเอ๊ย เป็นใบ้กันหมดหรือไงวะ?”
“แกต้องการอะไร? นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาทำท่าทางป่าเถื่อนแบบนี้นะโว้ย” หลินเสี่ยวจีชักจะยัวะ เขาต้องสะกดอารมณ์เอาไว้ตลอดเวลา แต่เขาจะไม่ทนอีกแล้ว ไม่ใช่ตอนที่คนแปลกหน้ามาทำท่าทางหยาบคายแบบนี้กับเขา
“กล้าดียังไงมาเถียงกูวะ? มึงคิดว่ากูไม่กล้ายิงรึไง?” ความร้อนรนกระวนกระวาย, ความกลัว, ความโกรธ, ความหงุดหงิดรำคาญ – อารมณ์ด้านลบทั้งหมดพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา ทำให้เขาขาดสติยั้งคิด กระทั่งใบหน้าก็ยังบิดเบี้ยว
ปัง! ปัง! ปัง!
เขายกปืนขึ้นและเริ่มเหนี่ยวไกจนกระสุนหมด แล้วเขาก็ยังยิงต่อไปทั้งปืนเปล่าๆแบบนั้น
หลินเสี่ยวจีก้มลงมองที่หน้าอกของเขา เขาเห็นเลือดสดๆบนเสื้อเชิร์ตของเขาก่อนที่เขาจะล้มลงบนพื้น
หวังซีซีกรีดร้องอย่างตกใจ
เสียงปืนปลุกหวงเจียฮุยที่หมดสติไปแล้วให้ตื่นขึ้นมา เธอพยายามจะคว้าปืนพกที่เอวขึ้นมา แต่ก็รู้สึกว่ามีของแหลมๆเย็นๆจ่ออยู่ที่ด้านหลังพร้อมเสียงที่ดังขึ้นว่า “อย่าขยับ ถ้าขยับฉันจะแทง พาเราไปที่ที่ปลอดภัยเดี๋ยวนี้! เร็ว!”
การหายตัวไปของลู่หยวนทำให้หวงเจียฮุยสิ้นหวังมาก เธอคิดว่าความตายก็ไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายอะไร
หวงยู่อิงที่อยู่ที่นั่นด้วยสังเกตเห็นว่าหวงเจียฮุยดูจะไม่แคร์อะไรอีกแล้ว จึงรีบตะโกนขึ้น “อย่านะ พี่หวง!”
“เธอเองเหรอ?” หวงเจียฮุยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงหันมาพร้อมขมวดคิ้ว ไฟลุกพรึ่บขึ้นในดวงตาของเธอ “เธอพาคนพวกนี้มาที่นี่เหรอ? ฉันอุตส่าห์เห็นใจเธอนะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนไม่รู้บุญคุณคนแบบนี้!”
“ฉัน......ฉันเปล่านะ!” หวงยู่อิงตื่นตระหนก เธออยากจะอธิบาย แต่เธอไม่มีเวลา คนพวกนี้มาที่นี่ก็เพราะเธอ และเธอยังพาคนเข้าไปปล้นเสบียงที่บ้านเก่าอีกด้วย ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง พวกเขาก็คงไม่เชื่อใจเธอ
เหยเก่อโกรธมาก เขารู้สึกราวกับหัวจะระเบิด ทำไมไม่มีใครฟังเขาเลย? เขาดูใจดีเกินไปรึไง? พวกนั้นไม่เห็นกันรึไงว่าเขามีมีดกับปืนน่ะ? ไม่กลัวตายกันรึไง?
ก็ได้ เขาจะให้พวกมันสมปรารถนา ในขณะที่เขากำลังจะใส่กระสุนปืนเข้าไปใหม่นั่นเอง ใครบางคนก็หยุดเขาไว้
“เหยเก่อ อย่าเสียเวลากับคนพวกนี้เลย พวกมันไม่อยากไปก็ช่างหัวมัน เราไปที่บ้านพักกันก่อนเถอะ!” ชายในชุดสูทพูด
เหยเก่อระงับอารมณ์ของเขาเอาไว้แล้วพยักหน้า เขามองกลุ่มคนแล้วรีบตรงไปที่บ้านพัก หวงยู่อิงลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ทุกๆคนกระวนกระวายเกินกว่าจะสนใจเธอ
“ต้องมีที่ที่ปลอดภัยสักแห่งในนี้แน่ ทุกคนแยกย้ายกันค้นหาเร็วเข้า!” เหยเก่อพูดหลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว
บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก และเมื่อมีคนหลายคนช่วยกันค้นหา ไม่นานพวกเขาก็ค้นพบทางเข้าชั้นใต้ดิน ทุกคนรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องตกตะลึงกับจำนวนเสบียงในนี้
“มีอาหารเยอะชะมัด! ต้องมากกว่าร้อยลังแน่ พอให้เราอยู่กันได้ถึงครึ่งปีเลย” หม่าเหลียนพูดอย่างประหลาดใจ “เนื้อหมูตากแห้ง? น้ำแร่? แม่งเอ๊ย มีเครื่องปั่นไฟด้วย! พวกมันทำอะไรกันวะ ปั่นไฟใช้กันเรอะ?”
“เหี้ย พวกนั้นปั่นไฟใช้กันจริงๆด้วย นี่ไงมันต่อกับสายเคเบิ้ลนี่” ชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นตะโกน
“เวรเอ๊ย พวกนายเห็นทั้งหมดนี่แล้วใช่ไหม? เรายังมีเวลาอีกมากที่จะตรวจสอบมันในอนาคต ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไร ทุกคนเลย เงียบไว้ก่อน ถ้าสัตว์กลายพันธุ์เจอเราเข้า ทุกอย่างจบสิ้น” เหยเก่อพูดด้วยความโกรธ
ทุกคนรู้สึกกลัว และห้องใต้ดินก็เงียบลงทันที ตอนนั้นเองที่พวกเขาตระหนักได้ว่าไม่มีเสียงอะไรจากข้างนอกเลย พวกเขามองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง
เจ้ากิ้งก่ายักษ์หยุดลงที่สนามหญ้าห่างจากบ้านพักไม่กี่ร้อยเมตรอย่างที่มันเคยทำเป็นประจำ มันมองกลุ่มคนอย่างเฉยเมยก่อนจะหลับตาลงและเริ่มต้นส่งเสียงกรน
“พี่ลู่ นั่นไงพี่ลู่! เขาอยู่บนหลังของเจ้ากิ้งก่า!” หวังซีซีกรีดร้อง
หวงเจียฮุยจ้องมองไปที่หลังของกิ้งก่ายักษ์ และเห็นลู่หยวนนอนนิ่งไม่ขยับอยู่บนนั้น ความสุขของเธอเปลี่ยนเป็นความกังวลอย่างรวดเร็ว “เขาบาดเจ็บ! ฉันไม่รู้ว่ามันร้ายแรงหรือเปล่า รอที่นี่นะ ฉันจะไปตรวจดูเอง!”
เชาหลินก็กลัว แต่เธอยังคงเกาะหลังหวงเจียฮุยเอาไว้ “อย่าเข้าไป เธอจะทำให้เจ้ากิ้งก่าตกใจ”
“อย่าห้ามฉัน!” หวงเจียฮุยพูดขณะที่หันกลับมา “ถ้าห้ามอีกก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันอีกแล้ว”
เชาหลินปล่อยมืออย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเธอได้สติ หวงเจียฮุยก็วิ่งเข้าไปหาเจ้ากิ้งก่าแล้ว
“หวังซีซี รีบไปห้ามเธอเร็ว เธอเท่านั้นที่ทำได้!” เชาหลินพูดขึ้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหวงเจียฮุยแล้วลู่หยวนตื่นมาเจอล่ะก็ พวกเขาทุกคนแย่แน่
หวังซีซีสั่นหัว ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา “ฉันก็อยากไปดูด้วยเหมือนกัน!”
เธอเช็ดน้ำตาแล้ววิ่งตรงไปที่เจ้ากิ้งก่ายักษ์
ทุกคนมองหน้ากันอย่างตกใจ ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้ พวกเขาจะทำให้ลู่หยวนหรือผู้หญิงของเขาขุ่นเคืองไม่ได้
วัฒนธรรมจีนโบราณนั้นมีการแบ่งลำดับชั้นปกครอง เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้ว่าจะเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่างไรก่อนที่จะทำอะไรลงไป การทำให้ผู้อื่นพอใจคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ทุกคนที่เข้าสู่สังคมต้องรู้ การทำให้คนที่กุมชะตาชีวิตของคุณเอาไว้ไม่พอใจเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
“เอาไงดี? เราควรไปด้วยไหม?” โฮวตงลังเล
“พี่ลู่ช่วยชีวิตเราทุกคนไว้ ฉันไม่มีทางตอบแทนเขาได้เลย กระทั่งชีวิตก็ยังไม่พอทดแทนให้เขา ฉันจะไปด้วย!” หนิงเสี่ยวหลานพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
“งั้นก็ไปด้วยกัน!” เฉินเชี่ยนฟงตัดสินใจ
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจแค่ไหนก็ตาม
“ฉัน......ฉันต้องดูแลหลินเสี่ยวจี” ซันเสี่ยวหวู่พูดขึ้นอย่างหวาดกลัว ใบหน้าแดงก่ำเมื่อทุกๆคนมองดูเขาด้วยสายตาแปลกๆ
โฮวตงยิ้มเยาะ ซันเสี่ยวหวู่และหลินเสี่ยวจีไม่ได้สนิทกันเลยซักนิด พวกเขาไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ซันเสี่ยวหวู่มาพูดว่าเขาอยากดูแลหลินเสี่ยวจีเนี่ยนะ คนที่ถูกยิงหลายนัด ต่อให้เป็นคนที่วิวัฒนาการแล้วก็ต้องตาย ไม่มีอะไรให้ช่วยได้แล้ว
หลินเสี่ยวจีอยู่กับพวกเขาแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เขาไม่แสดงอารมณ์อะไรและยังยโสจองหองมาก นอกจากคนที่วิวัฒนาการแล้ว เขาปฏิบัติกับคนอื่นๆเหมือนพวกเขาไม่มีตัวตน เขานอนอยู่ตรงนั้นตั้งนาน ก็ไม่มีใครสักคนเข้าไปตรวจดูว่าเขาตายจริงหรือไม่
โฮวตงไม่อยากมีเรื่องกับใคร แต่เชาหลินไม่กลัว เธอพูดอย่างเหน็บแนมว่า “เขาตายไปแล้ว นายจะไปดูแลอะไรเขา? หาข้ออ้างที่จะหนีให้มันดีกว่านี้ไม่ได้รึไง? นายมีพรสวรรค์เรื่องคุยโม้โอ้อวดไม่ใช่เหรอ! เห็นพูดอยู่ตลอดเลยนี่ว่าเคยต่อสู้ตอนอยู่มัธยม แล้วตอนนี้ความกล้าหาญไปไหนซะล่ะ?”
ตลอดเวลามานี้ ซันเสี่ยวหวู่ชื่นชมสาวสวยที่มีสติปัญญาคนนี้ เขาพยายามเป็นพิเศษที่จะทำให้เธอพอใจทุกครั้งที่ทำได้ ตอนนี้ผู้หญิงที่เขาชอบกำลังดูหมิ่นเหยียดหยามเขาอย่างโหดร้าย ใบหน้าของเขาเป็นสีแดง เลือดของเขาเดือดพล่าน ไม่มีชายหนุ่มคนไหนชอบเสียหน้า เมื่อเขาปัดเธอออกไปจากใจได้ เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ถ้อยคำดูหมิ่นหยาบคายที่เขาไม่กล้าพูดในยามปกติ บัดนี้พรั่งพรูออกมาจากปากของเขา
“ถ้าฉันไม่อยากไปแล้วยังไง? เธอจะลากฉันไปตายด้วยไม่ได้หรอก ลู่หยวนอาจจะแข็งแกร่ง แต่ก็เพราะเขาโชคดีที่ได้วิวัฒนาการเท่านั้นแหละ แล้วไงอ่ะ? เขาก็ยังบาดเจ็บอยู่ดี เธออยากจะไปเลียก้นเขาอีกรึไง?”
“เงียบนะ!” เชาหลินสีหน้าไม่ดี
“ฉันไม่เงียบ!” ซันเสี่ยวหวู่รู้ว่าไม่มีทางให้หันกลับแล้ว “เขาก็แค่คนที่วิวัฒนาการแล้ว ทำไมเธอต้องพยายามเอาใจเขาตลอดเวลาด้วย? ฉันว่าเธอคงรออึ้บกับเขาไม่ไหวแล้วล่ะซิ สักวันฉันก็จะวิวัฒนาการเหมือนกัน พวกนายรอดูไปเถอะ!”
ใบหน้าของเชาหลินเป็นสีแดงกับขาวสลับกัน ริมฝีปากของเธอเริ่มมีเลือดออกจากการกัดปากตัวเองไม่หยุด
ทันใดนั้น เฉินเชี่ยนฟงก็วิ่งตรงเข้ามาเตะเขาล้มลงกับพื้น ซันเสี่ยวหวู่ทำสีหน้าบูดบึ้งขณะที่พยายามจะลุกขึ้น ก่อนที่เขาทันได้คิดอะไร เขาก็ถูกเตะเข้าที่หน้าอกอีกสองสามครั้ง เขาเริ่มร้องครวญครางพลางเอามือกุมหัวไว้
“ไอ้พวกเหี้ย เตะกูให้ตายไปเลยซิวะ” ซันเสี่ยวหวู่ตะโกน เขาค่อยๆยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคงนัก
เชาหลินเดินเข้ามาและตบหน้าเขา “ถ้าไม่อยากตายก็ออกไป!”
การถูกตบเหมือนจะช่วยให้ซันเสี่ยวหวู่ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เขามองไปรอบๆ และเห็นทุกคนมองกลับมาที่เขาอย่างเหินห่าง กระทั่งหนิงเสี่ยวหลานซึ่งไม่มีใครกล้าหาเรื่องด้วยก็ยังมีใบหน้าเฉยเมย เธอมองเขาราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้า
สีหน้าเฉยเมยของเธอทำให้เขารู้สึกเย็นวูบ
เขาพูดอะไรออกไป? เขาพูดแบบนั้นออกไปได้อย่างไร? เขายิ้มฝืนๆ พยายามที่จะแก้สถานการณ์ “ฉัน......ฉันไม่รู้ว่า......”
“ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ?” การรังแกคนไม่มีทางสู้เป็นการกระทำที่ทุเรศ โฮวตงพูดขึ้นอย่างดูถูก “อยากให้เราหักขาแกด้วยรึไง?”
ซันเสี่ยวหวู่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีก เขารู้ว่าเขาไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป เขามองลู่หยวนที่อยู่ห่างออกไป ไม่มีใครรู้ว่าเขายังอยู่หรือตายแล้ว เขาคิดถึงกลุ่มคนที่ดุร้ายเมื่อสักครู่แล้วก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ได้ ฉันจะไป ฉันจะไป! พวกแกอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
เขาฉีกยิ้มแล้วชี้นิ้วมาที่คนอื่นๆ จากนั้นก็ถอยหลังช้าๆและพุ่งตรงเข้าไปที่บ้านพัก ไม่นานก็ผ่านประตูเข้าไป
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
ซันเสี่ยวหวู่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่ ไม่มีใครรู้ว่าลู่หยวนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อซันเสี่ยวหวู่เปิดเผยข้อมูลออกไป ผลลัพธ์คงไม่อาจคาดเดาได้ ดูจากท่าทางของเขาเมื่อกี้แล้ว เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“บ้าชิบ เราไม่น่าปล่อยเขาไปง่ายๆแบบนั้นเลย!” โฮวตงพูดด้วยความโกรธ
พวกเขาเพิ่งหลุดออกมาจากความเคยชินของตัวเอง และยังไม่เคยฆ่าคนเลยสักครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าความใจอ่อนของตัวเองจะก่อให้เกิดผลเช่นนี้
“มีเจ้ากิ้งก่ายักษ์อยู่ที่นี่ คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรหรอก” เชาหลินพยายามปลอบใจคนอื่นๆและตัวเธอเอง “ไปดูกันเถอะว่าพี่ลู่เป็นยังไงบ้าง ถ้าเขารอดมาได้ เขาจะควบคุมเจ้ากิ้งก่า แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง ไปดูกันเถอะ”
ในตอนนั้นหวงเจียฮุยได้มาอยู่ข้างหน้ากิ้งก่ายักษ์เรียบร้อยแล้ว ยิ่งเธอเข้ามาใกล้มากเท่าไร เจ้ากิ้งก่าก็ดูตัวใหญ่มากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้มันจะนอนอยู่บนพื้น มันก็ยังสูงถึง 3 เมตรและยาวประมาณ 7 เมตร มันดูเหมือนกำแพงหนาๆเลย
โดยปกติแล้ว หวงเจียฮุยจะไม่กล้าเข้าใกล้มัน เธอรู้สึกเครียดมาก ยิ่งเข้าใกล้มันมากขึ้น เธอก็ยิ่งหายใจไม่ออก เธอสนใจแต่ความปลอดภัยของลู่หยวนเท่านั้นนอกนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีก
เจ้ากิ้งก่ายักษ์รู้สึกได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ใกล้ๆ จึงลืมตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่เย็นชาและใหญ่โต มันเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ 2 ตัวเข้ามาทางด้านข้าง จึงหลับตาลงอีกครั้ง
เจ้าตัวจ้อยพวกนี้เคยเป็นแหล่งอาหารหลักของมัน สมองขี้เลื่อยของมันจำไม่ได้หรอกว่ามันเคยกินเจ้าพวกนี้ไปมากแค่ไหน ถ้ามันไม่ได้โชคดีที่ได้พบกับสิ่งมีชีวิตคนนั้นและยอมเชื่อฟังเขา มันก็ยังคงกินเจ้าตัวจ้อยพวกนี้ต่อไปแน่ๆ
สำหรับกิ้งก่ายักษ์แล้ว อาหารชนิดนี้ก็งั้นๆแหละ เนื้อของมันนุ่มและเละเกินไป แทบไม่มีรสชาติอะไร กินเข้าไปแค่ไหนก็ไม่รู้สึกอิ่ม มันจะกินก็ต่อเมื่อไม่มีทางเลือกอย่างอื่นเท่านั้น มันไม่สนใจอาหารชนิดนี้อีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่ามันจะหิวแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่กล้ากินพวกเขา หลังจากโดนทำโทษมาหลายครั้ง ในที่สุดมันก็รู้ว่าอย่าไปยุ่งกับสิ่งมีชีวิตพวกนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะดูอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม
ทั้งสองคนตกใจเมื่อเจ้ากิ้งก่ายักษ์ลืมตาขึ้นมา พวกเธอเหงื่อแตกไม่หยุดและเกือบจะลื่นล้ม
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร! เจ้ากิ้งก่าจำเราได้!” หวงเจียฮุยพูดพลางตบหน้าอกตัวเองเบาๆ
“พี่......พี่ลู่เคยบอกว่าเจ้ากิ้งก่าจะไม่กินคน เราจะขี่หลังมันและเล่นกับมันได้” หวังซีซีพึมพำ เธอเกือบหัวใจวายตาย ตอนนั้นเธอคิดว่าเธอจะตายจริงๆ เธอยังรู้สึกกลัวอยู่เลย และร่างกายของเธอก็สั่นไม่หยุด
“ใช่ ลู่หยวนเคยพูดด้วยว่าเจ้ากิ้งก่ามันอ่อนโยนมาก” หวงเจียฮุยพูด
พวกเธอสองคนปลอบใจกันเองและมีความกล้าที่ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
ไม่กี่นาทีต่อมา หวงเจียฮุยก็แตะที่เกล็ดของกิ้งก่ายักษ์ ตัวเธอสั่นระริก “มันลื่นเกินไป ไม่มีที่ให้เราวางเท้าปีนขึ้นไปได้เลย มันเป็นไปไม่ได้”
“แล้วถ้าฉันใช้พลังจิตเอาตัวเขาลงมาล่ะ?” หวังซีซีพูด
หวงเจียฮุยเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อไม่มีทางอื่นเธอจึงต้องตัดสินใจ “ลองดูละกัน แต่ระวังนะ อย่าให้เขาตกลงมาล่ะ”
เมื่อหวังซีซีเริ่มใช้พลังของเธอ เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็ลืมตาขึ้น พอรู้ว่าพลังนั้นไม่ได้คุกคามมัน มันก็หลับตาลงอีกครั้ง
พวกเธอสองคนใช้พลังทั้งหมดในการเคลื่อนย้ายลู่หยวนลงมา และวางเขาลงกับพื้นอย่างระมัดระวัง ไม่ถึง 1 นาที หลังของทั้งคู่ก็เปียกโชก
ในตอนนั้นเอง คนอื่นๆก็เดินเข้ามาที่นั่นด้วย ถึงแม้ว่าเจ้ากิ้งก่ายักษ์จะไม่โจมตีพวกเขา ทุกคนก็ยังกลั้นหายใจเอาไว้ พวกเขากลัวว่าจะไปทำให้เจ้ากิ้งก่าตื่นตกใจ
“ฉันเคยเป็นพยาบาล รู้วิธีปฐมพยาบาลอยู่บ้าง ให้ฉันดูเถอะพี่หวง” หนิงเสี่ยวหลานพูดเบาๆ
หวงเจียฮุยพยักหน้าและขยับที่ให้แก่หนิงเสี่ยวหลาน
หนิงเสี่ยวหลานหน้าแดงขณะถอดเสื้อของลู่หยวนออก ทุกคนอ้าปากค้างอย่างตกใจเมื่อพวกเขาเห็นเสื้อกันกระสุนที่เต็มไปด้วยรู
หวงเจียฮุยเอามือปิดปากแล้วหันหน้าหนี น้ำตาไหลลงมาตามแก้ม
ดวงตาของหนิงเสี่ยวหลานก็แดงเช่นกัน เธอต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการถอดเสื้อกันกระสุนนั่นออก เผยให้เห็นร่างกายส่วนบนที่แข็งแรงกำยำของลู่หยวน หน้าอกของเขาเหยียดตึงขณะที่หายใจเข้าออกราวกับเครื่องจักรที่แม่นยำ ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและสง่างาม กระทั่งผู้ชายก็ยังอดมองไม่ได้
หนิงเสี่ยวหลานสูดลมหายใจเข้าลึก และใช้มือเล็กๆของเธอกดลงบนหน้าอกของเขาเบาๆ และเมื่อเธอพลิกตัวเขา เธอก็เห็นว่าเขามีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มหลังไปหมด
เธอปิดปากด้วยความกลัว และแตะหลังเขาอย่างระมัดระวังขณะที่พูดว่า “พี่ลู่คงกระอักเลือดมาก่อนหน้านี้ หลังของเขาต้องถูกบางอย่างกระแทกใส่แรงมาก มันไม่ได้หัก แต่เขามีไข้สูง อวัยวะภายในของเขาอาจจะบาดเจ็บ”
“เราจะทำอะไรได้บ้าง?” หวังซีซีร้องไห้
“ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์การแพทย์หรือยาเลย เขาจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดวงแล้ว”
“ไม่ ลู่หยวนเคยได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อน เขารอดมาได้เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน” หวงเจียฮุยตรงเข้าไปหาลู่หยวนและจับมือเขาไว้ “ลู่หยวน ตื่นเถอะ นายต้องไม่เป็นไรนะ”
หวังซีซีร้องไห้หนักมากจนดูเหมือนจะหายใจไม่ทัน
โฮวตงหยิบเศษชิ้นส่วนของเสื้อกันกระสุนขึ้นมาเงียบๆ เขาพยายามหักมัน แต่ก็ไม่สามารถทำให้มันฉีกขาดได้เลยแม้แต่น้อย เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพียงเพื่อจับมันงอได้นิดนึง
หัวใจของเขาสั่นระริก ถ้าอุปกรณ์ป้องกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังเสียหาย เขานึกไม่ออกเลยว่าครั้งนี้ลู่หยวนเจอการโจมตีแบบไหนเข้าไป มันเป็นปาฏิหาริย์ที่เขายังไม่ตาย
ในตอนที่ทุกๆคนคิดว่าลู่หยวนจะไม่รอดนั่นเอง หวงเจียฮุยก็รู้สึกว่ามือของเขาขยับเล็กน้อย วินาทีต่อมา เธอก็เห็นลู่หยวนลืมตาขึ้นมาช้าๆและลุกขึ้นนั่ง
เขามองซ้ายมองขวา แล้วมองหน้าทุกๆคนก่อนจะพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้ตอนที่ตื่นขึ้นมาแฮะ ฉันไม่เป็นไร ทุกคนไปเถอะ”
เขาลุกขึ้นยืนภายใต้สายตาจ้องมองของทุกคน หวงเจียฮุยและหวังซีซีรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ พวกเธอเพิ่งจะร้องไห้เหมือนโลกจะถล่มอยู่เมื่อกี้ แล้วลู่หยวนก็ลุกขึ้นยืนง่ายๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จริงเหรอ? ไม่เป็นไรแน่นะ? แล้วหลังของนายล่ะ?” หวงเจียฮุยพูดอย่างสงสัย เธอคิดว่าบางทีลู่หยวนอาจจะแกล้งทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร
“ฉันรู้อาการบาดเจ็บของตัวเองดีน่า พวกมันก็แค่บาดแผลตื้นๆเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ลู่หยวนพูดขณะที่หยิบเสื้อขึ้นมาใส่
มันเป็นความจริง อาการบาดเจ็บที่หลังของเขาอาจจะดูหนักหนาสำหรับคนอื่น แต่ระบบอัพเกรดได้ทำการฟื้นสภาพร่างกายให้กับเขาด้วย อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่จึงรักษาหายไปแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรักษาตัวเองของเขา เขาน่าจะหายดีในอีกไม่กี่วัน
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาหลับตาลงและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกลับที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาขณะที่เขาก้าวเดินบนพื้น เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพื้นดินที่อยู่ใต้เท้าของเขากำลังหลอมรวมเข้ากับเขา และสัมผัสได้ถึงชีพจรของผืนดินที่กำลังเต้นอยู่