หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่  115  การกลับมา

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่  115  การกลับมา

ลู่หยวนเกือบหมดสติไปแล้วตอนที่ เลเวลอัพ  เขาเริ่มได้พลังกลับคืนมาอย่างช้าๆ  พลังจิตของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วย  เขาพยายามอย่างหนักที่จะยกเปลือกตาที่หนักอึ้งของเขาขึ้นและลุกขึ้นยืน

อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่ลู่หยวนเป็นกังวลก็คือความรู้สึกแปลกๆในร่างกายของเขายังไม่หายไป  แต่มันกลับรุนแรงขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป  เขารู้สึกได้ว่ามีไฟกำลังลุกไหม้อยู่ภายในร่างของเขาจนเขาคิดว่าเขาอาจจะไฟลุกเผาตัวเองได้ในไม่ช้าถ้ามันยังไม่หยุด

“หรือจะเป็นเพราะพิษ?

แต่เมื่อมองดูเจ้ากิ้งก่ายักษ์กินอวัยวะของหนอนดินพันรยางค์เข้าไป  เขาก็รู้คำตอบว่าไม่ใช่  ถ้าเจ้าหนอนดินมีพิษ  ไม่ว่าเจ้ากิ้งก่ายักษ์จะแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม  มันก็ต้องมีปฏิกิริยาบ้างหลังจากเขมือบเลือดเนื้อของเจ้าหนอนดินไปมากขนาดนั้น

เขาระงับความกลัวเอาไว้ก่อนแล้วตรวจสอบร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง  หลังของเขาเจ็บหลังจากกระแทกกับก้อนหินใหญ่  แต่นอกนั้นก็ไม่มีบาดแผลหนักหนาอะไร  กลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจากสมองของสัตว์กลายพันธุ์เป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุด

ขณะที่ลู่หยวนแทงทะลุกะโหลกของหนอนดิน  เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องโดนสมองของมัน  และบางส่วนก็กระเด็นเข้าใส่เต็มใบหน้าของเขา

เรื่องที่เขากำลังอ่อนแอลงทำให้เขาเริ่มประสาทเสีย  ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงคะแนนคุณสมบัติของเขาขึ้นมาได้  และรีบเปิดหน้าต่างคุณสมบัติขึ้นมาทันที

“ไม่มีทางเลือกแล้ว  ทำได้แค่ใส่คะแนนลงไปที่ค่าร่างกายนี่แหละ  หวังว่าค่าร่างกาย 14 แต้มจะช่วยให้รอดไปได้นะ”

แต่เมื่อลู่หยวนกำลังจะเพิ่มแต้มเข้าไป  ระบบก็ส่งข้อความใหม่มาให้เขา

“คำเตือน!  คำเตือน!  ผลการวิเคราะห์จากระบบ : มียีนแปลกปลอมที่แข็งแรงรุกล้ำเข้ามาในร่างกายของคุณ  ทำให้ยีนของคุณมีปฏิกิริยาต่อต้าน”

“ตอนนี้คุณกำลังวิวัฒนาการ  มีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวซึ่งอาจส่งผลให้พันธุกรรมสลายตัวได้”

“โปรดเลือกสถานที่ปลอดภัยในการนอนหลับ  ใช้เวลาในการวิวัฒนาการประมาณ 10-30 นาที”

ลู่หยวนมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ  เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะประหลาดใจหรือกังวลดี

ถ้าเขาวิวัฒนาการล้มเหลว  เขาก็อาจจะตาย  แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก  เมื่อการวิวัฒนาการเริ่มขึ้นแล้ว  ก็ไม่สามารถหยุดได้  เขาจะรอดหรือตายก็ขึ้นอยู่ที่โชคชะตาแล้ว  ลู่หยวนต้องยอมรับมันไม่ว่าจะอยากหรือไม่ก็ตาม

เขามองไปรอบๆ  ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน  มีสัตว์กลายพันธุ์นอนตายอยู่ตัวหนึ่ง  ขั้นสีน้ำเงินด้วย  มันย่อมเป็นตัวล่อชั้นดีที่จะล่อพวกนักล่ามากมายให้เข้ามา  กระทั่งสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสีน้ำเงินก็อาจจะโผล่มาได้

เขาต้องหาที่ปลอดภัย

ยีนของมนุษย์และยีนของสัตว์กลายพันธุ์ในตัวเขากำลังทำสงครามกันอย่างดุเดือด  ทำลายเซลล์ของเขาทั้งหมด  สงครามนี้เกี่ยวข้องกับทุกอย่างไม่เพียงแต่ด้านพันธุกรรมเท่านั้น  จึงต้องใช้พลังทั้งหมดที่เขามีสะสมไว้จากการอัพเกรดเลเวล  ลู่หยวนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอีกครั้ง  หนังตาของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ

เขาเข้าใจว่านี่เป็นการป้องกันตัวเองของร่างกายเขา  การต่อสู้กันทางพันธุกรรมเป็นการต่อสู้ที่มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้  แต่ก็โหดร้ายมาก  ทุกพื้นที่ตารางนิ้วจะถูกรวมเข้าสู่การต่อสู้  ฝ่ายใดครอบครองพื้นที่ได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ  ในระหว่างที่นอนหลับ  ความสูญเสียจะลดจำนวนลง  พลังงานสำรองจะถูกใช้ในการต่อสู้  เขาจำเป็นต้องหาสถานที่ปลอดภัยในการนอน  ลู่หยวนมองซ้ายมองขวา  ดวงตาของเขาส่องประกายเมื่อเห็นเจ้ากิ้งก่ายักษ์  เขารีบกระโดดลงจากหัวของหนอนดิน  และเกือบลื่นล้มเนื่องจากขาไม่มีแรง  นี่ทำให้เขายิ่งประสาทเสียมากขึ้น  เขาลากขาตรงเข้าไปหาเจ้ากิ้งก่ายักษ์  ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีปีนขึ้นไปบนหลังของมัน

“กลับที่พัก!”  ลู่หยวนตะโกนเสียงแหบ  เขาตบหลังเจ้ากิ้งก่าและเอนตัวลง  ไม่นานเขาก็สิ้นสติไป

แม้ว่าไอคิวของเจ้ากิ้งก่ายักษ์จะไม่สูง  แต่หลังจากถูกฝึกอย่างดุเดือดเข้มงวดและยาวนาน  คำที่ถูกใช้บ่อยๆก็ฝังเข้าสู่สมองขี้เลื่อยของมันไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากได้ยินเสียงของลู่หยวน  เจ้ากิ้งก่าก็หยุดสิ่งที่มันกำลังทำ  และเอียงหัวเล็กน้อยราวกับว่ามันกำลังฟังอยู่  เจ้ากิ้งก่ามองอวัยวะภายในทั้งหมดที่มันดึงออกมาแล้วลังเล

จากนั้นมันก็อ้าปาก  ยืดคอ  และเขมือบชิ้นสุดท้ายเข้าไป

มันเคารพเชื่อฟังลู่หยวนเป็นอย่างมาก  ถึงแม้ว่ามันจะไม่เต็มใจไป  มันก็ยอมเดินกลับไปยังที่พักตามคำสั่ง

หูเฟยอยู่ที่ไหน?  ทำไมคนแค่ไม่กี่คนถึงหนีไปได้?  ชายร่างสูงล่ำบึกผิวสีแทนเล็กน้อยกำลังมองผู้คนที่อยู่ข้างหน้าเขา  พวกเขาเคยมีมากกว่า 50 คน  แต่ตอนนี้เหลือประมาณ 10 คนเท่านั้น  ใบหน้าของเขาหม่นหมอง

“เหยเก่อ  ครั้งนี้ทุกคนหนีกันไปแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้  ไม่มีใครรู้ว่าหูเฟยหนีไปที่ไหน  ไม่มีใครคิดหรอกว่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับนี้จะมาถึงที่นี่  มันยากที่จะหาพวกทรัพยากรแล้วล่ะ  ทุกอย่างพังหมดแล้ว!”  ชายที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสัตว์กลายพันธุ์พูดขึ้น  ฟังดูเหมือนใจสลาย  ใบหน้าของเขาเหมือนถูกกัดกร่อน  รูเล็กๆมีอยู่ทั่วใบหน้า  และมีหลายแห่งที่เห็นไปถึงกระดูก  ดูน่าสยดสยอง

“เสียแหล่งทรัพยากรไป  ก็หาใหม่ได้  สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการหาที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัย”  ชายใบหน้าเหมือนม้าพูดขึ้นเสียงแหบห้าว

“เราต้องหาที่อยู่ที่ปลอดภัยอยู่แล้วล่ะ  ที่นี่อันตรายเกินไป  พวกเราจะตายกันหมด  หม่าเหลียน  นายว่าเราจะไปที่ไหนกันดี?  เหยเก่อพูดพลางพยักหน้า

“นายคิดว่าฉันมีที่ที่ปลอดภัยแอบไว้งั้นเหรอ?  หม่าเหลียนส่ายหัว  ทันใดนั้นเขาก็เหมือนจะนึกบางอย่างออก  และหันไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในกลุ่มคน  “เฮ้ เธอน่ะ!  คราวที่แล้วเธอพาเราไปที่ไหนนะ?

ผู้หญิงที่มีผมสกปรกรุงรังคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา  เธอสวมชุดขาดรุ่งริ่งที่แทบจะปกปิดร่างกายของเธอเอาไว้ไม่ได้  ผิวสีขาวราวหิมะของเธอเผยออกมา  และมีคราบเปรอะเปื้อนอยู่บนเสื้อ  กลิ่นของเธอตั้งแต่หัวถึงเท้านั้นแย่มาก  เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังมองเธออยู่  เธอก็พูดขึ้นว่า  “พี่ใหญ่  ฉันชื่อหวงยู่อิง”

“เธออยากโดนตีอีกรึไง?  หม่าเหลียนมองเธอแล้วบีบหน้าอกเธออย่างแรง

ส่วนนั้นของเธออ่อนไหวมาก  หวงยู่อิงหน้าซีดด้วยความเจ็บ  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงฝืนยิ้ม  “ฉันขอโทษ  พี่ใหญ่  มันคือเขตจิงหยู  ฉันเคยอยู่ที่นั่น”

“บ้าเอ๊ย  นี่เธอไม่เคยอาบน้ำเลยนี่หว่า  มือฉันเหม็นหมดแล้ว!”  หม่าเหลียนดมมือตัวเองแล้วเอาผ้าขนหนูเปียกที่เขาเก็บไว้ในกางเกงออกมาเช็ดมือ  “ใช่แล้ว  เขตจิงหยู  จำได้ละ  มีของหลายอย่างที่นั่นที่เราไม่ได้เอามาด้วย  อาหารเราจะไม่หมดในเร็วๆนี้แน่  บางทีเราอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่นได้”  หม่าเหลียนพูดกับกลุ่มคน

“มันอันตรายไหม?   แล้วที่หลบภัยล่ะ?  ชายหนุ่มที่เสียโฉมคนหนึ่งพูดขึ้น

“ที่หลบภัยไกลเกินไป”  ชายวัยกลางคนในชุดสูทถือไรเฟิลพูดขึ้น  เขาส่ายหน้าอย่างใจเย็นแล้วเสริมว่า  “คนพวกนั้นก็โหดร้ายป่าเถื่อนเกินไป  ฉันได้ยินจากคนที่หนีพวกนั้นมา  พวกเขาบอกว่าพวกนั้นกินเนื้อมนุษย์ด้วย  ไม่ใช่พวกที่รับมือได้ง่ายๆเลย  พวกนั้นจะหักหลังเราได้”

เหยเก่อขมวดคิ้วคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า  “งั้นไปที่เขตจิงหยูกัน  มันน่าจะเป็นการเดินทางที่ปลอดภัย  เราจะใช้อาวุธระยะประชิดจัดการกับพวกสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสูง”

“เราเคยไปที่นั่นมาก่อน  มันน่าจะปลอดภัย!”  ชายหนุ่มที่เสียโฉมพูดขึ้น

“ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า”  เหยเก่อมองเขา  ถือดาบสีขาวที่ทำจากฟันของสัตว์กลายพันธุ์เอาไว้ในมือ

คนหลายคนหันไปทางอื่นและเดินไปที่ถนน  คนอื่นๆที่เหลือรีบตามไป  คนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  พวกเธอทุกคนดูซึมกะทือราวกับว่าสูญเสียตัวตนไปแล้ว  หวงยู่อิงแตะหน้าอกของเธอซึ่งมีรอยช้ำจากการถูกบีบเค้น  ก่อนจะตามกลุ่มคนไปยังเขตจิงหยู

นอกจากสัตว์กลายพันธุ์ขั้นต่ำสองตัวที่พบ  การเดินทางทั้งหมดก็ราบรื่นดี  ภายใน 30 นาที  พวกเขาก็มาถึงเขตจิงหยู

“นี่ไม่ดีแล้ว  นั่นรอยเท้าใช่ไหมน่ะ?  ชายในชุดสูทก้มลงตรวจสอบรอยเท้าที่โคลน  สีหน้าของเขากระสับกระส่ายขณะที่พูด  “มันยังใหม่  ไม่น่าจะเกิน 1 วัน  ที่นี่อันตราย  เราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”

“แน่ใจเหรอ?  เหยเก่อถามอย่างเคร่งเครียด

“นายก็รู้ว่าฉันเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันการลักลอบสินค้าผิดกฎหมายที่ชายแดนยุนนัม  ที่นั่นมีป่าอยู่ทุกที่  ฉันมองไม่ผิดหรอก”  ชายวัยกลางคนในชุดสูทมองดูพื้นดินขณะที่เดินไปมา  “มีรอยเท้ามากมายอยู่แถวนี้  บางอันเก่ามาก  แต่บางอันก็ใหม่  ที่เรารู้แน่ๆเลยก็คือนี่เป็นถนนที่คึกคักน่าดูเลยล่ะ  สัตว์ตัวที่ทำรอยเท้าเอาไว้มากที่สุดเพิ่งไปจากที่นี่  ฉันคิดว่ามันจะกลับมาไม่ช้าก็เร็ว  จริงๆแล้วมันอาจจะกลับมาตอนนี้ก็ได้”

การมาถึงที่นี่นั้นไม่ง่ายเลย  และตอนนี้พวกเขาต้องจากไปอีกครั้ง  พวกเขาไม่รู้กระทั่งว่าจะไปที่ไหนต่อดี  เหยเก่อไม่อยากยอมแพ้  “นายบอกได้ไหมว่าสัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นอยู่ขั้นไหน?  เขาถามอย่างมีความหวัง

ถ้าเป็นแค่ขั้นธรรมดาทั่วไป  ทำไมถึงจะไม่ลองเสี่ยงฆ่ามันดูล่ะ?  สัตว์กลายพันธุ์ขั้นสองสามารถฆ่าได้ด้วยไรเฟิล  ขั้นสามฆ่ายากขึ้นมาหน่อย  ครั้งที่แล้วพวกเขาต้องเสียคนไปมากกว่าสิบคนเพื่อฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสามที่บาดเจ็บสาหัส  คนที่วิวัฒนาการแล้วคนหนึ่งตายในการต่อสู้ครั้งนั้น  และใบหน้าของเติ้งเชาก็เสียโฉม  การขาดประสบการณ์เป็นปัจจัยที่ทำให้เป็นเช่นนี้  พวกเขาบางคนเพิ่งจะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิต

ชายในชุดสูทส่ายหัว  “บอกไม่ได้หรอก  แต่ดูจากรอยเท้าแล้ว  สันนิษฐานได้ว่ามันหนักมากกว่า 10 ตัน  และยาวประมาณ 4-5 เมตรไม่รวมหาง  จากขนาดของมัน  น่าจะเป็นสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสาม”

ฝูงชนพากันถอนใจด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

“ไปกันเถอะ  เหยเก่อ  ที่นี่อันตรายเกินไป  เราต้องไปที่อื่นกันแล้ว”  หม่าเหลียนพูด  ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ

ทันใดนั้น  ชายในชุดสูทก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัยเป็นอย่างมาก  “มีรอยเท้าคนอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย?

ทุกคนมองตาม  พวกเขาเห็นรอยเท้ามนุษย์หลายรอยอยู่ข้างๆรอยเท้าขนาดใหญ่ของสัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้น

“ยังมีมนุษย์อยู่แถวนี้ด้วยเหรอ?  ชายหนุ่มที่เสียโฉมที่ชื่อเติ้งเชาถามอย่างไม่แน่ใจ

ทันใดนั้น  พื้นดินก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย  และก่อนที่พวกเขาจะทันทำอะไร  สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่มุมถนน

มันมีเกล็ดสีเขียวมรกตเป็นมันเงา  หัวของมันมีหงอนแหลมรูปร่างโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยวอยู่เต็ม  ทันใดนั้นมันก็ยกหัวขึ้นและมองมาทางพวกเขา

ทุกคนรู้สึกเหมือนโดนหนามแหลมแทงเข้าที่หัว  พวกคนที่วิวัฒนาการแล้วยังคงสงบนิ่ง  แต่คนธรรมดานั้นพากันสติแตก  บางคนทนไม่ไหวก็วิ่งหนีไป  ทั้งกลุ่มเหลือคนอยู่ครึ่งเดียวในพริบตา

เหงื่อเย็นๆเริ่มไหลลงมาตามหน้าผากของคนที่วิวัฒนาการแล้ว  เหยเก่อกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว  รู้สึกกดดันอยู่ในใจ  สัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้ใหญ่เกินไป  และมันก็ไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย  สัตว์กลายพันธุ์ที่บาดเจ็บสาหัสที่พวกเขาเคยสู้ด้วยก่อนหน้านี้เทียบกับมันไม่ได้เลย  เขารีบมองซ้ายมองขวาอย่างเร็ว

หัวใจของเขาดิ่งลงเมื่อตระหนักว่าพวกเขากำลังยืนอยู่บนถนนสายตรง  ทางแยกที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปสองสามร้อยเมตร  ตึกอาคารบนถนนสายการค้าที่อยู่ใกล้ๆพวกเขานั้นค่อนข้างเตี้ย  ถ้าพวกเขาไปซ่อนที่นั่น  สัตว์ตัวนั้นจะหาพวกเขาพบในทันที  ไม่มีที่ให้พวกเขาซ่อนตัวเลย  เขามองทางเข้าเขตแล้วตะโกนขึ้นว่า  “ไม่มีทางเลือกแล้ว!  ลุยกันเลย  แล้วแต่โชคชะตาล่ะวะ!”

หวงยู่อิงสีหน้าซีดเผือดอย่างที่สุด  เธอต้องใช้พละกำลังทั้งหมดในการวิ่งเพื่อตามคนอื่นๆให้ทัน  เขตเล็กๆที่เธอมีความทรงจำมากมายนี้  ได้กลายเป็นสถานที่ที่อันตรายไปแล้ว  พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น  สัตว์ตัวนั้นก็เข้ามาใกล้มากขึ้น  เธอรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด

“มีคนอยู่ตรงนั้นใช่ไหมน่ะ?  อยู่ๆหม่าเหลียนตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

พวกเขาเห็นผู้ชายกับผู้หญิงไม่กี่คนยืนอยู่ตรงที่โล่งไกลออกไป  ดูเหมือนพวกเขากำลังรอคอยใครบางคนอยู่

หวงยู่อิงตกตะลึงเมื่อมองไปที่พวกเขาอย่างใจลอย  ขาของเธอเคลื่อนไหวไปเองราวกับหุ่นยนต์  เมื่อมองใบหน้าที่คุ้นเคยของพวกเขา  หัวใจของเธอก็เต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกต่างๆผสมปนเปกัน

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.