spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 108 ไฟฟ้าช็อต
ลู่หยวนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเห็นหนิงเสี่ยวหลานถูกพามาที่เก้าอี้ยาวแล้ว ทั่วร่างของเธอแดงราวกับกุ้งต้มซึ่งดูเหมือนกับสภาพของหวังซีซีตอนที่เธอวิวัฒนาการ
“อย่าเข้าไปใกล้เธอ ถอยออกมาหน่อย ระวังด้วย” ลู่หยวนพูด การวิวัฒนาการทุกครั้งก็เหมือนการพนัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะได้พลังพิเศษแบบไหนมา เขาจึงต้องป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่จำเป็นไว้ก่อน
ทุกคนก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าสับสน ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หนิงเสี่ยวหลานก็ยังอยู่ในอาการโคม่า ลู่หยวนเริ่มกังวล เขาจำได้ว่าหวังซีซีไม่ได้ใช้เวลาในการวิวัฒนาการนานขนาดนี้ เขาเดินเข้าไปหาเธอและวางมือไว้ที่หน้าผาก ลู่หยวนตกใจเมื่อพบว่าอุณหภูมิในร่างของเธอสูงมาก น่าจะประมาณ 60 องศาเซลเซียส อุณหภูมิขนาดนี้เพียงพอที่จะทำเนื้อให้สุกได้เลย
ลู่หยวนถอนใจพลางส่ายศีรษะ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า “อุณหภูมิในร่างของเธอสูงเกินปกติไปมาก คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เตรียมตัวเผาศพเธอได้”
“เป็นไปไม่ได้! เธอยังดูปกติดีอยู่นี่!” เชาหลินตื่นตระหนก น้ำตาคลอ พวกเธอทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน เธอสนิทกับหนิงเสี่ยวหลานมาก เธอไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าเพื่อนของเธอกำลังจะตาย
“บางที อาจจะมีปาฏิหาริย์ก็ได้นะ” หวงเจียฮุยพูดขึ้น รู้สึกเศร้าเช่นกัน “ยังไงซะ เราก็ยังไม่รู้ขั้นตอนการวิวัฒนาการดีเลยนี่ กรณีของเธออาจจะแตกต่างจากหวังซีซีก็ได้ ใช่ไหม?”
“ก็หวังว่างั้น!” ลู่หยวนพยักหน้า แล้วเอามือล้วงกระเป๋า เขานึกขึ้นได้ว่าเขาโยนบุหรี่ทั้งหมดทิ้งไปแล้วเมื่อเช้านี้เพื่อฝึกฝนพลังความมุ่งมั่น โฮวตงรีบยื่นให้เขามวนนึงแต่เขาปฏิเสธ จากนั้นจึงหันมาถามหลินเสี่ยวจีว่า “นายวิวัฒนาการเมื่อไร?”
หลินเสี่ยวจีพยายามนึกขณะที่พูดว่า “สักสองสามวันก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายขึ้นกลางเมือง ผมอดมาหลายวันแล้วและเริ่มเวียนหัว โดยทั่วไปแล้ว ผมกินทุกอย่างที่หาได้ กินกระทั่งนุ่นในผ้านวม จริงๆนะแม่งโคตรหยะแหยงเลย ผมขี้ไม่ออกตั้งหลายวัน”
พวกผู้หญิงพากันขมวดคิ้วมองเขา
หลินเสี่ยวจีไม่ทันได้สังเกตสายตาของพวกเธอ เขาพูดต่อว่า “วันนั้นผมค่อนข้างโชคดี สัตว์กลายพันธุ์ถูกเครื่องบินขับไล่ยิงตายตรงหน้าตึกที่ผมอยู่ ผมกำลังจะตายอยู่เหมือนกัน ก็เลยออกไปเอาเนื้อมันกลับเข้ามา แล้วกลืนมันเดี๋ยวนั้นเลย หลังจากนั้นผมก็หลับไป พอตื่นมาก็กลายเป็นผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้ว”
ลู่หยวนไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เขาคิดว่าหลินเสี่ยวจีโชคดีเกินไปแล้ว
“ตาของหนิงเสี่ยวหลานขยับแล้ว!” เชาหลินเห็นตาของหนิงเสี่ยวหลานขยับเคลื่อนไหวตอนที่ลู่หยวนกับหลินเสี่ยวจีกำลังคุยกัน เธอประหลาดใจมากจนลืมคำเตือนของลู่หยวน และพุ่งเข้าไปที่ด้านข้างของหนิงเสี่ยวหลานและกุมมือเธอไว้
ลู่หยวนจะห้ามเธอแต่ก็สายไปแล้ว เชาหลินถูกกระแสไฟฟ้าช็อตทันทีที่นิ้วของเธอสัมผัสกับผิวของหนิงเสี่ยวหลาน เธอถอยหลังทันที โชคดีที่ลู่หยวนอยู่ตรงนั้นคอยพยุงเธอไว้ได้ ไม่เช่นนั้นเธอคงล้มลงกับพื้นให้อับอายผู้คนไปแล้ว กระแสไฟฟ้านั้นไม่ได้หยุด แต่วิ่งผ่านผิวของเชาหลินเข้าสู่ร่างกายของลู่หยวน จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาแปรปรวนอยู่สองสามวินาที แล้วก็กลับเป็นปกติอย่างช้าๆ
“นี่เป็นพลังแบบไหนกัน? คลื่นกระแทกเหรอ? ดูไม่น่าจะใช่” ลู่หยวนคิด เขาพยายามจะทำความเข้าใจพลังนั้น
“เธอเป็นอะไรไหม เชาหลิน? บาดเจ็บหรือเปล่า?” พวกผู้หญิงถามเชาหลินเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเธอ
เชาหลินวางมือไว้บนหน้าอกแล้วพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า “ฉันไม่แน่ใจ รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเลย น่ากลัวจัง ฉันนึกว่าฉันจะตายซะแล้ว!”
“ไม่ต้องห่วงนะ ดื่มน้ำซักหน่อย แล้วอย่าขยับ ให้ฉันตรวจดูหน่อยว่าเธอบาดเจ็บหรือเปล่า” หวงเจียฮุยเอาเก้าอี้กับน้ำมาให้เธอ
เชาหลินจิบน้ำไปสองสามอึกแล้วนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง เธอดีขึ้นเล็กน้อยแต่ก็กลับมากระวนกระวายอีกครั้งเมื่อมองดูหนิงเสี่ยวหลาน
ครู่ต่อมา หนิงเสี่ยวหลานก็ลืมตาขึ้นช้าๆ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวแล้วถามขึ้นว่า “อะไร เกิดอะไรขึ้นกับฉันเหรอ? ทำไมฉันนอนอยู่ล่ะ?”
“ยินดีด้วยหนิงเสี่ยวหลาน! เธอวิวัฒนาการแล้ว!” ลู่หยวนพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่เดินตรงเข้ามาหาเธอ
หนิงเสี่ยวหลานนิ่งอึ้ง “ฉัน ฉันวิวัฒนาการแล้ว?” เธอพูดอย่างไม่แน่ใจ
ลู่หยวนพยักหน้า เธอยังคงไม่เชื่อและมองไปที่คนอื่นๆที่เหลือ เธอตระหนักได้ว่าสายตาของพวกเขาแปลกไป พวกเขาดูระวังตัว, อิจฉา และกระตือรือร้นในเวลาเดียวกัน บางคนพยายามที่จะรักษาระยะห่างจากเธอเอาไว้ กระทั่งเพื่อนสนิทที่สุดของเธอก็ยังมองเธออย่างระมัดระวัง
เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยและรีบเตะใบหน้าของตัวเองแล้วถามว่า “ฉันดูน่าเกลียดเหรอ?”
“เธอยังสวยอยู่น่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก” ผู้คนจะกลัวพลังของเธอหลังจากวิวัฒนาการ แต่นั่นเป็นราคาที่เธอต้องจ่าย ลู่หยวนไม่อธิบายอะไรให้เธอฟังมากนัก เขาเชื่อว่าเธอจะเข้าใจไม่ช้าก็เร็ว
หนิงเสี่ยวหลานดูเขินๆและรีบก้มหน้าลง เลี่ยงที่จะมองเขา
ลู่หยวนเปลี่ยนหัวข้อและถามว่า “เธอควบคุมพลังของเธอได้รึเปล่า?”
“ฉันไม่รู้ว่าพลังของฉันคืออะไร” หนิงเสี่ยวหลานพูดเบาๆ เธอยังคงสับสนและไม่รู้ว่าพลังวิวัฒนาการของเธอคืออะไร
ลู่หยวนหยิบแก้วจากโต๊ะมาหนึ่งใบและเติมน้ำลงไป จากนั้นก็พูดว่า “ลองถือแก้วไว้แล้วเพิ่มแรงขึ้นทีละน้อย สัมผัสความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเธอ”
หนิงเสี่ยวหลานถือแก้วเอาไว้แน่น ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงพลังอันอบอุ่นที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง และพุ่งตรงเข้าไปที่แก้ว น้ำในแก้วเริ่มเดือดและพุ่งขึ้นสูงถึง 30-40 ซม. หนิงเสี่ยวหลานตกใจและปล่อยมือตามสัญชาตญาณ ทำให้แก้วหล่นลงมา
ลู่หยวนสามารถรับแก้วเอาไว้ได้ทันและส่งมันกลับคืนให้เธอ เขาพูดอย่างอดทนว่า “นี่เป็นพลังของเธอ มันเป็นเหมือนแขนขาของเธอ อย่ากลัวที่จะทำความเข้าใจและควบคุมมัน ลองอีกครั้งนะ”
หนิงเสี่ยวหลานสูดลมหายใจเข้าลึกและถือแก้วเอาไว้ในมืออีกครั้ง
“ช้าๆ เพิ่มแรงขึ้นทีละน้อยและรักษาระดับเอาไว้เพื่อตรวจสอบ” ลู่หยวนพูด พลังของหนิงเสี่ยวหลานแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้ ไม่ว่าสัตว์กลายพันธุ์จะแข็งแกร่งขนาดไหน อวัยวะภายในของพวกมันก็ยังอ่อนแอ เธอสามารถใช้พลังของเธอฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายๆ
น้ำเดือดอีกครั้ง แต่คราวนี้ช้ากว่ามาก มันใช้เวลาประมาณ 10 วินาที การเดือดถึงลดลง
ลู่หยวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “พลังของเธอยังอ่อนแออยู่ ยังไม่สามารถฆ่าสัตว์ขั้นแรกได้ด้วยซ้ำ เธอควรจะฝึกให้มากเมื่อมีเวลา มันจะช่วยเพิ่มพลังเธอได้ อย่าให้พรสวรรค์ของตัวเองต้องเสียเปล่า”
หนิงเสี่ยวหลานเอาแต่พยักหน้าและมองลู่หยวนอย่างชื่นชม เขาหล่อมากและมีผิวที่เรียบเนียน พลังของเขาก็สร้างความปลอดภัยในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ สาวน้อยไร้เดียงสาย่อมไม่อาจต้านทานเขาได้
ทุกคนสัมผัสได้ว่าลู่หยวนปฏิบัติกับหนิงเสี่ยวหลานต่างออกไป พวกคนที่ไม่ได้วิวัฒนาการต่างไม่มีความสุข พวกเขารู้ว่าเธอได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับหวังซีซีและหวงเจียฮุย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ลู่หยวนจะช่วยเธอก่อนอย่างแน่นอน ตอนนี้เธอมีประโยชน์และมีค่ามากขึ้นแล้ว ทุกคนต่างอิจฉาเธอ
ในตอนบ่าย หนิงเสี่ยวหลานรู้สึกว่าทุกคนต่างพยายามหลีกเลี่ยงเธอ พวกเขาปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอ หญิงสาวรู้สึกหดหู่เพราะเธอรู้สึกว่าเธอถูกกันออกจากกลุ่ม เธอไม่แน่ใจว่าการวิวัฒนาการของเธอเป็นพรสวรรค์หรือว่าคำสาป
ลู่หยวนสังเกตเห็นจึงมาคุยกับเธอ เขาบอกว่า “ผู้คนมักกลัวคนที่ถือปืน แต่พวกเขากลัวปืนที่อยู่ในมือของคนที่ไม่รู้วิธีใช้มันมากยิ่งกว่า นั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะเขาหรือเธอคนนั้นอาจจะทำร้ายคนอื่นโดยไม่ตั้งใจได้ เธอต้องเรียนรู้ว่าจะควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างไร ดูหวังซีซีซิ พลังจิตของเธอก็อันตรายเหมือนกัน แต่เธอเชี่ยวชาญมันแล้ว เพราะอย่างนั้นคนเลยกลัวเด็กคนนั้นน้อยกว่าเธอไงล่ะ เธอต้องควบคุมพลังของตัวเองให้ได้ถ้าอยากให้ทุกสิ่งกลับเป็นปกติ”
หนิงเสี่ยวหลานพยักหน้า รู้สึกได้แรงบันดาลใจ
“นอกจากการควบคุมพลังแล้ว เธอต้องเรียนรู้ว่าจะใช้มันยังไงด้วย ที่นี่ไม่ปลอดภัยไปตลอดหรอก เราเจอกับอันตรายได้ทุกเมื่อ เธอต้องเรียนรู้ว่าจะปกป้องตัวเองได้ยังไง ถ้าเธออยากจะขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดของพลังของเธอ ก็ต้องก้าวไปให้ถึงเป้าหมาย”
หนิงเสี่ยวหลานหวาดกลัว เธอพูดอย่างร้อนรนว่า “แต่......แต่ฉันไม่เคยฝึกมาก่อนเลย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันสอนเธอได้”
ทักษะต่อสู้อิสระของลู่หยวนมีแค่ 5 แต้มเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะสอนคนที่เพิ่งเริ่มอย่างเธอ
“ก็ได้” หนิงเสี่ยวหลานตอบพลางกัดริมฝีปากสีชมพูของเธอ
“เริ่มจากการตั้งท่าที่เป็นพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้กันก่อน มันช่วยให้ขาแข็งแรงและทำให้ร่างกายมั่นคงขึ้น ถ้าการตั้งท่าของเธอไม่มั่นคง เธอก็จะล้มได้ง่าย และจะส่งผลกระทบกับพลังของเธอ เธอเป็นมือใหม่ เพราะงั้นวันนี้ก็เริ่มกันที่ 10 นาทีก่อนและเพิ่มขึ้นวันละ 5 นาทีทุกๆวัน”
การตั้งท่านั้นสำคัญมากสำหรับคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้ คนที่มีการตั้งท่าที่แข็งแรงจะแข็งแกร่งกว่าคนที่ไม่มี ลู่หยวนแสดงวิธีการตั้งท่าที่ถูกต้องให้กับเธอ หนิงเสี่ยวหลานอายเมื่อมีการสัมผัสกันระหว่างเธอกับลู่หยวนตลอดการฝึก
“พี่ลู่ สอนผมบ้างได้ไหม?” หลินเสี่ยวจีถามพลางมองดูพวกเขาจากประตู
“เข้ามาซิ เริ่มที่ฝึกตั้งท่าก่อนนะ”
โฮวตงและคนที่เหลืออายเกินกว่าจะถาม
ลู่หยวนเห็นเข้าก็พูดว่า “เข้ามาเรียนด้วยกันมา ไปเรียกหวังซีซีให้มาเรียนด้วย”
ถึงแม้หวังซีซีจะมีพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ แต่การฝึกฝนร่างกายก็ยังมีประโยชน์กับเธอ มันช่วยให้พลังความมุ่งมั่นของเธอแข็งแกร่งขึ้นได้ ทุกคนพากันตื่นเต้น ซันเสี่ยวหวู่รีบไปพาหวังซีซีมาทันที ทุกคนเคยเห็นพลังของลู่หยวนและความสามารถในการใช้มีดที่น่าทึ่งของเขามาแล้ว ถ้าพวกเขาสามารถเรียนรู้จากเขามาได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังมีประโยชน์อยู่ดี