หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 106  ชายเร่ร่อน

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 106  ชายเร่ร่อน

เจ้ากิ้งก่าคำรามกลับเสียงดังจนลู่หยวนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน  สัตว์ทั้งสองตัวคำรามใส่อีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกมันจะเริ่มต่อสู้กัน  เจ้ากิ้งก่าไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมต่อสู้  ขาของมันยังบาดเจ็บอยู่  มันพลิกตัวหงายท้องเมื่อเม่นยักษ์กัดเข้าที่คอของมันจนเลือดไหล

ลู่หยวนรู้ว่าอาการบาดเจ็บนี้ไม่ได้หนักหนาอะไรนัก  คอของเจ้ากิ้งก่ามีเกล็ดปกคลุมอยู่มากมาย  ถึงแม้จะมีเลือดออก  แต่มันก็เป็นเพียงบาดแผลเล็กๆเท่านั้น

เจ้ากิ้งก่าคำรามดังขึ้นขณะที่พยายามดิ้นรน  มันข่วนพื้นคอนกรีตแล้วลุกขึ้นเพื่อสู้กลับ  ตึกมากมายที่อยู่ใกล้เคียงถล่มลงมาระหว่างการต่อสู้  แม้แต่ตึกที่ลู่หยวนกำลังซ่อนตัวอยู่ก็เกือบจะถล่ม

ลู่หยวนอยากจะกระโดดลงจากหน้าต่างเพื่อหยุดพวกมันเมื่อเห็นทั้งสองตัวกำลังเข้ามาใกล้ตึกที่เขาอยู่  ทันใดนั้น  เขาก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบๆพร้อมด้วยมีดทำครัวและพุ่งตรงเข้ามาที่เขา

“แม่งเอ๊ย!”

เขาเกือบจะฆ่าชายคนนั้น  แต่ก็พยายามยั้งตัวเองไว้  ลู่หยวนหมุนตัวเตะชายคนนั้นเข้าที่หน้าอก  เขากระเด็นออกไปและตกลงบนพื้น  ยังคงถือมีดทำครัวเอาไว้ในมือ  ลู่หยวนรู้สึกแปลกๆ  มันเหมือนเตะยางรถยนต์แทนที่จะเป็นร่างกายคน  ยิ่งกว่านั้น  พลังที่เขาใช้เตะชายคนนั้นก็เพียงพอที่จะขยับสิ่งของหนัก 200 กก.ได้  ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว  แต่เขากลับไม่เป็นอะไร  ชายคนนั้นลุกขึ้นได้ในวินาทีเดียว

นั่นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่นอน  เขาดูโทรมมากด้วยทรงผมที่ยุ่งเหยิง  ใบหน้าสกปรก  และเสื้อผ้าที่ฉีกขาด  คงจะไม่ได้อาบน้ำมาสักสองอาทิตย์ได้  ตัดสินจากกลิ่นอันเลวร้ายน่าสะอิดสะเอียนของเขา  อันที่จริง  ลู่หยวนคิดว่าคนเร่ร่อนยังดูดีกว่าชายคนนี้ซะอีก

ชายเร่ร่อนลุกขึ้นมองลู่หยวนด้วยความโกรธ  แล้วพูดว่า  “เกินไปแล้วนะไอ้พวกเหี้ย!  ทำไมถึงต้องพาพวกกลายพันธุ์มาทำลายบ้านกูด้วยวะ?  ให้ตายกูก็ไม่เข้าร่วมกับมึงหรอกเว้ย!”

ลู่หยวนรู้สึกอนาถใจ  แต่เขาไม่สนใจสิ่งที่ชายคนนั้นพูด  “คุณเข้าใจผิดแล้ว”

“กูรู้ว่ามึงพาสัตว์พวกนั้นมาที่นี่  โรคจิตรึไงวะ?  มันเกินไปแล้วนะว้อย!  แค่เพราะอยากให้กูเข้าร่วมกับสมาพันธ์ของมึงเนี่ยนะ?  อย่ามาพังบ้านกูนะเว้ย  มาสู้กันเลยไอ้เหี้ย!”  ชายคนนั้นสบถด่าไม่หยุด  ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อลู่หยวน

ลู่หยวนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างร้อนใจ  และเห็นว่าสัตว์พวกนั้นห่างออกไปแล้ว  เขาเสียโอกาสโจมตีไปแล้ว  ลู่หยวนรู้สึกหงุดหงิดผิดหวัง  เขาพูดขึ้นว่า  “ผมยุ่งมาก  ไม่มีเวลาอธิบาย  คุณคิดมากเกินไปจริงๆ!”

ลู่หยวนพุ่งตัวผ่านห้องและเตะประตูพังลงมา

ชายคนนั้นไม่ทันได้สนใจที่ลู่หยวนพูด  ลู่หยวนทำลายบ้านของเขา  เขาโกรธจัดจนคลั่งและพุ่งตรงไปที่ลู่หยวนพร้อมมีดทำครัวในมือ  เขากำลังจะฆ่าลู่หยวนแต่พอมาถึงประตูเขาก็ต้องตกใจ  มีรูขนาดใหญ่บนกำแพง  ส่วนลู่หยวนหายไปแล้ว

เขาถือมีดทำครัวเอาไว้ขณะที่ตัวสั่นระริก  “กู  กูจะเย็ดแม่งทั้งโคตรเลย!  กูจะฆ่ามึง!” 

เขามองออกไปนอกรูขนาดใหญ่ในบ้านของเขา

“ไอ้พวกระยำ!  ทำไมแม่งวิ่งเร็วนักวะ?”  เขามองดูลู่หยวนวิ่งไปแล้วก้มมองพื้น  ชายคนนั้นรู้สึกมึนเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขาอยู่สูงขึ้นมาประมาณสองถึงสามชั้น  แต่เขาก็ยังกระโดดลงไปอยู่ดี  เขาบ้าไปแล้วจริงๆ

เขาลงมาถึงพื้นแล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  สัตว์สองตัวนั้นหายไปแล้ว  แต่เขายังได้ยินเสียงการต่อสู้ของพวกมันอยู่  ถนนเสียหายจากการต่อสู้อีกครั้ง

เมื่อลู่หยวนพบสัตว์สองตัวนั้น  เขาก็เห็นว่าเจ้ากิ้งก่าใกล้จะล้มแล้ว  คอของมันบาดเจ็บสาหัส  เขาสามารถเห็นบาดแผลขนาดใหญ่ที่คอของมันขณะที่เจ้ากิ้งก่านอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น

ทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยบาดแผล  มีรูที่มีเลือดออกอยู่หลายรูบนตัวมัน  ดูเหมือนมันจะถูกเจ้าเม่นแทงเอา  ส่วนเจ้าเม่นก็ดูย่ำแย่เช่นกัน  ไหล่ของมันเป็นแผลฉีก  ขาข้างหนึ่งเลือดไหล  หางก็หัก  อย่างไรก็ตาม  นี่เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นตราบใดที่สัตว์กลายพันธุ์ทั้งสองยังไม่ตาย

ชายคนนั้นวิ่งมาตามถนนพร้อมกับถือมีดทำครัวมาด้วย  ในที่สุดเขาก็พบลู่หยวน  เขากระซิบกับตัวเองว่า  “แม่งเอ๊ย!  เจอตัวซะที!  รอก่อนเถอะมึง!”

 แต่เมื่อชายคนนั้นกะพริบตา  ลู่หยวนก็หายไปอีกครั้ง  เขารีบวิ่งตามไปทันที  ชายคนนั้นได้ยินเสียงสัตว์สองตัวคำรามใส่กัน  ลมแรงได้พัดเอากลิ่นเลือดน่าสยดสยองมาด้วย  ตึกสั่นและถล่มลงมาภายในไม่กี่วินาที  ชายคนนั้นตัวสั่นเมื่อตระหนักได้ว่าเขาเจอปัญหาใหญ่เข้าซะแล้ว  สัตว์ตัวหนึ่งกำลังกระโดดไปรอบๆ  และเขาเห็นใครบางคนถือดาบสีแปลกๆฟันมัน

เลือดเนื้อกระจัดกระจายทั่วไปหมด  อวัยวะภายในไหลออกมาจากสัตว์ตัวนั้น  และตกลงบนพื้นขณะที่มันเดิน  สุดท้าย  ลู่หยวนก็กระโดดเต็มแรง  เล็งดาบไปที่คอของเม่นยักษ์  เจ้าเม่นคำรามขณะที่เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ

ลู่หยวนลงมาที่พื้นและเก็บดาบเข้าฝัก  เขารู้ว่าชายคนนั้นยังตามเขามา  แต่เขาไม่สนใจ  เขาเชื่อว่าชายเร่ร่อนคนนั้นจะไม่สร้างปัญหาให้กับเขาอีกแล้ว  เจ้าเม่นที่ไร้หัวพยายามดิ้นรนเดินไปอีกสักพัก  ในที่สุดมันก็ล้มลงบนพื้น

“ภารกิจระดับ E , ฆ่าเม่นยักษ์  :  เสร็จสิ้น!”

“ภารกิจเสร็จสิ้นในเวลา 12 นาที”

“ระดับขั้น : ดี!”

“ชื่อ : ลู่หยวน”

“ส่วนร่วมในภารกิจ : 70%”

“รางวัลค่าประสบการณ์พื้นฐาน  2,400*70%”

“การประเมินผลโดยเฉลี่ย,  ค่าประสบการณ์ + 1,200*70%”

“ค่าประสบการณ์ : 3,620/19,200!”

“สัตว์อสูรสงคราม : กิ้งก่ายักษ์”

“ส่วนร่วมในภารกิจ : 30%”

“รางวัลค่าประสบการณ์พื้นฐาน  2,400*30%”

“การประเมินผลโดยเฉลี่ย,  ค่าประสบการณ์ + 1,200*30%”

“ค่าประสบการณ์ : 1,080/2,400!”

ลู่หยวนมองข้อมูลบนหน้าต่างสถานะ  เขาคิดว่าค่าประสบการณ์ของเขาจะถูกแบ่งให้กับสัตว์อสูรสงครามของเขา  แต่กลับตรงกันข้าม  ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มจาก 1,600 แต้ม เป็น 2,400 แต้ม  เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเช่นนั้น  ลู่หยวนเตรียมตัวจะไปเก็บอวัยวะภายในของเม่นยักษ์  ทันใดนั้นเขาก็เห็นเจ้ากิ้งก่าคำรามและพยายามดิ้นรนลุกขึ้น  มันเคลื่อนที่อย่างช้าๆซึ่งสร้างความสับสนให้แก่ลู่หยวน  ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตกใจ

เม่นยักษ์งอตัวเข้า  หนามบนหลังของมันทั้งหมดตั้งตรงขึ้นมา  ดูเหมือนพร้อมที่จะโจมตี  และในพริบตานั้น  มันก็ปล่อยหนามออกมาทุกทิศทาง  ลู่หยวนที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็พลันมีข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนปวดหัวไปหมด  หนามอันหนึ่งพุ่งผ่านหูขวาของเขาไป  ทำให้เขาบาดเจ็บ  ขณะที่อีกอันพุ่งตรงเข้าที่หน้าอกของเขา

หนามพวกนั้นเร็วยิ่งกว่ากระสุนปืน  มันอันตรายมากสำหรับเขา  เขารีบดึงเอามีดของเขาออกมาและใช้มันป้องกันหนามพวกนั้น

“ทักษะมีด +1”

“จบซะที!”

ลู่หยวนตรวจสอบรอบบริเวณและเห็นว่ามีรูมากมายอยู่บนพื้น  บางอันก็ลึกมาก  เจ้ากิ้งก่าพยายามหนีแต่สุดท้ายตัวของมันก็ถูกทิ่มทะลุไปหลายแห่งเช่นกัน  ถึงอย่างนั้น  เมื่อเปรียบเทียบกับอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้  หนามพวกนี้ก็แค่อาการบาดเจ็บเล็กๆเท่านั้น

ชายเร่ร่อนคนนั้นดูจะโชคร้ายที่สุด  เขานอนจมกองเลือด  ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ  หนามอันหนึ่งทะลวงเข้าไปในตึกและเจาะทะลุไหล่ของเขา  ลู่หยวนถอนใจ  เขาไม่ได้คิดจะทำร้ายคนบริสุทธิ์  ทันใดนั้นชายคนนั้นก็ครางออกมาด้วยความเจ็บ  จากนั้นเขาก็พุ่งตรงเข้าไปที่เม่นยักษ์และกินเลือดและเนื้อมันสดๆ

ลู่หยวนสับสนกับการกระทำของชายคนนั้น  ไม่กี่นาทีต่อมา  เขาก็เห็นบาดแผลของชายคนนั้นกำลังฟื้นตัว  เนื้อของเขากลับคืนมา  ทำให้เขาตกใจมาก

“แม่ง!  คนรึเปล่าวะ?  พลังในการฟื้นตัวเร็วกว่าเจ้ากิ้งก่าอีก!”

ลู่หยวนอิจฉามาก  เขารู้ว่าเขาจะไม่ต้องกังวลอะไรเลยถ้าเขามีพลังในการฟื้นตัวเช่นนั้น  ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่และกินบางอย่างเข้าไป  เขาก็จะหาย  ทันใดนั้น  ชายเร่ร่อนคนนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้ากิ้งก่า  จึงรีบกลิ้งตัวออกมาและวิ่งหนีไป  เขาหันหน้ากลับไปมองลู่หยวนเรื่อยๆในขณะที่วิ่งหนี  ในที่สุดเขาก็วิ่งช้าลงและซ่อนตัวอยู่หลังตึกเพื่อหยุดพัก

เจ้ากิ้งก่าพยายามคลานตรงมาที่เม่นยักษ์  ในที่สุดก็ทรุดตัวลงบนซากของเจ้าเม่น  มันพยายามกัดท้องของเม่นยักษ์  แต่มันอ่อนแอเกินกว่าจะกัดทะลุหนังของเจ้าเม่นไปได้  สุดท้ายมันก็นอนพิงหน้าอกของเจ้าเม่นแล้วเลียเลือดที่หยดลงมาจากคอ  ลู่หยวนถอนใจขณะที่มองเจ้ากิ้งก่า  เขาดึงดาบออกมาและแทงเข้าไปที่พุงของเม่นยักษ์แล้วเฉือนยาวๆ  อวัยวะภายในทั้งหมดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล  จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังขณะที่เจ้ากิ้งก่ามองเขาอย่างซาบซึ้ง

“ความภักดี +1”

ลู่หยวนมองข้อความของระบบอย่างพูดไม่ออก  เจ้ากิ้งก่าได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียเลือดมาก  แต่ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ได้ส่งผลกระทบกับความอยากอาหารของมันเลย  ผ่านไป 15 นาที  อวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าเม่นยักษ์ก็เกลี้ยงฉาด  แต่นั่นก็ยังไม่พอ  ลู่หยวนต้องตัดเนื้อเม่นให้เจ้ากิ้งก่าเพิ่มอีก  มันกินเนื้อและเลือดไปทั้งหมดประมาณ 50 กก.  เมื่อพุงของมันใหญ่ราวกับลูกบอลมันจึงหยุด  เจ้ากิ้งก่าดูดีขึ้นและในที่สุดก็สามารถลืมตาขึ้นมาได้

ลู่หยวนเริ่มตัดเนื้อทั้งหมดเก็บไว้  เขาให้เจ้ากิ้งก่าแบกเนื้อที่หนักราว 500 กก. ซึ่งไม่ได้เอาไปเพื่อคนที่บ้าน  แต่เพื่อเจ้ากิ้งก่าเอง  มันทำตัวมีประโยชน์ในการต่อสู้  หรืออย่างน้อยมันก็เป็นโล่ให้เขาได้ดี

ลู่หยวนตบขามัน  และเจ้ากิ้งก่าก็พยายามอย่างหนักอยู่สักพักเพื่อที่จะลุกขึ้น  ลู่หยวนตระหนักขึ้นมาได้ว่าเขาใจร้ายกับสัตว์อสูรสงครามของเขามากจริงๆ  แต่วินาทีต่อมาเขาก็ลืมเรื่องนี้ไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 107  สมาพันธ์สัมพันธมิตร

“เดี๋ยวก่อน!”

ขณะที่ลู่หยวนกำลังจะจากไป  ชายคนนั้นก็เรียกเขาไว้  ลู่หยวนขมวดคิ้วแล้วหันมา  “คุณต้องการอะไร?”  เขาถาม

ชายคนนั้นมองเจ้ากิ้งก่า  แต่ก็ยังไม่ขยับไปไหน

“แก....คุณเพิ่งทำลายบ้านของผม!”  ชายคนนั้นดูเก้ๆกังๆราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี  จากนั้นเขาก็พูดว่า  “คือผมหมายถึง  ผมไม่มีที่อยู่”

ลู่หยวนรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร  จึงถามขึ้นว่า  “คุณไม่กลัวว่าผมมาจากสมาพันธ์นั่นแล้วเหรอ?”

ชายคนนั้นเกาหัวที่สกปรกของเขาแล้วหัวเราะขณะที่พูดว่า  “พวกนั้นไม่แข็งแกร่งเหมือนคุณหรอก  ไม่ใกล้เคียงเลย”

ลู่หยวนถามอย่างอยากรู้  “ไอ้สมาพันธ์ที่คุณพูดถึงเมื่อกี้คืออะไร?  มีคนที่แข็งแกร่งอยู่ในนั้นมากไหม?”

“มันเป็นพวกสวะที่เรียกว่า สมาพันธ์สัมพันธมิตร มีผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วอยู่บ้าง  แต่สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา”  ชายคนนั้นอธิบาย  “พวกมันสร้างปัญหาให้ผมมาก  เลยทำให้ผมคิดว่าคุณเป็นพวกมัน”  เขากล่าวเสริม

“ถ้าพวกนั้นเชิญคุณเข้าร่วม  แล้วทำไมคุณถึงไม่เข้าล่ะ?  ยังไงมันก็ต้องดีกว่าต่อสู้ตามลำพังอยู่แล้วนี่”  ลู่หยวนถาม

ปากของชายคนนั้นกระตุกขณะที่พูดว่า  “พวกมันก็เหมือนกันนั่นแหละ  ซ่อนตัวเหมือนกับผม”

“อย่ากวนประสาทผม  ผมต้องการความจริง”

ชายคนนั้นดูอึดอัดใจและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  ในที่สุดก็ตัดสินใจบอก  “ก็ได้!  เชิญหัวเราะตามสบายเลย  เจ้าผู้นำของสมาพันธ์งี่เง่านั้นนอนกับแฟนผมน่ะซิ!”

เขาดูไม่สบายใจขณะที่เล่าเรื่องนี้

“มันเป็นช่วงที่การกลายพันธุ์เกิดขึ้นในประเทศของเรา  เธอเอาแต่ร้องไห้และพูดว่าอยากกลับไปที่บ้านเกิด  สุดท้ายเธอก็ไม่กลับมา  ผมคิดว่าเธอตายไปแล้ว  เกือบจะฆ่าตัวตายตาม  ผมแทบไม่เชื่อตาตัวเองตอนที่เห็นเธออยู่ในอ้อมกอดของชายอื่นในอีกไม่กี่วันต่อมา  โชคดีที่เธอจำผมไม่ได้  ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าผมจะทำอะไรลงไปบ้าง  มันจะน่าอับอายแค่ไหนถ้าผมตอบรับคำเชิญของพวกเขา?”

“กลิ่นเลือดแรงเกินไปแล้ว  ผมกลัวว่ามันจะดึงดูดสัตว์ที่ใหญ่กว่านี้  คุณต้องเอาอะไรไปบ้าง?  เร็วเข้า  เราต้องไปแล้ว!”  ในที่สุดลู่หยวนก็ยอมให้เขามาด้วยหลังจากตรวจสอบประวัติเขาแล้ว

“ผมไม่มีข้าวของมีค่าอะไร  เราไปกันได้ทุกเมื่อ”  ชายคนนั้นผ่อนคลายขึ้น  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องหาอาหารและน้ำอีกแล้ว  เขาสามารถพึ่งพิงพลังของลู่หยวนและเจ้ากิ้งก่ายักษ์ได้

“อยากขึ้นมาบนนี้ไหม?”  ลู่หยวนถาม  ในเมื่อเจ้ากิ้งก่าแบกของมากมายบนหลังของมันอยู่แล้ว  เพิ่มคนเข้าไปอีกสักคนก็ไม่แตกต่างอะไร

ชายคนนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็ว  เขาไม่สามารถเข้าใกล้เจ้ากิ้งก่าได้ด้วยซ้ำ  “ผมว่าผมวิ่งไปดีกว่า  แบบว่าชินแล้วน่ะ”  จากนั้นเขาก็ถามว่า  “มันไม่ไกลใช่ไหม?”

“ไม่หรอก  แต่คุณแข็งแรงพอจะวิ่งแน่นะ?”  ลู่หยวนมองใบหน้าซีดขาวของเขา  แล้วสงสัยว่าชายคนนี้ยังมีแรงเหลือแน่เหรอ

“ผมสบายดี  ผมเคยวิ่งกลับบ้านตอนอยู่โรงเรียน  เดินทางแค่นี้จิ๊บๆ”  เขาหัวเราะ

“งั้นก็ได้”  ลู่หยวนไม่ถามอะไรอีก

เขากระโดดขึ้นบนหลังของเจ้ากิ้งก่าและตบมัน  เจ้ากิ้งก่าเริ่มขยับ  มันทำได้แค่เดินช้าๆเท่านั้น  และทำรอยเลือดหยดเป็นทางไปตามถนนที่มันผ่านไป

ชายคนนั้นสบายดีในตอนเริ่มต้น  แต่เขาก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยหลังจากวิ่งไปได้ 1 นาที

แม้ว่าเขาจะมีพลังฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมาก  เขาก็ไม่สามารถหายดีได้ในเวลาสั้นเช่นนี้  เขาเริ่มรู้สึกมึนและชา

แต่เขาก็ไม่กล้าหยุด  เขากลัวว่าลู่หยวนจะทิ้งเขา  เขากลัวว่าจะถูกสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่นกิน  ดังนั้นเขาจึงวิ่งต่อไป  หลังจากนั้นครู่หนึ่ง  เจ้ากิ้งก่าก็มาถึงบ้านพัก  ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นทันที  เขาไม่มีแรงลุกขึ้นแล้ว  ทุกคนในบ้านออกมาข้างนอกกันหมด

“พี่ลู่  นี่ใครน่ะ?”  โฮวตงถามอย่างสงสัย

ลู่หยวนเอาเนื้อบางส่วนลงมาจากหลังของเจ้ากิ้งก่าประมาณ 50 กก.  จากนั้นก็โยนที่เหลือให้เจ้ากิ้งก่า  แล้วเดินตรงมาที่ชายคนนั้นและมองเขา  ลู่หยวนหัวเราะเมื่อเห็นชายคนนั้นพยายามลุกขึ้น  “ฉันไปเจอเขาเข้าโดยบังเอิญน่ะ  เขาน่าจะขาดน้ำนะ  ใครก็ได้ช่วยเขาทีซิ”

ทุกคนมองหน้ากัน  แต่ไม่มีใครอยากจะขยับ  สุดท้าย  ซันเสี่ยวหวู่ก็เดินไปช่วยเขา

หวงเจียฮุยเอาขวดน้ำแร่มาให้เขาหนึ่งขวดแล้วพูดว่า  “ดื่มซิ”

เขาจิบไปนิดหน่อยแล้วปิดฝาขณะที่พูดว่า  “ขอบคุณ  ขอบคุณมาก  ผมชื่อหลินเสี่ยวจี”

“เราเป็นผู้รอดชีวิตเหมือนกัน  ก็ต้องช่วยเหลือกันซิ  จะอาบน้ำก่อนไหม?  แล้วค่อยมากินข้าวกันอีกประมาณครึ่งชั่วโมง”  หวงเจียฮุยพูด  เธอทนความสกปรกไม่ไหวแล้ว

แม้ว่าเธอจะพูดอ้อมๆ  ชายคนนั้นก็เข้าใจความหมายของเธอ  เขาตอบทันที  “แน่นอน!  เอาซิ!”

มีแทงค์น้ำขนาดใหญ่บนดาดฟ้าที่เก็บน้ำเอาไว้มากมาย  ถึงมันจะกินไม่ได้  ก็ยังใช้อาบหรือซักเสื้อผ้าได้  ตอนที่เขาอาบน้ำเสร็จออกมา  ทุกคนจึงเห็นว่าหลินเสี่ยวจีนั้นค่อนข้างเด็ก  เขายอมรับว่าเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยถูกปิดตั้งแต่เกิดการกลายพันธุ์ขึ้น  แต่เขาตัดสินใจอยู่ในเมือง  เขาไม่คิดว่าสิ่งต่างๆในเมืองจะเลวร้ายขนาดนี้

“นายอยู่ที่นี่กับเราได้  แต่เราไม่มีห้องว่างแล้ว  ฉันหวังว่านายจะไม่รังเกียจที่จะแชร์ห้องกับโฮวตงนะ”  ลู่หยวนพูด  แม้ว่าจะยังมีห้องว่างอยู่อีกห้อง  แต่มันเป็นของหวังซีซี  วันหนึ่งเธอก็ต้องกลับห้องของเธอ  ตอนนี้พวกเขาสามคนยังพักอยู่ด้วยกัน  แต่ก็มีบางวันที่ลู่หยวนกับหวงเจียฮุยอยากจะอยู่กันตามลำพัง

ถึงแม้โฮวตงจะไม่ชอบใจกับการจัดการแบบนี้  เขาก็ต้องตกลง

“แล้วก็  ฉันต้องบอกนายก่อนว่าทุกคนที่นี่เท่าเทียมกัน  ดังนั้นอย่าพยายามอวดเก่ง”  ลู่หยวนเตือนเขา  เขายังไม่รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ดีพอ

ทุกคนมองเขาอย่างตกใจ

หลินเสี่ยวจียืดอกขึ้นแล้วพูดว่า  “ผมจะไม่รังแกพวกเขาครับ”

ลู่หยวนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร  ผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วเกือบทุกคนทำท่าทางแบบนั้น  พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นความสำเร็จที่พิเศษ  บางครั้งเขาก็รู้สึกอย่างเดียวกัน  แต่เขาเก็บซ่อนมันไว้ได้ดี  หลังจากนั้นครู่หนึ่ง  หวงเจียฮุยก็ออกมาจากในครัวพร้อมเนื้อดิบจานใหญ่

“ฉันแน่ใจว่าทุกคนคงอิจฉาคนที่มีพลังพิเศษพวกนั้น  กุญแจในการได้รับพลังพิเศษนั้นเป็นความลับที่รู้กันดีอยู่แล้ว  พวกเธอส่วนใหญ่คงเคยได้ยินมาแล้ว”  ลู่หยวนพูด

หลังจากหวงเจียฮุยวางจานลง  ลู่หยวนก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วกลืนมันลงไป  ยกเว้นอวัยวะภายในแล้ว  เนื้อส่วนที่เหลือของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสามนั้นเหนียวเหมือนหนังวัว  ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กลืนมันลงไป

เขาวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า  “เนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ที่เหนือกว่าขั้นสองขึ้นไปเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวิวัฒนาการ  นี่คือเนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสาม  แค่นั้นแหละ  ช่วยตัวเองกันนะ”

ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลวุ่นวายนี้  แม้กระทั่งเด็กผู้หญิงก็ยังพยายามฝึกตัวเองให้แข็งแกร่ง  ลู่หยวนลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปนอกบ้าน  เขาไม่อยากดูภาพอันน่าสะอิดสะเอียนของคนที่กินเนื้อดิบเป็นครั้งแรก  ที่จริงแล้วมีหลายคนที่อาเจียนออกมา  และห้องนั่งเล่นทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นที่น่าขยะแขยง  ไม่กี่นาทีต่อมา  ใครบางคนก็กรีดร้องและหวงเจียฮุยก็วิ่งออกมาจากบ้านเพื่อเรียกลู่หยวน

“เกิดอะไรขึ้น?”  ลู่หยวนถาม

“หนิงเสี่ยวหลานเป็นลม  ตัวเธอร้อนมากเลย”  หวงเจียฮุยตอบ

“ให้ฉันดูซิ”  ลู่หยวนตกใจ

เขารู้สึกหดหู่  เมื่อเขาเป็นคนที่กินเนื้อเข้าไปมากที่สุด  แต่เขายังไม่วิวัฒนาการเลย  อย่างไรก็ตาม  นี่เป็นเรื่องที่ดี  มีผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนย่อมดีกว่ามีภาระเพิ่มหนึ่งคน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 108  ไฟฟ้าช็อต

ลู่หยวนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเห็นหนิงเสี่ยวหลานถูกพามาที่เก้าอี้ยาวแล้ว  ทั่วร่างของเธอแดงราวกับกุ้งต้มซึ่งดูเหมือนกับสภาพของหวังซีซีตอนที่เธอวิวัฒนาการ

“อย่าเข้าไปใกล้เธอ  ถอยออกมาหน่อย  ระวังด้วย”  ลู่หยวนพูด  การวิวัฒนาการทุกครั้งก็เหมือนการพนัน  ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะได้พลังพิเศษแบบไหนมา  เขาจึงต้องป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่จำเป็นไว้ก่อน

ทุกคนก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าสับสน  ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง  หนิงเสี่ยวหลานก็ยังอยู่ในอาการโคม่า  ลู่หยวนเริ่มกังวล  เขาจำได้ว่าหวังซีซีไม่ได้ใช้เวลาในการวิวัฒนาการนานขนาดนี้  เขาเดินเข้าไปหาเธอและวางมือไว้ที่หน้าผาก  ลู่หยวนตกใจเมื่อพบว่าอุณหภูมิในร่างของเธอสูงมาก  น่าจะประมาณ 60 องศาเซลเซียส  อุณหภูมิขนาดนี้เพียงพอที่จะทำเนื้อให้สุกได้เลย

ลู่หยวนถอนใจพลางส่ายศีรษะ  จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า  “อุณหภูมิในร่างของเธอสูงเกินปกติไปมาก  คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว  เตรียมตัวเผาศพเธอได้”

“เป็นไปไม่ได้!  เธอยังดูปกติดีอยู่นี่!”  เชาหลินตื่นตระหนก  น้ำตาคลอ  พวกเธอทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน  เธอสนิทกับหนิงเสี่ยวหลานมาก  เธอไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าเพื่อนของเธอกำลังจะตาย

“บางที  อาจจะมีปาฏิหาริย์ก็ได้นะ”  หวงเจียฮุยพูดขึ้น  รู้สึกเศร้าเช่นกัน  “ยังไงซะ  เราก็ยังไม่รู้ขั้นตอนการวิวัฒนาการดีเลยนี่  กรณีของเธออาจจะแตกต่างจากหวังซีซีก็ได้  ใช่ไหม?”

“ก็หวังว่างั้น!”  ลู่หยวนพยักหน้า  แล้วเอามือล้วงกระเป๋า  เขานึกขึ้นได้ว่าเขาโยนบุหรี่ทั้งหมดทิ้งไปแล้วเมื่อเช้านี้เพื่อฝึกฝนพลังความมุ่งมั่น  โฮวตงรีบยื่นให้เขามวนนึงแต่เขาปฏิเสธ  จากนั้นจึงหันมาถามหลินเสี่ยวจีว่า  “นายวิวัฒนาการเมื่อไร?”

หลินเสี่ยวจีพยายามนึกขณะที่พูดว่า  “สักสองสามวันก่อน  ช่วงที่เกิดความวุ่นวายขึ้นกลางเมือง  ผมอดมาหลายวันแล้วและเริ่มเวียนหัว  โดยทั่วไปแล้ว  ผมกินทุกอย่างที่หาได้  กินกระทั่งนุ่นในผ้านวม  จริงๆนะแม่งโคตรหยะแหยงเลย  ผมขี้ไม่ออกตั้งหลายวัน”

พวกผู้หญิงพากันขมวดคิ้วมองเขา

หลินเสี่ยวจีไม่ทันได้สังเกตสายตาของพวกเธอ  เขาพูดต่อว่า  “วันนั้นผมค่อนข้างโชคดี  สัตว์กลายพันธุ์ถูกเครื่องบินขับไล่ยิงตายตรงหน้าตึกที่ผมอยู่  ผมกำลังจะตายอยู่เหมือนกัน  ก็เลยออกไปเอาเนื้อมันกลับเข้ามา  แล้วกลืนมันเดี๋ยวนั้นเลย  หลังจากนั้นผมก็หลับไป  พอตื่นมาก็กลายเป็นผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้ว”

ลู่หยวนไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี  เขาคิดว่าหลินเสี่ยวจีโชคดีเกินไปแล้ว

“ตาของหนิงเสี่ยวหลานขยับแล้ว!”  เชาหลินเห็นตาของหนิงเสี่ยวหลานขยับเคลื่อนไหวตอนที่ลู่หยวนกับหลินเสี่ยวจีกำลังคุยกัน  เธอประหลาดใจมากจนลืมคำเตือนของลู่หยวน  และพุ่งเข้าไปที่ด้านข้างของหนิงเสี่ยวหลานและกุมมือเธอไว้

ลู่หยวนจะห้ามเธอแต่ก็สายไปแล้ว  เชาหลินถูกกระแสไฟฟ้าช็อตทันทีที่นิ้วของเธอสัมผัสกับผิวของหนิงเสี่ยวหลาน  เธอถอยหลังทันที  โชคดีที่ลู่หยวนอยู่ตรงนั้นคอยพยุงเธอไว้ได้  ไม่เช่นนั้นเธอคงล้มลงกับพื้นให้อับอายผู้คนไปแล้ว  กระแสไฟฟ้านั้นไม่ได้หยุด  แต่วิ่งผ่านผิวของเชาหลินเข้าสู่ร่างกายของลู่หยวน  จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาแปรปรวนอยู่สองสามวินาที  แล้วก็กลับเป็นปกติอย่างช้าๆ

“นี่เป็นพลังแบบไหนกัน

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.