หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 103  ความวุ่นวาย

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 103  ความวุ่นวาย

ความสูญเสียที่ลู่หยวนได้รับนั้นเล็กน้อยกว่าสิ่งที่เขาได้มา  หลังจากกลายเป็นลิ่วล้อของเขา  กิ้งก่ากลายพันธุ์ตัวนั้นก็ลุกขึ้น  มันไม่สั่นอีกต่อไปแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขาอยู่ดี  มันยังกลัวลู่หยวนอยู่ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร  เจ้ากิ้งก่าก้าวถอยหลังเมื่อลู่หยวนเดินตรงเข้ามาหามัน  มันถอยไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้นแล้วก็หยุดยืนนิ่งๆ  หายใจหอบถี่ด้วยความกดดัน  ลู่หยวนพยายามส่งสัญญาณให้เจ้ากิ้งก่าหมอบลง  แต่มันไม่เข้าใจคำสั่งของเขา  เอาแต่มองอยู่ท่าเดียว

เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะปีนขึ้นไปบนหลังของมัน  หลังเจ้ากิ้งก่ากว้างมากแต่ไม่ใช่ทุกคนจะมานั่งได้  เกล็ดของมันเป็นประกายและเรียบลื่น  ดูราวกับเอาน้ำมันมาทาไว้  เขาต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากแม้ว่าเจ้ากิ้งก่าจะอยู่นิ่งๆแล้วก็ตาม  ตอนที่มันเริ่มขยับเคลื่อนไหวและสะบัดตัว  คนธรรมดาจะลื่นตกจากหลังได้  และถ้ามันเริ่มออกวิ่ง  พวกเขาก็จะตกลงมาในทันที

“ไปที่เมืองกันเถอะ!”  ลู่หยวนพูดพลางตบหลังเจ้ากิ้งก่า

กิ้งก่ายักษ์ไม่ตอบสนอง  ลู่หยวนตบมันแรงขึ้นจนกระทั่งมันหันกลับมามองลู่หยวนอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว  ตาโตๆของมันดูกระวนกระวาย  ลู่หยวนชี้ไปที่ทางเข้าเมือง  แต่เจ้ากิ้งก่าไม่ขยับ  ชัดเจนเลยว่าเขาประเมินความฉลาดของมันสูงเกินไป  ดูท่ามันจะโง่กว่าสุนัขซะอีก  ลู่หยวนยืนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้  แล้วเดินขึ้นไปบนหัวของมัน  เขาส่งสัญญาณแล้วกระโดดลงไปที่พื้นทุกครั้งเพื่อสาธิต  ในที่สุดเจ้ากิ้งก่าก็เข้าใจว่าอะไรคือ “ไป” และ “หยุด” หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ในที่สุดมันก็ขยับออกเดินกะโผลกกะเผลก  ขาข้างหนึ่งของมันบาดเจ็บ  มันเลยต้องคอยงอขาเอาไว้  แล้วใช้ขาอีกสามข้างเดิน  ดูแล้วน่าสงสารมาก

“ไปทางนั้น!”  ลู่หยวนเตะหัวมันแรงๆ  เจ้ากิ้งก่าสะบัดหัวแล้วหมุนตัวกลับ

“ไปขวาหน่อย!”  ลู่หยวนพูด  เตะใบหน้าด้านขวาของมัน

เขาเอาแต่เตะหัวเจ้ากิ้งก่าจนมันเริ่มหงุดหงิด  มันหายใจถี่อย่างโกรธจัด

ระบบส่งข้อความเตือนมาในทันที  “ค่าความภักดีของกิ้งก่ายักษ์ลดลง 1 แต้มเนื่องจากถูกรังแกอย่างไร้เหตุผล”

ลู่หยวนนิ่งอึ้ง  เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้ากิ้งก่ายังสามารถต่อต้านได้ในเมื่อมันเจ็บสาหัสขนาดนี้  แต่ถึงความภักดีของมันจะลดลง  เขาก็ยังเชื่อว่าเขาสามารถเอาชนะมันได้  เขาเตะมันอีกสองสามครั้ง  แต่ดูเหมือนเจ้ากิ้งก่าจะไม่รู้สึกอะไร  ลูกเตะของเขาเบาเกินไปสำหรับเจ้ากิ้งก่าที่มีค่าร่างกาย 18 แต้ม  ลู่หยวนเริ่มยัวะ  เขาใส่พลังทั้งหมดลงไปที่เท้าก่อนจะเตะหัวมันอีกครั้ง  เจ้ากิ้งก่าตัวสั่นอย่างรุนแรงแล้วครวญครางอย่างเสียใจ  มันหมดความรู้สึกและทรุดลงกับพื้นก่อนที่ลู่หยวนจะตอบสนองได้ทัน

“ตายเปล่าวะ?”  ลู่หยวนตกใจ  เขารีบกระโดดลงมาตรวจสอบ

เจ้ากิ้งก่ายังไม่ตาย  แต่ดูเหมือนจะมีบางสิ่งผิดปรกติที่หัวมัน  มันพยายามจะลุกขึ้นแต่ล้มเหลว  1นาทีผ่านไปถึงจะลุกขึ้นได้อีกครั้ง  แต่ตัวมันยังสั่นไม่หยุดและมีสายตาหวาดกลัว

“ค่าความภักดีของกิ้งก่าเพิ่มขึ้น 10 แต้มเนื่องจากถูกคุณรังแก!”

ลู่หยวนกระจ่างทันที  ข้อความนั้นเหมือนกับอันเมื่อกี้  แต่ผลลัพธ์ตรงข้ามกันเลย  อันแรกค่าภักดีลดลง  ส่วนอันที่สองค่าภักดีเพิ่มขึ้น  ในที่สุดเขาก็เข้าใจโครงสร้างและช่องว่างของพลังระหว่างพวกกลายพันธุ์  นั่นคือกุญแจในการเอาชนะพวกมัน  ไม่ใช่โครงสร้างอำนาจหรืออารมณ์ความรู้สึก  การโจมตีที่รุนแรงของเขาได้กำจัดความคิดต่อต้านที่ยังหลงเหลืออยู่นิดหน่อยของเจ้ากิ้งก่าออกไป  เขาเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเจ้ากิ้งก่าหลังลูกเตะที่รุนแรงนั่น

เห็นได้ชัดว่าลูกเตะของเขาไม่ได้เบาอย่างที่เขาคิด  ไม่อย่างนั้นเจ้ากิ้งก่าคงไม่ล้มลงบนพื้น  นอกจากอาการบาดเจ็บที่มีอยู่ก่อนแล้ว  หัวของมันดูเหมือนจะไม่เป็นไร  พลังความมุ่งมั่นเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับที่สุดในร่างกาย  ลู่หยวนไม่ได้ควบคุมมันแต่มันใช้ออกมาเอง  เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระบบของมันทำงานยังไง  จนถึงตอนนี้มีเงื่อนไขสองข้อที่พลังความมุ่งมั่นของเขาจะแสดงออกมาได้  หนึ่งคือเมื่อไรก็ตามที่เขาใช้ดาบตัดอะไรบางอย่าง  และสองคือตอนที่พลังป้องกันปรากฏขึ้นบนร่างเขา

ตามทฤษฎีแล้ว  พลังทั้งสองคือสิ่งเดียวกัน  ดังนั้นผลลัพธ์ก็ควรจะเหมือนกัน  แต่มันดันออกมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  ครั้งนี้เขาไม่ได้จะทำลายอะไรที่แข็งแกร่งทนทานหรือไม่ได้จะป้องกันอะไร  แต่เขาก็ยังค้นพบพลังใหม่อยู่ดี  และก็ไม่มีสัญญาณบ่งบอกอะไรก่อนด้วย  อยู่ดีๆมันก็ปรากฏขึ้นเองซะงั้น  ไอ้เจ้าพลังความมุ่งมั่นนี่มันยังไงกันแน่?  ลู่หยวนตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมดแล้วตอนที่เขาได้รับระบบมาครั้งแรก  คำนิยามของ “ความมุ่งมั่น” คือผลสะท้อนของนิสัยมนุษย์แต่ละคน

จากภาพรวม  พลังความมุ่งมั่นคือการดำเนินการเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย  และปรับเปลี่ยนการกระทำให้สอดคล้องเพื่อเอาชนะอุปสรรค  คำนิยามแรกจึงมุ่งเน้นไปที่การกระทำทางกายภาพขณะที่คำนิยามที่สองมุ่งเน้นไปที่การตีความทางด้านจิตใจ

“ถ้าเอามารวมกัน  ความมุ่งมั่นก็คือผลลัพธ์ของนิสัยและการตอบสนองของจิตวิญญาณ”  ลู่หยวนกระซิบกับตัวเอง

ทันใดนั้น  เขาก็นึกถึงคำพูดทางศาสนาที่มีชื่อเสียงอันนึงออก  “พระเจ้าตรัสว่า ‘จงเกิดแสงสว่าง’ แล้วแสงสว่างก็เกิดขึ้น”

เขาท่องมันเงียบๆอยู่สองสามครั้ง  แล้วหัวของเขาก็เริ่มผ่อนคลาย

“ความมุ่งมั่น!  นั่นคือพลังแห่งความมุ่งมั่น!  ความมุ่งมั่นของพระเจ้าสร้างแสงสว่าง!”

“โง่อยู่ได้ตั้งนาน!  ที่จริงแล้ว  ความมุ่งมั่นไม่ใช่พลังงานที่เฉพาะเจาะจง  แต่เป็นผลสะท้อนจากพลังงานทางจิตวิญญาณ  นี่ถ้าให้ฉันตั้งชื่อล่ะก็  จะเรียกมันว่า ‘ความวุ่นวาย’ มันไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรในตัวเอง  แต่มันสามารถกลายเป็นคุณสมบัติหลายๆอย่างได้”

“แหงล่ะว่าความมุ่งมั่นของฉันเทียบกับพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไม่ได้  แต่ผลสะท้อนก่อนหน้านั้นล่ะคืออะไร?”

ตอนที่เขาเงื้อดาบขึ้นยามเผชิญหน้ากับศัตรู  ความกลัวทำให้เขาอยากจะตัดทุกสิ่งทุกอย่าง  แล้วเขาก็ทำได้

ตอนที่พลังความมุ่งมั่นแผ่กระจาย  แม้ว่าจิตสำนึกของเขาจะยังไม่คิดอะไร  แต่จิตใต้สำนึกของเขาก็ยังอยู่ในสภาพป้องกันตนเอง  พลังที่สร้างขึ้นจึงไม่ใช่พลังโจมตีที่ดุเดือดรุนแรง  แต่เป็นพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง

“ถ้างั้นครั้งนี้ล่ะ?”  ลู่หยวนขมวดคิ้วคิดหนัก

“ฉันไม่ได้อยากฆ่าสัตว์อสูรสงครามของตัวเองอยู่แล้ว  ทั้งจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกก็ต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายคนอื่นโดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา  สิ่งมีชีวิตมักจะตัดสินใจบนพื้นฐานที่จะให้ตัวเองได้ประโยชน์ไว้ก่อนอยู่แล้ว  ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ  พวกเขาก็มีนิสัยโน้มเอียงไปในทางที่จะทำให้ตัวเองได้ประโยชน์มากที่สุด  ดังนั้นฉันจะไม่ฆ่ามันแน่”

“นี่ไม่เกี่ยวกับการป้องกันตัวด้วย  ถึงจะไม่อยากฆ่ามัน  ฉันก็ยังอยากสั่งสอนบทเรียนให้มันอยู่ดี  นั่นหมายความว่าพลังนี้เพียงพอที่จะทำให้มันเจ็บแต่ไม่ฆ่ามัน  แค่พอที่จะทำลายความตั้งใจที่จะต่อต้านเท่านั้น”

แน่นอนว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามทำความเข้าใจความหมายของพลังความมุ่งมั่นต่อ  ความมุ่งมั่นเปลี่ยนไปตามความตั้งใจ  และมนุษย์จะบรรลุเป้าหมายเมื่อความมุ่งมั่นของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น  มันมีพลังที่จะสร้างชีวิตใหม่หรือทำให้คนตายได้  สามารถทำให้เป้าหมายเกือบทุกอย่างเป็นจริงได้  ลู่หยวนรู้สึกเข้าใจกระจ่างขึ้น  เขาหยุดคิดแล้วมองดูเจ้ากิ้งก่าที่หวาดกลัว  รู้สึกผ่อนคลายขณะที่กระโดดขึ้นไปบนหลังของมันอีกครั้ง

นานทีเดียวกว่าลู่หยวนและเจ้ากิ้งก่าจะกลับมาถึงบ้านพัก  เพราะพวกเขาพากันหลงทาง  และเมื่อพวกเขามาถึงในที่สุด  เจ้ากิ้งก่าก็ลงนอนบนพื้นที่ว่างหน้าบ้านพัก  มันดูเหมือนเนินเขาขนาดยักษ์  พื้นดินที่สั่นสะเทือนตอนที่มันเดินกลับบ้านทำให้ทุกๆคนในบ้านกระสับกระส่ายและเกรงกลัว  รูปร่างหน้าตาของมันทำให้พวกผู้หญิงกลัวกันมาก  แต่พวกเขาก็พากันประหลาดใจเมื่อเห็นลู่หยวนยืนอยู่บนตัวมัน  หวงเจียฮุยคงยิงเจ้ากิ้งก่าถ้าลู่หยวนไม่ได้กำลังยิ้ม  ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้  แม้แต่หวงเจียฮุยก็ยังมองดูอยู่ห่างๆ

ลู่หยวนกระโดดลงจากตัวเจ้ากิ้งก่า  และเดินตรงไปหาเธอ  เธอดูวิตกกังวลขณะที่แอบด่าลู่หยวนกับความชะล่าใจของเขา  ถึงแม้เจ้ากิ้งก่าจะดูเชื่อฟังดี  มันก็ยังสามารถโจมตีลู่หยวนจากด้านหลังได้  ถ้ามันโจมตีเขาจริงๆล่ะก็......  หวงเจียฮุยหน้าซีดทันทีกับความคิดนั้น  เธอดึงปืนพกออกมาอย่างรวดเร็วแล้วเล็งไปที่เจ้ากิ้งก่า  พร้อมยิงทุกเมื่อถ้ามันเกิดโจมตีเขากะทันหัน

เจ้ากิ้งก่านั้นประสาทสัมผัสไวต่ออันตราย  มันรู้สึกได้ทันทีเมื่อหวงเจียฮุยเล็งปืนมาที่มัน  ความจริงแล้วกระสุนปืนของเธออยู่ในระดับสีน้ำเงินซึ่งหมายความว่าพวกมันมีพลังมาก  สัตว์ระดับสีฟ้ามีพลังป้องกันกระสุนสีน้ำเงินเป็นศูนย์  ดังนั้นถ้ายิงมันเข้าที่จุดตาย  ก็จะสามารถเอาชนะพวกสัตว์ที่แข็งแกร่งน้อยกว่าได้  โชคร้ายที่เธอเหลือกระสุนพวกนี้ไม่มากนัก  แล้วนี่ก็เป็นแค่ปืนสั้นเท่านั้นด้วย  เธอคงไม่ต้องกังวลเรื่องสัตว์สีน้ำเงินถ้าเธอมีปืนกล

เจ้ากิ้งก่าสัมผัสอันตรายได้และงอหางขึ้นทันที  มันพ่นลมหายใจออกมา  ไอสีขาวออกมาจากจมูกของมันอย่างรุนแรง  หวงเจียฮุยตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าเจ้ากิ้งก่าเตรียมโจมตี  มือที่ถือปืนอยู่สั่นระริก  เธอเกือบจะยิงออกมาแล้ว

ทันใดนั้นลู่หยวนก็หันกลับไปตะคอก  พลังที่แข็งแกร่งปล่อยออกมาจากร่างของเขา  ทำให้เจ้ากิ้งก่าถอยกลับไป  เขาโบกมือให้หวงเจียฮุยส่งสัญญาณให้เธอผ่อนคลาย  หวงเจียฮุยยังดูตื่นตระหนกขณะที่ก้าวเร็วๆเข้ามาหาลู่หยวน  เธอกอดเขาแน่นแล้วทุบหลังเขาไม่หยุดเพื่อระบายความวิตกกังวลของเธอพร้อมกับร้องไห้  “ทำไมถึงได้ชะล่าใจขนาดนี้?  นายทำฉันเป็นห่วงจะแย่แล้ว!”

เธอกลัวมาก  หญิงสาวเคยคิดว่าถ้าลู่หยวนตายเธอจะตายตามเขาไป  เธอรักเขาหมดหัวใจ  พวกเขาผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมากมายเป็นเวลานาน

“ทำไมต้องเป็นห่วง?  ฉันเอาชนะมันได้แล้ว  ตอนนี้มันเป็นสัตว์อสูรสงครามของฉัน  อย่าเข้าไปใกล้แล้วกัน  เจ้านี้มันฉลาดน้อย  ต้องฝึกมันก่อน”  ลู่หยวนพูดโดยไม่คิด  เลยได้หมัดจากหญิงสาวไปอีกสองสามที

ลู่หยวนสัญญากับเธอว่าเขาจะระวังตัวให้มากขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้เจ้ากิ้งก่า  จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเจ้ากิ้งก่ามันจะโจมตีเขาจากข้างหลัง  เขาสามารถสัมผัสการเคลื่อนไหวของมันได้อย่างง่ายดายตราบใดที่มันอยู่ในระยะการรับรู้ของเขา  ยิ่งกว่านั้นเจ้ากิ้งก่าจะไม่ทรยศเขาถ้าความภักดีของมันยังเกิน 50 แต้ม  เขาค่อนข้างมั่นใจในข้อมูลของระบบ  อย่างไรก็ตาม  มันก็ยากที่จะอธิบายออกมาอยู่ดี  และเขาก็เชื่อว่าผู้หญิงไม่อยากฟังคำอธิบายแบบนี้  คำสัญญาที่จริงใจเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงที่เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา

“ทำไมนายถึงเรียกมันว่าสัตว์อสูรสงครามล่ะ?”  หวงเจียฮุยถามอย่างสงสัย

ลู่หยวนปวดหัวตึ๊บ  ชื่อนั่นระบบมันตั้งมานี่หว่า  เขาต้องคิดหาทางอื่นเพื่ออธิบายให้เธอฟัง  “ก็เหมือนๆสัตว์เลี้ยงน่ะ  เหมือนพวกหมาแมวไรงี้”

หวงเจียฮุยมองเจ้ากิ้งก่าที่น่ากลัวอย่างสงสัย  และรู้ว่าไม่ว่าเธอจะพยายามหนักขนาดไหน  เธอก็ไม่สามารถเปรียบเทียบมันกับหมาแมวน่ารักๆได้เลย

“มันกินคนไหม?”  หวงเจียฮุยถามอย่างกังวล

“ไม่เป็นไรน่า!  มันเชื่อฟังฉันจะตาย”  ลู่หยวนพูดพร้อมหัวเราะ

มันเคยกินคนมาก่อนแน่  แต่เขาจะไม่ยอมให้มันกินอีก  เจ้ากิ้งก่านอนเลียบาดแผลของมันอยู่หน้าบ้านพัก  มันแตกต่างจากเจ้าตัวที่เขาเคยพบมาก่อน  หวงเจียฮุยมองมันอยู่อีกสักพักก่อนจะฝืนใจยอมรับคำอธิบายของเขา  หวังซีซียืนลังเลอยู่ไกลๆ  แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะอยากเข้ามาใกล้  เด็กหญิงแอบดูเจ้ากิ้งก่าด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนจะถามตะกุกตะกักว่า  “พี่ลู่  ฉัน......ฉันจะขี่มันเหมือนที่พี่ทำได้ไหม?”

“ความฉลาดของเจ้านี่เหมือนกับหมาเลย  เธอขี่ไม่ได้หรอก  เพราะมันยังไม่รู้จักเธอ  แต่อีกสักพักพอมันเริ่มจำเธอได้ก็คงไม่เป็นไร”  ลู่หยวนอธิบายพร้อมกับหัวเราะ

“จริงนะ?”  หวังซีซียิ้ม  ดูเหมือนจะเริ่มจินตนาการถึงการขี่เจ้ากิ้งก่าไปในเมือง

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.