หน้าแรก > Epoch of Twilight
ตอนที่ 102  สัตว์อสูรสงคราม

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 102  สัตว์อสูรสงคราม

ช่วงนี้อากาศดูเหมือนจะร้อนขึ้น  แต่มีฝนตกทุกๆสองสามวันเท่านั้น

ถ้าตามปฏิทินเก่า  มันเข้าสู่ช่วงหน้าฝนแล้ว  ตั้งแต่โลกเริ่มเปลี่ยนแปลง  ฤดูหนาวก็จบลงในพริบตาเท่านั้น

“นี่คือสถานีวิทยุปักกิ่ง  นี่คือสถานีวิทยุปักกิ่ง!  เราออกอากาศเพื่อผู้รอดชีวิตทั่วโลก......วันนี้เราไม่สามารถรับสัญญาณจากแอฟริกาหรือออสเตรเลียได้แล้ว  ในทางกลับกัน  สัญญาณจากแถบอเมริกาใต้  ยุโรป  และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มไม่ต่อเนื่อง  สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง......”

“......นี่คือสงครามระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ  การอยู่รอดของมนุษยชาติถูกท้าทายอย่างใหญ่หลวง  และสถานการณ์ก็กำลังเลวร้าย  ภายใต้การนำของรัฐบาล  จีนได้สร้างฐานที่มั่นขนาดใหญ่ในปักกิ่ง, ทิเบต, ชิงไห่, อุรุมชี และทากลามากัน  และกำลังเปลี่ยนยุทธวิธีในการทำสงคราม  ถ้าผู้รอดชีวิตท่านใดได้ฟังข่าวนี้  โปรดเผยแพร่ให้ผู้อื่นทราบต่อด้วย  รายงานอีกครั้ง......”

“รายงานข่าวต่างประเทศ  อเมริกาและแคนาดาได้เซ็นสัญญาเฉพาะกิจอย่างเป็นทางการในแผนการทำสงครามเพื่อพัฒนาพื้นที่น้ำแข็งในพื้นที่ทางเหนือของแคนาดา  ข้อตกลงนี้นอกจากจะทำขึ้นเพื่อสร้างฐานทัพสำคัญสองสามแห่งแล้ว  ประชากรทั้งหมดของประเทศอเมริกาจะถูกย้ายไปด้วย”

“กรุงมอสโก  เมืองหลวงของประเทศรัสเซีย  ได้พบว่ามีแหล่งพลังงานระเบิดขึ้น ซึ่งจับสัญญาณผ่านดาวเทียมได้นาน 6 นาที 15 วินาทีก่อนจะหายไปอย่างผิดปรกติเมื่อเช้านี้  ในตอนนี้ทางมอสโกได้ขาดการติดต่อชั่วคราว......”

“เนื่องจากข่าวที่เราได้รับจากประเทศญี่ปุ่นว่า  รองนายกรัฐมนตรี ยามาโมโตะ อิจิโร่ ที่มาเยือนประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ได้เสียชีวิตจากเครื่องบินตกลงในทะเล......”

ลู่หยวนที่กำลังฟังข่าวจากมือถือเริ่มรู้สึกเครียด

มันเป็นฤดูหนาวสั้นๆและมนุษย์ก็กำลังล่าถอยไปที่เขตภูเขาสูง  ทะเลทราย  และทุ่งน้ำแข็ง  ที่ซึ่งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่รอดได้  สถานการณ์นั้นเลวร้ายกว่าที่ลู่หยวนจินตนาการไว้มาก

ทันใดนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างแรงจากภายนอก

“กำลังห่วงอยู่เชียวว่าจะหาตัวไม่เจอ  มาที่นี่เองเลยนะ!”  ลู่หยวนเลิกคิ้วขึ้นและเอาหูฟังออก  เขาวางหูฟังไว้ที่โต๊ะ  หยิบดาบฟันขาม้า (zhanmadao ) ขึ้นมาแล้วพุ่งตัวออกจากบ้านขณะที่ทุกๆคนมองเขาอย่างไม่สบายใจ

เขาก้าวยาวๆอย่างรวดเร็ว  แต่ละก้าวเกือบ 3 เมตร  ไม่กี่นาทีก็มาถึงจุดที่สร้างแรงสะเทือนขึ้น

มันคือสัตว์กลายพันธุ์ตัวใหญ่ดูคล้ายกิ้งก่า  สูง 3 เมตร  ยาวประมาณ 6 เมตรรวมหางด้วย  ตัวของมันเป็นสีเขียวมรกต  และหัวของมันมีเขาเรียวสีดำหมุนเป็นเกลียวซึ่งยังไม่โตเต็มที่  เขามีขนาดเล็กมาก  ยาวแทบไม่ถึงครึ่งฟุต  และดูประหลาดเมื่อเทียบกับร่างกายที่ใหญ่โตของมัน

สัตว์ตัวใหญ่ยักษ์นั่นเตร็ดเตร่อยู่ใกล้เขตนี้มาสองวันแล้ว  มันกำลังลังเลอยู่  แต่ก็ใกล้จะตัดสินใจย้ายที่ได้แล้ว

มันหายใจแรงพ่นควันสีขาวออกมาเป็นครั้งคราว  กรงเล็บขนาดยักษ์ของมันกระแทกพื้นดังตึงพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างท้าทาย

วันก่อน  ลู่หยวนพบว่าปฏิกิริยาของเจ้ายักษ์ใหญ่นี้แปลกไป  แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว  เดิมทีเขตนี้ถูกครอบครองโดยต้นโลคัสวิญญาณหลอน  สัตว์กลายพันธุ์ทุกตัวในพื้นที่นี้มีความแข็งแกร่งแบบเดียวกัน  ดังนั้นจึงรักษาความสงบเอาไว้ได้

หลังจากต้นโลคัสวิญญาณหลอนถูกลู่หยวนตัด  พลังชีวิตของมันก็อ่อนแอลง  พวกสัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่ใกล้ๆจึงเริ่มขยายอาณาเขตของมัน

นี่คือสัตว์กลายพันธุ์ตัวแรกที่เข้ามา

สำหรับสัตว์กลายพันธุ์ระดับสีฟ้าที่ถูกไล่ออกมาจากอาณาเขต  นี่เป็นโชคดีมากที่ได้พบกับอาณาเขตที่ยังไม่ถูกครอบครองในเมืองนี้

สัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้มีบาดแผลมากมายทั่วทั้งร่าง  เกล็ดก็หลุดออกไปเยอะ  บางแห่งก็เป็นแผลใหม่ที่ยังคงมีเลือดซึมออกมา  ชีวิตร่อนเร่นั้นไม่ง่ายเลย

อย่างไรก็ตาม  เจ้าสัตว์ตัวนี้นั้นระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก  เขาแน่ใจว่ามันจะล่าถอยทันทีที่สัมผัสสิ่งผิดปรกติได้  ยิ่งกว่านั้นมันก็เร็วมากด้วย  ลู่หยวนอยากฆ่ามันเมื่อวันก่อน  แต่มันก็ดันวิ่งหนีไปได้ซะก่อนที่เขาจะทันทำอะไร

บางทีนี่อาจเป็นกลยุทธในการอยู่รอดของมัน  เดินเตร็ดเตร่และออกล่าไปรอบๆอาณาเขตของสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น

ลู่หยวนกำลังกังวลว่าเขาอาจจะทำภารกิจไม่สำเร็จ  แต่มันก็กลับมาอีกครั้ง

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าสัตว์ตัวนี้ตกใจกลัวจนหนีไปอีก  ลู่หยวนจึงคลานไปบนพื้น  เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ  กระทั่งลดรังสีกดดันของตัวเองลง  เรื่องความปลอดภัยของตัวเองเอาไว้ก่อนล่ะนะ

หลังจากส่งเสียงร้องอยู่สองสามรอบ  เจ้าสัตว์ตัวนั้นก็หยุด  ดูเหมือนมันกำลังสังเกตสภาพรอบตัว  ไม่กี่วินาทีต่อมา  ก็ดูเหมือนจะโล่งอกเล็กน้อยแล้วเดินตรงเข้าไปในเขตเมือง

มันส่งเสียงร้องขึ้นฟ้าอย่างตื่นเต้น  แล้วทันใดนั้นสัญชาตญาณของมันก็สัมผัสได้ถึงอันตราย  เกล็ดรูปปริซึมบนหางของมันเปิดออกเล็กน้อยดูคล้ายฟันเลื่อยขณะที่ย่อตัวต่ำลง  มันเผยเขี้ยวออกมาขณะที่ส่งเสียงเตือนและเริ่มล่าถอย

มันรู้สึกได้ถึงบางอย่างและหันหลังกลับทันที  ตอนนั้นเองที่มันสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆกำลังตรงมาที่มันอย่างรวดเร็ว  มันไม่เข้าใจและไม่เชื่อด้วยว่าเจ้าตัวจ้อยพวกนี้ ซึ่งกลายเป็นแหล่งอาหารเพียงอย่างเดียวของมันในช่วงนี้นั้น  จะสามารถทำให้มันรู้สึกถึงอันตรายได้

มันโกรธจนลืมความรู้สึกอันตรายเมื่อกี้ไปแล้ว

สัตว์ตัวนั้นส่งเสียงร้องแล้ววิ่งเต็มฝีเท้าเข้าใส่เจ้าตัวจ้อยนั่น  ทำเอาพื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือน

ตอนที่มันพุ่งเข้าใส่นั้น  มันคิดว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ก็เหมือนตัวก่อนๆที่มันเคยเจอมา  มันคาดหวังว่าเจ้าตัวจ้อยนี่จะล้มพับลงกับพื้นแล้วทำตัวสั่นพั่บๆ  แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรเหม็นๆราดออกมานะ  ถึงมันจะไม่เลือกกิน  แต่ไอ้นั่นน่ะรสชาติไม่ได้เรื่อง

ไอ้ตัวจ้อยนี่วิ่งเร็วแฮะ

สัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้มีความฉลาดจำกัด  ดังนั้นแค่คิดว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กได้เข้ามาในระยะโจมตีของมัน  มันก็ยื่นคอออกไปกัดทันที  ก้อนหินใกล้เคียงแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

สัญชาตญาณของมันรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปรกติ  มันไม่รู้สึกถึงรสชาติหอมหวานของเลือดที่ไหลผ่านลำคอลงไปเลย  ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร  มันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเย็นๆที่เท้าหน้าของมัน  และก็เห็นเจ้าตัวจ้อยนั่นไถลตัวผ่านไปขณะที่มันยังมึนงงอยู่

อุ้งเท้าของมันถูกตัดขาด  เจ้าสัตว์ตัวนั้นเจ็บปวดมากจนต้องส่งเสียงร้องออกมาดังๆ

เลือดจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำพุ

สายตาของลู่หยวนดูอำมหิตอย่างที่สุด  ด้วยหัวใจของต้นโลคัสวิญญาณหลอน  และพลังจิต14 คะแนน ช่วยให้เขาป้องกันตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความโกรธเพื่อสร้างแสงขึ้นมาห่อหุ้มผิวหนังของเขา  อากาศบนพื้นผิวที่ห่อหุ้มร่างเขาจะบิดเบี้ยวเล็กน้อย  ทำให้ตัวเขาดูลวงตาและคลุมเครือไม่ชัดเจนถ้ามองจากที่ไกลๆ

แสงจากดาบฟันขาม้าส่องสว่างออกมายาวเกือบหนึ่งฟุต  ทำให้ดาบแข็งแกร่งขึ้นและคมขึ้น

หลังจากลู่หยวนตัดเท้าหน้าของเจ้าสัตว์ตัวใหญ่ออกแล้ว  เขาก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว  เขาไถลตัวเข้าไปใต้ท้องของมันแล้วยกดาบขึ้นในแนวตั้ง  ก้าวเร็วๆอีกสองสามก้าว  ดาบก็ตัดผ่านผิวหนังหนาของเจ้ายักษ์  ฉีกมันออกราวกับฉีกเสื้อ  เกิดบาดแผลใหญ่ตั้งแต่หน้าอกจนถึงท้อง

โชคร้ายที่สัตว์ตัวนี้สูงเกินไป  เขาทำได้เพียงตัดเปิดผิวหนังของมันออกเท่านั้น  เขาจำเป็นต้องอยู่ติดพื้นดินเข้าไว้เนื่องจากทำให้วิ่งได้เร็วขึ้นและทำให้ร่างกายสมดุล  ไม่เช่นนั้นเจ้ายักษ์นี้อาจจะถูกฆ่าไปแล้ว

ก่อนที่มันจะร้องอีกครั้ง  ลู่หยวนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วใต้ท้องของมัน

การลงมือของลู่หยวนนั้นน่าอัศจรรย์มาก  แค่ยกแรกเท่านั้น  เจ้ายักษ์ใหญ่ก็บาดเจ็บสาหัสซะแล้ว

แต่การต่อสู้ยังไม่จบ  ลู่หยวนเหยียบขึ้นไปบนขาขนาดเท่าถังน้ำของมัน  ใช้สองมือจับ  แล้วตีลังกาขึ้นไปยืนบนหลังของเจ้ายักษ์ใหญ่  เขาสามารถควบคุมแรงของเขาได้ถึงระดับไมโคร  เมื่อรวมกับเซลล์ประสาทที่ตอบสนองด้วยความเร็วสูง  ลู่หยวนก็สามารถก้าวเดินบนอากาศได้ประมาณห้าก้าว  สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงเรียบๆที่สูงสามเมตรได้  แล้วนี่เป็นแค่สัตว์กลายพันธุ์ตัวใหญ่ยักษ์ที่มีบาดแผลมากมายและผิวหนังหยาบราวกับกระดาษทราย

ในที่สุดเจ้ายักษ์ก็เริ่มรู้สึกถึงอันตราย  และส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธ  มันสะบัดตัวแรงๆ  พยายามเขย่าลู่หยวนให้ตกลงมา

การสะบัดตัวของมันราวกับแผ่นดินไหว  ถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะตกลงไปแล้ว

ลู่หยวนยังคงสงบนิ่ง  ย่อตัวลงต่ำให้จุดศูนย์ถ่วงของเขาสมดุลกับแรงสะเทือน  ร่างกายของเขามั่นคงราวกับต้นไม้ที่มีรากแก้วแข็งแรงยึดติดกับพื้นดิน

ทันใดนั้น  เสียงขู่ฟ่อก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง  ลู่หยวนทายไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว  เขาจึงก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว  และเคลื่อนไปด้านข้างเล็กน้อยพร้อมกับเหวี่ยงดาบไปด้านข้างและด้านบน  ตัดหางที่คล้ายฟันเลื่อยของเจ้ายักษ์ใหญ่ออกเป็นสองส่วน

เขาเสียสมดุลไปแปบหนึ่ง  และเอียงไปมาก่อนจะหายใจเข้าลึกแล้วก้าวไปข้างหน้าช้าๆ  จากนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย  ถึงจะยังโซเซในตอนแรก  แต่ก็กลับมามั่นคงมากขึ้นตอนที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า

ไม่กี่วินาที ลู่หยวนก็มาถึงหัวของเจ้ายักษ์ใหญ่  ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนมันก็สะบัดเขาไม่หลุดสักที

ลู่หยวนยกดาบขึ้น  แสงจากคมดาบปลดปล่อยรัศมีที่รุนแรงออกมากดดันเจ้าสัตว์ที่น่ากลัวนี้ได้อย่างไม่คาดคิด

เขารู้สึกได้ว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้เริ่มสั่นระริก  ลู่หยวนกำลังจะฆ่ามันด้วยดาบของเขาและเอาเนื้อมันกลับไปที่บ้านพัก  แต่แล้วเจ้ายักษ์ใหญ่ก็ทำท่าประหลาด

มันนอนลงเอาหัวแนบติดกับพื้น  แล้วร้องครางหงิงๆขอความเมตตา  ด้วยความกลัวตาย  เจ้ายักษ์ใหญ่หยุดต่อต้านแล้วยอมแพ้แต่โดยดี  ทำตัวเหมือนเป็นเหยื่อที่อ่อนแอน่าสงสาร

ลู่หยวนตกใจ  เขาไม่เคยคิดเลยว่าสัตว์กลายพันธุ์จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้  เขาไม่เคยพบไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง

เขาลังเลและกระโดดลงมาจากหัวของมัน  ลู่หยวนมองเจ้ายักษ์ใหญ่อย่างระแวดระวังขณะที่คิดถึงวิธีตอบโต้ที่แตกต่างกัน 10 วิธี

ความจริงลู่หยวนไม่ได้กังวลเรื่องสัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้  เขาตัดขาและหางของมันไปแล้ว  แถมยังมีบาดแผลสาหัสที่ท้องอีก  ยังไงก็หนีลำบาก

เจ้ายักษ์ใหญ่ไม่ขยับ  ตัวมันสั่นรุนแรงขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมาของลู่หยวน

“หรือมันจะยอมแพ้?”  ลู่หยวนพูดกับตัวเองพลางถูคาง

“มันดูเหมือนยอมแพ้ราบคาบเลยนะนั่น  จะฆ่าดีไหมหว่า ? ”  ลู่หยวนตัดสินใจไม่ถูก  ถ้าสัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้ยังต่อต้านอยู่  เขาก็คงฆ่ามันทันที  แต่จากสถานการณ์นี้  ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่จะฆ่ามัน

แต่เขาก็ยังลังเล  เพราะถ้าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ  เขาจะถูกหักค่าประสบการณ์ถึงสองเท่า  เขาต้องจบภารกิจระดับ E อย่างน้อยสองภารกิจเพื่อชดเชยค่าประสบการณ์ที่เสียไป  หรือในกรณีที่แย่ที่สุด  ก็อาจจะต้องจบภารกิจถึงสามอันเลย

“เอาน่า  แค่ฆ่ามันซะ  ถึงยังไงก็ไม่มีศีลธรรมเมตตาธรรมอะไรระหว่างมนุษย์กับสัตว์กลายพันธุ์อยู่แล้ว  ยิ่งกว่านั้น  การฆ่าสัตว์กลายพันธุ์หนึ่งตัวจะช่วยชีวิตมนุษย์ได้เป็นพันคน  ลดจำนวนสัตว์กินคนลงไปได้หนึ่งตัว”  หลังจากลู่หยวนชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว  เขาก็ไม่ลังเลอีก

ดาบฟันขาม้าส่องแสงสว่างออกมาขณะที่ลู่หยวนเดินเข้าไปหาเจ้ายักษ์ใหญ่

ดูเหมือนมันจะรู้สึกได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา  ตัวมันสั่นอย่างรุนแรง  และพยายามขดตัวเข้ามาด้วยความกลัว  เมื่อสูญเสียความกล้าที่จะต่อสู้ไปแล้ว  มันก็ยากที่จะกู้กลับคืนมา  ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างก็เป็นเหมือนกัน

เจ้ายักษ์ใหญ่ไม่สู้แล้ว  มันแค่รอความตายเท่านั้น

ทันใดนั้น  ข้อความเตือนของระบบก็เด้งขึ้นมา

“ กิ้งก่ายักษ์  สัตว์กลายพันธุ์ระดับสีฟ้า  ได้ยอมแพ้ต่อคุณแล้ว  จะเก็บไว้เป็นสัตว์อสูรสงครามหรือไม่?  ปฏิเสธ/ยอมรับ ”

ลู่หยวนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง  เขาคิดว่าเขาต้องเข้าใจอะไรผิดแน่  พอได้สติเขาก็กดยอมรับ  แล้วตัวเจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็เริ่มเขย่าไปมาจนหัวสั่นสะเทือน

เขาเปิดหน้าต่างคุณสมบัติของเขาขึ้นมา  แล้วพบว่ามีตัวเลือกใหม่สำหรับสัตว์อสูรสงครามเพิ่มเข้ามาที่ด้านล่าง  มีหน้าต่างคุณสมบัติของสัตว์อสูรสงครามโดยเฉพาะด้วย

“สัตว์อสูรสงคราม : กิ้งก่ายักษ์”

“เลเวล : 0 (สีฟ้า)”

คุณสมบัติ:-

ความแข็งแรง : 18 (10)

ความคล่องแคล่ว : 12 (10)

ร่างกาย : 17 (10)

ความฉลาด : 3 (10)

การรับรู้ : 4 (10)

พลังจิต : 11 (10)

ค่าประสบการณ์ : 0/2400

ทักษะ : กระโจนกัด 14,  ฟาดหาง 15,  การเอาตัวรอด 18

ความสามารถพิเศษ : สัญชาตญาณเตือนภัย

สภาพร่างกาย : อ่อนแอ

ความภักดี : 55 (อาจจะทรยศหรือหนีไปได้ถ้าต่ำกว่า 50,  สูงสุด 100)

AP ที่ไม่ได้ใช้ : 0

SP ที่ไม่ได้ใช้ : 5

คุณสมบัติของมันดีเลิศสุดๆ  ความแข็งแรง 18 แต้ม  สูงกว่าเขาเกือบ 7.5 เท่า  และสูงกว่าคนทั่วไป 16 เท่า  ค่าร่างกายของมันสูงกว่าของลู่หยวน 3.3 เท่า  และสูงกว่าคนทั่วไป 10 เท่า  ค่าความคล่องแคล่วของมันต่ำกว่า  แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก  แน่ล่ะว่าไม่รวมคุณสมบัติที่สองของมันเข้าไปด้วย

ดูเหมือนว่าเจ้าตัวนี้จะสามารถเลื่อนระดับได้เช่นเดียวกับเขา  อย่างไรก็ตาม  ลู่หยวนก็สงสัยว่าทำไมมันถึงต้องใช้ค่าประสบการณ์ในการเลื่อนระดับมากกว่าเขา  แต่พอเขาพิจารณาถึงขนาดตัวของมันแล้ว  ก็ดูจะมีเหตุผลอยู่

ว่ากันตามจริงแล้ว  เขาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าระบบค่าประการณ์นั้นทำงานอย่างไร : ขึ้นอยู่กับขนาดตัวรึเปล่า?  หรือขึ้นกับคุณสมบัติแต่ละอัน?  หรือคุณสมบัติทั้งหมดรวมกัน?  ค่าคุณสมบัติรวมทั้งหมดของลู่หยวนคือ 76 แต้ม  ถึงแม้ค่าคุณสมบัติแต่ละอันของกิ้งก่ายักษ์จะยอดเยี่ยม  แต่พอรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วก็แค่ 65 แต้มเท่านั้น  ซึ่งสูงกว่าโดยเฉลี่ยทั่วไปแค่ 5 แต้มเท่านั้น  ลู่หยวนเดาว่าระบบอาจจะตัดสินจากปัจจัยรวมต่างๆที่ซับซ้อนมาก

แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นนานเมื่อเสียงเตือนภารกิจล้มเหลวดังขึ้น

“ภารกิจระดับ E : ฆ่ากิ้งก่ายักษ์ ล้มเหลว,  หักค่าประสบการณ์สองเท่าของรางวัล  รวมทั้งสิ้น 3,200 แต้ม”

โชคดีที่ลู่หยวนมีค่าประสบการณ์มากพอ  เขาเลยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลดเลเวล

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.