spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 102 สัตว์อสูรสงคราม
ช่วงนี้อากาศดูเหมือนจะร้อนขึ้น แต่มีฝนตกทุกๆสองสามวันเท่านั้น
ถ้าตามปฏิทินเก่า มันเข้าสู่ช่วงหน้าฝนแล้ว ตั้งแต่โลกเริ่มเปลี่ยนแปลง ฤดูหนาวก็จบลงในพริบตาเท่านั้น
“นี่คือสถานีวิทยุปักกิ่ง นี่คือสถานีวิทยุปักกิ่ง! เราออกอากาศเพื่อผู้รอดชีวิตทั่วโลก......วันนี้เราไม่สามารถรับสัญญาณจากแอฟริกาหรือออสเตรเลียได้แล้ว ในทางกลับกัน สัญญาณจากแถบอเมริกาใต้ ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มไม่ต่อเนื่อง สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง......”
“......นี่คือสงครามระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ การอยู่รอดของมนุษยชาติถูกท้าทายอย่างใหญ่หลวง และสถานการณ์ก็กำลังเลวร้าย ภายใต้การนำของรัฐบาล จีนได้สร้างฐานที่มั่นขนาดใหญ่ในปักกิ่ง, ทิเบต, ชิงไห่, อุรุมชี และทากลามากัน และกำลังเปลี่ยนยุทธวิธีในการทำสงคราม ถ้าผู้รอดชีวิตท่านใดได้ฟังข่าวนี้ โปรดเผยแพร่ให้ผู้อื่นทราบต่อด้วย รายงานอีกครั้ง......”
“รายงานข่าวต่างประเทศ อเมริกาและแคนาดาได้เซ็นสัญญาเฉพาะกิจอย่างเป็นทางการในแผนการทำสงครามเพื่อพัฒนาพื้นที่น้ำแข็งในพื้นที่ทางเหนือของแคนาดา ข้อตกลงนี้นอกจากจะทำขึ้นเพื่อสร้างฐานทัพสำคัญสองสามแห่งแล้ว ประชากรทั้งหมดของประเทศอเมริกาจะถูกย้ายไปด้วย”
“กรุงมอสโก เมืองหลวงของประเทศรัสเซีย ได้พบว่ามีแหล่งพลังงานระเบิดขึ้น ซึ่งจับสัญญาณผ่านดาวเทียมได้นาน 6 นาที 15 วินาทีก่อนจะหายไปอย่างผิดปรกติเมื่อเช้านี้ ในตอนนี้ทางมอสโกได้ขาดการติดต่อชั่วคราว......”
“เนื่องจากข่าวที่เราได้รับจากประเทศญี่ปุ่นว่า รองนายกรัฐมนตรี ยามาโมโตะ อิจิโร่ ที่มาเยือนประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ได้เสียชีวิตจากเครื่องบินตกลงในทะเล......”
ลู่หยวนที่กำลังฟังข่าวจากมือถือเริ่มรู้สึกเครียด
มันเป็นฤดูหนาวสั้นๆและมนุษย์ก็กำลังล่าถอยไปที่เขตภูเขาสูง ทะเลทราย และทุ่งน้ำแข็ง ที่ซึ่งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่รอดได้ สถานการณ์นั้นเลวร้ายกว่าที่ลู่หยวนจินตนาการไว้มาก
ทันใดนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างแรงจากภายนอก
“กำลังห่วงอยู่เชียวว่าจะหาตัวไม่เจอ มาที่นี่เองเลยนะ!” ลู่หยวนเลิกคิ้วขึ้นและเอาหูฟังออก เขาวางหูฟังไว้ที่โต๊ะ หยิบดาบฟันขาม้า (zhanmadao ) ขึ้นมาแล้วพุ่งตัวออกจากบ้านขณะที่ทุกๆคนมองเขาอย่างไม่สบายใจ
เขาก้าวยาวๆอย่างรวดเร็ว แต่ละก้าวเกือบ 3 เมตร ไม่กี่นาทีก็มาถึงจุดที่สร้างแรงสะเทือนขึ้น
มันคือสัตว์กลายพันธุ์ตัวใหญ่ดูคล้ายกิ้งก่า สูง 3 เมตร ยาวประมาณ 6 เมตรรวมหางด้วย ตัวของมันเป็นสีเขียวมรกต และหัวของมันมีเขาเรียวสีดำหมุนเป็นเกลียวซึ่งยังไม่โตเต็มที่ เขามีขนาดเล็กมาก ยาวแทบไม่ถึงครึ่งฟุต และดูประหลาดเมื่อเทียบกับร่างกายที่ใหญ่โตของมัน
สัตว์ตัวใหญ่ยักษ์นั่นเตร็ดเตร่อยู่ใกล้เขตนี้มาสองวันแล้ว มันกำลังลังเลอยู่ แต่ก็ใกล้จะตัดสินใจย้ายที่ได้แล้ว
มันหายใจแรงพ่นควันสีขาวออกมาเป็นครั้งคราว กรงเล็บขนาดยักษ์ของมันกระแทกพื้นดังตึงพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างท้าทาย
วันก่อน ลู่หยวนพบว่าปฏิกิริยาของเจ้ายักษ์ใหญ่นี้แปลกไป แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เดิมทีเขตนี้ถูกครอบครองโดยต้นโลคัสวิญญาณหลอน สัตว์กลายพันธุ์ทุกตัวในพื้นที่นี้มีความแข็งแกร่งแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงรักษาความสงบเอาไว้ได้
หลังจากต้นโลคัสวิญญาณหลอนถูกลู่หยวนตัด พลังชีวิตของมันก็อ่อนแอลง พวกสัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่ใกล้ๆจึงเริ่มขยายอาณาเขตของมัน
นี่คือสัตว์กลายพันธุ์ตัวแรกที่เข้ามา
สำหรับสัตว์กลายพันธุ์ระดับสีฟ้าที่ถูกไล่ออกมาจากอาณาเขต นี่เป็นโชคดีมากที่ได้พบกับอาณาเขตที่ยังไม่ถูกครอบครองในเมืองนี้
สัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้มีบาดแผลมากมายทั่วทั้งร่าง เกล็ดก็หลุดออกไปเยอะ บางแห่งก็เป็นแผลใหม่ที่ยังคงมีเลือดซึมออกมา ชีวิตร่อนเร่นั้นไม่ง่ายเลย
อย่างไรก็ตาม เจ้าสัตว์ตัวนี้นั้นระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาแน่ใจว่ามันจะล่าถอยทันทีที่สัมผัสสิ่งผิดปรกติได้ ยิ่งกว่านั้นมันก็เร็วมากด้วย ลู่หยวนอยากฆ่ามันเมื่อวันก่อน แต่มันก็ดันวิ่งหนีไปได้ซะก่อนที่เขาจะทันทำอะไร
บางทีนี่อาจเป็นกลยุทธในการอยู่รอดของมัน เดินเตร็ดเตร่และออกล่าไปรอบๆอาณาเขตของสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น
ลู่หยวนกำลังกังวลว่าเขาอาจจะทำภารกิจไม่สำเร็จ แต่มันก็กลับมาอีกครั้ง
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าสัตว์ตัวนี้ตกใจกลัวจนหนีไปอีก ลู่หยวนจึงคลานไปบนพื้น เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ กระทั่งลดรังสีกดดันของตัวเองลง เรื่องความปลอดภัยของตัวเองเอาไว้ก่อนล่ะนะ
หลังจากส่งเสียงร้องอยู่สองสามรอบ เจ้าสัตว์ตัวนั้นก็หยุด ดูเหมือนมันกำลังสังเกตสภาพรอบตัว ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็ดูเหมือนจะโล่งอกเล็กน้อยแล้วเดินตรงเข้าไปในเขตเมือง
มันส่งเสียงร้องขึ้นฟ้าอย่างตื่นเต้น แล้วทันใดนั้นสัญชาตญาณของมันก็สัมผัสได้ถึงอันตราย เกล็ดรูปปริซึมบนหางของมันเปิดออกเล็กน้อยดูคล้ายฟันเลื่อยขณะที่ย่อตัวต่ำลง มันเผยเขี้ยวออกมาขณะที่ส่งเสียงเตือนและเริ่มล่าถอย
มันรู้สึกได้ถึงบางอย่างและหันหลังกลับทันที ตอนนั้นเองที่มันสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆกำลังตรงมาที่มันอย่างรวดเร็ว มันไม่เข้าใจและไม่เชื่อด้วยว่าเจ้าตัวจ้อยพวกนี้ ซึ่งกลายเป็นแหล่งอาหารเพียงอย่างเดียวของมันในช่วงนี้นั้น จะสามารถทำให้มันรู้สึกถึงอันตรายได้
มันโกรธจนลืมความรู้สึกอันตรายเมื่อกี้ไปแล้ว
สัตว์ตัวนั้นส่งเสียงร้องแล้ววิ่งเต็มฝีเท้าเข้าใส่เจ้าตัวจ้อยนั่น ทำเอาพื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือน
ตอนที่มันพุ่งเข้าใส่นั้น มันคิดว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ก็เหมือนตัวก่อนๆที่มันเคยเจอมา มันคาดหวังว่าเจ้าตัวจ้อยนี่จะล้มพับลงกับพื้นแล้วทำตัวสั่นพั่บๆ แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรเหม็นๆราดออกมานะ ถึงมันจะไม่เลือกกิน แต่ไอ้นั่นน่ะรสชาติไม่ได้เรื่อง
ไอ้ตัวจ้อยนี่วิ่งเร็วแฮะ
สัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้มีความฉลาดจำกัด ดังนั้นแค่คิดว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กได้เข้ามาในระยะโจมตีของมัน มันก็ยื่นคอออกไปกัดทันที ก้อนหินใกล้เคียงแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
สัญชาตญาณของมันรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปรกติ มันไม่รู้สึกถึงรสชาติหอมหวานของเลือดที่ไหลผ่านลำคอลงไปเลย ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร มันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเย็นๆที่เท้าหน้าของมัน และก็เห็นเจ้าตัวจ้อยนั่นไถลตัวผ่านไปขณะที่มันยังมึนงงอยู่
อุ้งเท้าของมันถูกตัดขาด เจ้าสัตว์ตัวนั้นเจ็บปวดมากจนต้องส่งเสียงร้องออกมาดังๆ
เลือดจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำพุ
สายตาของลู่หยวนดูอำมหิตอย่างที่สุด ด้วยหัวใจของต้นโลคัสวิญญาณหลอน และพลังจิต14 คะแนน ช่วยให้เขาป้องกันตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความโกรธเพื่อสร้างแสงขึ้นมาห่อหุ้มผิวหนังของเขา อากาศบนพื้นผิวที่ห่อหุ้มร่างเขาจะบิดเบี้ยวเล็กน้อย ทำให้ตัวเขาดูลวงตาและคลุมเครือไม่ชัดเจนถ้ามองจากที่ไกลๆ
แสงจากดาบฟันขาม้าส่องสว่างออกมายาวเกือบหนึ่งฟุต ทำให้ดาบแข็งแกร่งขึ้นและคมขึ้น
หลังจากลู่หยวนตัดเท้าหน้าของเจ้าสัตว์ตัวใหญ่ออกแล้ว เขาก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว เขาไถลตัวเข้าไปใต้ท้องของมันแล้วยกดาบขึ้นในแนวตั้ง ก้าวเร็วๆอีกสองสามก้าว ดาบก็ตัดผ่านผิวหนังหนาของเจ้ายักษ์ ฉีกมันออกราวกับฉีกเสื้อ เกิดบาดแผลใหญ่ตั้งแต่หน้าอกจนถึงท้อง
โชคร้ายที่สัตว์ตัวนี้สูงเกินไป เขาทำได้เพียงตัดเปิดผิวหนังของมันออกเท่านั้น เขาจำเป็นต้องอยู่ติดพื้นดินเข้าไว้เนื่องจากทำให้วิ่งได้เร็วขึ้นและทำให้ร่างกายสมดุล ไม่เช่นนั้นเจ้ายักษ์นี้อาจจะถูกฆ่าไปแล้ว
ก่อนที่มันจะร้องอีกครั้ง ลู่หยวนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วใต้ท้องของมัน
การลงมือของลู่หยวนนั้นน่าอัศจรรย์มาก แค่ยกแรกเท่านั้น เจ้ายักษ์ใหญ่ก็บาดเจ็บสาหัสซะแล้ว
แต่การต่อสู้ยังไม่จบ ลู่หยวนเหยียบขึ้นไปบนขาขนาดเท่าถังน้ำของมัน ใช้สองมือจับ แล้วตีลังกาขึ้นไปยืนบนหลังของเจ้ายักษ์ใหญ่ เขาสามารถควบคุมแรงของเขาได้ถึงระดับไมโคร เมื่อรวมกับเซลล์ประสาทที่ตอบสนองด้วยความเร็วสูง ลู่หยวนก็สามารถก้าวเดินบนอากาศได้ประมาณห้าก้าว สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงเรียบๆที่สูงสามเมตรได้ แล้วนี่เป็นแค่สัตว์กลายพันธุ์ตัวใหญ่ยักษ์ที่มีบาดแผลมากมายและผิวหนังหยาบราวกับกระดาษทราย
ในที่สุดเจ้ายักษ์ก็เริ่มรู้สึกถึงอันตราย และส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธ มันสะบัดตัวแรงๆ พยายามเขย่าลู่หยวนให้ตกลงมา
การสะบัดตัวของมันราวกับแผ่นดินไหว ถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะตกลงไปแล้ว
ลู่หยวนยังคงสงบนิ่ง ย่อตัวลงต่ำให้จุดศูนย์ถ่วงของเขาสมดุลกับแรงสะเทือน ร่างกายของเขามั่นคงราวกับต้นไม้ที่มีรากแก้วแข็งแรงยึดติดกับพื้นดิน
ทันใดนั้น เสียงขู่ฟ่อก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ลู่หยวนทายไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เขาจึงก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนไปด้านข้างเล็กน้อยพร้อมกับเหวี่ยงดาบไปด้านข้างและด้านบน ตัดหางที่คล้ายฟันเลื่อยของเจ้ายักษ์ใหญ่ออกเป็นสองส่วน
เขาเสียสมดุลไปแปบหนึ่ง และเอียงไปมาก่อนจะหายใจเข้าลึกแล้วก้าวไปข้างหน้าช้าๆ จากนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย ถึงจะยังโซเซในตอนแรก แต่ก็กลับมามั่นคงมากขึ้นตอนที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ไม่กี่วินาที ลู่หยวนก็มาถึงหัวของเจ้ายักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนมันก็สะบัดเขาไม่หลุดสักที
ลู่หยวนยกดาบขึ้น แสงจากคมดาบปลดปล่อยรัศมีที่รุนแรงออกมากดดันเจ้าสัตว์ที่น่ากลัวนี้ได้อย่างไม่คาดคิด
เขารู้สึกได้ว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้เริ่มสั่นระริก ลู่หยวนกำลังจะฆ่ามันด้วยดาบของเขาและเอาเนื้อมันกลับไปที่บ้านพัก แต่แล้วเจ้ายักษ์ใหญ่ก็ทำท่าประหลาด
มันนอนลงเอาหัวแนบติดกับพื้น แล้วร้องครางหงิงๆขอความเมตตา ด้วยความกลัวตาย เจ้ายักษ์ใหญ่หยุดต่อต้านแล้วยอมแพ้แต่โดยดี ทำตัวเหมือนเป็นเหยื่อที่อ่อนแอน่าสงสาร
ลู่หยวนตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าสัตว์กลายพันธุ์จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ เขาไม่เคยพบไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
เขาลังเลและกระโดดลงมาจากหัวของมัน ลู่หยวนมองเจ้ายักษ์ใหญ่อย่างระแวดระวังขณะที่คิดถึงวิธีตอบโต้ที่แตกต่างกัน 10 วิธี
ความจริงลู่หยวนไม่ได้กังวลเรื่องสัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้ เขาตัดขาและหางของมันไปแล้ว แถมยังมีบาดแผลสาหัสที่ท้องอีก ยังไงก็หนีลำบาก
เจ้ายักษ์ใหญ่ไม่ขยับ ตัวมันสั่นรุนแรงขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมาของลู่หยวน
“หรือมันจะยอมแพ้?” ลู่หยวนพูดกับตัวเองพลางถูคาง
“มันดูเหมือนยอมแพ้ราบคาบเลยนะนั่น จะฆ่าดีไหมหว่า ? ” ลู่หยวนตัดสินใจไม่ถูก ถ้าสัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้ยังต่อต้านอยู่ เขาก็คงฆ่ามันทันที แต่จากสถานการณ์นี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่จะฆ่ามัน
แต่เขาก็ยังลังเล เพราะถ้าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ เขาจะถูกหักค่าประสบการณ์ถึงสองเท่า เขาต้องจบภารกิจระดับ E อย่างน้อยสองภารกิจเพื่อชดเชยค่าประสบการณ์ที่เสียไป หรือในกรณีที่แย่ที่สุด ก็อาจจะต้องจบภารกิจถึงสามอันเลย
“เอาน่า แค่ฆ่ามันซะ ถึงยังไงก็ไม่มีศีลธรรมเมตตาธรรมอะไรระหว่างมนุษย์กับสัตว์กลายพันธุ์อยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น การฆ่าสัตว์กลายพันธุ์หนึ่งตัวจะช่วยชีวิตมนุษย์ได้เป็นพันคน ลดจำนวนสัตว์กินคนลงไปได้หนึ่งตัว” หลังจากลู่หยวนชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว เขาก็ไม่ลังเลอีก
ดาบฟันขาม้าส่องแสงสว่างออกมาขณะที่ลู่หยวนเดินเข้าไปหาเจ้ายักษ์ใหญ่
ดูเหมือนมันจะรู้สึกได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา ตัวมันสั่นอย่างรุนแรง และพยายามขดตัวเข้ามาด้วยความกลัว เมื่อสูญเสียความกล้าที่จะต่อสู้ไปแล้ว มันก็ยากที่จะกู้กลับคืนมา ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างก็เป็นเหมือนกัน
เจ้ายักษ์ใหญ่ไม่สู้แล้ว มันแค่รอความตายเท่านั้น
ทันใดนั้น ข้อความเตือนของระบบก็เด้งขึ้นมา
“ กิ้งก่ายักษ์ สัตว์กลายพันธุ์ระดับสีฟ้า ได้ยอมแพ้ต่อคุณแล้ว จะเก็บไว้เป็นสัตว์อสูรสงครามหรือไม่? ปฏิเสธ/ยอมรับ ”
ลู่หยวนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าเขาต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ พอได้สติเขาก็กดยอมรับ แล้วตัวเจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็เริ่มเขย่าไปมาจนหัวสั่นสะเทือน
เขาเปิดหน้าต่างคุณสมบัติของเขาขึ้นมา แล้วพบว่ามีตัวเลือกใหม่สำหรับสัตว์อสูรสงครามเพิ่มเข้ามาที่ด้านล่าง มีหน้าต่างคุณสมบัติของสัตว์อสูรสงครามโดยเฉพาะด้วย
“สัตว์อสูรสงคราม : กิ้งก่ายักษ์”
“เลเวล : 0 (สีฟ้า)”
คุณสมบัติ:-
ความแข็งแรง : 18 (10)
ความคล่องแคล่ว : 12 (10)
ร่างกาย : 17 (10)
ความฉลาด : 3 (10)
การรับรู้ : 4 (10)
พลังจิต : 11 (10)
ค่าประสบการณ์ : 0/2400
ทักษะ : กระโจนกัด 14, ฟาดหาง 15, การเอาตัวรอด 18
ความสามารถพิเศษ : สัญชาตญาณเตือนภัย
สภาพร่างกาย : อ่อนแอ
ความภักดี : 55 (อาจจะทรยศหรือหนีไปได้ถ้าต่ำกว่า 50, สูงสุด 100)
AP ที่ไม่ได้ใช้ : 0
SP ที่ไม่ได้ใช้ : 5
คุณสมบัติของมันดีเลิศสุดๆ ความแข็งแรง 18 แต้ม สูงกว่าเขาเกือบ 7.5 เท่า และสูงกว่าคนทั่วไป 16 เท่า ค่าร่างกายของมันสูงกว่าของลู่หยวน 3.3 เท่า และสูงกว่าคนทั่วไป 10 เท่า ค่าความคล่องแคล่วของมันต่ำกว่า แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก แน่ล่ะว่าไม่รวมคุณสมบัติที่สองของมันเข้าไปด้วย
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวนี้จะสามารถเลื่อนระดับได้เช่นเดียวกับเขา อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนก็สงสัยว่าทำไมมันถึงต้องใช้ค่าประสบการณ์ในการเลื่อนระดับมากกว่าเขา แต่พอเขาพิจารณาถึงขนาดตัวของมันแล้ว ก็ดูจะมีเหตุผลอยู่
ว่ากันตามจริงแล้ว เขาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าระบบค่าประการณ์นั้นทำงานอย่างไร : ขึ้นอยู่กับขนาดตัวรึเปล่า? หรือขึ้นกับคุณสมบัติแต่ละอัน? หรือคุณสมบัติทั้งหมดรวมกัน? ค่าคุณสมบัติรวมทั้งหมดของลู่หยวนคือ 76 แต้ม ถึงแม้ค่าคุณสมบัติแต่ละอันของกิ้งก่ายักษ์จะยอดเยี่ยม แต่พอรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วก็แค่ 65 แต้มเท่านั้น ซึ่งสูงกว่าโดยเฉลี่ยทั่วไปแค่ 5 แต้มเท่านั้น ลู่หยวนเดาว่าระบบอาจจะตัดสินจากปัจจัยรวมต่างๆที่ซับซ้อนมาก
แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นนานเมื่อเสียงเตือนภารกิจล้มเหลวดังขึ้น
“ภารกิจระดับ E : ฆ่ากิ้งก่ายักษ์ ล้มเหลว, หักค่าประสบการณ์สองเท่าของรางวัล รวมทั้งสิ้น 3,200 แต้ม”
โชคดีที่ลู่หยวนมีค่าประสบการณ์มากพอ เขาเลยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลดเลเวล