spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 553 เหนื่อยมาหลายวัน
พอได้ยินชื่อของท่านหลงฉวน ผมก็อดตัวสั่นไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าตกใจออกมา
ผมได้ยินชื่อเสียงของท่านหลงฉวน ตั้งแต่ตอนที่ผีร้ายมาเอาชีวิต และท่านผู้อาวุโสหวางปรากฎตัวเมื่อตอนนั้นแล้ว
และ “ เคล็ดวิชาสามประสาน ” ของนักพรตโป ก็ดูเหมือนจะตกทอดมาจากท่านหลงฉวน
สำหรับความแข็งแกร่งของท่านหลงฉวน พวกผมเห็นมากับตาแล้ว
เขาแข็งแกร่งจนไม่มีใครเทียบได้ เพียงแค่เริ่มต้นก็สยบปรมาจารย์ผีได้แล้ว แม้แต่ในตอนนี้ ผมก็ยังจำติดตาอยู่เลย
แต่ตอนนี้อาจารย์กลับบอกผมว่า ท่านหลงฉวนเคยกั่วหยินมาก่อน และยังเคยผ่านประตูผีมาแล้ว
มันเลยทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ไม่ว่าท่านหลงฉวนจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ก็เป็นแค่มนุษย์คนนึงเท่านั้น
เขาไม่ได้บรรลุจนเป็นเซียน และก็ไม่ใช่เซียนแต่กำเนิด
เป็นเพียงผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง แต่เป็นผู้บำเพ็ญที่ค่อนข้างร้ายกาจกว่าคนอื่นเท่านั้น
ผู้บำเพ็ญแบบนั้น จะเคยลงนรกมาแล้ว และยังกลับมาบนโลกได้อีกครั้งจริงเหรอ
“ อา อาจารย์ อาจารย์พูด พูดจริงหรือเปล่า ? ” ผมถามด้วยความสงสัย
อาจารย์ทำตัวแปลกๆ เหมือนกับไม่แน่ใจเช่นกัน “ อาจารย์เคยได้ยินมาเท่านั้น เรื่องไปยมโลกมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อยากเชื่อทั้งนั้นแหละ ”
“ แต่อาจารย์เคยได้ยินเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว ตอนท่านหลงฉวนยังเป็นหนุ่มเขากับใครอีกสองคน ได้ถูกขนานนามว่าสามทหารเสือแห่งโลก และออกมาจากนรกด้วยกัน ! ส่วนจะเป็นตำนาน หรือเรื่องที่สร้างขึ้นมา อาจารย์ก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ! ”
อาจารย์บอกสิ่งที่เขารู้ให้ผมฟังช้าๆ
หลังฟังจบ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ และจดจำคำว่า “ สามทหารเสือแห่งโลก ” ห้าคำนี้เอาไว้เงียบๆ
หากมีวาสนาได้เจอท่านหลงฉวนอีกครั้ง ผมจะต้องขอคำแนะนำเรื่องกั่วหยินกับเขาให้ได้
ข้อมูลที่ท่านนักพรตตู๋ให้พวกเรามานี้ เป็นเพียงวิธียุติการแต่งงานผี เพียงหนึ่งเดียวที่พวกเรามีในตอนนี้
ถ้าไปถึงจุดนั้นจริงๆ ถึงเวลาที่ผมและมู่หลงเยียนต้องตายจริงๆ ผมก็อยากให้พวกเราลองดูสักครั้ง
หากไม่สำเร็จ ผมก็ยอมใช้ชีวิตตัวเอง ให้มู่หลงเหยียนได้อยู่ต่อ
หากไม่ได้เป็นเพราะมู่หลงเหยียน ผมก็คงตายไปตั้งนานแล้ว
ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงเรื่องพวกนี้ อาจารย์ก็พูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน เหนื่อยกันมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว
แกเองก็กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ! หยุดคิดเรื่องนี้ก่อน วันหน้าเราค่อยมาคุยกันใหม่ ! ”
พอได้ยินอาจารย์พูดถึงขนาดนี้ ผมก็พยักหน้าเบาๆ
อาจารย์พูดถูก ตอนนี้คิดมากไป ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ผมกับมู่หลงเหยียน ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ และยังไม่ได้ไปถึงขั้นที่ต้องยุติการแต่งงานนี้ทันที
ดังนั้น ผมเลยตอบกลับอาจารย์ว่า “ อือ ” จากนั้นก็เดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ แล้วสุดท้ายก็เดินเข้าไปในห้องตัวเอง
หลังล้มตัวลงนอนแล้ว ผมก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้
อู่ฮุ่ยฮุ่ยขอความช่วยเหลือ เธอโดนผีตามฆ่า หลังตามเงื้อนงำไปเรื่อยๆ พวกเราก็ได้มาเจอกับหมอผีที่มีชื่อว่าเป่าชิงหวัง สุดท้ายเราก็พบว่าโจวจิ้งหรือนางเอกในเรื่องภูติจิ้งจอกเป็นคนจ้าง เธอคิดจะฆ่าอู่ฮุ่ยฮุ่ย
แต่ผลลัพธ์ละ อู่ฮุ่ยฮุ่ยไม่ตาย โจวจิ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น กลับโดยเป่าชิงหวังฆ่าซะเอง
เราสู้กันหนึ่งคืน หลังจัดการศพของโจจิ้งเสร็จแล้ว ผมก็คิดว่าจะได้อยู่เป็นสุขสักสองสามวัน
แต่แล้ว ลมพายุก็พัดเข้ามาไม่หยุด ได้เกิดเรื่องขึ้นกับท่านนักพรตตู๋ เขาเริ่มมีอาการกลายร่างปีศาจขั้นสอง
โชคดีที่มู่หลงเหยียนหาทางขจัดพิษปีศาจได้ทันเวลา พวกเราต้องไปเอาแมลงชือหยินตรงตาเฒ่าเซียงจู๋จาง
แต่ใครจะรู้ว่าเราจะได้เจอกับเป่าชิงหวังอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องเสียดาย ที่สุดท้ายปล่อยให้เจ้าเป่าชิงหวังหนีไปได้
แบบนี้ ต่อไปพวกเราก็จะมีศัตรูเพิ่มอีกคนหนึ่ง
เจอกันครั้งหน้า คงต้องต่อสู้กันสุดกำลังอีกครั้ง
ตอนนี้ พวกเราเริ่มสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และพวกมันแต่ละคนก็มีความแข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่นด้วย
กุ่ยซานหยวน ป้าคนสวย จางจึเทา ท่านเทพแห่งสำนักลื่อเย่ หรือชายชุดดำหลิงเทียน และรวมกับเจ้าเป่าชิงหวังอีกคนหนึ่ง
พระเจ้า ผมรู้สึกว่ารอบๆตัว เหมือนมีศัตรูอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ผมเอนตัวพิงหัวเตียง ในสมองคิดถึงเรื่องพวกนี้ไม่หยุด
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ผมรู้สึกว่าชีวิตตัวเองตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา
ท้ายที่สุด ผมก็ไม่สนพวกมันอีกต่อไป
แม่งเอ่ย ไปสร้างศัตรูไว้เยอะขนาดนั้น ถ้าจะตายก็ตายเถอะ ในเมื่อเลือกเดินทางนี้แล้วก็ต้องกัดฟันเดินต่อไป
หลังคิดไปคิดมา สุดท้ายผมก็นอนหลับไป
เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ผมไม่ได้วางแผนจะอยู่บ้าน ผมคิดจะไปที่ป่ากุ่ยหม่า
ผมจะนำเรื่องยุติการแต่งงานผีที่ท่านนักพรตตู๋เล่าให้ฟัง ไปบอกกับมู่หลงเหยียน ให้เธอได้รู้ไว้บ้าง ส่วนเรื่องของท่านนักพรตตู๋ ก็ต้องไปบอกขอบคุณต่อหน้าเช่นกัน
ตอนนี้ อาจารย์ก็ตื่นแล้ว ในเวลานี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณ
ในเวลานี้พอเห็นผมตื่นแล้ว ก็บอกให้ผมไปหาอะไรกิน
ผมเองก็หิวมาก เลยหาอะไรกินไปเรื่อย จากนั้นก็บอกอาจารย์ว่าจะไปป่ากุ่ยหม่า
อาจารย์ได้ยินว่าผมจะไปป่ากุ่ยหม่า เลยฝากคำพูดให้ผมไปบอกมู่หลงเหยียน บอกว่าขอบคุณที่เธอช่วยท่านนักพรตตู๋ไว้
ในส่วนของเรื่องนี้ อาจารย์ไม่พูด ผมก็ต้องบอกอยู่แล้ว
ต่อจากนั้น ผมก็ออกมาจากร้าน แล้วตรงไปที่ป่ากุ่ยหม่าทันที
อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว การใส่เสื้อผ้าเพียงชั้นเดียวในตอนกลางคืนจึงไม่ให้ความรู้สึกที่หนาวขนาดนั้นแล้ว
ผมเดิน รีบเดินไปตามถนนในยามค่ำคืนเพียงลำพัง
หลังผมมาถึงป่ากุ่ยหม่าแล้ว ไอเย็นที่คุ้นเคย ก็ได้เข้ามาห่อหุ้มร่างของผมอีกครั้ง
ผมไม่ได้หยุดเดิน เดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าทันที
จวนมู่หลงยังคงเป็นเหมือนเดิม ประตูบ้านสูงใหญ่ โคมไฟสีแดงแขวนอยู่ทั้งสองด้าน
ผมสูดหายใจเข้า จากนั้นก็เดินไปที่จวนมู่หลงทันที
“ ก๊อกๆๆ ” ผมเคาะประตู ทันใดนั้นประตูจวนมู่หลงก็ถูกเปิดออกทันที
คนที่เปิดประตูคือสาวใช้คนกระดาษตนหนึ่ง สีหน้าของเธอไร้อารมณ์ พอเห็นว่าเป็นผม เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพสุดๆ “ คุณผู้ชาย ! ”
ผมยิ้มให้สาวใช้คนนั้น จากนั้นก็พูดว่า “ คุณหนูของเธออยู่ไหม ! ”
พอสาวใช้ได้ยินผมถามแบบนั้น ก็ตอบกลับเหมือนหุ่นยนต์ทันที “ คุณหนูรู้ว่าคืนนี้คุณผู้ชายจะมา เลยรออยู่นานแล้วเจ้าค่ะ ! ”
พอได้ยินสาวใช้พูดแบบนั้น ผมก็อึ้งไปพักหนึ่ง
มู่หลงเหยียนทำนายเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้ว่าผมจะมางั้นเหรอ
หลังลังเลอยู่พักหนึ่ง ผมก็ไม่พูดจาไร้สาระ บอกให้สาวใช้เริ่มนำทางทันที
สาวใช้คนนี้ก็ไม่ได้ยืนโง่อยู่กับที่ เธอพาผมเข้าไปในจวนมู่หลงทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงคนเล่นกู่ฉินเบาๆ
เสียงน่าฟังมาก เหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ แม้ผมจะไม่เข้าใจ แต่หลังจากได้ยินแล้วก็รู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
ในขณะที่เท้าของพวกเราเดินไปด้านหน้า เสียงกู่ฉินก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย สาวใช้คนนั้นก็พาผมเข้ามาในลานแห่งหนึ่ง
เราเพิ่งเข้ามาในลานนี้ ผมก็เห็นผู้หญิงผมดำในชุดโบราณสีขาว กำลังดีดกู่ฉินอยู่ห่างออกไป
นิ้วของผู้หญิงคนนั้นเรียวยาว ราวกับหยก ทุกครั้งที่ลงนิ้ว ก็จะมีเสียงกู่ฉินดังก้องกังวานออกมาทันที
แม้จะเห็นหน้าแค่ส่วนเดียว แต่ใบหน้าที่งดงามดุจภาพวาดนั้น กลับทำให้ผมมึนเมา
เธอไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือมู่หลงเหยียน ผีเมียเจ้าอารมณ์ และยังชอบทุบตีผมนั่นเอง
จากภายนอก เธอไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงโหดร้ายเลยสักนิด
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เสียงกู่ฉินของมู่หลงเหยียนก็ไพเราะมาก
แต่ไพเราะยังไง ผมก็อธิบายไม่ถูก แต่ไม่ว่ายังไงหลังจากได้ยินแล้ว มันก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ส่วนการเคลื่อนไหวของมู่หลงเหยียน ก็ดูเหมือนเทพเซียนไม่มีผิด
ท่าทางที่มีเสน่ห์นั่น ก็ดีเหมือนเสียงกู่ฉินของเธอ มันตราตรึงอยู่ในใจผมนานแสนนาน
เรื่องก็เป็นแบบนี้ ผมยืนมองอยู่ตรงหน้าประตูอย่างมึนเมา หรือแม้แต่ลืมว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม
จนกระทั่งมู่หลงเหยียนเล่นเพลงนี้จบแล้ว เธอถึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น พอเห็นผมยืนบื้ออยู่ที่เดิม “ ฮ่าๆ ”
เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จากนั้นก็เม้มปากเก็บอาการแล้วพูดว่า “ เจ้ากาก นายโง่ไปแล้วหรือยังไง ?
ถึงยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ได้ ! ”