หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 548 สุสานรกร้าง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 548 สุสานรกร้าง

พอพูดแล้วก็ทำทันที เวลาไม่รอใคร

ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สภานการณ์ของท่านนักพรตตู๋ก็จะแย่ยิ่งขึ้นเท่านั้น ระดับการกลายร่างก็จะยิ่งมากขึ้น พิษปีศาจก็ซึมลึกเข้าไปในกระดูกเขามากกว่าเดิม จนอาจถอนออกมาได้ยาก

 

ด้วยเหตุนี้ พวกเราสามคนเลยไม่ได้รอช้าอีก รีบหามท่านนักพรตตู๋ที่กลายร่างเป็นครึ่งคนครึ่งหมาป่าแล้วออกไปข้างนอกทันที

 

หลังเปิดประตูรถเสร็จ ก็โยนตัวท่านนักพรตตู๋เข้าไปทันที

โชคดีที่ตอนนี้บนถนนไม่มีคนอยู่ ไม่อย่างนั้นหากมีคนอื่นมาเห็นเข้า เขาคงตกใจตายแน่

 

ตามที่นัดหมาย ผมต้องไปที่หลุมศพของโจวหยุนก่อน

สถานที่ไม่จัดว่าไกลมาก เพียงขับรถไปที่อ่างเก็บน้ำเท่านั้น

 

หลังมาถึงอ่างเก็บน้ำแล้ว พวกเราสามคนก็หามตัวท่านนักพรตตู๋ออกมาจากรถอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เดินไปตามทางเล็ก เลาะริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ

 

ทางเส้นนี้แทบไม่มีคนเดินผ่าน มันไม่ได้เดินง่ายเท่าไหร่ และยังมีพวกต้นหนามและพืชอื่นๆขึ้นอยู่จำนวนมาก

แต่ผมไม่สนอะไรขนาดนั้น ในเวลานี้ผมได้แต่กัดฟันเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ

 

หลังจากเดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเราก็มาถึงที่ตั้งของสุสานโจวหยุน

ที่นี่ไม่แตกต่างอะไรจากเมื่อก่อนมากนัก มันยังมีสภาพแบบนั้น

 

มันยังเหมือนกับสถานที่ที่โจวหยุนโดนผนึกไว้ป้ายหินเมื่อตอนนั้น รอบๆยังคงเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก

ผมรู้ดี ภายใต้สิ่งสกปรกเหล่านี้ ล้วนเป็นที่อยู่ของลูกน้องโจวหยุน

 

แต่เพิ่งมาถึงที่นี่ อาจารย์ก็หยุดเดิน ตอนที่มาที่นี่ครั้งแรก อาจารย์ยังเคยต่อสู้กับพวกลูกน้องของโจวหยุน

ในเวลานี้เมื่อเห็นว่ามาถึงที่นี่แล้ว เขาก็อดพูดขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ได้ “ เสี่ยวฝาน ที่ที่แกบอกก็คือที่นี่เหรอ ? ไม่ใช่ ที่ที่น้องศพอยู่เหรอ ? ”

 

พอเห็นอาจารย์กระซิบเบาๆแบบนั้น ผมก็อธิบายอยู่ข้างๆ “ อือ ที่นี่แหละอาจารย์ ที่จริงเจ้าของที่นี่มีความเกี่ยวข้องกับน้องศพ ! ”

 

พออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็พยักหน้าให้ทันที จากนั้นก็ไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก

ในเวลาเดียวกัน เหล่าเฟิงก็หันมา “ เหล่าติง พวกเราจะทำยังไงต่อ ? ”

 

พอได้ยินเหล่าเฟิงถามแบบนั้น ผมก็ส่งสัญญาณให้เหล่าเฟิงรอก่อน หลังจากนั้นก็เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วโบกมือให้ป้ายหินตรงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป “ แม่นางโจว ติงฝานมาเยี่ยมเยือน รบกวนแล้ว ! ”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง รอบๆที่เคยสงบ ก็มีลมกระโชกแรงปรากฎขึ้น

วัชพืชสูงกว่าตัวคนที่อยู่รอบๆ เริ่มสะบัดและเสียดสีกันไปมา “ ฮูๆๆ ”

 

ไม่ใช่แค่นั้น ทันใดนั้นอากาศหนาวเหน็บ ก็เริ่มปรากฎขึ้นรอบๆสุสาน

ภายใต้ความมืดมิด พวกเราเห็นรอบๆสุสาน มีหมอกควันสีขาวปรากฎขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า

 

ทุกคนเป็นคนในวงการ พอเห็นหมอกขาวในสุสานพวกนี้แล้ว ก็รู้ทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

พวกมันก็คือการปรากฎตัวของวิญญาณในสุสานแห่งนี้

 

แต่ทุกคนก็ถือว่าเป็นคนที่เคยผ่านลมฝนมาแล้ว ต่างทำตัวสุขุม ไม่เผยความลนลานออกมาเลยสักนิด

ต่อจากนั้น เราก็เห็นผู้หญิงที่มีใบหน้าซีดขาว สวมใส่ชุดสีขาว ท่าทางเหมือนสาวใช้ ออกมาปรากฎตัวภายในสุสานแห่งนี้คนแล้วคนเล่า

 

จำนวนไม่จัดว่าเยอะมาก มีเพียงแค่ 5-6 คนเท่านั้น

นอกจากสาวใช้ชุดขาวพวกนี้แล้ว ในสุสาน ยังมีร่างของใครอีกคนปรากฎขึ้น

 

ร่างของใครคนนั้นค่อยๆรวมตัว ท้ายที่สุดก็ออกมาปรากฎกายเป็นชายหนุ่มแต่งชุดราชวงศ์ชิง

เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ใบหน้าไร้อารมณ์ แต่เขากำลังเดินเข้ามาหาพวกเราทีละก้าวๆ

 

อาจารย์เคยสู้กับผีตัวนี้มาก่อน ย่อมรู้ดีว่าเขาร้ายกาจขนาดไหน

แต่เขาในเวลานี้กลับยังไม่แสดงสีหน้าใดๆ เพียงจ้องอีกฝ่ายอย่างเงียบนิ่งเท่านั้น

 

หลังจากนั้นพักหนึ่ง ผีผู้ชายก็มาถึงตรงหน้าของพวกเรา

เขากวาดสายตามองพวกเรา แล้วสุดท้ายสายตาถึงมาหยุดอยู่ที่ตัวผม “ คุณชายติง นำของมาหรือยังขอรับ ? ”

 

ผีผู้ชายไม่แสดงสีหน้าใจ เห็นได้ชัดว่าเขาดูใจเย็นจนผิดปกติ

พอได้ยินแกพูดแบบนั้น ผมก็ไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเขา

 

รีบนำกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่แมลงชือหยินไว้ออกมาทันที “ เอามาแล้ว แมลงชือหยินอยู่ที่นี่ ! ”

ผีผู้ชายมองกระบอกไม้ไผ่ในมือผม จากนั้นก็ยกมือ มาแตะบนกระบอกไม้ไผ่

 

ต่อจากนั้น จู่ๆผมก็รู้สึกว่ามือของผีผู้ชาย ปลดปล่อยไอเย็นบางอย่างออกมา

ไอเย็นพวกนั้นไหลออกมาเรื่อยๆ มันเข้มข้นมาก ทำให้มือผมแทบถูกแช่แข็งเลยก็ว่าได้

 

และเมื่อไอเย็นพวกนั้นปรากฎขึ้น แมลงชือหยินในกระบอกไม้ไผ่ก็เริ่มปั่นป่วน

ผมไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหน

 

หลังจากนั้นประมาณ 10 วินาที อีกฝ่ายก็หยุดทำ แล้วพยักหน้า “ อื่อ ! ทุกท่านรอสักครู่หนึ่ง ”

หลังจากพูดจบ ผีผู้ชายก็หมุนตัวกลับ แล้วลอยไปตรงหน้าป้ายหินใต้ต้นไม้ใหญ่

 

ตรงนั้น ก็คือหลุมศพของโจวหยุน

หลังไปถึงตรงหน้าหลุมศพโจวหยุนแล้ว ผีผู้ชายก็โค้งคำนับ แล้วพูดอย่างนอบน้อม 

“ คุณหนู เป็นแมลงชือหยิน ! ”

 

หลังจากพูดจบ ผีผู้ชายก็พูด “ อือๆ ” สองสามครั้ง ท้ายที่สุดก็ทำมือคารวะป้ายหินอันนั้นแล้วพูดว่า 

“ เข้าใจแล้วขอรับ ! ”

หลังจากนั้น ผีผู้ชายก็ถอยกลับมา

 

ตอนเขามาถึงตรงหน้าพวกเราอีกครั้ง เขาก็ชี้มายังตัวท่านนักพรตตู๋ที่อยู่บนพื้นแล้วพูดเบาๆว่า 

“ ทิ้งเขากับแมลงชือหยินไว้ ส่วนพวกคุณออกไปได้แล้ว ! ”

พอได้ยินคำพูดนี้ พวกเราก็อดหันมามองหน้ากันไม่ได้

 

ต่อจากนั้นก็ได้ยินเหล่าเฟิงพูดว่า “ แล้วพิษปีศาจในตัวอาจารย์ฉันละ ? ”

ผีผู้ชายยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา เพียงมองมาทางเหล่าเฟิง “ พอถึงยามเฉินแล้ว เขาก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว ! ”

 

พอได้ยินคำพูดนี้ พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาในใจ แต่ก็ยังอยากอยู่ต่ออยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ ผมเลยพูดกับผีผู้ชายชุดราชวงศ์ชิงว่า “ พี่ผีท่านนี้ พวกเราอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม ? ”

 

ผีผู้ชายกลับส่าวหน้าอย่างเด็ดขาด “ ไม่ได้ ! ”

อาจารย์เห็นอีกฝ่ายเด็ดขาดขนาดนั้น เลยอดกลอกตาไม่ได้

 

เราอยู่ต่อไปจะทำอะไรได้ คงได้แต่รบกวนพวกนายเปล่าๆซินะ

อาจารย์ดึงตัวผม แล้วพูดกับผีผู้ชายคนนั้นว่า “ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราจะเข้ามาใหม่ในยามเฉิน รบกวนแล้ว ! ”

 

ผีผู้ชายไม่ได้แสดงท่าทีหรือสีหน้าใดๆออกมา เขาเพียงผายมือให้พวกเราเท่านั้น

หลังพูดจบแล้ว อาจารย์ก็หันมาพูดกับผมและเหล่าเฟิงว่า “ อย่าทำให้มันช้าไปกว่านี้เลย ไปข้างนอกกันเถอะ ! ”

 

ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ก็คงทำได้เท่านี้ ดังนั้นผมเลยเอากระบอกไม้ไผ่ที่ใส่แมลงชือหยินในมือส่งให้ผีผู้ชาย

ผีผู้ชายรับไว้ จากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ คุณหนูยังบอกอีกว่า ขจัดพิษปีศาจออกมาได้ แต่จะมีผลตามมาอะไรหรือเปล่านั้น ก็ยังพูดยาก ท่านเลยบอกให้พวกคุณเตรียมใจเอาไว้ด้วย ! ”

 

พอพูดจบแล้ว ผีผู้ชายก็ไม่สนใจเราอีก เขาถือกระบอกไม้ไผ่แล้วหมุนตัว ลอยกลับไปตรงกลางสุสานทันที

ส่วนพวกเรา กลับเผยสีหน้ากังวลออกมาเล็กน้อย

 

ผลที่ตามมางั้นเหรอ นี่เป็นเรื่องที่พวกเราไม่เคยคิดมาก่อน

แต่พวกเราไม่มีสิทธิ์จะถาม เพราะเขาไม่สนใจเราแม้แต่น้อย ตัวเขาได้ลอยออกไปไกลมากแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน จู่ๆก็มีเสียงดัง “ ปัง ” และกลุ่มควันจำนวนมาก เกิดขึ้นตรงหน้าผีสาวใช้ที่ออกมาปรากฎตัวก่อนหน้านี้

 

หลังควันพวกนั้นจางหายไปแล้ว ก็มีโลงไม้ดำปรากฎขึ้นที่จุดนั้น

มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันและพิลึกสุดๆ ทำให้พวกเราตกใจกันทันที

 

ไม่ใช่แค่นั้น สาวใช้พวกนั้น ยังแบกโลงศพไว้บนไหล่ แล้วค่อยๆลอยตัวมาทางพวกเรา

สาวใช้ไม่กี่คนนี้หน้าตาดีใช้ได้ แต่ใบหน้าของแต่ละคนอย่างกับน้ำแข็ง ใช้ไหล่แบกโลงทั้งๆแบบนั้น 

เป็นอะไรที่ดูแปลกประหลาดมากจริงๆ

 

เมื่อมาถึงตรงหน้าเราแล้ว พวกเธอก็วางโลงลงอีกครั้ง สุดท้ายก็ยื่นมือออกมาพร้อมกัน ยกตัวท่านนักพรตตู๋ขึ้นอย่างแข็งขืน หลังจากนั้นก็โยนเขาเข้าไปในโลง

 

ท่านนักพรตตู๋ยังกรีดร้อง “ ฮือๆๆ ” เหมือนเดิม ดิ้นไปมา แต่มันไม่เกิดอะไรขึ้นมา และแล้วฝาโลงก็โดนปิด

ต่อจากนั้น พวกเธอก็ไม่สนใจพวกเรา ยกโลงขึ้น แล้วลอยกลับไปตรงกลางสุสาน

 

แต่พวกเธอเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่เมตร ในสุสานแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยหมอกซะแล้ว

จู่ๆเจ้าหมอกพวกนี้ก็ปรากฎขึ้น ราวกับพวกมันออกมาจากกลางอากาศ ไม่รอให้สาวใช้พวกนั้นแบกโลงของท่านนักพรตตู๋ไปถึงตรงกลางสุสาน ตรงหน้าของพวกเราก็เต็มไปด้วยสายหมอกแล้ว

 

เหตุการณ์นี้ทำให้ผมและเหล่าเฟิงอึ้งในทันที ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรกันแน่

แต่ในเวลานี้อาจารย์กลับถอยหายใจออกมา เขาเริ่มเคลื่อนไหว

 

หลังจากนั้นก็พูดกับผมและเหล่าเฟิงว่า “ เลิกมองได้แล้ว พวกเราไปรอข้างนอกเถอะ ! ชะตาของเหล่าตู๋มีสวรรค์เป็นคนกำหนด เขาจะไม่เป็นอะไรหรอก ! ”

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.