spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 546 ตุกติก
แผนในตอนนี้ คือเราไม่สนว่าเจ้าหมอผีนี่จะหนีไปไหม การแลกตัวพี่เฟิงกลับมาให้ได้ก่อนถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ว่านเหวยเห็นผมและเหล่าเฟิงทำหน้าเครียดแบบนั้น เลยตอบกลับมาว่า “ ได้ ! แต่อย่าคิดเล่นตุกติกละ ! ”
“ ฮึ ! ข้าท่องยุทธภพมาหลายสิบปี จะมาเล่นลูกไม้กับเด็กๆอย่างพวกเจ้างั้นเหรอ ! ” เป่าชิงหวังพูดอย่างเย็นชา
ว่านเหวยเองก็ไม่ได้สนใจ เพียงตอบกลับเบาๆเท่านั้น “ งั้นก็ดี ! แกนับเถอะ ! ”
ในเวลาเดียวกัน ว่านเหวยก็ยกขวดยาขึ้นแล้ว
ทางเป่าชิงหวังเองก็เริ่มนับ
สาม……
สอง……
หนึ่ง……
เสียงเพิ่งเงียบลง คิ้วของพวกเราทุกคนก็เลิกขึ้น หัวใจต่างตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ว่านเหวยกลับโยนขวดยาออกไป
ทันใดนั้นม่านตาของเป่าชิงหวังก็ขยายใหญ่ทันที เขาสะบัดมือ ทันใดนั้นผีร้ายหลายตนก็พุ่งไปหาขวดยานั่น เพื่อจะนำมันกลับมา
แต่พี่เฟิงในมือของเป่าชิงหวัง กลับไม่ได้โดนผลักออกมา
พอเห็นภาพนี้ ในใจของพวกเราก็มีเสียงดัง “ กึก ”
เวรละ ! เจ้าหมอนั่นคิดจะเล่นตุกติกจริงๆ
เหล่าเฟิงชี้หน้าเป่าชิงหวังทันที “ ไอ้ชั่ว ยังไม่ปล่อยคนอีก ! ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูโมโหมาก ราวกับแทบอยากฉีกเป่าชิงหวังเป็นชิ้นๆ
ว่านเหวยเองก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ ไอ้ชั่ว แกเล่นตุกติกจริงๆด้วย ! ”
แต่เป่าชิงหวังกลับหัวเราะอย่างเย็นชา “ ขิงแก่ก็ยังเผ็ด วันนี้ข้าจะสอนพวกเจ้าหนึ่งเรื่อง เด็กอย่างพวกเจ้าไม่กี่คนคิดจะเล่นกับข้า มันคือการรนหาที่ตาย ! ”
ในขณะที่พูดออกมา เป่าชิงหวังก็ยกมือขึ้น เตรียมจะต่อยลงไปที่หัวของพี่เฟิง
“ ปัก ” ทันใดนั้นพี่เฟิงก็โดนต่อยเข้าที่ท้ายทอยอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง
ทุกคนทำหน้าตกใจ การต่อยลงไปครั้งนี้ แม้จะไม่ทำให้พี่เฟิงตายแต่ก็ต้องได้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
เป็นอย่างที่คิด หลังต่อยเสร็จ ตัวพี่เฟิงก็ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที
ทันใดนั้นตัวเขาก็เริ่มสั่น วิญญาณเริ่มไม่เสถียร จิตทั้งเจ็ดไม่หลอมรวม
“ อัก ” เหล่าเฟิงกระอักเลือดออกมาทันที
“ เหล่าเฟิง ! ”
“ เร็วเข้า รีบไปดูหานเฉ่วเฟิง ! ” เหล่าเฟิงไม่สนใจตัวเอง เขาเอามือกุมหน้าอกเอาไว้
ผมเองก็เข้าใจดี สถานะของเหล่าเฟิงและพี่เฟิงพิเศษจริงๆ
หากพี่เฟิงเป็นอะไรไป เหล่าเฟิงเองก็จะตายตามไปด้วย
ผมทำหน้าจริงจัง รีบพุ่งไปหาพี่เฟิงทันที
ว่านเหวยพูดด้วยความโมโห “ ไอ้ชั่วสมควรตาย ! ”
เธอยกมือขึ้น ทันใดนั้นงูทองและตะขาบยักษ์ก็ออกมาอีกครั้ง
แต่ในเวลานี้เป่าชิงหวังกลับกินยาถอนพิษเม็ดนั้นเข้าไปแล้ว แต่มือข้างนั้นของเขากลับบวมอมม่วงอยู่แล้ว “ คืนนี้ก็เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน วันหน้าหากได้พบกันใหม่ ข้าจะต้องฆ่าพวกเจ้าให้ได้ ! ”
หลังจากพูดจบ เป่าชิงหวังก็หมุนตัว พาผีร้ายที่เหลือถอยหลังออกไปทันที
พอเจ้างูทองและตะขาบยักษ์ไล่ตามไปถึงตรงนั้น เจ้าหมอนั่นก็ถอยไปถึงบันไดแล้ว
และทันใดนั้นเอง “ แอร๊ด ” ประตูดาดฟ้าก็ถูกปิดลง
ในเวลานี้ผมไม่สนใจจะไล่ตามเจ้าหมอนั่นไป เมื่อมาถึงตรงหน้าพี่เฟิงแล้ว ผมก็ดึงยันต์ตรงหัวพี่เฟิงออกอย่างแรก หลังจากนั้นก็พูดกับเขาว่า “ พี่เฟิง พี่เฟิง พี่ทนไว้ก่อนนะ ทนไว้ก่อน ! ”
อาการของพี่เฟิงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ร่างของเขาเดี๋ยวก็สว่างเดี๋ยวก็มืด
แต่พี่เฟิงกลับพูดด้วยเสียงกัดฟัน “ แม่ง แม่งเอ้ย คิด คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนอนนั่น เจ้าหนอนนั่นจะ จะมีผลควบ คุมวิญญาณได้แบบนี้…… ”
พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ตัวพี่เฟิงก็กระตุกสองสามครั้ง
ความรู้สึกแบบนั้น มันเหมือนกับตอนที่วิญญาณจะแตกสลายไม่มีผิด
“ ไม่ต้องพูดแล้วพี่เฟิง พี่ทำให้วิญญาณกลับมาเสถียรก่อน ไม่อย่างงั้น ไม่อย่างงั้นพี่อาจวิญญาณแตกสลายได้นะ ! ” ผมพูดด้วยความกังวล
แต่พี่เฟิงยังด่าต่อ “ แม่งเอ้ย ประมาทไป ประมาทไป ถ้าได้เจอ มันอีกครั้ง กู กูต้องฉีกมันเป็นชิ้นๆแน่ ! ”
พอพูดจบแล้ว พี่เฟิงก็ตัวสั่นอีกสองสามครั้ง
เหล่าเฟิงเองก็วิ่งเข้ามา “ หานเฉ่วเฟิง มาถึงขนาดนี้แล้ว นายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่อย่างงั้นพวกเราได้จบเห่แน่ ! ”
แม้พี่เฟิงจะอ่อนแอ วิญญาณส่องแสงสว่างและมืดดับ แต่ก็ยังคงดูแน่วแน่มาก “ เจ้า เจ้าขยะ แกจะกังวลอะไรฮะ ! แกเห็นฉันเป็นเหมือนวิญญาณทั่วไปหรือไง ขอแค่ฉัน ฉันไม่วิญญาณแตกสลาย ก็ไม่มีทางตาย ! ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ใจสั่นทันที
หากเป็นแบบนี้ ถ้างั้นพี่เฟิงก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าตัวเองจะไม่วิญญาณแตกสลายงั้นเหรอ
แต่ไม่ว่าจะมองยังไง พี่เฟิงก็ดูเหมือนกำลังจะวิญญาณแตกสลายนะ
แต่ไม่รอให้ผมและเหล่าเฟิงพูดต่อ พี่เฟิงก็พูดกับเหล่าเฟิงว่า “ ครั้งนี้ ครั้งนี้เล่นเยอะไปหน่อย ! ฉันต้อง ต้องพักผ่อนสักสองสามวัน ถ้าไม่ ไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โต ก็ ก็ไม่ต้องเรียกฉันออกมานะ…… ”
หลังจากพูดจบ พี่เฟิงก็เป็นเหมือนคนเป็น เขาหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง
ต่อจากนั้นผมก็เห็นพี่เฟิงหลับตา ทันใดนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นหมอกสีขาว แล้วลอยเข้าไปในตัวเหล่าเฟิงทันที
พอเห็นถึงตรงนี้ ผมก็หันไปมองหน้าเหล่าเฟิง “ พี่เฟิง พี่เฟิงจะไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม ? ”
เหล่าเฟิงยังเอามือกุมหน้าอกตัวเองอยู่ มุมปากมีคราบเลือด เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างลังเล “ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้น แถมเขาก็หลับไปแล้ว น่า น่าจะไม่เป็นอะไรมั้ง ”
หลังฟังเหล่าเฟิงพูดจบ ผมก็มองสีหน้าของเหล่าเฟิง
แม้จะนับว่าดีเว่อร์ แต่ผลก็ไม่ได้ออกมาเลวร้ายขนาดนั้นจริงๆ
พอเอามารวมกับคำพูดที่พี่เฟิงเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้ บางทีความสัมพันธ์และสถานะพิเศษระหว่างพี่เฟิงกับเหล่าเฟิง คงเป็นประมาณว่าหากเหล่าเฟิงไม่ตาย พี่เฟิงก็จะไม่วิญญาณแตกสลาย เมื่อกลับเข้าร่างได้ทันเวลา
พวกเขาก็คงไม่เป็นอะไรมากแล้ว
ผมได้แต่ใช้เหตุผลนี้อธิบายได้เท่านั้น เพราะผมคิดว่าตอนนี้มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน ว่านเหวยก็เดินเข้ามา
เธอมองมาที่เหล่าเฟิง ในแววตาของเธอมีความสงสัยปนอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร
เพียงแค่พูดกับพวกเราสองคนว่า “ พวกนาย ไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
“ อือ ! พอไหว เพียงแต่ปล่อยให้หมอผีชั่วนั่นหนีไปได้ น่าเสียดายจริงๆ ! ” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์
แต่มุมปากของว่านเหวยกลับยกยิ้ม “ หนีงั้นเหรอ ? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ยาถอนพิษที่ฉันให้เขาไป เป็นแค่ครึ่งนึงเท่านั้น พอใช้ไปแล้วอีกครึ่งเดือนพอมาเขาก็จะต้องใช้ต่ออีกหนึ่งครั้ง ถ้าไม่มีมันละก็ ยังไงก็ต้องตายเพราะพิษแน่ ! ”
พอได้ยินว่านเหวยพูดแบบนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองว่านเหวย
คิดไม่ถึงว่าว่านเหวยที่ดูเยือกเย็นคนนี้ จะเป็นเด็กที่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
แต่เป็นแบบนี้ก็ดี ถ้าเจ้าหมอผีนั่นไม่ตาย วันข้างหน้าก็อาจมีผู้คนอีกจำนวนมากที่โดนเขาฆ่าตาย
“ แบบนี้ก็เยี่ยมไปเลย ถึงจะไม่ได้ฆ่ามันด้วยตัวเอง แต่ขอแค่มันตาย ก็ถือว่าได้ระบายความแค้นไม่น้อย ! ” ผมพูดออกมาตรงๆ
ว่านเหวยไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ เธอเปลี่ยนหัวข้อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “ ประตูโดนล็อคไว้ เราออกไปไม่ได้แล้ว ! ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็หันไปมองประตูดาดฟ้าทันที
ตรงช่องว่างระหว่างประตูมีท่อนเหล็กสีดำเส้นหนึ่งล็อคบานประตูไว้ หากโดนคนขังไว้ ก็ออกไปได้ไม่ง่ายจริงๆ
หลังจากนั้น ผมก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู แล้วลองผลักบานประตูดู
โดนเหล็กขัดบานประตูเอาไว้จริงๆ ไม่สามารถเปิดออกได้ ตอนนี้หากคิดจะลงไปจากดาดฟ้านี้ ถ้าไม่โทรเรียกคนมาเปิด ก็ต้องกระโดดลงไป
ว่านเหวยถอนหายใจ “ ตอนนี้คงต้องโทรแจ้งตำรวจแล้ว ให้ตำรวจที่อยู่แถวนี้มาช่วยเปิดประตูให้พวกเรา
แต่ก่อนหน้านั้น พวกเราต้องเตรียมคำสารภาพก่อน…… ”
ว่านเหวยพูดอย่างจริงจัง แต่ผมกลับไม่คิดแบบนั้น เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น
ว่านเหวยเห็นผมไม่เห็นด้วย เลยรู้สึกอารมณ์เสียไม่น้อย เธอขมวดคิ้วในทันที
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะผมเป็น “ ทูตบงกชทมิฬ ” เธอก็คงผลักผมเหมือนตอนที่อยู่ร้านไปแล้ว
แต่ใครจะรู้ เสี้ยววินาทีต่อมา ผมจับที่จับบนประตูเหล็ก แล้วเอาเท้ายันที่ผนัง
พอเหล่าเฟิงเห็นภาพนี้แล้ว เขาก็อึ้งไปพักหนึ่ง “ เหล่าติง นายจะทำอะไร ? ”
“ พังมันไง ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง ทุกคนก็ได้ยินผมตะโกนว่า “ เปิด ! ”
ทันใดนั้น ผมก็เปิดใช้พลังทั้งหมด พลังเฟิงเทียนทำงาน พละกำลังถูกเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด ตอนนี้พลังของผมขึ้นไปถึงเต้าชือขั้นกลางแล้ว
ต่อจากนั้น เสียง “ กึกๆ ” ก็ดังขึ้น เจ้าบานพับเหล็กอันใหญ่อันนั้น โดนผมบิดจนโค้ง สกรูสองตัวก็เริ่มหลวม แล้วจากนั้นมันก็หลุดออกมาเรื่อยๆ……
พอเหล่าเฟิงเห็นแบบนั้น ก็เผยสีหน้าตกใจออกมาทันที
ว่านเหวยที่กำลังอารมณ์เสียอยู่ พอได้เห็นฉากนี้แล้ว ก็ตกใจในทันที ทำหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
ไม่รอให้เธอได้ตอบสนองใดๆ ผมก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง
ทันใดนั้นเสียง “ ปัง ” ก็ดังขึ้น ผมใช้มือเพียงอย่างเดียว บานพับประตูก็ออกมาแล้ว ท้ายที่สุดมันก็เผยช่องว่างที่ทำให้คนคนหนึ่งลอดออกไปได้
เหล่าเฟิงตกใจจนกลอกตาแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าผมจะพังประตูเหล็กบานนั้นด้วยมือเปล่าจริงๆ
ว่านเหวยทำตาโต บนหน้าเขียนคำว่าไม่อยากเชื่อไว้ อ้าปากกว้างสุดๆ ท่าทางมึนกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ในขณะเดียวกันก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ “ พัง พังประตูได้ด้วยมือเปล่างั้นเหรอ ? ”