หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 541 เซียงจู๋จาง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 541 เซียงจู๋จาง

ขณะกำลังจะกินข้าง ตาเฒ่าเซียงจู๋จางที่พวกเรารอมานานก็กลับมา

แต่สภาพของตาเฒ่าเซียงจู๋จางที่กลับมา กลับได้รับบาดเจ็บหนัก สีหน้าย่ำแย่ มือกุมหน้าอกเอาไว้และยังกระอักเลือดออกมาด้วย

 

สิ่งที่ผิดแปลกไปกว่านั้นคือ เขาเพิ่งเข้ามา ก็บอกให้ว่านเหวยหรือศิษย์ของเขารีบหนีทันที

นี่มันเรื่องอะไรกัน ตาเฒ่าเซียงจู๋จางไปเจอกับเรื่องอะไรมากันแน่

 

ผมคิดในใจแบบนั้น แต่ว่านเหวยที่อยู่ข้างๆ กลับ “ บึก ” ลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ “ อาจารย์ ! ”

หลังจากพูดจบ ว่านเหวยก็วิ่งเข้าไปหาเขา

 

เหล่าเฟิงไม่เคยรู้จักเซียงจู๋จางมาก่อน เขาเลยยังมึนอยู่หน่อยๆ ส่วนผมก็ได้บอกเขาในทันที “ เขาก็คือตาเฒ่าเซียงจู๋จาง ! ”

หลังจากพูดจบ ผมก็วิ่งเข้าไปหาเขาทันที

 

เหล่าเฟิงเองก็ตกใจ เพราะตาเฒ่าคนนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของท่านนักพรตตู๋

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเราก็มาถึงตรงหน้าของตาเฒ่าเซียงจู๋จาง

 

ว่านเหวยกำลังช่วยประคองตัวเซียงจู๋จาง สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความร้อนรน “ อาจารย์ อาจารย์เป็นอะไรไป ? ”

แต่เซียงจู๋จางกลับหายใจเข้าน้อย หายใจออกมาก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าย่ำแย่

 

แต่เขาก็ยังกัดฟัน มือข้างหนึ่งจับตัวว่านเหวยเอาไว้แน่น ท่าทางพยายามอย่างหนัก จากนั้นก็เผยฟันที่เต็มไปด้วยคราบเลือดออกมา “ หนี รีบหนีเร็ว ถ้ายังไม่ไปอีก จะหนีไม่ได้แล้วนะ ! ”

 

“ อาจารย์ ! จะหนีไปที่ไหน ? หนูหยุดเลือดให้อาจารย์ก่อนดีกว่า ! ” ว่านเหวยดูลนลานผิดปกติ มือข้างหนึ่งจับซี่โครงซ้ายของเซียงจู๋จางเอาไว้

 

เหมือนตรงนี้จะโดนแทงด้วยอาวุธมีคม มีเลือดไหลไม่หยุด

พอเหล่าเฟิงเห็นแบบนั้น ก็เลิกคิ้ว แล้วพูดขึ้นมาตรงๆ “ ให้ฉันดูหน่อย ! ”

 

“ นายเนี่ยนะ ? ” ว่านเหวยไม่ค่อยเข้าใจ

ผมที่ยืนอยู่ข้างๆกลับพยักหน้า “ ตัวเขาถือว่าเป็นหมอครึ่งหนึ่ง ! ”

 

พอว่านเหวยได้ยินคำว่า “ หมอ ” เธอก็เหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายได้ ขณะเดียวกันเธอก็ไม่สนว่าจะครึ่งหรืออะไรทั้งนั้น

 

ทันใดนั้นเธอก็รีบพยักหน้าทันที “ ได้ได้ได้…… ”

หลังจากพูดจบ เธอก็ถอยไปยืนข้างๆ แต่ตาเฒ่าเซียงจู๋จางยังคงร้อนรนอยู่เช่นเดิม “ หนี รีบหนีซิ ! ถ้ายังไม่ไปอีกจะหนีไปไม่ได้แล้วนะ ”

 

พอเห็นเซียงจู๋จางลนลานขนาดนั้น ผมก็คิดว่าคงเป็นเพราะไปเจอศัตรูเก่าเข้า

ผมดึงหน้าลง และยืนพูดอยู่ข้างๆ “ ตาเฒ่าเซียงจู๋จาง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”

 

เวลาล่วงเลยจนมาถึงตอนนี้ เตาเฒ่าเซียงจู๋จางถึงได้รับรู้ว่ามีผมอยู่

“ เสี่ยว เสี่ยวติง ! พวก พวกเธอก็รีบหนีไป ศะ ศัตรูของฉันกำลังตามมาแล้ว…… ” หลังจากพูดจบ เซียงจู๋จางก็ไอออกมาสองครั้ง

 

เหล่าเฟิงทำหน้าดุ “ ไม่ต้องพูดแล้ว ! ”

ขณะพูด เหล่าเฟิงก็ฉีกเสื้อผ้าของเซียงจู๋จางออก

 

ตรงบริเวณซี่โครงซ้ายของเขา มีแผลเป็นรูอยู่จริงๆ ตอนนี้กำลังมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่ไม่ว่าผมจะมองยังไง เจ้าแผลนี่ก็เหมือนโดนแทงด้วยกรงเล็บ สวรรค์คงรู้ว่าศัตรูของตาเฒ่านี่เป็นตัวอะไร

 

เหล่าเฟิงกวาดสายตามองบาดแผลนั้นสองสามครั้ง จากนั้นก็รีบยกมือขึ้น สกัดจุดบนตัวเซียงจู๋จางสองสามจุด

ไม่อยากพูดเลยจริงๆ หลังสกัดจุดพวกนั้นแล้ว แผลที่มีเลือดไหลออกมาบนตัวตาเฒ่าเซียงจู๋จาง ก็ดูดีขึ้นมาก

 

อาศัยแค่มือก็สามารถห้ามเลือดได้แล้ว หมอแพทย์แผนจีนทุกวันนี้ คงมีน้อยคนนักที่จะมีฝีมือทำแบบนี้ได้

บอกว่าเหล่าเฟิงเป็นหมอครึ่งตัว คงจะเป็นการสบประมาทเขาเกินไป

 

เพียงแต่วิชาแพทย์ของท่านนักพรตตู๋สูงส่งยิ่งกว่า ฝีมือของเหล่าเฟิงเลยโดนบดบังเอาไว้เท่านั้น

พอว่านเหวยเห็นภาพนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยท่าทีดีใจออกมาเล็กน้อย

 

แต่เหล่าเฟิงกลับยังทำหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม “ ผ้าพันแผล แอลกอฮอล์ ยาห้ามเลือด เข็มและด้าย แผลใหญ่เกินไป ต้องจัดการแบบง่ายๆก่อน ! การสกัดจุดห้ามเลือดได้ไม่นานมากนัก ”

 

หลังว่านเหวยฟังจบ ก็พยักหน้ารับรัวๆ “ ได้ได้ได้ ! ”

เธอไม่ได้หยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ทันใดนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที

 

ปกติของพวกนี้ ทุกบ้านจะมีเตรียมไว้อยู่แล้ว

ไม่นานหลังจากนั้น ว่านเหวยก็วิ่งออกมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล จากนั้นก็รีบหยิบของออกให้เหล่าเฟิงทันที

 

เหล่าเฟิงใช้ทักษะที่คุ้นเคย ต่อจากนั้นไม่นานเขาก็ทำแผลให้เซียงจู๋จางเรียบร้อย ท้ายที่สุดยังหยิบขวดขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็เทยาออกมาหนึ่งเม็ด

 

“ นี่คือยาที่ทำให้จิตใจสงบ หลังกินเข้าไปแล้ว ก็ลองเดินลมปราณดู มันทำให้ตัวคุณรู้สึกสบายขึ้นหน่อย ! ” หลังจากพูดจบ เขาก็ป้อนมันให้เซียงจู๋จางกลืนเข้าไป

 

แม้เซียงจู๋จางจะไม่รู้จักเหล่าเฟิง แต่ในเวลานี้ก็ทำตามที่เขาพูด

ต่อจากนั้นเราก็เห็นเขาค่อยๆหลับตาลง เคลื่อนกระแสพลังเดินลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของ

เซียงจู๋จางก็ดูดีขึ้นไม่น้อย

 

ตอนนี้เข้าลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “ ขอบใจพ่อหนุ่มน้อยที่ช่วยชีวิต ! ”

หลังจากพูดจบ เซียงจู๋จางยังทำมือคารวะให้เหล่าเฟิงด้วย

 

เหล่าเฟิงกลับโบกมือ “ ท่านผู้อาวุโส พวกเรามาเอาแมลงชือหยิน ! ท่านผู้อาวุโสโปรดทำให้เราสมปรารถนาด้วย ! ”

สีหน้าของเซียงจู๋จางเพิ่งดูผ่อนคลายขึ้น ตอนนี้หลังจากได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที “ แก แกกับมันเป็นพวกเดียวกัน…… ”

 

หลังจากพูดจบ เซียงจู๋จางก็ถอยออกไปทันที ท่าทางดูหวาดกลัวผิดปกติ

ผมกับเหล่าเฟิงงงในทันที แต่ทันใดนั้นเองว่านเหวยก็รีบประคองเซียงจู๋จางไว้ “ อาจารย์ ในมือของพวกเขามีเพลิงบงกชทมิฬ ! ”

 

“ อะไรนะ ? เพลิงศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ ? ” เซียงจู๋จางตกใจขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

ว่านเหวยพยักหน้า “ ใช่ หนูลองดูแล้ว เป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ พวกเขามาเพื่อแมลงชือหยิน ! ”

 

“ รีบ รีบเอาออกมาให้ฉันดูเร็ว ! ” ราวกับเซียงจู๋จางไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ในเวลานี้สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอีกรอบ

 

ผมไม่รู้เรื่องเพลิงบงกชทมิฬอะไรนั่น และไม่เข้าใจเรื่องเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ในเมื่อตาเฒ่าเซียงจู๋จางอยากดู ผมก็จะให้เขาดู

 

ด้วยเหตุนี้ ผมเลยยกมือขึ้น นำภาพดอกบัวดำให้เขาดู

หลังเซียงจู๋จางเห็นภาพบัวดำนั้นแล้ว เขาก็อดสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจไม่ได้ แต่เขาก็ยังรีบประสานมือ และท่องอะไรบางอย่างออกมาสองสามประโยค

 

ท้ายที่สุดก็ชี้มาที่ฝ่ามือของผม ทันใดนั้นเสียง “ ตูม ” ก็ดังขึ้น ตรงกลางฝ่ามือของผม มีเปลวไฟสีดำทมิฬปรากฎขึ้น

 

พอเจ้าเปลวไฟนี่ปรากฎขึ้น ผมก็ตกใจทันที คิดจะดึงมือกลับ แต่กลับโดนเซียงจู๋จางห้ามไว้ “ อย่าขยับ มันไม่ทำร้ายเธอหรอก ! ”

 

ตาเฒ่าเซียงจู๋จางทำตาโต มองมันอย่างลุ่มหลง

ส่วนผม ก็ไม่รู้สึกแสบร้อนจริงๆ กลับกันยังรู้สึกเย็นหน่อยๆ

 

แต่พอเห็นฝ่ามือตัวเองมีเปลวไฟสีดำปรากฎอยู่ หัวใจของผมก็เต้น “ ตึกๆๆ ” ไม่หยุด

เรื่องนี้พิลึกมาก แต่หากมาสัมผัสกับโลกของผมแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

พอเห็นเจ้าเปลวไฟอันมืดมิดนี้ไม่เผาตัวเอง ผมก็ค่อยๆกลับมาใจเย็นอีกครั้ง

ต่อจากนั้น เปลวไฟมืดดำนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ท้ายที่สุดมันได้เปลี่ยนเป็นดอกบัวดำดอกหนึ่ง

 

แล้วสุดท้ายก็จางหายไปในที่สุด ส่วนภาพบัวดำตรงฝ่ามือของผม ก็หายไปเช่นกัน

ตาเฒ่าเซียงจู๋จางดีใจจนกระโดดโลดเต้นนานแล้ว หรือแม้แต่แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว สาวตาที่ใช้มองผม ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

“ เสี่ยว เสี่ยวติง ไม่ซิ ท่านทูตบงกชทมิฬ ศิษย์ชิงหวู่เทียนจุน จางต้าเป่าขอคารวะท่านทูต ”

หลังจากพูดจบ เซียงจู๋จางก็ทำมือคารวะผม

 

พอเห็นถึงตรงนี้ ผมก็งงในทันที นี่มันเรื่องบ้าอะไร อยู่ดีๆ ฉันจะกลายมาเป็นทูตบงกชทมิฬอะไรบ้านั่นได้ยังไง

ไม่รอให้ผมได้ตอบสนองใดๆ เซียงจู๋จางก็นำร่างที่บาดเจ็บของตัวเอง คุกเข่าลง

 

ไม่ใช่แค่นั้น เขายังบอกให้ว่านเหวยคุกเข่าลงด้วย

ว่านเหวยเห็นอาจารย์ตัวเองคุกเข่า แม้จะไม่อยากทำแต่เธอก็พูดตามว่า “ ศิษย์ชิงหวู่เทียนจุน ว่านเหวยขอคารวะ ! ”

 

พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมถึงได้สติขึ้นมาอีกครั้ง ผมรีบเข้าไปห้ามว่านเหวย จากนั้นก็ประคองตาเฒ่าเซียงจู๋จางให้ลุกขึ้นทันที “ พวกคุณกำลังทำอะไร ? เจ้ารูปนี่เพื่อนผมคนนึงให้มา ผมไม่ได้เป็นท่านทูตอะไรนั่น และไม่ได้เข้าลัทธิบงกชทมิฬอะไรนั่นด้วย เพื่อนของผมคนนั้นบอกว่า แค่เอารูปนี้ให้ดู พวกคุณก็จะให้แมลงชือหยินกับผมแล้ว ! ”

 

ผมรีบอธิบาย เนื่องจากผมไม่อยากเป็นทูตบงกชทมิฬอะไรนั่นจริงๆ

แต่ตาเฒ่าเซียงจู๋จางกลับดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ ไม่ไม่ ขอแค่ในมือมีเพลิงบงกชทมิฬอยู่ 

ก็คือทูตบงกชทมิฬ ศิษย์รอมาหลายสิบปี ในที่สุดก็ได้เห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง…… ”

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.