spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 540 ว่านเหวยเลี้ยงแมลง
ผมไม่เคยได้ยินเรื่องบงกชทมิฬมาก่อน แต่รูปบัวดำนี้เป็นของที่น้องศพให้ผมมา
ผมงงอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดกับสาวน้อยคนนั้นว่า “ นี่คือของที่เพื่อนให้ฉันมา เธอให้ฉันเอาเจ้านี่มา
แล้วมารับแมลงชือหยินที่นี่ ! ”
“ เพื่อน ? เพื่อนนายเป็นใคร ? ” สาวน้อยถามออกมาอีกครั้ง
แต่เรื่องต่อจากนี้ ผมไม่จำเป็นต้องบอกเธอ
ผมแค่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ เรื่องนี้ ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอ เธอแค่เอาแมลงชือหยินมาให้ฉันก็พอ ! ”
มันชัดเจนมาก ว่ารูปภาพนี้หมายถึงอะไร
เมื่อมีภาพนี้อยู่ อีกฝ่ายก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เอาแมลงชือหยินให้พวกเรา
สาวน้อยจ้องพวกเรา หลังผ่านไปพักหนึ่งเธอถึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ ได้ ! แต่แมลงหยินชือมีพลังหยินแรง ลำตัวเย็นยะเยือก และมีพลังชั่วร้ายมหาศาล พวกมันโดนใส่ไว้ในภาชนะพิเศษ ฉันเปิดมันไม่ได้ ต้องรอให้อาจารย์กลับมาเท่านั้น ถึงจะเอามาให้พวกนายได้ ! ”
“ คนสวย งั้นเธอโทรไปหาอาจารย์เธอหน่อยได้ไหม พวกเราจำเป็นต้องใช้แมลงชือหยินนี่จริงๆ เราต้องไปช่วยคนให้เร็วที่สุด ! ” ผมรีบพูด
แต่สาวน้อยกลับส่ายหัว “ อาจารย์ฉันไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป โทรไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้ายังไงพวกนายมาอยู่ที่นี่ก่อน หรือไม่ก็ค่อยมาใหม่วันหลัง ! ”
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็ดูหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาทันที
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แถมไม่มีทางเลือกอื่น เราเลยได้แต่รออยู่ที่นี่เท่านั้น
สาวน้อยคนนั้นเห็นพวกเราคิดจะอยู่ต่อ เลยส่งสัญญาณให้พวกเรานั่งกันตามใจชอบ หลังจากนั้นถึงเข้าไปในห้อง
เมื่อเห็นเธอจะเดินออกไป ผมก็ถามเธออีกครั้ง “ เอ่อคือคนสวย เธอชื่อว่าอะไรเหรอ ? ”
สาวน้อยไม่ได้หันมามอง เพียงตอบกลับเบาๆว่า “ ว่านเหวย ”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินตรงเข้าไปในห้องทันที
แม้เด็กสาวที่ชื่อว่านเหวยคนนี้จะเยือกเย็น และดูท่าจะเข้าหาได้ยากมาก
แต่ตอนนี้เราไม่มีทางเลือก ได้แต่รอต่อไปเท่านั้น
เราหวังเพียงตาเฒ่าเซียงจู๋จางจะกลับมาเร็วๆนี้ เราจะไปเอาแมลงชือหยินกลับไปได้เร็วๆ
เพื่อให้อาจารย์รู้สถานการณ์ของพวกเรา ผมโทรไปหาอาจารย์ บอกเขาว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
ทางอาจารย์บอกว่าตัวเองสามารถจัดการท่านนักพรตตู๋ได้ ให้ผมและเหล่าเฟิงเอาแมลงชือหยินกลับมาให้ได้
เรื่องก็เป็นแบบนี้ เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ผมกับเหล่าเฟิงรอมาสามชั่วโมงกว่าแล้ว พวกเราต่างหมดความอดทน และนั่งกันไม่ติดแล้ว
ผมเห็นว่านเหวยเข้าไปในห้องตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ออกมาสักที ผมเลยเดินไปที่หน้าประตูห้องเธอ แล้วมองเข้าไปด้านใน
ผลลัพธ์พอมองเข้าไปแล้ว ผมกลับต้องตกใจ
ในห้องที่มีแสงไฟสลัวๆ ยัยว่านเหวยคนนั้นกำลังเล่นกับงูอยู่
มันคืองูทองขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือ ในเวลานี้มันกำลังเอาหัวหันไปทางเด็กสาวที่กำลังพูดกับมันอยู่
ส่วนว่านเหวย กลับไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมีความสุข
นอกจากนี้ ผมยังพบว่าตรงคอเสื้อของว่านเหวย ยังมีตะขาบตัวใหญ่กำลังเกาะอยู่
เจ้าตะขาบตัวนั้นมีความยาวประมาณสามสิบเซนติเมตร ตัวหนาเท่าฝ่าเท้า แค่เห็นก็รู้สึกกลัวแล้ว
แต่ดูเหมือนว่านเหวยจะชอบเจ้าพวกนี้มาก เธอเล่นกับพวกมันไม่หยุด ส่งเสียงหัวเราะ “ ฮ่าๆ ” อย่างมีความสุข
ผมทำตาโต รู้สึกว่ามันน่ากลัวสุดๆ
แม่เจ้า รสนิยมของว่านเหวยน่ากลัวชะมัด เล่นงูเล่นตะขาบ
ในขณะที่ผมกำลังตกใจ จู่ๆว่านเหวยก็พูดกับงูทองตัวนั้นว่า “ อะไรนะเสี่ยวจิน เจ้าบอกว่ามีคนแอบมองพวกเรางั้นเหรอ ? ”
ตอนผมได้ยินคำพูดนี้ ในใจผมก็มีเสียงดัง “ กึก ” พระเจ้าช่วยเจ้างูนี่บำเพ็ญจนบรรลุแล้วงั้นเหรอ
หรือว่าว่านเหวยจะรู้ภาษาสัตว์ เข้าใจสิ่งที่สัตว์พูด
ไม่รอให้ผมตอบสนองแต่อย่างใด ว่านเหวยก็หันมามองแล้ว
พอเธอหันมามอง งูที่อยู่ในมือเธอและตะขาบยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าอกเธอ ก็หันมามองเช่นกัน พวกเขาต่างจ้องผมตาไม่กระพริบ
ว่านเหวยทำหน้าเข้ม แล้วด่าผมอย่างไม่สบอารมณ์ “ ถ้ำมอง ! ”
ถ้ำมองงั้นเหรอ หน้าผมกระตุกสองครั้ง
แต่ผมยังพูดกับว่านเหวยที่อยู่ในห้องว่า “ ขอโทษที เธอดูซิ เธอเองก็ไม่ได้ปิดประตู ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจ…… ”
ว่านเหวยกลับเค้นเสียงดัง ฮึ พร้อมพูดออกมาตรงๆ “ เสี่ยวจู ปิดประตู ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างห้อยตัวลงมาตรงหน้าผม
พอกวาดสายตามอง พระเจ้า นั่นมันคือแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่ง
เจ้าแมงมุมตัวนั้นมีขนาดเท่ากำปั้น ทั้งตัวเต็มไปด้วยขน ดวงตาทั้งแปดเปล่งประกาย ทำให้คนที่เห็นรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
ไม่รอให้ผมได้ทำอะไร เจ้าแมงมุมตัวนั้นก็สะบัดตัว พุ่งตรงมาที่หน้าของผม
พอเห็นแบบนั้น ผมก็ตกใจรีบถอยหนีทันที เพื่อหลบเจ้าแมงมุมยักษ์ตัวนั้น
หากโดนเจ้าแมงมุมยักษ์ตัวนี้กัดเข้า ผมไม่รู้จริงๆว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง
ทางฝั่งผมเพิ่งถอยออกมาได้หนึ่งก้าว เหล่าเฟิงก็สังเหตเห็นผม
พอเขาเห็นแมงมุมยักษ์ตัวนั้นแล้ว ก็อดสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจไม่ได้
พระเจ้า แมงมุมยักษ์ตัวเท่ากำปั้นแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนในชีวิต
แต่เจ้าแมงมุมตัวนี้ไม่ได้จะมาทำร้ายผม หลังผมถอยออกไปแล้ว เจ้าแมงมุมตัวนั้นก็ล่วงลงสู้พื้น ปล่อยเส้นใยสีขาวออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเสียง “ แอร๊ด ” ก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูที่กำลังปิดลง
เมื่อเห็นถึงตรงนี้ ผมก็ตกใจในทันที ไม่ใช่แค่งูตัวนั้นที่บรรลุแล้ว แต่แมงมุมตัวนี้ก็บรรลุแล้วงั้นเหรอ
เมื่อก่อนประเมินตาเฒ่าเซียงจู๋จางคนนี้ต่ำเกินไป ศิษย์ของเขาสามารถเลี้ยงสัตว์พิษพวกนี้ได้อีกด้วย
และดูเหมือนจะควบคุมพวกมันได้ด้วย เป็นอะไรที่น่าทึ่งจริงๆ
“ เหล่าติง เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีแมงมุมตัวใหญ่ขนาดนี้ละ ? ” เหล่าเฟิงวิ่งเข้ามา พร้อมพูดด้วยสีหน้าตกใจ
ผมกลับคลี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ ไม่ใช่แค่แมงมุมยักษ์ แต่ยังมีงูกับตะขาบ…… ”
“ ฮะ ว่านเหวยเลี้ยงแมลงด้วยงั้นเหรอ ? ”
ผมพยักหน้า ดูเหมือนมันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
ส่วนแมลงชือหยิน หากพูดตรงๆมันก็คือแมลงชนิดหนึ่ง
เพียงแต่เป็นแมลงมี่ร้ายกาจมาก ดังนั้นเลยเปลี่ยนคำว่า “ แมลง ” เป็น “ สัตว์พิษ ”
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ตาเฒ่าเซียงจู๋จางคงไม่ได้เป็นเหมือนฉากหน้า เป็นแค่เถ้าแก่ขายส่งของประกอบพิธีต่างๆ เขาต้องมีฐานะอีกอย่างนึงแน่ๆ
ส่วนเรื่องเลี้ยงแมลง เท่าที่พวกเรารู้ ผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในด้านนี้คือเหมียวเจียงกู่
หรือว่า ฐานะจริงๆของตาเฒ่าเซียงจู๋จาง จะเป็นคนของเหมียวเจียงกู่
ผมคิดในใจแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่อาจหาคำตอบได้
แน่นอนละ สิ่งที่พวกเรากังวลที่สุด ยังเป็นเรื่องเมื่อไหร่ตาเฒ่านั่นจะกลับมา เมื่อไหร่พวกเราจะได้
แมลงชือหยิน
ต่อจากนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็รอแล้วรอเล่า รอจนถึง 3 ทุ่ม แต่ตาเฒ่าเซียงจู๋จางนี่ก็ยังไม่กลับมา
และในเวลานี้เอง จู่ๆก็มีคนส่งอาหารเข้ามาในร้าน เขาถามผมและเหล่าเฟิงใครเป็นคนสั่ง
แต่ผมกับเหล่าเฟิงกำลังกังวลเรื่องแมลงชือหยิน จะมีอารมณ์ที่ไหนไปสั่งอาหารกิน
แต่ไม่รอให้พวกเราพูดออกมา จู่ๆประตูห้องก็โดนเปิดออก จากนั้นเราก็เห็นว่านเหวยเดินออกมาจากห้อง “ ฉันสั่งเอง วางไว้บนโต๊ะก็ได้แล้ว ”
พี่ชายคนที่มาส่งอาหารขานกลับอย่างสุภาพ “ อือ ” หลังจากวางอาหารเสร็จแล้วเขาก็เดินออกไปทันที
ว่านเหวยเดินเข้ามา เปิดดูอาหารที่สั่งมา เธอไม่ได้หันมามองผมกับเหล่าเฟิง ในขณะเดียวกันนั้นก็พูดเบาๆว่า “ มือลื่น สั่งเกินมาสองอย่าง ฉันกินไม่หมด เจ้าถ้ำมอง พวกนายเอาไปกินซิ ! ”
หลังจากพูดจบ ว่านเหวยก็ยื่นอาหารให้พวกเรา
พอเห็นถึงตรงนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็หันมามองตากัน
คิดว่าว่านเหวยที่ภายนอกดูเย็นชา ไม่ได้เย็นชาขนาดนั้น เธอเองก็มีจิตใจที่ไม่เลว
พอเห็นพวกเรารอมานานขนาดนี้ เธอเลยสั่งอาหารมาเผื่อพวกเรา เพียงแค่ปากร้ายไปหน่อยก็เท่านั้น
แต่ท้องก็ค่อนข้างหิวจริงๆ เลยไม่มัวพูดมาก เพียงพูดกับว่านเหวยว่า “ ขอบใจ งั้นเราสองคนไม่เกรงใจแล้วนะ ! ”
เหล่าเฟิงเองก็พูด “ ขอบใจ ” ต่อจากนั้นเราสองคนก็รับอาหารมาถือไว้ แล้วเริ่มตักกินทันที
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีใครบางคนเดินโซซัดโซเซเข้ามาในร้าน
ใครคนนี้เพิ่งเข้ามา เขาก็ดึงดูดสายตาของพวกเราทันที
พอหันไปมอง เขาก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตาเฒ่าเซียงจู๋จางที่พวกเรารอมานาน
แต่การปรากฎตัวของตาเฒ่าเซียงจู๋จาง ไม่ได้ทำให้พวกเราดีใจ มันกลับทำให้พวกเราตกใจแทน
เพราะตาเฒ่าเซียงจู๋จางเพิ่งเข้ามาในร้าน “ อัก ” เขาก็กระอักเลือดออกมาทันที ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บ แม้แต่จะยืนก็ยังยืนไม่มั่น
ไม่ใช่แค่นั้น ในเวลานี้เขายังใช้น้ำเสียงที่ร้อนรนและแหบพร่าพูดว่า “ เหวย เหวยเอ๋อร์ รีบ รีบหนี…… ”