spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 539 เพลิงบงกชทมิฬ
เหล่าเฟิงยังไม่เข้าใจรายละเอียดทั้งหมด หลังเขาขึ้นรถแล้ว ผมถึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้เหล่าเฟิงฟัง
หลังเหล่าเฟิงฟังจบ ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แม้จะตกใจกับของสามสิ่งนั้นมาก เพราะทุกชิ้นล้วนเป็นของหายาก
หายากก็จริงอยู่ แต่สำหรับมนุษย์เราแล้ว นั่นเป็นของดีที่ไม่ธรรมดาเลยก็ว่าได้
หากคนเป็นโดนหยดน้ำจากพลังชั่วแม้แต่นิดเดียว พลังหยางในร่างกายก็ไหลออกมาจำนวนมาก
ทำให้บาดเจ็บได้ทันที
เบาหน่อยก็แค่ล้มป่วย แต่ถ้าหนักกว่านั้นก็คือโดนวิญญาณสิงร่าง
หลังจากนั้นก็คือลูกปัดใยศพ ของสิ่งนี้คือตัวรวบรวมพลังจากศพเอาไว้ เป็นของที่เกิดจากการผันเปลี่ยนในร่างกาย หลังจากที่ผีดิบกลืนกินแก่นพลังหยินหยางแล้ว
หากคนธรรมดาได้ครอบครองของชิ้นนี้ ก็จะมีอันตรายใหญ่หลวง หรืออาจตายเพราะกลิ่นอายจากพลังศพก็ยังเป็นไปได้
แน่นอน หากเจ้าของสิ่งนี้ตกอยู่ในมือปีศาจวิญญาณร้าย มันก็จะแปลเปลี่ยนเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี
กินเข้าไปหนึ่งเม็ด ก็จะสามารถเพิ่มพลังได้
สุดท้ายก็คือแมลงชือหยิน เจ้าของสิ่งนี้ร้ายกาจอย่างไม่ต้องคิด มันชอบกินวิญญาณทั้งหลาย
จากคำพูดของอาจารย์ เจ้าของสิ่งนี้ดุร้ายผิดปกติ ถ้าโดนตัว ก็จะโดนกินวิญญาณจนเกลี้ยงในไม่กี่นาที
แม้ผมและเหล่าเฟิงจะไม่เข้าในว่าจะให้ของสามอย่างนี้ขจัดพิษให้ท่านนักพรตตู๋ยังไง แต่ผมกลับเชื่อคำพูดของมู่หลงเหยียน
มู่หลงเหยียนบอกว่าได้ งั้นมันก็ต้องได้อย่างแน่นอน
เหล่าเฟิงเองก็คิดแบบเดียวกัน เขาเป็นเพื่อนของผม จึงไม่สงสัยในคำพูดของผม
เรื่องก็เป็นแบบนี้ พวกเราหอบใจที่เต้นรัวขับรถตรงเข้าไปในเมือง
ส่วนที่อยู่ของตาเฒ่าเซียงจู๋จาง เป็นย่านเมืองเก่า หรือก็คือแถวทางเข้าเมือง
ผมเคยไปที่นั่นมามากกว่าหนึ่งครั้ง ดังนั้นหลังผ่านไปไม่นาน ผมก็พาเหล่าเฟิงมาถึงร้านของเซียงจู๋จาง
ร้านของเซียงจู๋จางมีชื่อว่า “ ร้านขายส่งไป๋ฮั่ว ” เป็นชื่อที่แข็งกระด้างมาก
บนป้ายเต็มไปด้วยฝุ่น หรือแม้แต่มีใยแมงมุมขึ้น
ดูท่าคงไม่ได้ทำความสะอาดมานานแล้ว ตรงหน้าทางเข้ามีธูป เทียน และเงินกระดาษวางอยู่ ถึงจะอยู่ไกลๆก็ได้กลิ่นเงินกระดาษ
“ ที่นี่แหละเหล่าเฟิง ! ” ขณะพูด ผมก็ดับเครื่องแล้ว
เหล่าเฟิงใจร้อนมาก เขากระโดดลงไปจากรถทันที
ต่อจากนั้น ผมและเหล่าเฟิงก็เดินเข้าไปในร้านของตาเฒ่าเซียงจู๋จางทันที
ในร้านมีแสงเล็กน้อย หรือจะเรียกว่ามืดมากก็ว่าได้
“ ตาเฒ่าเซียงจู๋จาง ตาเฒ่าเซียงจู๋จาง…… ” ผมตะโกนเข้าไปในร้านสองครั้ง
เสียงเพิ่งเงียบลง จู่ๆเราก็ได้ยินเสียงสาวน้อยคนนึง ตะโกนออกมาจากในร้าน “ ใครฮะ ! ”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงของสาวน้อย ผมเลยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง
เท่าที่ผมรู้ ตาเฒ่าเซียงจู๋จางโสด ไม่ได้แต่งงานหรือมีลูก
แล้วทำไม ในร้านนี้ถึงมีเสียงของเด็กสาวได้ละ
เพิ่งคิดมาถึงตรงนี้ สาวน้อยคนนึงก็เดินออกมาด้านนอกตัวร้าน
เด็กสาวคนนั้นอายุราวๆ 20 ปีได้ เธอแต่งตัวสบายๆ ผิวขาวมาก
แต่ไม่ใช่ขาวแบบสุขภาพดี มันเป็นขาวซีด ราวกับไม่มีเลือดอยู่
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแปลกหน้า ผมไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน เลยสังเกตอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
ส่วนผู้หญิงคนนั้นพอเห็นผมกับเหล่าเฟิงแล้ว ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะสงสัยสุดๆ “ พวกนายเป็นใคร ? ”
“ เรามาหาตาเฒ่าเซียงจู๋จาง เธอคือ ? ” ผมถามด้วยความสงสัย
พอผู้หญิงคนนั้นได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ตอบกลับด้วยท่าทางเย็นชา “ อ่อ ! อาจารย์ฉันไม่อยู่ นายต้องการอะไร ? ฉันจะไปหาให้ ! ”
“ อาจารย์เธอ ? ” ผมค่อนข้างตกใจ ยัยสาวน้อยคนนี้ กราบตาเฒ่าเซียงจู๋จางเป็นอาจารย์งั้นเหรอ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตาเฒ่าเซียงจู๋จางทำธุรกิจกับคนตาย
พอผู้หญิงคนนั้นเห็นผมทำท่าทางไม่อยากเชื่อ เธอก็ไม่มีท่าทีว่าจะอธิบายแต่อย่างใด
เพียงตอบกลับมาเบาๆเท่านั้น “ เซียงจู๋จางเป็นอาจารย์ของฉันจริงๆ อยากได้อะไรก็ว่ามา พูดมากอยู่ได้
น่ารำคาญ ! ”
สาวน้อยคนนี้ใจร้อนยิ่งกว่าพวกเราซะอีก เห็นได้ชัดว่าเธอรำคาญพวกเรามากๆ
แต่ผมมาหาตาเฒ่าเซียงจู๋จางเพราะแมลงชือหยิน ดังนั้นเลยระงับอารมณ์เอาไว้ แล้วถามต่อว่า
“ งั้นขอถามหน่อยเมื่อไหร่อาจารย์เธอจะกลับมา พวกเรามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา ”
สาวน้อยกลอกตาใส่พวกเรา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญสุดๆ “ อาจจะดึกหน่อย หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ! ”
ผมและเหล่าเฟิงขมวดคิ้ว ท่านนักพรตตู๋กำลังทรมานจากการกลายร่างเป็นปีศาจ พวกเราไม่มีเวลาให้เสียเยอะขนาดนั้น
เมื่อเห็นตาเฒ่าเซียงจู๋จางกลับมาไม่ทันแล้ว ผมก็พูดกับสาวน้อยคนนี้อีกครั้ง “ ในเมื่ออาจารย์เธอกลับมาช้า งั้นเธอช่วยตัดสินใจแทน เอาแมลงหยินชือมาให้พวกเราหน่อย ! ”
พอเธอได้ยินผมพูดว่า “ แมลงหยินชือ ” สามคำนี้ “ พรึบ ” สีหน้าที่เคยดูรำคาญสุดๆของเธอ ก็เปลี่ยนไปทันที
หลังจากนั้น เธอก็มองผมด้วยสายตาตกใจและสงสัย “ มะ แมลงชือหยินอะไร ? ฉันไม่รู้เรื่อง…… ”
แม้ปากของสาวน้อยจะบอกว่าไม่รู้ แต่ท่าทางที่ตกใจของเธอ และน้ำเสียงติดอ่างนั่น กลับกำลังบอกว่าเธอรู้ดีแก่ใจ
ไม่รอให้ผมพูดออกมาอีกครั้ง เหล่าเฟิงกลับทนไม่ไหวแล้ว เขาพูดกับสาวน้อยคนนั้นต่อทันที
“ คนสวย พวกเรามีเงิน เท่าไหร่ก็จ่าย ! ”
“ มีเงินอะไร ? ฉันบอกแล้ว ว่าไม่รู้เรื่อง ! พวกนายไปดูร้านอื่นเถอะ ! ” หลังจากพูดจบ สาวน้อยคนนั้นก็ผลักเหล่าเฟิงออก เธอคิดจะไล่พวกเราออกไป
แต่ในเวลานี้ จู่ๆผมก็ยื่นมือซ้ายออกมา แล้วแบมือออก “ เธอดูเจ้านี่ก่อน ! ”
ในขณะพูด หรือคลายนิ้วทั้งห้าออก จู่ๆรูปตราดอกบัวดำตรงฝ่ามือของผม ก็เผยออกมาให้เธอเห็น
ในร้านค่อนข้างมืด แต่ก็ไม่ถือว่ามืดมิดไร้แสง ด้วยสายตาคนยังสามารถมองเห็นรูปบนฝ่ามือของผมได้
พอสาวน้อยคนนั้นเห็นรูปบนฝ่ามือของผมแล้ว เธอก็ตัวสั่นพักหนึ่ง ท่าทางจะตะลึงในทันที
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอถึงกลับมาตอบสนองอีกครั้ง
เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงจ้องผมด้วยความตกใจและสงสัยเท่านั้น
ผมเองก็ไม่ได้หลบสายตา เพียงจ้องเธอกลับทั้งๆแบบนั้น
ต่อจากนั้น จู่ๆสาวน้อยคนนั้นก็หยิบยันต์ในกระเป๋าออกมา
ยันต์แผ่นนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด ครึ่งเหลืองครึ่งดำ อักขระด้านบน ก็พิลึกมากมันเป็นแบบที่ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน
หลังสาวน้อยคนนั้นหยิบยันต์ออกมาแล้ว เธอก็ประสานมือขึ้นมาข้างหนึ่ง จากนั้นก็บ่นพึมพำอะไรบางอย่างสองสามประโยค
ต่อจากนั้นก็ชี้นิ้วมาที่ตราดอกบัวดำตรงฝ่ามือผม
ผลลัพธ์ในเสี้ยววินาทีต่อมา ฉากแปลกๆก็ได้ปรากฎขึ้น
ยันต์เหลืองดำในมือเธอ มีเสียงระเบิดดัง “ ตูม ” มันเผาไหม้ขึ้นมาทันที
สาวน้อยคนนั้นปล่อยมือ ยันต์แผ่นนั้นถึงได้ลอยขึ้นลงอยู่ภายในห้อง ราวกับมีคนเป่าให้มันลอยอยู่ด้านล่าง
สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ หลังยันต์แผ่นนั้นเริ่มติดไฟ รูปดอกไม้บนมือผมกลับเปลี่ยนไปอย่างประหลาด
มันปล่อยเปลวไฟออกมา และเปลวไฟนั่นยังเป็นสีน้ำหมึกอมเขียว
รูปร่างคล้ายดอกบัว ในร้านที่มืดสลัวแบบนี้ มันทำให้คนตกใจ ไม่อยากเชื่อกับภาพตรงหน้า
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่มองเรื่องพวกนี้ด้วยสายตาประหลาดใจเท่านั้น
ส่วนสาวน้อยคนนั้น กลับสูดหายใจเข้า ราวกับตกใจเช่นกัน
หลังผ่านไปพักใหญ่ สาวน้อยคนนั้นถึงได้มองมาทางพวกเรา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
“ พวก พวกนายเป็นใครกันแน่ ? ทำไมถึงมีเพลิงบงกชทมิฬได้ ? ”
เพลิงบงกชทมิฬ มันคืออะไร หรือว่ายัยนี่กำลังพูดถึงดอกบัวดำบนฝ่ามือผม
“ เธอพูดถึงเจ้านี่เหรอ ? ” ผมถาม
สาวน้อยพยักหน้าอย่างจริงจัง “ ใช่ เจ้านั้นแหละ พวกนายมีมันได้ยังไง ? ”