spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 536 พักผ่อน
ขาของเหล่าฉินบาดเจ็บหนัก บวกกับอายุปูนนี้แล้ว การฟื้นตัวเลยไม่ได้เร็วขนาดนั้น
ดังนั้นถึงจะผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังต้องพึ่งพาไม้เท้าอยู่
เมื่อพวกเรามาถึงหน้าสุสาน เหล่าฉินก็เข้ามาต้อนรับทันที
หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย “ เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน ครั้งนี้ออกไปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกละ ? ถึงต้องรีบร้อนกันขนาดนี้ ”
ผมเผยรอยยิ้มอันขมขื่น จากนั้นก็พูดกับเหล่าฉินว่า “ เหล่าฉิน ออกไปครั้งนี้ เราดันไปเจอปัญหาอีกแล้ว
ศพผู้หญิงที่อยู่ในรถ พวกเราต้องรีบจัดการเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างงั้นปัญหาได้ตามมาถึงตัวแน่ ! ”
พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็เปิดประตูรถ แล้วหามศพลงมาจากรถกับเหล่าเฟิง
พอเหล่าฉินเห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น “ ดูเหมือนยายแก่คนนี้จะโดดกัดมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
เหล่าฉินทำท่าทางสงสัย พวกเราเองก็ไม่ปิดบังเขาแต่อย่างใด
เราเล่าสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของศพผู้หญิงคนนี้ และต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้เหล่าฉินฟัง
หลังเหล่าฉินฟังจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้า
โดยเฉพาะตอนที่เราพูดว่าหมอผีคนนั้น สูบชีวิตผู้หญิงคนนี้เพียงลมหายใจเดียว ทำให้เธอกลายเป็นคนแก่แบบนี้ เหล่าฉินก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
สูบชีวิตคนอื่น แล้วทำให้ตัวเองกลับมาเป็นคนหนุ่มอีกครั้ง วิชามารแบบนี้เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อและพิลึกมาก
แต่วิชามารแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่คนใฝ่หาไม่น้อย เพราะมันเป็นทางหนึ่งที่ทำให้ตัวเองกลับมาเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง
ต่อจากนั้น เราก็เดินไปที่เตาเผาศพ โดยมีเหล่าฉินเป็นคนนำ
เผาเตาศพได้โดนจัดเตรียมเอาไว้นานแล้ว พวกเราเพียงวางศพลงไป มันก็จะโดนเผาแล้ว
ทันใดนั้นเสียง “ ฟู่ ” ของเปลวไฟก็ดังขึ้น ศพผู้หญิงคนนั้นโดนเผาในทันที
พอเห็นภาพนี้แล้ว ผมและเหล่าเฟิงถึงได้วางใจอย่างสมบูรณ์
ขอแค่ศพผู้หญิงคนนี้โดนเผาจนหมด เรื่องนี้ก็จะจบอย่างสมบูรณ์แล้ว
เนื่องจากโจวจิ้งคนนี้ ตายอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างไม่เหมาะ อยู่ใกล้กับเมืองภาพยนตร์
ถ้าทิ้งไว้ที่นั่น ไม่ช้าก็เร็วต้องโดนพบเข้าแน่ๆ
และพวกเราสู้อยู่ที่นั่นนานขนาดนั้น ถ้ามีคนเข้ามาตรวจสอบจริงๆ ก็อาจสอบมาถึงตัวพวกเราอย่างแน่นอน
ถ้าไม่มีศพนี้แล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จะหมดไป
ผมและเหล่าเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ สูบบุหรี่กันคนละมวน
เหล่าฉินเห็นผมและเหล่าเฟิงค่อนข้างเหนื่อยล้า จึงบอกให้ผมและเหล่าเฟิงกลับไปพักก่อน เรื่องที่เหลือปล่อยให้เขาเป็นคนจัดการเองก็พอแล้ว
ผมและเหล่าเฟิงเหนื่อยมากจริงๆ ผมใช้วิชาเฟินเทียนกงไป พลังวิญญาณหายไปจำนวนมาก ในตัวแทบไม่มีแรงอยู่แล้ว ท่าทางดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวาแล้วจริงๆ
ในเวลานี้พอได้ยินเหล่าฉินพูดแบบนั้น ผมก็ไม่เกรงใจกับเขา หลังเรียกเหล่าเฟิงเสร็จเราก็ออกมาจากสุสานทันที
หลังออกมาจากสุสานแล้ว ผมและเหล่าเฟิงก็แยกทางกัน เขากลับร้านไป๋ฉ่าวของเขา ส่วนผมก็กลับไปร้านของตัวเอง
หลังกลับมาถึงบ้าน ก็ดึกมากแล้ว ตอนนี้เกือบจะตี 4 แล้ว ตัวผมเองก็เหนื่อยมาก
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่าหยางเฉ่วส่งข้อความมาให้ผม
เธอพูดประมาณว่าคืนนี้เธอกับอู่ฮุ่ยฮุ่ยพักอยู่ที่โรงแรม บอกว่าถ้าผมกลับถึงบ้านแล้วให้ส่งข้อความให้เธอ รายงานว่าตัวเองปลอดภัยดีด้วย
พอเห็นถึงตรงนี้ ผมก็ตอบกลับสั้นๆว่า ถึงบ้านแล้ว จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว
หลังจากส่งข้อความนี้แล้ว ผมก็เดินไปอาบน้ำ ตอนนี้ผมเหนื่อยจนแทบไม่อยากขยับตัวแล้ว
พอกลับมาในห้องนอนแล้ว ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ คราวนี้ผมดันฝันอีกแล้ว ผมฝันถึงผู้หญิงชุดขาวคนนั้นอีกแล้ว
เธอยังนั่งอยู่บนสะพาน มองดูผีร้ายจำนวนมากที่อยู่ด้านล่าง แล้วพูดคำว่า “ รอฉันก่อน ” หลังจากนั้นก็กระโดดลงไปทันที
ความฝันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกแล้ว มันเกิดขึ้นติดต่อกัน 5 ครั้งแล้ว
ตอนนี้พอฝันถึงมันอีกครั้ง มันกลับยังทำให้ผมหวาดกลัวเหมือนเดิม
ผมตกใจตื่นเพราะความฝัน ทันใดนั้นผมก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงของวันรุ่งขึ้นแล้ว
ผมเอามือจับหัวตัวเอง แล้วถอนหายใจออกมา ทำไมถึงฝันเห็นเรื่องนี้อีกแล้วนะ เจ้าความฝันนี่จะบอกอะไรกันแน่
ผมบ่นพึมพำ ก่อนหน้านี้ผมเคยให้ท่านนักพรตตู๋ทำนายแล้ว
เขาบอกว่าการปรากฎตัวของผู้หญิงในความฝันของผมนี้ เหมือนจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้เราเกี่ยวข้องกัน
ตอนนี้ความฝันนี้ปรากฎขึ้นอีกครั้ง และยังเป็นฉากเดิม เหมือนกันตั้งแต่ต้นจนจบ ผมจึงอดไม่ได้ที่จะใจสั่น
ผู้หญิงในฝันคือใครกันแน่ ผมเป็นอะไรกับเธอ ทำไมเธอถึงต้องกระโดดลงไป
แถมยังพูดแค่เพียงประโยคเดียว “ รอฉันก่อน ” มันหมายความว่ายังไงกันแน่
ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ผมก็ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้สักที จนกระทั่งผ่านไปพักหนึ่ง ผมถึงถอนหายใจออกมา
เฮ้อ ไม่คิดแล้ว ในเมื่อความฝันนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า คงมีสักวันหนึ่ง ที่ผมจะเข้าใจความจริงทุกอย่าง
ผมต้องเข้าใจมันให้ได้ ผู้หญิงในฝันคนนั้น เป็นใครกันแน่ มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผม ทำไมเธอถึงมาอยู่ในฝันผมครั้งแล้วครั้งเล่า
ต่อจากนั้น ผมก็ออกมาจากห้อง มาถึงห้องโถง
อาจารย์เห็นผมเพิ่งตื่นสายป่านนี้ เลยถามผมว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมาอีก !
ผมถอนหายใจ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้อาจารย์ฟังอย่างช่วยไม่ได้……
หลังอาจารย์รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเรา เขาก็ค่อนข้างตกใจ รู้สึกกังวลแทนพวกเราจนเหงื่อแตก
แต่โชคดีที่สุดท้ายพี่เฟิงลงมือ เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี เอาชนะหมอผีได้ ทำให้พวกเราพ้นจากอันตรายได้สำเร็จ
สำหรับเจ้าหมอผีเป่าชิงหวังอะไรนั่น อาจารย์เองก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขาเพียงบอกให้พวกเราระวังตัวมากขึ้นหน่อยในวันข้างหน้า เผื่ออีกฝ่ายจะกลับมาแก้แค้น
สำหรับเรื่องนี้ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คนหนีไปแล้ว พวกเราไร้ความสามารถ และทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ
อีกอย่าง ตอนนี้พวกเรามีศัตรูมากพอจนไม่ต้องกลัวแล้ว
สำนักลื่อเย่ องค์กรตาผีพวกเราก็หาเรื่องมาหมดแล้ว และยังมีหมอผีเป่าชิงอะไรนี่อีก
ผมเลยไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงพูดกับอาจารย์ต่อ “ อาจารย์ นอกจากเจ้าหมอผีเป่าชิงนั่นแล้ว เมื่อคืนเรามั่นใจเรื่องชาติกำเนิดของเหล่าเฟิงแล้ว ! มันเป็นเหมือนกับที่ท่านคิดเอาไว เหล่าเฟิงมาจากสกุลเหลียง ”
พออาจารย์ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดพูด “ โห ” ออกมาไม่ได้ “ คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเฟิงจะเป็นลูกหลานตระกูลนั่นจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้น ฐานะในตระกูลนั้นของเสี่ยวเฟิงก็คงจะไม่ต่ำต้อยแน่ๆ ! ”
“ อาจารย์ รู้เรื่องสกุลเหลียงขนาดนั้นเลยเหรอ ? อาจารย์รู้ได้ยังไงว่าเหล่าเฟิงมีฐานะไม่ต่ำต้อยในตระกูลนั้น ! ” ผมถามด้วยความสงสัย
อาจารย์กลับหัวเราะเบาๆสองสามครั้ง “ เรื่องสกุลเหลียงนี่ ถึงพวกเราจะรู้แค่น้อยนิด แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้ คือลูกหลานทุกรุ่นของสกุลเหลียง จะมีวิญญาณอยู่ด้วยหนึ่งตน รูปแบบการมีอยู่ก็เหมือนกับหานเฉ่วเฟิงนั่น ”
“ ถ้าเสี่ยวเฟิงเป็นคนสกุลเหลียงจริงๆ งั้นเขาก็ต้องเป็นทายาทของสกุลเหลียง เพราะมีฐานะนี้เท่านั้น ถึงจะมีวิญญาณคุ้มครองกาย แต่มันก็แปลกมาก ในเมื่อหานเฉ่วเฟิงรู้ชาติกำเนิดของตัวเอง แล้วทำไมถึงไม่เล่าเรื่องให้เสี่ยวเฟิงฟัง แล้วกลับไปอยู่ที่สกุลเหลียง แต่เขากลับหลีกเลี่ยงสกุลเหลียงนี่…… ”
สำหรับเรื่องนี้ ตอนนี้นอกจากพี่เฟิงแล้ว แม้แต่เหล่าเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
ดังนั้นผมและอาจารย์ เลยคุยเล่นกันต่ออีกสักพัก ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก เนื่องจากพวกเรามีข้อมูลอยู่น้อยนิด
เรื่องที่เราให้ความสำคัญมากกว่า ยังเป็นเรื่องของท่านนักพรตตู๋
ได้ยินอาจารย์บอกว่า สถานการณ์ของท่านนักพรตตู๋ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แม้จะมียายับยั้งสภาพสัตว์ แต่สภาพสัตว์กลับเห็นชัดขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือนิสัยของท่านนักพรตตู๋ ต่างเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
จากที่อาจารย์วิเคราะห์ การเปลี่ยนไปขั้นสองของท่านนักพรตตู๋ ก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว
เรื่องนี้เป็นเหมือนหินก้อนใหญ่ที่ทับหัวใจของทุกคนเอาไว้ ทกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ เราจะรู้สึกกังวลมาก
โชคดีที่ฟ้าเห็นใจ ในเวลานี้ จู่ๆก็มีข่าวดีเข้ามา
จู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ป้ายวิญญาณของมู่หลงเหยียน มีสายลมอันเยือกเย็นปรากฎขึ้น
ต่อจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงอันไพเราะที่ข้างหู “ เจ้ากาก ข่าวดี ฉันหาวิธียับยั้งการกลายร่างของนักพรตตู๋เจอแล้ว…… ”