spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 522 มีคนอยู่เบื้องหลัง
พอได้ยินคำพูดของหยางเฉ่ว ผมกับเหล่าเฟิงก็ใจเต้นแรงทันที
เมื่อกี้จู่ๆระดับพลังของเจ้าผีร้ายนั่นก็เปลี่ยนไป ถ้าเป็นอย่างที่หยางเฉ่วพูดจริงๆ มันก็อาจเป็นไปได้จริงๆนั่นแหละ
เพราะไม่ใช่พลังที่ฝึกฝนมาด้วยตัวเอง แต่เป็นหุ่นเชิดที่มีคนคุม พลังเลยไม่เสถียรเท่าไหร่
หากใช้เหตุผลนี้มาอธิบาย มันก็สามารถบอกได้ว่า ทำไมพลังของเจ้าผีร้ายตนนั้น ถึงเพิ่มขึ้นได้แค่ 20 นาที
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ มันไม่ได้เป็นแค่การจัดการผีร้ายตนหนึ่งเท่านั้น
หากเรื่องนี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์กรตาผี หรือสำนักปีศาจอะไรนั่น สถานการณ์ของอู่ฮุ่ยฮุ่ยก็อาจแย่ขึ้นกว่าเดิม
เธอเป็นแค่นัดแสดงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่คนปราบภูติผีอย่างพวกเรา เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อหน้าผู้คนเป็นเวลายาวนาน
พวกเราสามารถปกป้องเธอได้หนึ่งครั้ง แต่ไม่อาจปกป้องเธอเป็นครั้งที่สอง หรือสามอีก
พอคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นหนักใจทันที “ หรือว่า อู่ฮุ่ยฮุ่ยจะไปทำให้กับคนในองค์กรตาผีไม่พอใจ ? ”
“ ตามหลักแล้วไม่น่าใช่นะ อู่ฮุ่ยฮุ่ยเป็นแค่นักแสดงเท่านั้น เธอจะไปเกี่ยวข้องกับคงในองค์กรตาผีได้ยังไง ” เหล่าเฟิงเองก็ลองวิเคราะห์เช่นกัน เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้
“ แต่คนกระดาษแผ่นนี้จะอธิบายว่ายังไงละ ? ” หยางเฉ่วเองก็พูดขึ้น
ในช่วงเวลานั้น พวกเราคิดว่าเรื่องนี้เปลี่ยนเป็นอะไรที่รับมือยากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อ
แต่ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้น
จู่ๆคนกระดาษในมือเหล่าเฟิง ก็เกิดลุกไหม้ขึ้นมา
เหล่าเฟิงเห็นคนกระดาษลุกไหม้ จึงรีบปล่อยออกจากมือทันที
คนกระดาษมีไฟสีเขียวลุกท้วม มันเผาคนกระดาษตัวนั้นจนมอดไหม้
พวกเราสามคนต่างทำตามสัญชาตญาณ ถอยหลังไปสองก้าว และขมวดคิ้วขณะมองเจ้าคนกระดาษที่กำลังโดนเผาตัวนั้น
คนกระดาษตัวแค่นั้น มันเลยไหม้หมดเร็วมาก
แต่เพิ่งไหม้เสร็จ ก็มีควันดำโพยพุ่งขึ้นมา มันรวมตัวกันอยู่ในห้อง ไม่กระจายหายไปเลยสักนิด
“ ทุกคนระวัง ! ” ผมรีบพูด และระวังเจ้าควันดำที่ไม่จางหายไปนั้นทันที
เสียงเพิ่งเงียบลง เจ้าควันดำนั่นก็รวมตัวกลายเป็นโครงกระดูก มันค่อนข้างคลุมเครือ แต่ก็เป็นรูปร่างของหัวกะโหลกอย่างแน่นอน
และทันใดนั้นเองจู่ๆเจ้าหัวกะโหลกก็อ้าปากขึ้น มันส่งเสียงที่คลุมเครือออกมา “ สมควรตาย ใครมันกล้าทำลายงานของข้าฮะ ! ”
เสียงฟังดูโมโหมาก ราวกับเกลียดพวกเราเข้ากระดูกดำ
พอได้ยินเสียงนี้ พวกเราสามคนก็หันมามองหน้ากันทันที
ใช่จริงๆ มีคนบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ
ผีร้ายที่สู้เมื่อก่อนหน้านี้ ก็แค่อาวุธของอีกฝ่ายเท่านั้น
ผมจ้องเจ้าหัวกะโหลกดำตรงหน้า จากนั้นก็พูดกับเขาว่า “ แกเป็นใคร ! ทำไมต้องการทำร้ายอู่ฮุ่ยฮุ่ย ”
เสียงเพิ่งเงียบ เจ้าหัวกะโหลกดำก็หัวเราะ “ ฮ่าๆๆ ” ออกมา “ รับเงิน กำจัดภัยให้ชาวบ้าน อู่ฮุ่ยฮุ่ยไปขวางทางคนอื่น เขาเลยจ้างข้ามากำจัดเธอ ! พวกแกเป็นใครฮะ ? ถึงได้กล้าเป็นศัตรูกับข้า ”
ตอนพูดถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงอีกฝ่ายก็ดูเย็นชาผิดปกติ ราวกับจะกินพวกเราอย่างงั้น
ส่วนพวกเรา ก็ไม่ได้ตอบกลับเขาทันที
เพียงได้ยินผมพูดว่า “ แกยังไม่ตอบฉันเลย ว่าแกเป็นใคร ! คนขององค์กรตาผีงั้นเหรอ ? ”
เสียงผมเพิ่งเงียบลง เจ้าหัวกระโหลดดำอันนั้นก็ดูจะสั่นอยู่พักหนึ่ง
เหมือนหลังจากคนควบคุมฝั่งนั้นได้ยินคำพูดของผมเลย ก็เกิดสับสนขึ้นมา
จนกระทั่งผ่านไปหลายวินาที เจ้าหัวกะโหลกอันนั้นถึงได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ แกรู้ชื่อองค์กรของเรา ! ”
“ ฮึ ! ที่แท้ก็เป็นหมอผีชั่วขององค์กรตาผีจริงๆ ! ” เหล่าเฟิงพูดอย่างเย็นชา
ส่วนเจ้าหัวกะโหลกดำอันนั้นก็เปล่งเสียงโมโหออกมา “ ในเมื่อรู้ชื่อองค์กรของพวกเรา งั้นก็คงไม่ใช่คนธรรมดา ! ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกแกกล้ามาสู้กับข้า ไปที่เขาทางตอนเหนือ ข้าจะรอจนกว่าพวกแกจะตาย ”
พอได้ยินคำพูดนี้ พวกเราสามคนก็อึ้งในทันที
เขาทางตอนเหนือ มันก็คือเขาลูกเล็กๆที่อยู่ในละแวกนี้นิ
ดูจากคำพูดของเขา เจ้าหมอนี่น่าจะเป็นคนขององค์กรตาผี
มันคงรับเงินของใครคนหนึ่ง จากนั้นก็มาตั้งแท่นทำพิธีที่เขาทางตอนเหนือ
สุดท้ายก็ควบคุมหุ่นเชิดผีร้าย ให้มาที่ห้องของอู่ฮุ่ยฮุ่ย ลงมือกับอู่ฮุ่ยฮุ่ย เพื่อจะได้เอาชีวิตเธอ
แววตาของผมเต็มไปด้วยจิตสังหาร เก็บคนอย่างเจ้าหมอนี่เอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด
ผมไม่มีเหตุผลใดๆให้ปฏิเสธ หากผมไม่ไป เจ้าหมอนั่นก็อาจลงมือกับอู่ฮุ่ยฮุ่ยต่อ และมันก็ยากที่จะรับประกันว่าครั้งต่อไปอู่ฮุ่ยฮุ่ยจะรอดอีก
และถ้าเจ้าหมอนี่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากอู่ฮุ่ยฮุ่ยแล้ว มันก็อาจไปทำร้ายคนบริสุทธิ์คนอื่นต่อ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องรู้ให้ได้ว่าใครต้องการทำร้ายอู่ฮุ่ยฮุ่ย ทำให้เรื่องนี้มันชัดเจน ไม่อย่างนั้นต่อไปก็จะเกิดเรื่องแบบนี้อีก
ส่วนเรื่องระดับพลังของอีกฝ่าย ตอนนี้พวกเรายังเดาไม่ถูก แต่น่าจะไม่ร้ายกาจมาก แต่จำนวนคน น่าจะมีไม่เยอะ
เนื่องจากเป็นการควบคุมหุ่นเชิดฆ่าคนธรรมดาเฉยๆ ถึงเจ้าหมอนั่นจะเป็นสาวกขององค์กรตาผี แต่คงไม่พาคนมาเยอะ หรือเรียกพวกเดียวกันมาหลายสิบคนเพื่อเฝ้าที่ทำพิธีหรอกมั้ง
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่า อย่างมากอีกฝ่ายก็น่าจะมีกำลังคนประมาณ 1-2 คน
ส่วนฐานะของอีกฝ่าย ผมไม่คิดว่าจะเท่ากุ่ยซานหยวน ยัยป้าคนสวยและจางจึเทา
ที่ผมเดาแบบนี้เพราะ มีเรื่องหนึ่งที่ผมมั่นใจ
กุ่ยซานหยวน ยัยป้าคนสวยและจางจึเทา โดนท่านหลงฉวนตัวจริงกับนักพรตฉินทำให้บาดเจ็บสาหัส
จนเกือบตาย อาการบาดเจ็บของพวกเขาคงไม่ฟื้นตัวได้เร็วถึงขนาดนั้น
และด้วยฐานะกับตำแหน่งของพวกเขาในองค์กรตาผี มันไม่มีเหตุผลใดๆที่พวกเขาจะมาทำเรื่องแบบนี้
ในตำแหน่งของพวกเขา ไม่ต้องมาลงมือด้วยตัวเอง และยังเล่นใหญ่ขนาดนี้ ควบคุมหุ่นเชิดอ่อนแอตัวหนึ่ง มาฆ่านักแสดงตัวเล็กๆคนเดียว
ถึงตอนนี้อู่ฮุ่ยฮุ่ยจะดังขึ้นมานิดหน่อย แต่เธอมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ เธอจะทำให้พวกกุ่ยซานหยวนสนใจได้งั้นเหรอ
ดังนั้น เท่าที่ผมลองวิเคราะห์ดูแล้ว อีกฝ่ายคือคนขององค์กรตาผี แต่ตำแหน่งไม่น่าจะสูงเท่าไหร่
เพราะยิ่งสาวกในองค์กรตาผีคนนั้น มีพลังสูงเท่าไหร่ ก็จะได้ตำแหน่งที่สูงเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ระดับพลังของอีกฝ่ายคงไม่ถือว่าสูงมาก
พวกเราสามคนหันมามองหน้ากัน จากนั้นก็พยักหน้า เห็นด้วยที่จะตอบรับคำท้า
แน่นอน อีกฝ่ายอาจร้ายกาจกว่าพวกเราสามคน เนื่องจากพลังของพวกเราสามคน ยังอยู่ในระดับเต้าชือเท่านั้น หากสู้กับวิญญาณร้ายทั่วไปยังพอว่า แต่หากสู้กับหมอผีชั่ว พวกเรากลับไม่มั่นใจเท่าไหร่
แต่ในมือของพวกเรา ไม่ได้มีแค่พลังน้อยนิดที่จำกัดนี้
เหล่าเฟิงสามารถปลุกพี่เฟิงออกมา เป็นผู้ช่วยได้ตลอดเวลา ผมเองก็เรียกมู่หลงเหยียนและเชิญเซียนเผ่าจิ้งจอกได้
เมื่อมีไพ่เหล่านี้อยู่ พวกเราก็มั่นใจ 80% ว่าต้องจัดการสาวกองค์กรตาผีคนนั้นได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ผมเลยพูดกับหัวกะโหลกดำว่า “ ได้ ! แกรอก่อนเถอะ พวกเราจะไปหาเดี๋ยวนี้ ! ”
“ ได้ ! ข้าจะรอ ! ” หลังจากพูดจบ “ ตูม ” เจ้าหัวกะโหลกดำอันนั้นก็ระเบิด แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว
หลังเห็นกะโหลกดำหายไปแล้ว ผมก็หันไปมองทางเหล่าเฟิงและหยางเฉ่ว จากนั้นก็พูดว่า “ ในเมื่อรับคำท้าแล้ว พวกเราก็ออกไปกันเถอะ ! ”
เหล่าเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้าเท่านั้น
ส่วนหยางเฉ่วก็ขานรับสั้นๆ “ อือ ” “ ดี ! จะได้ไปดูสักหน่อย ว่าเจ้าตาบอดนั่น มีหน้าตาเป็นยังไง ! ”
ต่อจากนั้น พวกเราก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ แต่ละคนต่างเดินออกมาจากห้อง และลงไปข้างล่างทันที
เมื่อมาถึงชั้นล่าง เราก็พบว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยกำลังนั่งกอดเข่า อยู่ใต้ไฟถนน
ตอนนี้เมื่อเห็นเราสามคนลงมาจากตึก เธอก็ลุกขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดีใจในทันที “ ติงฝานพวกนายไม่เป็นไรใช่ไหม ! ”
หลังจากพูดจบ อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็วิ่งเข้ามาทันที
ผมยิ้มให้เธอ จากนั้นก็พยักหน้าให้ “ อือ ! พวกเราไม่เป็นไร แค่ทำให้ห้องเธอรกขึ้นสักหน่อยน่ะ ! ”
อู่ฮุ่ยฮุ่ยส่ายหัว “ ไม่เป็นไร แล้ว แล้วมัน มันยังอยู่ไหม ? ”
ถึงอู่ฮุ่ยฮุ่ยจะเห็นพวกเราคงมาแล้ว แต่เธอก็ยังกังวล อยากทำให้มั่นใจจริงๆ
“ เราจัดการเรียบร้อยแล้ว เธอกลับไปพักผ่อนที่ห้องได้แล้วละ ! ” ผมพูดต่อ
แต่เห็นได้ชัดว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยยังกลัวอยู่ “ ฉัน ฉันกลัว พวกนายรอก่อนได้ไหม ฉันจะขึ้นไปเก็บข้าวของ แล้วคืนนี้ฉันจะไปอยู่กับหมิงเฉ่ว ! ”
พอได้ถึงคำพูดนี้ ผมก็นิ่งไปพักนึง
พวกเรากำลังจะไปต่อสู้ หากไปช้า เจ้าหมอนั่นอาจหนีไปแล้วผลที่ตามมามันจะแย่ขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นพวกเราไม่มีเวลาขนาดนั้น
อู่ฮุ่ยฮุ่ยเห็นผมขมวดคิ้ว เลยพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ ไม่ได้บอกว่าจัดการผีตัวนั้นแล้วเหรอ ? หรือว่าพวกนายยังมีธุระอื่นอีกเหรอ ? ”
อู่ฮุ่ยฮุ่ยเพิ่งถามเสร็จ หยางเฉ่วก็พูดต่อทันที “ ฮุ่ยเอ๋อร์ ผีตัวนั้นโดนจัดการไปแล้วจริงๆ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ ”
“ หือยังไม่จบงั้นเหรอ ? ” อู่ฮุ่ยฮุ่ยไม่เข้าใจ
ผมพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร หยางเฉ่วยังคงพูดต่อ “ เจ้าผีตัวนั้นเป็นแค่เบี้ยของคนอื่นเท่านั้น มันโดนคนอื่นควบคุม เบื้องหลังของเรื่องนี้ มีคนคิดจะฆ่าเธอ ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปหาหมอผีที่ควบคุมเจ้าผีร้ายตัวนั้น จากนั้นก็จะได้ถามต่อว่ามันรับเงินใครมาฆ่าเธอ…… ”