spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 513 ผ่านทั้งหมด 38 จุด
ผู้เชี่ยวชาญคนนี้ไม่ได้มาร่วมรายการครั้งแรก ทุกครั้งที่ดูการวิเคราะห์ของเขา ผมล้วนรู้สึกอยากกระอักเลือดออกมาทั้งนั้น จากนั้นก็อยากจะยกเท้าสองข้างถีบต่อทันที
ในเวลานี้เขาขยับแว่นกรอบทองของตัวเอง จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆให้กับกล้อง “ สวัสดี ท่านผู้ชมทุกๆท่าน
ผมเพื่อนเก่าของพวกคุณ หลี่ซงฉาน วันนี้ ผมจะมาวิเคราะห์ศพประหลาดในสวนสาธารณะให้ทุกคนฟัง…… ”
ต่อจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญคนนี้ก็พูดย้อนกลับไปถึงรายละเอียดและข้อสงสัยต่างๆของศพประหลาดในสวนสาธารณะ ท้ายที่สุดถึงล้างคอและพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ เรื่องผีเมื่อครู่ ต่างไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ จากการวิเคราะห์ของผม โครงกระดูกหักๆพวกนี้ น่าจะเป็นซากศพที่มีอายุเป็นพันปีแล้ว ”
“ ใช่ ต้องเป็นศพอายุพันปีแน่ๆ ดูจากการแตกหักแล้ว มันน่าจะโดนโจรขุดสุสานลักลอบขุดออกมา
สุดท้ายจึงทิ้งไว้ที่สวนสาธารณะของพวกเรา ผมสงสัยว่า ต้องเป็นตอนที่พวกโจรแบ่งของกัน แล้วเลือกโยนโครงกระดูกพวกนี้ทิ้งเอาไว้ เนื่องจากในสุสานมืด จึงมองเห็นไม่ชัด…… ”
พอได้ยินมาถึงตรงนี้ ผมก็กลอกตาทันที อีกนิดเดียวก็แทบสำลักน้ำลายตาย
แต่พิธีกรจางเสี่ยวเอ้อร์ กลับทำสีหน้าจริงจัง และยังถามเขาว่า “ คุณหลี่ซงฉาน ถ้าโครงกระดูกพวกนี้ใช้ศพโบราณมาเป็นคำอธิบาย งั้นคราบเลือดสีดำพวกนี้ คุณจะอธิบายว่าอะไรครับ ? ”
พอผู้เชี่ยวชาญคนนั้นโดนถาม เขาก็เงียบไปทันที
แต่ที่เจ้าหมอนี่มั่วอยู่ในรายการนี้มานานได้ขนาดนี้ และโดนผมก่นด่ามาโดยตลอด ก็เพราะเขามีความสามารถพิเศษ นั่นก็คือพูดจาเหลวไหล และวางมาดเป็น
ครั้งก่อนๆในการต่อสู้กับพวกกุ่ยซานหยวนบนถนน มีผีร้ายชุดขาวออกมาปรากฎตัวหลายสิบตัว เจ้าหมอนี่ก็บอกว่าเถ้าแก่ร้านปิ้งย่างเป็นบ้า
ครั้งก่อนตอนที่พวกคู่หนุ่มสาวร็อคโดนจับวิญญาณไป และตายอยู่ในบาร์ เจ้าหมอนี่ก็บอกว่าพวกเขาตายเพราะขี้ สูดพิษก๊าซมีเทนเข้าไปเยอะเกินจนตาย
ตอนนี้คราบเลือดสีดำพวกนี้ ไม่มีอะไรยากพอที่จะหยุดเขาได้ ทันใดนั้นเขาก็แสดงภาพลักษณ์หลอกตาของตัวเองออกมาอีกครั้ง
หลี่ซงฉานยิ้มอ่อน “ นั่นไม่ใช่คราบเลือด น่าจะเป็นน้ำหมึก จากหลักฐานทุกอย่าง ในสวนสาธารณะมีคนที่ชอบเขียนพู่กันจีนอยู่จำนวนหนึ่ง การมีหมึกเปื้อนอยู่บนพื้นก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ? ”
“ ผลลัพธ์โครงกระดูกพวกนั้น ก็ไปตกอยู่ใกล้ๆพอดี มันก็เลยทำให้ผู้คนคิดว่าที่เห็นเป็นนคราบเลือด
ดังนั้น ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด และไม่ใช่สถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางมีผีร้ายออกมากินคนอย่างแน่นอน ขอบคุณครับ ! ”
หลี่ซงฉานดูสบายๆ พูดจามั่นใจ แต่ผมที่มองอยู่กลับอึดอัดทันที
เจ้าหมอนี่กลับบอกว่า ซากศพที่เน่าเปื่อยแล้วของสาวกสำนักลื่อเย่ เป็นศพอายุนับพันปี
คราบเลือดและเลือดสีดำที่พวกหนอนทิ้งเอาไว้ ก็โดนกล่าวหาว่าเป็นน้ำหมึก
เจ้าหมอนี่ช่างเป็น “ ผู้เชี่ยวชาญ ” สมชื่อจริงๆ ใบหน้าจริงจังตอนพูดเรื่องเหลวไหลพันนี้ ทำให้ผมอยากจะกระอักเลือดออกมาจริงๆ
แต่จะว่าไป การมีตัวตนของเขา ก็ทำให้ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ยามค่ำคืน ไม่ต้องหวาดกลัวมากนัก
และสำหรับผม มันก็ถือเป็นการปกป้องฐานะของพวกเราทางอ้อมด้วย
หากมีเรื่องของพวกเราในฐานะผู้ปราบภูติผี และยังมีการประกาศตัวของสำนักชั่วอีก สังคมจะไม่เละเทะกันเลยเหรองานนี้
แน่นอน ผมไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก เพราะมันหลุดจากขอบเขตที่ผมจะควบคุมได้แล้ว
สิ่งที่ผมทำได้ มีเพียงกำจัดวิญญาณร้ายที่เป็นตัวอันตราย หรือพวกปีศาจร้ายที่คอยเข่นฆ่าชีวิตผู้คน
หลังดูรายการนี้จบ ผมก็ปิดทีวี และกลับเข้าห้องตัวเอง
ผมยังไม่รู้สึกง่วง จึงคิดจะลองฝึกวิชาอีกพักหนึ่ง
เพราะก่อนหน้านี้ยังมีเรื่องมีดปลิดวิญญาณช่วยผมพัฒนาได้จริงไหมยังไม่ได้พิสูจน์ ดังนั้นผมเลยอยากลองดูสักครั้ง
ผมอยากรู้ว่าเป็นเพราะมีดปลิดวิญญาณจริงๆหรือเปล่า ที่เป็นตัวช่วยผมในการฝึกวิชาเฟินเทียนกง
ถ้าความคิดนี้ได้รับการยืนยันเมื่อไหร่ ผมก็จะได้ผลประโยชน์ก้อนโตเลยไม่ใช่เหรอ
ผมจะพัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดด และเต้าชือก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป
ในขณะที่มีความคิดนี้ ผมก็กลับมาในห้องแล้ว หลังหยิบมีดปลิดวิญญาณออกมา ผมก็เริ่มขึ้นไปนั่งสมาธิบนเตียง
มือข้างหนึ่งจับมีดปลิดวิญญาณเอาไว้ หลังจากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยหลับตาและเริ่มฝึก
ตอนนี้ผมไปถึงจุดที่ 31 แล้ว ขอแค่ก้าวผ่านไปอีก 7 จุด ผมก็จะฝึกวิชาชุดแรกของวิชาเฟินเทียนกงสำเร็จแล้ว
หัวใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆพอสมควร หลังผ่านไปพักหนึ่ง ผมถึงสามารถทำให้ตัวเองกลับมาสงบได้อีกครั้ง
ผมทำตามที่มู่หลงเหยียนบอก ทำใจให้นิ่ง แล้วสุดท้ายผมถึงได้สามารถเคลื่อนพลังผ่านจุดต่างๆไปได้อย่างใจเย็น
และในขณะที่ผมเพ่งสมาธิไปที่จุดตันเถียน และเริ่มฝึกวิชาเฟินเทียนกง ใจผมก็เริ่มเต้นแรงอีกครั้ง
เพราะตอนผมเคลื่อนผ่านจุดต่างๆ ผมกลับเริ่มสัมผัสถึงกระแสความเย็นนั้นอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ สาเหตุที่ผมสามารถพัฒนาได้ ก็เป็นเพราะกระแสความเย็นของมีดปลิดวิญญาณคอยปะปนอยู่ในกระแสพลังของผม
ตอนนี้ผมสัมผัสกระแสความเย็นนั้นได้อีกครั้งแล้ว ถ้าอย่างงั้นมันก็ไม่ได้แปลว่าผมจะพัฒนาไปอีกขั้นได้แล้วงั้นเหรอ
ทันใดนั้น อารมณ์ผมก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น และก่อให้เกิดการปั่นป่วนของพลังทันที
ผมตกใจ รู้ว่าไม่ดีแล้ว เรื่องที่ต้องการที่สุดในการฝึกวิชาเฟินเทียนกง ก็คืออย่าให้อารมณ์ปั่นป่วน
ผมรีบหยุดฝึก กำหนดลมหายใจอย่างต่อเนื่อง หลังทำให้ตัวเองกลับมาสงบได้อีกครั้ง ผมถึงได้เริ่มเดินลมปราณอีกครั้ง และขับเคลื่อนพวกมันไปเรื่อยๆ
ถึงจะเป็นแบบนั้น กระแสความเย็นจากมีดปลิดวิญญาณ ก็ไม่เคยหายไปเลย
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ผมผ่านจุดที่ 31 ตรงหน้าไปได้อย่างง่ายดาย
จนกระทั่งเข้ามาใกล้จุดที่ 32 อารมณ์ผมก็เริ่มขึ้นๆลงๆเล็กน้อย
ผมพิสูจน์ความคิดของตัวเอง ว่ามีดปลิดวิญญาณจะช่วยผมในการฝึกไหม
ผมจมอยู่กับความคิดพักหนึ่ง หลังจากรวบรวมพลังครั้งสุดท้ายแล้ว ผมก็เคลื่อนพลังไปที่จุด 32 อย่างบ้าคลั่ง
ผมอยากดูว่า จุด 32 ที่ดูเหมือนภูเขาเมื่อก่อนหน้านี้ วันนี้มันจะเป็นอุปสรรคกับผมอีกไหม
ในระหว่างนั้น พลังในร่างผมก็เคลื่อนตัวไปยังจุดที่ 32
แต่ครั้งนี้ มีฉากปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
ลมปราณเป็นเหมือนน้ำที่ล้นตลิ่ง ครั้งนี้ภูเขาที่กั้นอยู่เหมือนกำแพง กลายเป็นเหมือนแค่ใช้การดีดนิ้วง่ายๆ ไม่เปลืองแรงเลยสักนิด ก็สามารถผ่านไปได้แล้ว
ตอนผ่านจุดที่ 32 มาได้ ใจผมก็สั่นทันที ใบหน้าเผยให้เห็นความตื่นเต้นและความประหลาดใจที่ยากจะระงับได้
เพราะผมเดาถูก มีดปลิดวิญญาณเป็นตัวช่วยในการฝึกของผมจริงๆ กระแสความเย็นพวกนั้นเป็นของมีดปลิดวิญญาณจริงๆ
พอมีกระแสความเย็นจากมีดปลิดวิญญาณคอยช่วย การฝึกวิชาเฟินเทียนกง ก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้นมาทันตา
หลังผ่านจุดที่ 32 มาได้ คลื่นพลังของผม ก็ดูเหมือนกระแสน้ำไหลเชี่ยวที่กำลังไหลทะลักไปข้างหน้า
ต่อไปคือจุดที่ 33
แต่ในจุดที่ 33 นี้ ผมเองก็ไม่ได้เปลื้องพลังอะไร เลยผ่านไปตรงๆเท่านั้น
ใจผมสั่นอีกรอบ ต่อจากนั้นผมก็เตรียมพร้อม เคลื่อนพลังต่อไปผ่านให้ครบทุกจุด
คืนนี้ผมวางแผนจะฝึกขั้นต้าโจวเทียน หรือวิชาเฟินเทียนกงชุดแรกที่บันทุกในเกล็ดให้สำเร็จ
ผมหอบความคิดแบบนี้ พร้อมเคลื่อนพลังไปยังจุดต่อไปเรื่อยๆ
มันเป็นเหมือนที่ผมเดาไว้เมื่อตอนแรก ภายใต้ความช่วยเหลือของมีดปลิดวิญญาณ กระแสความเย็นจากมีดปลิดวิญญาณพวกนั้น ช่วยให้ผมพัฒนาต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
เพียงชั่วพริบตา ผมก็พัฒนามาจนถึงจุดที่ 37
ขอแค่ก้าวไปจนถึงจุดสุดท้ายได้ ผมก็จะเดินลมปราณในขั้นต้าโจวเทียน และฝึกวิชาเฟินเทียนกงชุดแรกสำเร็จ
ในใจเต็มไปด้วยความหวัง ผมไม่ลังเลเลยสักนิด เคลื่อนพลังขึ้นไปหามันทันที
แต่เมื่อผมมาถึงจุดสุดท้าย และก้าวข้ามจุดสุดท้ายได้แล้ว จู่ๆร่างกายผมก็กลับสั่นพักหนึ่ง ราวกับในร่างกายมีเสียงคำรามดังลั่น
ต่อจากนั้น ร่างกายผมตั้งแต่บนลงล่าง เริ่มจากจุดตันฉงบนหัวผม หลิงฮุย ฉี่ ลี่ จงชู จิง หยิง ทั้งเจ็ดจุดนี้
ก็เริ่มมีความเจ็บปวดเกิดขึ้น
ความเจ็บปวดพวกนั้นเจาะลึกไปถึงกระดูก เหมือนพวกมันกำลังฉีกขาดจากกัน
และเจ้าตำแหน่งทั้งเจ็ดนี้ก็ไม่ได้ธรรมดา เจ้าตำแหน่งทั้งเจ็ดนี้เรียงตัวเป็นเส้นตรง จากบนลงล่าง
ในลัทธิเต๋า เจ้าเจ็ดจุดนี้ ถูกเรียกว่าหนึ่งในสามจิตเจ็ดวิญญาณ เป็นตำแหน่งแทนทั้งเจ็ดวิญญาณ
ตอนนี้ทั้งเจ็ดจุดความเจ็บปวดจากการฉีกขาดเกิดขึ้น ทำให้ผมไม่อาจรับได้ ตอนนั้นดูเหมือนสามจิตเจ็ดวิญญาณของผมกำลังสั่นสะท้าน
หน้าเปลี่ยนสี ผมรับไม่ไหวจริงๆ ทันใดนั้นผมก็ร้อง “ อ้า ” ออกมาทันที จากนั้นตัวก็ล้มไปข้างหลัง
นอนลงกับเตียง
หลังจากนั้น ไม่รอให้ผมได้ทำอะไรต่อ ผมก็รู้สึกว่าลมปราณในจุดตันเถียน กำลังปั่นป่วน
จู่ๆมันก็รวมตัวกัน จากนั้นผ่านมาทั้งเจ็ดจุดนั้น แล้วตรงมาที่เต้าเหมินทันที
ความรู้สึกแบบนั้นเป็นอะไรที่รุนแรงมาก เหมือนลมปราณทั้งร่างกำลังยุ่งเหยิง แล้ววิ่งวุ่นไปทั่วร่างของผม
ภายใต้สถานการณ์นี้ ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายตาผมก็หลับตา สลบไปในทันที ต่อจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย……