spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 511 ดีขึ้น
หลังท่านนักพรตตู๋ฟังเฟิงเฉ่วหานเล่าจบ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
ต่อจากนั้นเขาก็หันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าตกใจ และพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ เสี่ยวฝาน อาจารย์เธอกับเซียนตนนั้นบาดเจ็บเหรอ ? ”
พอเห็นท่านนักพรตตู๋ดูเป็นกังวลขนาดนั้น ผมก็พยักหน้าเล็กน้อย “ อาจารย์กับหูเหมยบาดเจ็บครับ
ตอนนี้พวกเขากำลังพักอยู่…… ”
ผมพูดอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าท่านนักพรตตู๋ดูเป็นห่วงมาก เขาถามรายละเอียดจากผมต่อทันที
เดิมทีผมไม่อยากพูด เนื่องจากท่านนักพรตตู๋เพิ่งฟื้นคืนสติ และยังจำเป็นต้องพักผ่อน ผมเลยไม่อยากให้มีอะไรไปรบกวนจิตใจของเขา
ผลลัพธ์หลังจากท่านนักพรตตู๋เค้นถามมาได้พักหนึ่ง ผมก็เห็นว่าตัวเองปิดต่อไปไม่ได้แล้ว จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังทันที
ตอนท่านนักพรตตู๋ฟังจบ และรู้ว่าอาจารย์ผมโดยควันพิษดำมืดกัดกร่อนที่แผ่นหลัง ส่วนหูเหมยก็ซี่โครงซ้ายหัก
เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำตัววู่วาม บอกว่าจะไปดูอาการอาจารย์ผมและหูเหมย
อาการของท่านนักพรตตู๋ในตอนนี้ อย่าว่าแต่ไปเยี่ยมอาจารย์ผมกับหูเหมยเลย เขาไม่มีแรงขยับตัวด้วยซ้ำ
เพิ่งลุกขึ้น เขาก็รู้สึกหนักหัว ไม่อาจก้าวเดินได้ง่ายๆ
ผมและเหล่าเฟิงจึงรีบเข้าไปห้าม ต่อจากนั้นก็แนะนำท่านนักพรตตู๋อีกพักหนึ่ง บอกให้เขาพักฟื้นดูแลตัวเองไม่ต้องคิดอะไรมาก รอให้อาการดีขึ้นหน่อยแล้ว ค่อยไปหาอาจารย์ผมและหูเหมยก็ได้
เนื่องจากท่านนักพรตตู๋เป็นแบบนี้เพราะช่วยอาจารย์ผม เขายอมเสียสละตัวเอง ถึงทำให้ตัวเองกลายเป็นปีศาจ มีพิษปีศาจซึมเข้าลึกถึงกระดูก
แม้ท่านนักพรตตู๋จะได้สติกลับคืนมาแล้ว แต่ร่างกายของเขากลับอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ภายใต้การแนะนำของผมกับเหล่าเฟิง ท้ายที่สุดท่านนักพรตตู๋ก็ยอมกลับไปนอนบนเตียง
เพราะร่างกายอ่อนแอ พอผ่านไปไม่นาน ท่านนักพรตตู๋ก็นอนหลับแล้ว
เมื่อเห็นอาการของท่านนักพรตตู๋คงที่แล้ว ผมก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ
หลังจากบอกลาเหล่าเฟิงแล้ว ผมก็เดินออกมาทันที
แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินออกมา เหล่าเฟิงก็หยิบยาจำนวนมากมาให้ผม บอกว่าให้ผมเอากลับไปให้อาจารย์
ผมเองก็ไม่เกรงใจ เพราะแผลที่หลังของอาจารย์เป็นแผลขนาดใหญ่มาก ต้องใช้ยาหลายขนาน
หลังออกจากร้านไป๋ฉ่าวแล้ว ผมก็เดินตรงกลับบ้านทันที
เพิ่งเข้ามาในบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงร้องโอดครวญของอาจารย์ บางทีบาดแผลคงทำให้เขาทรมานมาก
“ อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว ! ” ผมพูด ในเวลาเดียวกันก็เดินไปที่โซฟา
อาจารย์กำลังนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนโซฟา
พอเห็นผมกลับมา อาจารย์ก็เงยหน้ามามองผม “ เป็น เป็นไงบ้าง ? เหล่าตู๋ดีขึ้นไหม ? ”
“ วางใจได้อาจารย์ ท่านนักพรตตู๋กลับมาเป็นปกติแล้ว ตอนนี้แค่อ่อนเพลีย เลยหลับไปแล้ว ! ” ผมรีบพูด บอกให้อาจารย์สบายใจทันที
ในสายตาของผม แม้อาจารย์และท่านนักพรตตู๋จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ความรู้สึกของทั้งสองคนกลับมีไม่น้อยไปกว่าที่มีต่อเหล่าฉิน
ความสัมพันธ์แบบนี้ก็เหมือนผมกับเหล่าเฟิง ถือเป็นเพื่อนเป็นเพื่อนตายกันแล้ว ไม่อย่างงั้นก่อนหน้านี้ท่านนักพรตตู๋ก็คงไม่เสียสละตัวเองเพื่อมาช่วยอาจารย์ของผมหรอก
หลังฟังจบ อาจารย์ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ งั้นก็ดี งั้นก็ดี…… ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็กลับไปนอนเหมือนเดิมอีกครั้ง
ผมเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ตอนนี้กำลังยกน้ำร้อน กล่องยา ก๊อซแอลกอฮอล์และของอื่นๆ มาเตรียมทำแผลให้อาจารย์
ขณะมองแผลเลือดโชกของอาจารย์ ในใจของผมก็รู้สึกผิดไม่น้อย
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะผมไม่ดีเอง ไม่รู้จักระวัง ไม่รีบตอบสนองตั้งแต่วินาทีแรก หลบทันหรือแทงเจ้าหมอนั่นตั้งแต่ตอนแรก อาจารย์ก็คงไม่ต้องเขามาปกป้องผมจนตัวเองต้องบาดเจ็บ โดนเจ้าหมอนั่นทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้
บุญคุณที่อาจารย์มีกับผม ยิ่งใหญ่กว่าบุณของพ่อแม่
อาจารย์เป็นคนเลี้ยงดู สั่งสอนและช่วยเหลือผมเสมอมา หรือแม้แต่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ ไม่รู้ว่าเขาดีกว่าพ่อแม่ที่คลอดผมแล้วก็ทิ้งผมตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ขณะผมทำแผลให้อาจารย์ ผมก็ได้ยินเสียงอาจารย์กัดฟันดัง “ กึกๆๆ ” ระหว่างนั้นผมรู้สึกไม่สบอารมณ์สุดๆ
ผมจะแข็งแกร่งขึ้น ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้
ผมต้องมีความสามารถที่จะปกป้องอาจารย์ เพื่อนและมู่หลงเหยียนให้ได้
และผมจะสู้กับเจ้าปีศาจชาติหมาพวกนี้ให้ถึงที่สุด หากกำจัดคนพวกนี้ล้าช้าไปแม้แต่วันเดียว ก็จะมีผู้คนหรือครอบครัวของใครบางคนโดนพวกมันทำร้ายมากขึ้นเท่านั้น
ผมกลั้นความโกรธแค้นในใจเอาไว้ ไม่พูดออกมาสักคำ เพียงทำแผลให้อาจารย์เงียบๆเท่านั้น
แต่หลังทำไปได้ครึ่งหนึ่ง บางทีอาจารย์คงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันในใจผม เขาจึงพูดกับผมว่า
“ เสี่ยวฝาน ! ที่จริงอาจารย์ไม่ได้เป็นอะไร แกก็ไม่ต้องโทษตัวเองขนาดนั้น แล้วก็ไม่ต้องไปโกรธแค้นด้วย ”
พอได้ยินอาจารย์พูดถึงขนาดนั้น ผมก็นิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มพูดกับอาจารย์ว่า “ ผม ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากกำจัดปีศาจสมควรตายพวกนั้น ! ”
พออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาก็หัวเราะขึ้นมาดื้อๆ “ ฮ่าๆๆ ” “ เสี่ยวฝาน พวกเราไม่ได้เป็นแค่ผู้ฝึกตนธรรมดาคนหนึ่งเหรอ ! ปีศาจพวกนั้นเป็นสาวกในสำนักที่ทรงอำนาจ สำนักชั่วที่มีอยู่ยิ่งใหญ่ระดับโลก
พวกเราทำในส่วนของตัวเองก็พอ เพียงแค่ความสามารถของพวกเรา สู้กับพวกมันไม่ได้หรอก ”
“ อาจารย์ ผมจะทำตัวให้แข็งแกร่งขึ้น ” ผมพูดต่อ
อาจารย์กลับไม่เห็นด้วย “ เสี่ยวฝาน แกมีพรสวรรค์ที่ดีมาก ในเมื่อแกยอมเข้ามาเดินในเส้นทางนี้แล้ว
งั้นก็ไม่เอาแรงแค้นมาครอบงำจิตใจของตัวเอง บางครั้งความแค้นก็ทำให้คนเราตาบอด เดิมคือความผิด
แต่ตัวเองกลับคิดว่าถูก และถึงคนคนนึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่มันก็อาจกลายเป็นการตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป ! จนสูญเสียเป้าหมายเดิมไปก็ได้ ”
หากเป็นความหมายแบบนี้ อาจารย์น่าจะพูดกับผมหลายรอบแล้ว ผมจึงชินนานแล้ว
ในเวลานี้พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้นอีกครั้ง ผมก็ไม่ได้สนใจ การตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปอะไรนั่น เรื่องที่ไกลตัวแบบนั้น ผมจะไปสนใจทำไม
ผมจึงขานรับ “ อือๆ ” สองครั้ง ถือเป็นการตอบส่งๆ……
ต่อจากนั้น ผมก็ช่วยทำแผลให้อาจารย์จนเสร็จ หลังพันแผลเสร็จผมก็ส่งอาจารย์เข้าไปพักผ่อนในห้องนอน
จากนั้นผมก็ไปอาบน้ำ แล้วกลับเข้าห้องตัวเอง
หลังต่อสู้กันมาสองคืนติด ผมก็ไม่เหลือพลังงานแล้ว เดิมทีอยากจะลองฝึกวิชาเฟินเทียนกงต่อดู
แต่สุดท้ายผมก็เผลอหลับไป
เมื่อเที่ยงวันรุ่งขึ้นมาถึง ผมถึงได้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางสะลึมสะลือ
ผมได้ยินข้างนอกมีเสียงคุยกัน เลยใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไป
เมื่อมาถึงข้างนอก ผมก็เห็นอาจารย์ ท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง
แผลบนหลังของอาจารย์เป็นแผลภายนอก ไม่ได้บาดเจ็บไปถึงเอ็นและกระดูก
แม้แผลจะใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการขยับตัว เมื่อวานทำความสะอาดแผลอย่างดีแล้ว อาการในวันนี้เลยไม่ได้ร้ายแรงมากนัก และบาดแผลก็เริ่มสมานตัวกันแล้ว ความเจ็บปวดก็ไม่ได้มีมากเหมือนก่อนหน้านี้
ในเวลานี้อาจารย์กำลังนั่งคุยกับท่านนักพรตตู๋บนโซฟา เมื่อลองมองทางท่านนักพรตตู๋ เขาดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อวาน และไม่รู้ว่าเขาดีขึ้นมากขนาดไหน ตอนนี้สภาพเขาดูเหมือนคนปกติไม่มีผิด
แน่นอน มีเพียงพวกเราเท่านั้น ที่รู้ว่าในตัวท่านนักพรตตู๋มีพิษปีศาจอยู่ และยังสามารถกลายร่างเป็นปีศาจได้อีกด้วย
ตอนนี้ที่ท่านนักพรตตู๋ สามารถควบคุมสภาพสัตว์เอาไว้ได้ เป็นเพราะมียาพิเศษอยู่
ถ้าหาทางหยุดพิษปีศาจในร่างไม่ได้ ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าท่านนักพรตตู๋ ก็อาจกลายร่างขั้นสองสำเร็จ
เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้จะมียายับยั้งสภาพสัตว์อยู่
แต่สภาพรูปร่างหน้าตาของเขาก็คงไม่อาจกลับมาเป็นปกติได้ ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นปีศาจแบบไหน
ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น
ในเวลานี้พออาจารย์และท่านนักพรตตู๋เห็นผมเดินออกมาจากห้อง พวกเขาก็ส่งเสียงทักทายผม
ผมเองก็ยิ้มทักทายท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิง “ ท่านลุงตู๋ เหล่าเฟิง…… ”
อาจารย์เห็นผมออกมาจากห้อง เลยเริ่มพูดเช่นกัน “ เสี่ยวฝาน ! อีกเดี๋ยวแกไปซื้ออาหารข้างนอกมาสองสามอย่าง ตอนเที่ยงเราจะกินข้าวกันที่นี่ แล้วก็จะได้ปรึกษาบางเรื่องกันด้วย ! ”
พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็พยักหน้ารับทันที
อาจารย์เห็นผมพยักหน้า เลยพูดกับท่านนักพรตตู๋อีกครั้ง “ เหล่าตู๋ นายวางใจได้ พิษปีศาจในร่างกายนาย
ฉันติงโย่วซานคนนี้จะใช้ร่างแก่ๆของฉัน ทำให้พวกมันออกมาจนหมดให้ได้ ! ”
ท่านนักพรตตู๋กลับโบกมือ “ เหล่าติง นายดูซิว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ! ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ
ผมตู๋อ่าวฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเองมาตั้งแต่ต้น ออกไปปราบภูมิผีมาจนทั่ว ไม่เห็นเรื่องเป็นตายเป็นเรื่องสำคัญนานแล้ว มีชีวิตในฐานะนักพรต ตายก็ตายอย่างนักพรต…… ”