spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 510 ได้ยา
หลังฟังผมพูดจบ อาจารย์ก็เงียบไปพักหนึ่ง “ หนีขึ้นเรือ ? ”
พอเห็นอาจารย์ทำท่าทางไม่เข้าใจ ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ให้อาจารย์ฟังทีละเรื่องๆ
พอฟังจบ อาจารย์ก็คิดว่าน่าเสียดายมาก
เห็นอยู่ชัดๆว่าจะไล่ตามทันแล้ว แต่สุดท้ายเจ้าหมอนั่นกลับโชคดี เจอเรือแล้วหนีไปได้
บนบก พวกเรายังไล่ตามได้
แต่หากอยู่ในน้ำ พวกเราก็จนปัญญาจริงๆแล้ว
ถึงพวกเราจะเป็นคนปราบภูติผีฝ่ายธรรมะ และมีวิชาติดตัว หรือแม้แต่ใช้พลังได้ แต่หากหาคำมาอธิบายคนกลุ่มเรา มันก็ไม่ได้เก่งเว่อร์วังอะไรขนาดนั้น
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พวกเราก็ไม่มีความสามารถลอยตัวบนผิวน้ำ
ถึงจะมี ก็ไม่ใช่คนระดับพวกเราที่จะแสดงออกมาได้
ผมน่ะว่ายน้ำเป็นก็จริง แต่มันไล่ตามไม่ทันแน่นอน ส่วนปู่หูลิ่ว ก็ไม่ใช่สัตว์น้ำ เขาเองก็ไม่ค่อยได้ลงน้ำเท่าไหร่
เพราะทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายเราเลยปล่อยให้เจ้าหมอนั่นหนีไปคาตา
หลังฟังจบ อาจารย์ก็พูดด้วยน้ำเสียงเสียใจเล็กน้อย “ เฮ้อ ! ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่ถึงฆาต ! ในเมื่อหนีไปแล้ว ก็ช่างเถอะ ตอนนี้พวกเราทำให้มันบาดเจ็บหนักได้ถึงสองครั้ง ถ้าวันข้างหน้ามันปรากฎตัวอีก
เราก็ต้องจัดการมันได้แน่ๆ ”
พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็พยักหน้าเบาๆ
คราวนี้ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ เป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก
แต่ถ้าอีกฝ่ายยังกล้าออกมาปรากฎตัวอีกครั้ง ผมจะไม่ทำให้มันหนีไปได้ง่ายๆแบบนี้อีกแน่นอน
ต่อจากนั้น อาจารย์ก็พูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน นี่เป็นยาที่เก็บมาจากบนตัวสาวกสำนักลื่อเย่พวกนั้น
ถ้าไม่มีอะไรผิดไป มันน่าจะช่วยหยุดสภาพสัตว์พวกนั้นได้ อีกเดี๋ยวแกเอาเจ้านี่ไปให้เหล่าตู๋ ! ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็หยิบขวดยาหลายขวดออกมาจากกระเป๋า
และในนี้ ก็มียาใส่เอาไว้
หลังผมลองนับดูแล้ว มียาอยู่ประมาณ 30 กว่าเม็ด มันน่าจะทำให้ท่านนักพรตตู๋ใช้ไปได้สักพักหนึ่ง
หลังเก็บของเรียบร้อยแล้ว ผมก็ประคองอาจารย์ให้ลุกขึ้น
ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำแล้ว พวกเราเลยไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ ดังนั้นหลังจากบอกลาพวกปู่หูลิ่วแล้ว
ผมก็ประคองอาจารย์ออกมาจากที่นั้นทันที
หลังประคองอาจารย์มาถึงบ้านแล้ว เดิมทีผมคิดจะทำแผลให้อาจารย์ก่อน แต่กลับโดนอาจารย์ปฏิเสธ
เขาบอกให้ผมเอายาไปให้ท่านนักพรตตู๋ก่อน
ผมเห็นอาจารย์ทำหน้าจริงจัง ผมจึงไม่ดึงดันจะทำต่อ
ต่อจากนั้น ผมก็เอายานั่น ตรงไปที่ร้านไป๋ฉ่าว
ผ่านไปไม่นาน ผมก็มาถึงร้านไป๋ฉ่าว
ผมเคาะประตู ทันใดนั้นเสียงเหล่าเฟิงก็ตะโกนออกมาจากด้านใน “ ใคร ”
“ ฉันเองเหล่าเฟิง ! ”
“ เหล่าติง ดึกขนาดนี้แล้ว นายยังมาทำไมอีก ? ” เหล่าเฟิงพูด ในเวลาเดียวกันเขาก็เปิดประตูให้ผม
เหล่าเฟิงเปิดประตูออก เขาก็เห็นสภาพโทรมๆของผม ที่ใบหน้ามีผงดิน หรือแม้แต่บนตัวยังมีคราบเลือดอยู่
เหล่าเฟิงเลิกคิ้วขึ้นทันที “ เหล่าติง นาย นายเป็นอะไรไป ? ”
ผมและเหล่าเฟิงไม่ได้เกรงใจกันขนาดนั้น ผมเลยเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “ เอาสั้นๆนะ ในนี้มียาควบคุมสภาพสัตว์อยู่ นายให้ท่านนักพรตตู๋กินหนึ่งเม็ด ทำให้เขากลับมามีสติก่อน ! ”
เฟิงเฉ่วหานได้ยินคำพูดนี้ ก็เผยสีหน้าตกใจออกมาทันที “ เหล่าติง ทำไมนายมียานี่ได้ ? ”
หลังผมหยิบยาขวดเล็กๆออกมา ผมก็พูดว่า “ ในตำบลของเรามีสาวกปีศาจสำนักลื่อเย่เข้ามาหลายคน…… ”
“ อะไรนะ ? สาวกปีศาจ ? ” เฟิงเฉ่วหานถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
ผมพยักหน้า “ ใช่ สาวกปีศาจสำนักลื่อเย่ และยังมีท่านเทพเมื่อคืนด้วย…… ”
พอพูดมาถึงตรงนี้ บนหน้าเฟิงเฉ่วหานก็มีคำว่าตะลึงเขียนไว้ ดูเหมือนเขาจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่
แต่ผมไม่ได้เล่าอย่างละเอียด เพียงเล่าเรื่องคราวๆให้เขาฟังเท่านั้น
หลังเฟิงเฉ่วหานฟังจบ ดวงตาก็เบิกกว้าง อดไม่ได้ที่สูดหายใจเข้า “ ถ้า ถ้างั้น ยาเม็ดพวกนี้ก็ได้มาจากสาวกปีศาจสำนักลื่อเย่พวกนั้นนะซิ ? ”
“ ใช่ เอาไปให้ท่านนักพรตตู๋กินก่อนหนึ่งเม็ด ทำให้เขากลับมามีสติแล้วค่อยว่ากันเถอะ ! ” ผมพูดต่อ
เหล่าเฟิงสูดหายใจเข้า หันมามองหน้าผมอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าให้ผมแรงๆหนึ่งครั้ง
ต่อจากนั้น ผมก็ตามเหล่าเฟิงเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นผมก็เห็นท่านนักพรตตู๋กำลังนอนอยู่บนเตียง
ตอนนี้เขากำลังนอนหลับอยู่
ตัวของท่านนักพรตตู๋ ยังมีขนสัตว์จำนวนมากอยู่ กรงเล็บแหลมคมและอื่นๆอีก
เหล่าเฟิงบอกว่า เขาให้ท่านนักพรตตู๋กินยานอนหลับเข้าไปเล็กน้อย ไม่อย่างงั้นท่านนักพรตตู๋ต้องตะโกนทั้งวันทั้งคืนแน่
ต่อจากนั้น เหล่าเฟิงก็เทน้ำหนึ่งแก้ว แล้วหยิบยาไปที่หัวเตียง
“ อาจารย์ อาจารย์ ! ” เหล่าเฟิงตะโกน
ผลลัพธ์หลังจากเรียกไปได้สองสามครั้ง ท่านนักพรตตู๋ที่นอนหลับอยู่ ก็ตกใจตื่น
ท่านนักพรตตู๋เพิ่งตื่นขึ้นมาเท่านั้น เขาก็ตื่นตาเร็วมาก พร้อมเผยม่านตาสัตว์ออกมาทันที
เขามองเหล่าเฟิงด้วยสีหน้าดุร้าย เผยเขี้ยวออกมา แล้วคำราม “ โฮกๆ ” แบบนี้ หรือแม้แต่มือเท้าของเขา
ยังดิ้นไปมาไม่หยุดด้วย
เหล่าเฟิงถือยาและน้ำอยู่ ในเวลานี้พอเห็นท่านนักพรตตู๋ดิ้นทุรนทุราย เขาก็พูดกับผมว่า
“ เหล่าติง จับอาจารย์ฉันเอาไว้ อ้าปากเขาออก ฉันจะเอายาให้เขากิน ! ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปทันที
“ ท่านลุงตู๋ ขอโทษด้วยนะครับ ! ”
หลังพูดจบ ผมก็ยื่นมือเข้าไป พยายามอ้าปากท่านนักพรตตู๋ และทำให้มันค้างไว้อย่างนั้น
พอเหล่าเฟิงเห็นแบบนั้น ก็เอายายัดเข้าไปในปากท่านนักพรตตู๋ทันที
จากนั้นก็เทน้ำตามลงไป พอเห็นท่านนักพรตตู๋กลืนยาเข้าไปแล้ว ทุกคนถึงหยุดทำ
ท่านนักพรตตู๋ที่กินยาเข้าไปแล้ว ยังคงดิ้นไม่หยุด และคำราม “ โฮกๆ ” อย่างต่อเนื่อง ถ้าฟังแค่เสียงมันไม่แตกต่างอะไรจากเสียงสัตว์เลยสักนิด
ต่อจากนั้น ผมและเหล่าเฟิงก็ยืนรออยู่ข้างๆด้วยความร้อนรน
เวลาค่อยๆผ่านไป หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทียาก็ออกฤทธิ์
เดิมทีท่านนักพรตตู๋ยังดิ้นทุรนทุรายอยู่ แต่ในเวลานี้กลับสงบลงมาเยอะ
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั่นคือ พวกเราพบว่าขนบนตัวของเขา ตอนนี้กำลังเริ่มหลุดและหายไป
กรงเล็บที่เคยคมเหมือนใบมีด ก็ค่อยๆกลับมาเป็นมือคนอีกครั้ง
ดวงตาสัตว์คู่นั้น ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดวงตามนุษย์ กลับมาดูมีแจ่มชัดอีกครั้ง
พอเหล่าเฟิงเห็นมาถึงตรงนี้ เขาก็ดูดีใจมาก “ อา อาจารย์ อาจารย์…… ”
หลังเหล่าเฟิงตะโกนออกไปสองสามครั้ง ในที่สุดท่านนักพรตตู๋ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาดูเหมือนจะค่อนข้างอ่อนแรง ค่อยๆหันหน้ามามอง “ เสี่ยว เสี่ยวเฟิง…… ”
หลังพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็หันมามองผม “ เสี่ยวฝาน ! ”
พอเห็นท่านนักพรตตู๋จำพวกเราได้ และเล็บกับม่านตากลับมาเป็นปกติแล้ว ผมก็มั่นใจในทันที
สภาพสัตว์ของท่านนักพรตตู๋หายไปแล้ว เขากลับมามีสติอีกครั้ง
“ เหล่าเฟิง อาการของท่านนักพรตตู๋คงที่แล้ว ” ผมพูดด้วยความดีใจ
เฟิงเฉ่วหานเองก็ค่อนข้างตื่นเต้น “ อาจารย์ลำบากท่านแล้ว ผมจะแก้มัดให้อาจารย์เดี๋ยวนี้แหละ ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง เหล่าเฟิงก็เริ่มแก้มัดให้ท่านนักพรตตู๋ ผมเองก็เข้าไปช่วยเขาทันที
ผ่านไปไม่นาน เราก็ทำให้ท่านนักพรตตู๋กลับมามีอิสระอีกครั้ง
ต่อจากนั้น ก็ค่อยๆประคองท่านนักพรตตู๋ให้ลุกขึ้นนั่ง ตัวพิงที่หัวเตียง เห็นได้ชัดว่าเขาดูอ่อนล้ามาก
เขามองมือตัวเองที่กลับมาเป็นมือคนแล้ว จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงท้อถอย “ เสี่ยวเฟิง อาจารย์คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะกลับมามีสติอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่า พวกเธอทำได้ยังไง ? ”
เฟิงเฉ่วหานที่ดูเย็นชามาโดยตลอด มีรอยยิ้มเปื้อนบนหน้าทันที “ อาจารย์ เล่าไปมันยาว ทุกอย่างเป็นเพราะลุงติงกับติงฝานแล้วก็ยังมีเซียนจิ้งจอกอีกสองสามท่านช่วยกัน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา อาจารย์ก็คงไม่ได้กลับมามีสติเร็วขนาดนี้ ! และเพราะเรื่องนี้ ลุงติงกับหูเหมยเลยได้รับบาดเจ็บ…… ”