spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 502 มาหาถึงที่
ผมและอาจารย์กำลังกังวล จะไปหาสาวกสำนักลื่อเย่จากที่ไหน จะได้แย่งยายับยั้งสภาพสัตว์มาสักนิดสักหน่อย
ตอนนี้ เจ้าพวกสาวกสำนักลื่อเย่พวกนั้นกลับมาหาถึงที่ เรื่องนี้ช่วยลดความยุ่งยากให้เราไปไม่น้อย
พออาจารย์ได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็เป็นประกาย พร้อมพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ “ ดี ! อยากได้อะไรก็ได้อย่างงั้นจริงๆ หากเป็นแบบนี้ เหล่าตู๋ก็จะสามารถกลับมามีสติได้ชั่วคราว ! ”
อาจารย์พูดด้วยความดีใจ ผมเองก็ดีใจเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันนั้นก็พูดกับปู่หูลิ่วว่า “ ปู่หูลิ่ว มีปีศาจสำนักลื่อเย่มากี่คน แล้วพวกปู่ไปเจอพวกมันได้ยังไง ? ”
ผมถามสองคำถามติด พอปู่หูลิ่วได้ยินแบบนั้น เขาก็ไม่ลังเลเลยสักนิด รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้พวกเราฟังทันที
ปู่หูลิ่วบอกว่า เมื่อหลังพวกเขาได้รับข่าวจากมู่หลงเหยียนแล้ว เขาก็นั่งสมาธิเดินลมปราณกันในศาลเจ้าหลักเมืองทันที เพื่อดูว่าในร่างกายตัวเองมีพิษปีศาจที่ว่าซุกซ่อนอยู่ไหม
หลังจากนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงประมาณตีหนึ่ง จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นในศาลเจ้าหลักเมือง
ตอนนั้นพวกปู่หูลิ่วหวาดระแวงขึ้นมาทันที หลังจากพบว่าผู้ที่มาเยือนคือคนแปลกหน้า พวกเขาก็หาที่ซ่อนตัวทันที
ต่อจากนั้น พวกเขาก็เห็นคนทั้งหมด 5 คนเดินเข้ามาในตัวศาลเจ้าหลักเมือง
และทั้งห้าคนนั้นเพิ่งเข้าไปในศาลเจ้า ปู่หูลิ่วและยายหูชีก็เห็นอะไรบางอย่างจากตัวพวกเขา
เพราะรูปร่างหน้าตาของคนพวกนี้ มีลักษณะพิเศษเหมือนสัตว์
เช่นมีขนสัตว์ กรงเล็บ ม่านตาสัตว์ มันไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ก็ผิดปกติจากคนทั่วไป
พวกเขาไม่ได้ส่งเสียง ยังสังเกตอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ
จากลักษณะพิเศษของร่างกาย และเนื้อหาที่อีกฝ่ายคุยกัน พวกเขาก็ได้ข้อสรุป ว่าเจ้าคนพวกนี้ เป็นสาวกของสำนักลื่อเย่แน่นอน
เพราะไม่แน่ใจว่าเจ้าสาวกปีศาจพวกนี้มาที่ตำบลชิงฉือทำไม พวกปู่หูลิ่วจึงไม่รีบลงมือ และแอบจับตามองพวกเขาต่อไป
หลังจากนั้นเมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง พวกเขาก็ตรงมาที่ร้านพวกเราทันที เพื่อดูว่าตอนนี้สถานการณ์ทางฝั่งพวกเราเป็นยังไงบ้าง
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ สำหรับพวกเราแล้ว พวกสาวกปีศาจที่มายังตำบลชิงฉือ เป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายมาก
น่าจะเป็นเพราะสาวกปีศาจพวกนี้ไม่รู้จะหนีไปไหนดี จากที่ปู่หูลิ่วและพวกเราเข้าใจ สาวกพวกนี้อาจเป็นคนที่หนีมาจากบริษัทหมิงโลจิสติกส์เมื่อตอนนั้น
เพราะฐานโดนทำลาย ร่างกายยังเปลี่ยนเป็นปีศาจระยะแรกหรือระยะสองแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกมีลักษณะของสัตว์
การเข้าไปปะปนในฝูงชนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย น่าจะเป็นเพราะพวกนั้นคิดจะหาที่ซ่อนตัวสักแห่ง จนรอให้กลายร่างในระยะที่สามสำเร็จ
ผลที่ตามมากลับเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดสุดๆ ที่อื่นมีให้ซ่อนเจ้าพวกนี้กลับไปไม่ซ่อน ดันมาซ่อนที่ตำบลชิงฉือของพวกเรา
ดวงซวยยิ่งกว่านั้นคือ ดันเข้าไปในถิ่นของพวกปู่หูลิ่ว จึงเหมือนพาตัวเองเข้าไปติดเบ็ด
พวกปู่หูลิ่วไม่ได้วู่วาม เพียงฟังอีกฝ่ายคุยกันอย่างเงียบๆ
สุดท้ายจากบทสนทนาของอีกฝ่าย พวกเขาพบว่านอกจากสาวกปีศาจในตอนนี้แล้ว ในคืนนี้น่าจะยังมีสาวกปีศาจอีกจำนวนหนึ่งมาเพิ่มอีก
พอปู่หูลิ่วได้ยินว่าจะมีสาวกปีศาจมาเพิ่มอีก เขาก็อดทนมาจนถึงตอนนี้ เพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น
นอกจากปู่หูลิ่วจะเอาข่าวมาบอกพวกเราแล้ว สิ่งที่เขาอยากทำยิ่งกว่านั้นคือ รอให้อีกฝ่ายมาติดกับทั้งหมด แล้วค่อยจัดการทีเดียว
ที่บังเอิญก็คือ ผมและอาจารย์กำลังตามหาสาวกลื่อเย่พวกนี้อยู่
หากเป็นแบบนี้ คืนนี้ก็จะเป็นวันปิดงานได้พอดี
นอกจากปีศาจพวกนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือของที่อยู่ในมือพวกมัน ยาที่สามารถยับยั้งสภาพสัตว์ได้
ดังนั้น พวกเราเลยรวมหัวกัน วางแผนในขั้นถัดไปแล้ว
ช่วงกลางวัน พวกปู่หูลิ่วจะคอยจับตาดูต่อไป ส่วนผมและอาจารย์จะเตรียมตัวรอ
ขอแค่คืนนี้ปีศาจชุดที่สองมาถึง พวกเราก็จะหว่านแหจัดการในทีเดียว
หลังตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “ ช่วงกลางวันนี้ต้องรบกวนท่านเซียนทุกท่านแล้ว ”
ปู่หูลิ่วและยายหูชีทำมือคารวะ “ เรื่องเล็ก นักพรตติงพักผ่อนก่อน เดี๋ยวพอตกเย็นแล้วเราจะติดต่อพวกคุณอีกที ! ”
อาจารย์พยักหน้าเบาๆ “ รบกวนท่านเซียนแล้ว ! ”
ปู่หูลิ่วและยายหูชีโบกมือ จากนั้นก็ได้ยินยายหูชีพูดว่า “ นักพรตติง จินถง เมื่อคืนพวกคุณเหนื่อยกันมามากพอแล้ว พักผ่อนกันก่อน เตรียมตัวให้พร้อม พวกเราขอตัวก่อน ”
ผมและอาจารย์ต่างมีมารยาทกันสุดๆ รีบทำมือคารวะปู่หูลิ่วและยายหูชีทันที
ในขณะเดียวกันอาจารย์ก็พูดขึ้นมาหนึ่งคำ “ เชิญ ” ต่อจากนั้นปู่หูลิ่วและยายหูชีก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ พวกเขาเดินตรงออกจากร้านพวกเราทันที
แม้ในช่วงกลางวันพวกเราจะไม่ไปกวนสาวกสำนักลื่อเย่พวกนั้น แต่ปู่หูลิ่วและยายหูชี กลับคอยจับตาพวกมันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันหากมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
หลังปู่หูลิ่วและยายหูชีจากไปแล้ว อาจารย์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน เมื่อคืนเราเหนื่อยกันมามากแล้ว แกไปพักผ่อนก่อนเถอะ รอให้มีพลัง คืนนี้พวกเราค่อยไปชิงยากัน ! ”
พอพูดมาถึงประโยคสุดท้าย แววตาของอาจารย์ก็เผยแสงที่เย็นชาออกมา
ผมเองก็เข้าใจดี ยายับยั้งสภาพสัตว์ของสำนักลื่อเย่ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อท่านนักพรตตู๋ในเวลานี้มาก
ดังนั้น ผมเลยพูดกับอาจารย์ว่า “ ได้อาจารย์ คืนนี้พวกเราจะลงมือกัน แต่อาจารย์ เราจะบอกเรื่องนี้กับ
เฟิงเฉ่วหานไหม ? ”
อาจารย์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหัว “ ฉันว่าไม่ต้องหรอก ร่างกายของเหล่าตู๋แย่มาก ตอนนี้ต้องให้เสี่ยวเฟิงคอยดูแล อีกอย่าง แค่ลูกสมุนไม่กี่ตัว มีปู่หูลิ่วและเซียนคนอื่นๆอยู่ แค่นั้นก็น่าจะจัดการได้แล้ว ! ”
พอได้ยินอาจารย์วิเคราะห์ออกมาแบบนั้น ผมก็คิดว่าใช่ จึงพยักหน้าให้อาจารย์ทันที
ต่อจากนั้น ผมก็กลับไปล้มตัวลงนอนในห้อง เมื่อคืนมีเรื่องตลอดทั้งคืน เป็นอะไรที่เหนื่อยพอใช้ได้จริงๆ
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ยังทำให้ผมเห็นว่ามีดปลิดวิญญาณเป็นของที่สำคัญมาก
ดังนั้น ผมเลยหยิบเจ้ามีดปลิดวิญญาณที่เรียบง่ายและขึ้นสนิมเล่มนั้นขึ้นมาเล่น เพราะเหนื่อยมาก ผ่านไปไม่นานผมก็หลับไป
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
พลังกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ผมลุกขึ้นเอนตัวพิงหัวเตียง จากนั้นก็สูดหายใจเข้าสองสามครั้ง
พอเห็นตอนนี้ยังไม่เย็นมาก ผมเลยไม่รีบออกจากห้อง จากนั้นผมก็เริ่มนั่งสมาธิ และฝึกวิชาเฟินเทียนกง
เพราะมีคำแนะนำของมู่หลงเหยียน คราวนี้ผมเลยฝึกอย่างใจเย็น ไม่ได้รีบร้อนเหมือนคราวก่อน
ในขณะฝึกวิชาเฟินเทียนกง ลมปราณในร่างกายก็เริ่มปั่นป่วน
แต่คราวนี้ผมไม่ได้รีบร้อนควบคุม เพียงแต่ค่อยๆปรับลมปราณให้กลับมาสงบทีละนิด จากนั้นก็ขับเคลื่อนลมปราณพวกนี้ ฝึกไปตามแผนภาพวิชาเฟินเทียนกง แบบค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าทีละนิด
ภายใต้จิตใจเช่นนี้ ผมสัมผัสได้ลางๆ ว่าในร่างกายมีความเย็นที่หาต้นตอไม่ได้ปรากฎขึ้น มันเหมือนกับกระแสพลังชนิดหนึ่ง
เจ้ากระแสพลังนั่นเข้ามาปะปนกับลมปราณที่ผมกำลังขับเคลื่อนอยู่เป็นครั้งคราว
ผมไม่ได้สนใจ เพียงฝึกวิชาเฟินเทียนกง และก้าวข้ามแต่ละจุดต่อไปเรื่อยๆ
ผลที่ตามมากลับทำให้ผมแปลกใจสุดๆ ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น ผมพัฒนาได้อย่างราบรื่นจนน่าตกใจ
จุดแล้วจุดเล่า ผมก้าวผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย
และเร็วมากเมื่อเคลื่อนมาถึงจุดที่ 23
ณ จุดนี้ผมฝึกมาจะครบอาทิตย์แล้ว แต่มันก็ไม่พัฒนาเลยสักนิด
แต่คราวนี้ผมกลับพบว่า สถานการณ์มันแตกต่างออกไป
ภายใต้การผสมโรงของกระแสพลังอันเยือกเย็นนี้ ผมไม่เพียงไม่ได้สัมผัสถึงแรงกดดันที่ยากจะสยบได้เมื่อครั้งก่อน ผมกลับรู้สึกสบาย เคลื่อนพลังดั่งกระแสน้ำ ผมสามารถผ่านไปถึงจุดที่ 24 ได้อย่างราบรื่น
หัวใจอดไม่ได้ที่จะเต้นแรง ก่อนหน้านี้มันเหมือนกับเทือกเขา ที่ไม่อาจก้าวข้ามไปได้สักที
แต่ทำไมหลังตื่นขึ้นมา ผมก็ผ่านไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ละ
ผมอดไม่ได้ที่จะตกใจและแปลกใจ หรือคำพูดของมู่หลงเหยียนจะมีประโยชน์ ดังนั้นผมถึงฝึกเดินลมปราณในวิชาเฟินเทียนกงได้ราบรื่นขนาดนี้