หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 500 ปีศาจขั้นแรก

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 500 ปีศาจขั้นแรก

บนหน้าอาจารย์เขียนคำว่าเศร้าเอาไว้เต็มๆ เขาอยากให้มู่หลงเหยียนช่วยท่านนักพรตตู๋

หลังเหล่าเฟิงและพี่เฟิงได้ยิน ก็หันมามองมู่หลงเหยียนเช่นกัน

 

ท่านนักพรตตู๋กลายร่างเป็นปีศาจ ตอนนี้พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้และไม่มีวิธีช่วยขจัดพิษปีศาจและขับพลังปีศาจในร่างท่านนักพรตตู๋ออกมาได้

 

ทุกคนจึงหวังว่ามู่หลงเหยียนหรือผีผู้ทรงพลังตรงหน้าตนนี้จะมีวิธี และช่วยท่านนักพรตตู๋ได้

แต่หลังมู่หลงเหยียนได้ยินแบบนั้น เธอกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงท้อใจ และเสียใจพอสมควร 

“ ท่านอาจารย์ ฉันเองก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน ท่านนักพรตตู๋ไม่เหมือนพวกท่าน ถึงในตัวจะมีพิษเหลืออยู่ 

แต่ก็สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง และก็สามารถขับออกมาได้ทั้งหมด แต่พิษในตัวท่านนักพรตตู๋ซึมเข้าถึงกระดูก มันหยั่งรากลึกไปแล้ว หากคิดจะขจัดพลังปีศาจจนหมด ฉันเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ”

 

หลังได้ยินคำตอบจากมู่หลงเหยียน ในใจของทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะมีเสียงดัง “ กึก ” ตอนนี้เหล่าเฟิงแทบเหมือนตกลงไปอยู่ในหุบเขาน้ำแข็ง

 

เหล่าเฟิงเคยใช้ชีวิตอยู่บนเรือผีมาเป็นเวลา 10 ปี ในเรือที่มืดมิดและอับชื้น มีเพียงพี่เฟิงที่คอยอยู่เป็นเพื่อน

ล้มลุกคลุกคลานหลายรอบกว่าจะหนีออกมาจากเรือลำนั้นได้ แล้วมาเจอกับท่านนักพรตตู๋

 

นอกจากพี่เฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าเฟิงรู้สึกมีที่พึ่ง ดังนั้นสำหรับเหล่าเฟิง ท่านนักพรตตู๋ก็คือพ่อแท้ๆของเขา

ตอนนี้เมื่อเห็น “ พ่อ ” ตัวเองเป็นแบบนี้ และยังไม่อาจช่วยได้หรือไม่มีวิธี มันก็ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังสุดๆ

 

ในวินาทีนั้นเหล่าเฟิงท้อไปชั่วครู่ ไม่พูดไม่จา เห็นได้ชัดว่าเศร้ามาก คนเย็นชาอย่างเขา ตอนนี้กำลังตาแดงก่ำ

ส่วนพี่เฟิง ที่นั่งทับอยู่บนตัวท่านนักพรตตู๋ เขากวาดสายตามองเหล่าเฟิง พร้อมเค้นเสียงดัง ฮึ 

“ เจ้าขยะ ตาแก่นี่ยังไม่ได้ตายโว้ย ! ดูสภาพแกซิ…… ”

 

น้ำเสียงพี่เฟิงฟังดูไม่ค่อยพอใจ ต่อจากนั้นเขาก็หันมาพูดกับมู่หลงเหยียน “ แม่นาง ตาแก่นี่เป็นปีศาจขั้นแรกแล้ว แม่นางมีวิธี พอจะทำให้เขากลับมามีสติได้ไหม และมีวิธีคงสภาพแบบนี้ไปตลอด ไม่ให้ตาแก่นี่กลายสภาพเป็นปีศาจไปมากกว่านี้ได้ไหม ? ”

 

เมื่อเทียบกันแล้ว ในเวลาเป็นตาย พี่เฟิงที่ดูบ้าบิ่นสุดๆ กลับกลายเป็นคนสุขุมเยือกเย็น

จากสีหน้าของเขา ผมไม่เห็นความเจ็บปวดเลยสักนิด

 

บางทีอาจพูดได้ว่าพี่เฟิงไม่เศร้ากับสถานการณ์แบบนี้ หรือแสดงความเศร้าออกมาไม่เป็น

ถึงว่าทำไมพี่เฟิงไม่ชอบขี้หน้าน้องชายตัวเองหรือเหล่าเฟิงมาโดยตลอด บอกว่าเหล่าเฟิงขี้ขลาด ทนความเจ็บปวดตลอดสิบปีที่ผ่านมาไม่ไหว

 

และยังบอกว่า ความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาคอยแบกรับอยู่คนเดียว

หรือแม้แต่ไม่เอ่ยถึงอดีตที่ผ่านมาของเหล่าเฟิง และความทรงจำที่หายไปช่วงนั้นของเหล่าเฟิง

 

บอกว่าความทรงจำช่วงนั้นเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เหล่าเฟิงไม่มีทางรับไหวอย่างแน่นอน

แน่นอน เหล่าเฟิงเองก็ไม่แย่เหมือนอย่างที่พี่เฟิงพูดขนาดนั้น เหล่าเฟิงก็แค่ตาแดงเท่านั้น

 

เหล่าเฟิงเองก็สนใจ เขามองไปยังมู่หลงเหยียนเท่านั้น

พอมู่หลงเหยียนได้ยินพี่เฟิงถามแบบนั้น เธอก็มองท่านนักพรตตู๋ที่กำลังสงบลงแล้วพูดว่า “ เมื่อก่อนฉันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เลยยังไม่มีวิธีทำให้ท่านนักพรตตู๋กลับมามีสติดังเดิม แต่พอกลับไปแล้วฉันจะลองไปถามคนอื่นดู บางทีอาจหามีวิธีรักษาเจอก็ได้ ! ”

 

“ งั้นก็รบกวนแม่นางแล้ว ! ” พี่เฟิงพูด

เหล่าเฟิงเองก็พูดกับมู่หลงเหยียน “ ขอบคุณมากๆ ! ”

 

ต่อจากนั้น ท่านนักพรตตู๋ที่โดนมู่หลงเหยียนสกัดจุดไว้ ก็ค่อยๆสงบลงมาเรื่อยๆ

เริ่มหยุดดิ้น และเปลี่ยนเป็นการง่วงนอนแทน

 

พวกเราเองก็รู้ดี ตอนนี้พลังปีศาจในตัวท่านนักพรตตู๋ กำลังกลับมาสงบดังเดิม และไม่ได้ปั่นป่วนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

 

ใบหน้าที่เคยดุร้าย ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราพบว่าดวงตาข้างหนึ่งของท่านนักพรตตู๋ยังลืมอยู่ครึ่งหนึ่ง ม่านตาสัตว์ของดวงตาข้างนั้นค่อยๆจางหายไปแล้ว มันกลับมาเป็นม่านตาของคนปกติอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นถึงตรงนี้ เหล่าเฟิงก็พูดกระตุ้นท่านนักพรตตู๋ทันที “ อาจารย์ อาจารย์ยังจำผมได้ไหม ? ”

เสียงเพิ่งเงียบลง จู่ๆตาครึ่งหลับครึ่งตื่นของท่านนักพรตตู๋ก็ลืมขึ้นทันที

 

ม่านตาทั้งสองข้างต่างกัน พวกมันจับจ้องไปที่เหล่าเฟิงทันที

แต่สีหน้าของผม กลับดูแปลกสุดๆ

 

ครึ่งหนึ่งโมโห อีกครึ่งกลับเรียบนิ่ง เป็นอะไรที่พิลึกสุดๆ

ส่วนตัวท่านนักพรตตู๋ก็ลองส่งเสียงออกมาสองสามครั้ง แต่เสียงที่ออกมากลับฟังดูค่อนข้างแปลก 

มันเป็นเสียงที่ไม่ชัดเจน และบางครั้งก็ยังมีเสียงคำรามติดออกมาด้วย

 

“ เสี่ยว เสี่ยวเฟิง โฮก ! อาจารย์ อาจารย์ไม่เป็นไร โฮกโฮก…… ” ท่านนักพรตตู๋พูดจาติดขัด เหมือนตอนนี้ในร่างของเขา จะมีสัตว์ตัวหนึ่งสิงอยู่ และมันกำลังแย่งร่างกับเขา

 

“ ตาแก่ ทนเอาไว้ก่อน ! ตาเฒ่าอย่างนายยังไม่เห็นฉันเอาตัวเจ้าขยะนี่กลับไปนะ ! ” พี่เฟิงพูดจาดูถูก แต่มือยังกดตัวท่านนักพรตตู๋เอาไว้

 

ท่านนักพรตตู๋ฝืนยิ้ม “ คราวนี้ ดูเหมือน ดูเหมือนฉันจะจบแล้ว โฮกโฮก…… ”

“ อาจารย์วางใจได้ เราต้องหาวิธีช่วยอาจารย์ได้แน่นอน ! ” เหล่าเฟิงพูดต่อ ขณะมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของอาจารย์ เขาก็ฝืนน้ำตาลูกผู้ชายเอาไว้ไม่อยู่

 

“ ไม่ต้องห่วง อาจารย์ ถ้า ถ้าอาจารน์เสีย เสียสติไปจริงๆ จำ จำไว้ฆ่า ฆ่าฉันได้เลย…… ”

เสียงเพิ่งมาถึงตรงนี้ ท่านนักพรตตู๋ก็ตัวสั่น “ โฮกๆ ” พร้อมเสียงคำรามที่ดังขึ้นสองครั้ง จากนั้นตัวเขาก็สั่นอย่างรุนแรง

 

ม่านตาที่กำลังกลับมาเป็นปกติข้างนั้น กลับเป็นม่านตาสัตว์อีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ ท่านนักพรตตู๋จึงเริ่มเสียสติ และคำราม “ โฮกโฮก ” ออกมา และพยายามดิ้นรนอีกครั้ง

 

แต่แรงดิ้น กลับน้อยลงเยอะมาก สุดท้ายเขาก็หลับตา และสลบไปในทันที

เมื่อเห็นท่านนักพรตตู๋สลบไป ผมก็พูดกับทุกคนว่า “ พวกเราพาท่านนักพรตตู๋กลับไปพักกันเถอะ ! 

จากนั้นค่อยปรึกษากันอีกที ”

 

ทุกคนเองก็เห็นด้วย อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากันจะดีกว่า

เนื่องจากในร่างกายจองพวกเรา ยังมีพิษปีศาจหลงเหลืออยู่ และจำเป็นจะต้องขจัดออกให้หมด

 

ไม่อย่างนั้น พิษที่เหลือพวกนี้ก็จะค่อยๆเพิ่มเยอะขึ้น พอวันที่พระจันทร์เต็มดวงในรอบถัดไปมาถึง 

มันก็จะกลับมาบ้าคลั่งอีกครั้ง

 

พอเหล่าเฟิงได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาก็ตอบรับ “ อือ ” ต่อจากนั้นก็แบกท่านนักพรตตู๋ขึ้นหลัง

หลังจากนั้น พวกเราก็เริ่มเดินกลับไปทางที่มา

 

เพิ่งเดินไปได้แค่ครึ่งทาง เราก็พบกับฉู่ยเฉิงจิง หยางเฉ่ว ซ่งซานเหอและยังมีอู่ซิ่งหลง พวกเขาเองก็รีบตามมาเช่นกัน

 

หลังจากพานักพรตหวังเฉิงกาน นักพรตเฉินจื่ออี้ และเหล่าฉินกลับไปส่งที่โรงพยาบาลแล้ว พวกเขาก็เป็นห่วงพวกเรา ดังนั้นเลยมาเพื่อดูสถานการณ์ของพวกเราโดยเฉพาะ

 

ตอนเห็นท่านนักพรตตู๋ที่กลายร่างเป็นปีศาจระยะแรกบนหลังเหล่าเฟิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

ขนสัตว์พวกนั้น อยู่บนผิวของท่านนักพรตตู๋อย่างงั้น และยังมีกรงเล็บที่ดูคมสุดๆ สภาพน่ากลัวสุดๆไปเลย

 

ทุกคนทำอะไรไม่ได้ นอกจากพูดด้วยความห่วงใยเพียงไม่กี่ประโยค

เพราะรีบเดินทาง พวกเราเลยไม่ได้คุยอะไรกับพวกเขามาก เราบอกให้พวกเขากลับไปดูแลนักพรตหวัง นักพรตเฉินและเหล่าฉินที่โรงพยาบาลก่อน

 

ส่วนพวกเรา ก็รีบประคองท่านนักพรตตู๋ขึ้นรถผม จากนั้นก็รีบขับรถตรงกลับตำบลชิงฉือทันที

เมื่อมาถึงตำบลชิงฉือ ก็เป็นเวลาตีห้าแล้ว ฟ้ากำลังจะสว่างแล้ว

 

หลังมาถึงตำบลชิงฉือมู่หลงเหยียนและยายโม่ ก็ไม่ได้อยู่ต่อนานนัก

เพราะฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว พวกเธอเลยต้องรีบกลับไป

 

แต่ก่อนจากไปเธอพูดกับผมว่า พอพวกเธอกลับไปแล้วจะช่วยหาวิธีรักษาท่านนักพรตตู๋ ช่วยให้ท่านนักพรตตู๋หลุดจากร่างปีศาจระยะแรก และกลับมามีสติอีกครั้ง

หากได้ข่าวยังไง เธอจะรีบติดต่อพวกเราทันที……

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.