spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 499 หยุดท่านนักพรตตู๋
เรื่องของท่านนักพรตตู๋ทำให้พวกเราอดกังวลไม่ได้ ตอนนี้ตัวเราเต็มไปด้วยพลัง แต่ละคนต่างรีบวิ่งไปทางแม่น้ำ
สวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำไม่มากนัก หลังออกมาจากสวนสาธารณะ วิ่งต่อไปทางตะวันตกอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอกับแม่น้ำสายนึงแล้ว
พวกเราไม่กี่คนวิ่งเร็วมาก ผ่านไปไม่นานก็ออกจากสวนสาธารณะ แล้วสุดท้ายก็วิ่งไปทางริมแม่น้ำแล้ว
ในเวลานี้แทบไม่มีใครอยู่บนถนน บรรยากาศเงียบสงบมาก มีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเราไม่กี่คนเท่านั้น
หลังวิ่งผ่านถนนมาสองเส้น พวกเราก็มองเห็นแม่น้ำสายเล็กๆสายหนึ่ง
หลังวิ่งต่อมาได้อีกสักพัก เราก็เห็นบางอย่างลางๆ
มีเงาดำของใครคนหนึ่งกำลังวิ่งตามริมแม่น้ำ และด้านหลังของเงาดำนั้น ยังมีใครอีกคนกำลังวิ่งตามอยู่ด้วย
แม้ฟ้าจะมืด แต่จากรูปร่างของทั้งสองคน ผมมั่นใจว่า
พวกเขาไม่ใช่คนอื่นๆ พวกเขาก็คืออาจารย์และท่านนักพรตตู๋
เหล่าเฟิงและพี่เฟิงที่วิ่งอยู่หน้าสุดก็ดูออกว่าเป็นท่านนักพรตตู๋ พวกเราเลยเร่งความเร็ว รีบพุ่งเข้าไปหาทันที
เหล่าเฟิงเผยสีหน้ากังวล พร้อมตะโกนไปทางเงาดำที่อยู่ด้านหน้า “ อาจารย์ ! ”
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบโต้ ใครคนนั้นยังคงวิ่งตามริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่หยุด พวกเราก็กระโดดลงจากระเบียงกั้นที่สูงกว่าสองเมตร แล้ววิ่งเข้าไปหาที่ริมแม่น้ำ เตรียมจะหยุดท่านนักพรตตู๋เอาไว้ให้ทันที
พี่เฟิงวิ่งเร็วที่สุด ในเวลานี้เขาได้เข้าใกล้ท่านนักพรตตู๋แล้ว
ทันใดนั้นเองเราก็ได้ยินเสียงพี่เฟิงตะโกน “ ตาแก่ หยุดเดี๋ยวนี้ ! ”
หลังจากพูดจบ พี่เฟิงยังยื่นมือออกไป คิดจะจับตัวท่านนักพรตตู๋เอาไว้
แต่พอท่านนักพรตตู๋ได้เสียงนี้ เขาก็คำรามเหมือนสัตว์ร้ายออกมาหนึ่งครั้ง “ โฮก ! ”
ในขณะที่เสียงคำรามนี้ดังขึ้น ท่านนักพรตตู๋ก็ทำตัวเหมือนสัตว์ มือเท้าติดพื้น รีบกระโจนเข้าหาพี่เฟิงทันที
“ ตาแก่ แกคิดจะทำอะไรฮะ ! ” พี่เฟิงตกใจ แต่มันสายไปแล้ว ท่านนักพรตตู๋พุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
พี่เฟิงได้แต่ยกมือกัน เพียงแค่พบหน้า พี่เฟิงก็โดนซัดจนต้องถอยออกมา และล้มกลิ้งลงกับพื้นทันที
ผมวิ่งตามอยู่ข้างหลังไม่ไกลนัก ตอนนี้ ผมเปิดตาแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นตัวท่านนักพรตตู๋อย่างชัดเจน
ท่านนักพรตตู๋กลายร่างแล้ว นัยน์ตาเหมือนสัตว์ ร่างกายมีขนขึ้นพอสมควร กรงเล็บแหลมคม และยังมีเขี้ยวโผล่ออกมาให้เห็น
หรือจะพูดว่า ท่านนักพรตตู๋ได้กลายร่างเป็นปีศาจระยะแรกแล้ว
และระยะถัดไป ก็คือการกลายร่างครั้งที่สอง
ถ้ายึดตามเวลา ร่างกายของท่านนักพรตตู๋จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือจะเรียกได้ว่าเปลี่ยนไปแบบผิดมนุษย์
เขาจะกลายเป็นสัตว์สี่ขา หรือแม้แต่มีใบหน้าบิดเบี้ยว กลายสภาพเป็นสัตว์ร้าย
จนกระทั่งกลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ เปลี่ยนเป็นปีศาจในระยะสองได้อย่างสมบูรณ์
สภาพครึ่งคนครึ่งสัตว์แบบนี้ จะเป็นจนกระทั่งกลายร่างเป็นปีศาจในระยะสามสำเร็จ
หลังกลายร่างเป็นปีศาจระยะสามเสร็จแล้ว ผู้ที่กลายร่างก็จะสามารถควบคุมพลังปีศาจในร่างตนเองได้ กลายเป็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่คนและปีศาจอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย หรือจิตใจของเขา
ก็จะเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
แน่นอน สภาพของพวกเรา กลับสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ จะเป็นคน หรือจะเป็นสัตว์ก็ได้
แต่ไม่ว่ายังไง ขอแค่กลายเป็นปีศาจแล้ว ล้วนต้องพึ่งยาพิเศษที่ใช้ควบคุมสัญชาตญาณสัตว์ป่าของสำนักลื่อเย่ทั้งนั้น
ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นเหมือนท่านนักพรตตู๋ ที่ไม่มีสติสัมปชัญญะใดๆหลงเหลือ จิตวิญญาณสัตว์ครองร่างอย่างสมบูรณ์
“ อาจารย์ ! ” เหล่าเฟิงตะโกน และพุ่งเข้าไป เตรียมจะหยุดท่านนักพรตตู๋เอาไว้เช่นกัน
แต่ท่านนักพรตตู๋กลับไม่แย่แส ราวกับจำเหล่าเฟิงไม่ได้เช่นกัน
เมื่อเห็นเหล่าเฟิงมาขวางทาง เขาก็คำรามออกมา จากนั้นก็ยกกรงเล็บขึ้นแล้วตวัดออกไปทันที
เหล่าเฟิงทำหน้าตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบทันที
แต่เขาช้าไปนิด กรงเล็บที่แหลมคมของท่านนักพรตตู๋ เฉือนลงที่ไหล่ซ้ายของเหล่าเฟิง
เหล่าเฟิงร้องออกมาสั้นๆ พร้อมกันนั้นก็โดนซัดให้ล้มกลิ้งไปในทันที
มันยังไม่จบเท่านี้ หลังเหล่าเฟิงโดนท่านนักพรตตู๋ซัดจนล้มลงไปแล้ว ท่านนักพรตตู๋ยังพุ่งเข้าไปคร่อมทับบนตัวเหล่าเฟิง จากนั้นก็อ้าปาก เผยให้เห็นคมเขี้ยว แล้วสุดท้ายก็ก้มลงคิดจะกัดเหล่าเฟิง
“ เหล่าเฟิงระวัง ! ” ผมตกใจ รีบตะโกนบอกเขาทันที
แต่มือทั้งสองข้างของเหล่าเฟิงโดนมือท่านนักพรตตู๋กดเอาไว้ และท่านนักพรตตู๋ในตอนนี้ ยังแรงเยอะสุดๆ
เหล่าเฟิงไม่อาจขัดขืนได้เลยสักนิด เขาได้แต่มองคมเขี้ยวของท่านนักพรตตู๋พุ่งเข้ามาหาตัวเอง
แต่ในวินาทีเป็นตายนั้น มู่หลงเหยียนก็ได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง
เดิมทีพวกเราอยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร แต่มันกลับเห็นได้ชัดว่าเราเข้าไปช่วยไม่ทันแน่
แม้พี่เฟิงที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งจะอยู่ใกล้หน่อย แต่เขาเองก็ช่วยเหล่าเฟิงไม่ทันเช่นกัน
ส่วนอาจารย์ไม่ต้องพูดถึงเลย เหมือนจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ห่างไปไกลกว่า 50 เมตร
แต่มู่หลงเหยียนที่อยู่ข้างๆ กลับตัวสั่น ระเบิดพลังหยินที่มหาศาลออกมาทันที
ต่อจากนั้น ผมก็เห็นมู่หลงเหยียนหายตัว เปิดใช้ความเร็วจนถึงขีดสุด
ระยะห่าง 10 เมตร กลายเป็นระยะทางเพียงชั่วพริบตา
ในวินาทีที่คมเขี้ยวของท่านนักพรตตู๋ที่กำลังจะกัดลงไปที่เหล่าเฟิง มู่หลงเหยียนก็ใช้เท้าถีบท่านนักพรตตู๋ที่กลายร่างเป็นปีศาจจนกระเด็นออกไป เธอช่วยชีวิตเหล่าเฟิงไว้
หลังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหลังมีชีวิตรอด หัวใจของเหล่าเฟิงก็เต้นแรงทันที
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองเกือบต้องตายในเงื้อมมืออาจารย์
หลังมู่หลงเหยียนถีบท่านนักพรตตู๋เสร็จแล้ว เธอก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น
เธอเขาไปกดตัวเขาเอาไว้ ใช้พลังอันมหาศาลของตัวเอง ประทับฝ่ามือลงไปบนร่างเขาสองสามครั้งรัวๆ
ฝ่ามือไม่กี่ครั้งนี้ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตท่านนักพรตตู๋ มันเป็นเพียงแค่การยับยั้งพลังปีศาจในร่างเขาเท่านั้น
พี่เฟิงก็ตามมาเช่นกัน เมื่อเห็นพลังปีศาจในร่างท่านนักพรตตู๋โดนสะกดเอาไว้แล้ว เขาก็รีบตามขึ้นมา
แล้วสุดท้ายก็ออกแรงกดเขาเอาไว้กับพื้น มือสองข้างไขว้หลัง พยายามทำให้ตัวอีกฝ่ายอยู่ติดกับพื้นตลอด
แต่ในเวลานี้ ท่านนักพรตตู๋กลับเป็นเหมือนสัตว์ร้าย แววตาเปล่งประกายจิตสังหารของสัตว์เดรัจฉาน
ใบหน้าดุร้าย พร้อมคำราม “ โฮกๆๆ ” ออกมาไม่หยุด
ในปากยังมีน้ำลายไหลออกมาจำนวนมาก บางครั้งก็ยังหันมา คิดจะกัดพี่เฟิง
ผมมาอยู่ตรงหน้าเหล่าเฟิงแล้ว ขณะมองเหล่าเฟิงที่ดูค่อนข้างหวาดกลัว ผมก็เอื้อมมือออกไป
“ เหล่าเฟิง ไม่เป็นไรนะ ”
พอเหล่าเฟิงได้ยินเสียงผม เขาถึงได้มีสติกลับมาอีกครั้ง
ต่อจากนั้นเขาก็ยื่นมือมาคว้ามือผม เพื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้นยืน “ ฉันไม่เป็นไร เพียงแค่คิดไม่ถึงว่า คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ฉันอาจารย์ก็ยังจำไม่ได้ ! ”
หลังจากพูดจบ เหล่าเฟิงก็มองท่านนักพรตตู๋ด้วยสีหน้ากังวลพอสมควร
ท่านนักพรตตู๋ยังพยายามดิ้นรนต่อไป เหมือนลืมพวกเราทุกคนไปแล้ว ในสายตาของเขา พวกเราคือศัตรู หรืออาจเป็นอาหารของเขา
“ เสี่ยว เสี่ยวฝาน เหล่าตู๋ เหล่าตู๋เป็นยังไงบ้าง ? ” อาจารย์หอบหายใจ ในที่สุดเขาก็ตามทันสักที
ผมเห็นอาจารย์หอบหายใจแรงมาก เลยเข้าไปประคองเขา “ อาจารย์ อาการของลุงตู๋ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ! ”
อาจารย์จับมือและไหล่ของผมเอาไว้ อ้าปากหายใจเฮือกใหญ่ บนหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
แต่เขาเองก็ไม่คิดจะหยุดพัก ต่อจากนั้นเขาก็รีบมองไปที่ท่านนักพรตตู๋ แล้วบ่นพึมพำด้วยความรู้สึกตกใจและโทษตัวเอง “ เหล่า เหล่าตู๋ นายทนเอาไว้ก่อนนะ ! ถ้าไม่ได้ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะฉัน นาย นายจะมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง ! ”
พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย คำพูดของอาจารย์มีนัยอยู่ !
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาถาม เนื่องจากต้องทำให้สถานการณ์ของท่านนักพรตตู๋คงที่ก่อน นี่ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้
มู่หลงเหยียนเห็นอาจารย์มาอยู่ตรงหน้าท่านนักพรตตู๋ เลยพูดกับอาจารย์ผมว่า “ นักพรตตู๋ถูกฉันสกัดจุดสำคัญๆเอาไว้แล้วอีกเดี๋ยวจะกลับมาสงบเหมือนเดิม ! ”
พออาจารย์ได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็เป็นประกาย หลังหันไปมองท่านนักพรตตู๋ที่กำลังดิ้นรนอยู่แล้ว
เขาก็หันกลับมาพูดกับมู่หลงเหยียน “ แม่หนู มีวิธีอะไรบ้างไหม ที่จะช่วยเหล่าตู๋ได้ ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเหล่าตู๋มาช่วยฉัน สละตัวเอง เขาก็คงไม่เปลี่ยนเป็นแบบนี้…… ”