หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 483 อาการไอปริศนา

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 483 อาการไอปริศนา

คนสองคนไอยังพอว่า แต่ตอนนี้ทุกคนกลับไอพร้อมๆกัน

แต่การไอไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งที่แปลกคือทุกคนไอ

 

นักพรตเฉินและนักพรตหวังที่กำลังสลบอยู่ ก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมอาการไอ หน้าแดงหูแดง ไอราวกับปอดจะทะลุออกมา และยังไอเป็นเลือดอีกหลายครั้ง

 

ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนเป็นไข้หวัดนกไม่มีผิด

“ แค่กๆๆ…… ”

 

พวกเราไอติดต่อกันประมาณสองสามวินาที แต่นอกจากนักพรตหวังและนักพรตเฉินแล้ว พวกเราก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

 

ผ่านไปไม่นานอาการไอก็หายไป หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอื่นอีก

ถึงทุกคนจะรู้สึกสงสัย ไม่เข้าใจว่าเพิ่งมาถึงหน้าประตูแล้ว ทำไมทุกคนถึงไอออกมาพร้อมกัน

 

แต่เพราะมันเกิดขึ้นแค่ครู่เดียว และกำลังรีบ ดังนั้นทุกคนเลยไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ

สนใจแค่รีบเดินทาง เพราะเราอยากออกจากที่นี่เร็วๆ

 

ในขณะเดินทาง พวกเราแต่ละคนต่างรีบวิ่งออกมาข้างนอก แต่มันกลับยังมีอาการแน่นหน้าอกนิดหน่อย และมีไอ “ แค่กแค่ก ” ออกมาอีกสองครั้ง

 

ผมคิดว่าคงเป็นผลจากนางพญาสถิตร่าง เลยไม่ได้คิดอะไร

ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงพาท่านนักพรตทั้งสองและเหล่าฉิน ออกมาจากบริษัทหมิงโลจิสติกส์ จนมาถึงถนนสายใหญ่อย่างรวดเร็ว

 

เพิ่งมาถึงที่นี่ เราก็เห็นในบริษัทมีควันไฟโพยพุ่งออกมา

มันชัดเจน พวกอาจารย์เริ่มจุดไฟแล้ว นี่คือการทำลายซากศพที่เหลือ และหลักฐานทั้งหมด

 

นอกจากควันแล้ว ผ่านไปไม่นานไฟก็เริ่มปกคลุมไปทั่วทั้งบริษัท

ส่วนพวกเรา ก็กลับมาถึงรถในเวลานี้

 

แต่หลังมาถึงรถ ทุกคนก็ไอออกมาสองสามครั้ง แต่มันดูไม่รุนแรงเท่าไหร่

บวกกับสายตาของพวกเรากำลังมองไปที่ฐานสำนักลื่อเย่ จึงไม่มีใครสนใจเรื่องนี้

 

หลังรอมาได้ประมาณ 10 นาที อาจารย์ พวกปู่หูลิ่วและคนอื่นๆก็วิ่งกลับมาถึง

ขาของเหล่าฉินบาดเจ็บ ดังนั้นคนที่ขับรถได้เลยเหลือแค่ผมกับเหล่าเฟิง

 

เหล่าเฟิงไม่มีใบขับขี่ แต่เจ้าหมอนี่ก็เกิดมาเพื่อเป็นคนขับรถ การพาทุกคนออกไปจากที่นี่ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยสักนิด

 

หลังทุกคนทยอยขึ้นรถหมดแล้ว พวกเราก็รีบขับรถออกไปจากที่นี่ และตรงไปที่โรงพยายามในเมืองทันที

ระหว่างทาง เพราะทุกคนเหนื่อยมาก

 

จึงไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก แต่ละคนต่างเอนพิงเบาะในที่ของตัวเอง

แต่ก็ยังมีเสียงไอขึ้นเป็นครั้งคราว หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเราก็มาถึงโรงพยาบาลในเมือง

 

ท่านนักพรตและเหล่าฉินถูกส่งเข้าไปในโรงพยาบาล พวกเราเองก็อยู่รักษาบาดแผลกันที่นี่

เหล่าฉินบาดเจ็บหนัก ต้นขาทั้งหมดโดนแทงทะลุจากด้านข้าง แม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสองวัน เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลเกิดอาการอักเสบ

 

ส่วนท่านนักพรตทั้งสอง อาการไม่แย่มากนัก

หลังผ่านการตรวจ พวกเขามีกระดูกหัก เลือดออกภายใน ต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ 

และยังต้องดามแขนด้วย

 

แต่ท่านนักพรตทั้งสองมีพลังภายในเจินหยวนและตันเถียนเยอะมาก หลังจากได้สติ จิตวิญญาณก็มั่นคงทันที

ดังนั้น ในสายตาของพวกเรา เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิตพวกเขาอย่างแน่นอน

 

หยางเฉ่วและฉู่ยเฉิงจิง รีบติดต่อสำนักของพวกเธอ ทางนั้นเองก็จะส่งคนมาช่วยให้เร็วที่สุด อย่างมากสุดพวกเขาจะมาถึงที่นี่ในพรุ่งนี้เช้า

 

ส่วนทางเหล่าฉิน อาจารย์และท่านนักพรตตู๋อยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาสองคนให้ผมและเหล่าเฟิงพาพวกปู่หูลิ่วกลับไปก่อน

อยู่ที่นี่ต่อไป พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้

 

ดังนั้นพวกเราเลยบอกลาทุกคน แล้วออกมาจากที่นั้น

ตอนอยู่บนรถ เพราะทุกคนเหนื่อยมาก ระยะทางที่ต้องขับหนึ่งชั่วโมง ผมและเหล่าเฟิงจึงเปลี่ยนกันขับคนละครึ่งทาง

 

เมื่อมาถึงตำบล ฟ้าก็สว่างแล้ว

อาจเป็นการต่อสู้เมื่อคืน ทุกคนจึงดูเหนื่อยมาก

 

เหล่าเฟิงและพวกปู่หูลิ่ว บอกลาผม จากนั้นก็เหล่ตามองแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว บอกว่าต้องการกลับไปพักผ่อน

ผมเองก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่อยากกิน

 

หลังกลับมาถึงบ้าน ผมก็รู้สึกเหมือนโดนดูดพลังไปทั้งหมด ผมโครตของโครตง่วงเลย

เดิมทีคิดจะนั่งพักสักหน่อยแล้วจะลุกไปจุดธูปให้มู่หลงเหยียน แล้วหลังจากนั้นจะไปอาบน้ำนอน

 

ผลลัพธ์เพิ่งนั่งบนโซฟา ผมกลับหลับไปซะอย่างงั้น

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นช่วงหัวค่ำแล้ว

 

ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแค่หลับตาลง ตัวเองจะหลับไปนานถึงขนาดนี้

แต่ผมก็ยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ผมโทรไปหาอาจารย์ ถามว่าสถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง

 

อาจารย์ดูเหมือนจะง่วงเหงา บอกว่าสถานการณ์ทางนี้เกือบคงที่แล้ว ลุงหวางที่สุสานเองก็มาเฝ้าแทนพวกเขาแล้ว

ในเวลานี้อาจารย์และท่านนักพรตตู๋กำลังจะไปที่โรงแรม เตรียมตัวพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ถึงจะกลับมา

 

สำหรับท่านนักพรตทั้งสอง ก็มีอาการดีขึ้นแล้ว

หยางเฉ่วและฉู่ยเฉิงจิงก็กลับไปพักแล้ว ขณะเดียวกันก็มีศิษย์จากสำนักทั้งสองมาเฝ้าที่นี่แทน

 

พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย

หลังวางสาย ผมก็ไปทำอะไรกินในห้องครัว คิดว่าหลังกินอิ่มแล้วจะไปที่ป่ากุ่ยหม่า

 

เนื่องจากเมื่อวานมู่หลงเหยียนพูดว่า หลังผมกลับมาแล้วให้ไปหาเธอที่บ้าน เธอมีของสิ่งหนึ่งจะให้

ผมเองก็อยากรู้ ว่าที่มู่หลงเหยียนทำตัวลับๆล่อๆแบบนั้น เธอจะให้อะไรผมกันแน่

ตอนกินข้าว ผมเปิดทีวีดู

 

ในเวลานี้กำลังเป็นช่วงข่าวพอดี พอเหล่ตาดูก็พบว่ามันเป็นข่าวในท้องถิ่น ซึ่งเป็นข่าวที่บริษัท

หมิงโลจิสติกส์เกิดเพลิงไหม้ หรือแม้แต่ยังมีรูปประกอบด้วย

 

แต่เนื้อหาในนั้นดูคลุมเครือมาก เพียงบอกว่าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่บริษัทหมิงโลจิสติกส์ อยู่ในขั้นตอนการสืบหาสาเหตุ หลังจากนั้นก็ไม่มีเนื้อหาอื่นอีก ตัวเนื้อหาสั้นมาก และมีภาพประกอบเพียงไม่กี่ภาพเท่านั้น

 

บางทีพวกอาจารย์คงจัดการได้สะอาดหมดจด จึงทำให้หน่วยงานรัฐไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก

ผมเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพียงสนใจกินอาหารของตัวเองเท่านั้น

 

อาจเป็นเพราะเมื่อตอนเช้านอนบนโซฟ้ามาทั้งวัน ผมเลยรู้สึกเหมือนจะเป็นหวัด และมีอาการไอจนแน่นหน้าอก

แต่ร่างกายของผม ปกติก็เป็นแค่ไข้หวัดนิดหน่อย พักสักสองสามวันก็ดีขึ้นแล้ว ผมเลยไม่คิดว่ามันสำคัญอะไร

 

หลังเติมท้องเต็มแล้ว ผมก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินออกจากร้าน เริ่มเดินไปที่ป่ากุ่ยหม่า

ผมคุ้นเคยเส้นทางนี้แล้ว จึงเดินทางได้เร็วกว่าเมื่อก่อนมาก

 

เมื่อมาถึงป่ากุ่ยหม่า มันก็เพิ่งสามทุ่มเท่านั้น

เมื่อก่อนตอนมาถึงที่นี่ จะรู้สึกหนาวเย็นผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นทุกครั้ง

 

แต่คราวนี้กลับแปลกมาก หลังมาถึงสุสานไร้ญาติ ผมกลับรู้สึกสบายตัวมาก หรือแม้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างไม่รู้ตัว คิดว่าวันนี้ที่นี่ดูมีบรรยากาศผ่อนคลายเป็นพิเศษ……

 

เพราะต้องไปจวนมู่หลง ดังนั้นผมเลยไม่ได้หยุดเดิน หลังสูดหายใจเข้าสองสามครั้งแล้ว ผมก็เดินเข้าไปในป่าทันที

 

ภายในนี้มีพลังหยินแรงมาก แต่ยิ่งพลังหยินแรงเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกสบายมากขึ้นเท่านั้น

แต่ผมยังตกอยู่ในภวังค์ ตอนนั้นผมยังไม่รู้ตัว และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่ได้ตามหาสาเหตุด้วย

 

เพราะสบายหรือไม่สบายมันก็ไม่ต่างกัน ความรู้สึกสบายไม่อาจรับรู้ได้ง่ายๆ และก็ไม่มีความรู้สึกที่ต้องไประวังมันด้วย หากเป็นไม่สบาย ผลที่ตามมาก็คงเป็นอะไรที่รุนแรงมาก

 

ผ่านไปไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงของลำธาร หลังผ่านพวกป่าไม้ไป จวนมู่หลงอันงดดงามก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าผม

มันยังเป็นเหมือนเดิม ประตูสูงใหญ่ โคมแดงอันใหญ่ สิงโตตัวยักษ์ทั้งสอง และทางหินที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้สามสี ขาว ม่วง และแดง

 

เมื่อเห็นถึงตรงนี้ ผมก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ หรือแม้แต่รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที หลังรับรู้ได้ถึงลมหนาวที่อยู่ที่นี่ ผมก็รู้สึกสบายไปทั้งตัว รูขุมขนแทบเปิดกว้าง รู้สึกดีสุดๆ

 

ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมาก

ผมเคาะประตู ทันใดนั้นประตูบานใหญ่ก็เปิดออกทันที

 

คนที่เปิดประตูคือสาวใช้ที่เป็นคนกระดาษ เธอเพิ่งเห็นหน้าผม ก็ทำมือคารวะ และตะโกนออกมาว่า 

“ คุณผู้ชาย ! ”

ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม “ คุณหนูละ ? ”

 

“ คุณหนูอยู่ที่เรือนด้านหลัง คุณผู้ชายเชิญตามข้าน้อยมาเจ้าค่ะ ! ” น้ำเสียงของสาวใช้ฟังดูเหมือนหุ่นยนต์และแข็งไปหน่อย

แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจ เพียงพยักหน้าเบาๆเท่านั้น

 

ต่อจากนั้นสาวใช้ก็หมุนตัว พาผมเดินเข้าไปในจวน

ในจวนมู่หลงมีพลังหยินรุนแรงและแพร่กระจายไปทั่ว

 

เมื่อก่อนตอนผมมาถึงที่นี่ ผมจะรู้สึกเหมือนเข้ามาอยู่ในตู้เย็น ไม่รู้สึกสบายตัวเลยสักนิด

แต่เรื่องที่โครตแปลกเลยก็คือ คราวนี้ผมกลับรู้สึกสบายตัวมาก ไม่เคยรู้สึกฟินแบบนี้มาก่อน 

ไม่รู้ว่ามีชีวิตชีวาขึ้นมาเท่าไหร่ รู้สึกแค่ว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลัง……

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.