spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 472 ยายเจ็ด
เจ้าสำนักลื่อเย่เฉินอะไรนั่น ขัดหูขัดตาผมตั้งต้นแล้ว
โดยเฉพาะหลักคำสอนที่ผิดเพี้ยนของพวกมัน ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ทั้งคนและปีศาจ
และยังอ้างว่าเป็นทางสู่ความเป็นอมตะ ไร้สาระสิ้นดี
สิ่งที่ผิดเพี้ยนยิ่งกว่านั้นคือ พวกมันยังอยากทำให้ทุกคนบนโลกกลายเป็นแบบนั้นจนหมด
สำหรับสำนักชั่ว ที่มีผู้นำและสาวกที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้
ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะกำจัดให้สิ้นซากจริงๆ เลือกทิ้งเอาไว้สักคนก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นใครคนนั้นอาจไปทำร้ายคนอื่นอีก
ตอนนี้พอได้ยินนักพรตเฉินแห่งสำนักเหมาชานพูดแบบนั้น ผมก็ดีใจขึ้นมาทันที
ในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย การกำจัดสาขาสำนักลื่อเย่ชั่วนี่ เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว !
ดังนั้น ไม่รอให้อาจารย์ผมได้พูด ผมก็ชิงพูดกับพนักพรตเฉินก่อน “ ผู้น้อยยินดี ”
เสียงเพิ่งเงียบลง นักพรตเฉินคนนั้นก็ตบขาเสียงดัง “ ดี ! มีคำพูดนี้ของชูหม่าเผ่าจิ้งจอก คืนนี้พวกเราจะไปเยี่ยมเจ้าสาขาสำนักลื่อเย่นั่นกัน ”
“ อามิตตาพุทธ ข้าก็จะได้ไปยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย ! ” นักพรตหวังอีกคนก็พูดขึ้นมาบ้าง
พออาจารย์เห็นแบบนั้น ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
แต่คราวนี้สถานการณ์ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว คราวนี้มีผู้อาวุโสของสำนักใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน
แม้จะมีแค่สองคน แต่ทั้งสองคนนี้อาจมีฝีมือสูงส่ง สามารถสู้กับศัตรูนับสิบได้เพียงลำพัง
มู่หลงเหยียนและนางพญาจิ้งจอก เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในการเปรียบเทียบ ทั้งสองมีพลังมหาศาล
เป็นประเภทสามารถสู้กับศัตรูนับสิบได้เพียงคนเดียว หรือแม้แต่ศัตรูนับร้อยก็ว่าได้
ดังนั้น ตอนนี้อาจารย์เองเลยพูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน ในเมื่อคืนนี้จะไปสำนักลื่อเย่ งั้นตอนนี้แกก็ไปเชิญปู่หกที่ศาลเจ้าหลักเมืองเถอะ ! ส่วนฉันเองก็จะบอกให้เหล่าตู๋และพวกเหล่าเฟิงมาที่นี่ ”
พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็ไม่ลังเลเลยสักนิด รีบพยักหน้ารับอาจารย์ทันที
จากนั้นก็พูดกับนักพรตหวังและนักพรตเฉินอีกครั้ง “ ผู้อาวุโสทั้งสอง ผู้น้อยขอตัวไปเชิญเซียนจิ้งจอกก่อน ท่านผู้อาวุโสทั้งสองพักผ่อนกันก่อนสักหน่อยนะครับ ! ”
หลังนักพรตหวังและนักพรตเฉินได้ยินถึงตรงนี้ พวกเขาก็ไม่ได้ถามว่าผมจะไปเชิญที่ไหน เพียงให้ผมรีบไปรีบกลับเท่านั้น
ต่อจากนั้นผมก็บอกลาและเดินออกมา ก่อนจะออกไปผมยังหันไปยิ้มให้หยางเฉ่วและฉู่ยเฉิงจิงด้วย
ถึงผู้หญิงสองคนนี้จะไม่พูดจา แต่ก็พยักหน้าให้ผม
แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เห็นหยางเฉ่วและฉู่ยเฉิงจิงมาด้วยกัน แต่ตอนรู้จักกับฉู่ยเฉิงจิง ผมได้ยินว่าพวกเธอรู้จักกันก่อนที่จะรู้จักผมซะอีก
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ หยางเฉ่วปิดบังฐานะศิษย์สำนักอู่ตังกับพวกเรา
ตอนนี้ที่ผู้หญิงสองคนนี้พาผู้อาวุโสของสำนักอู่ตังและเหมาชานมาที่นี่ด้วยตัวเอง ก็เพราะเชื่อใจผมล้วนๆ
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพวกเธอ พวกเราก็คงเชิญผู้อาวุโสระดับสูงแบบนี้มาไม่ได้
ต่อจากนั้น ผมก็ออกจากบ้าน
แน่นอน ตอนไปเชิญเซียนที่ศาลเจ้าหลักเมือง ก็ต้องไม่ไปมือเปล่าอยู่แล้ว
ผมไปซื้อไก่ตัวผู้สองสามตัวที่ตลาดก่อน จากนั้นถึงไปที่ศาลเจ้าหลักเมือง
ศาลเจ้าหลักเมืองยังคงทรุดโทรมเหมือนเดิม ผมยืนหยุดอยู่หน้าศาลเจ้า แล้วตะโกนเข้าไปด้วยความเคารพ “ ศิษย์ติงฝาน มาคารวะปู่หูลิ่ว ! ”
เสียงต่ำและดังกังวาล เสียงเพิ่งดังเข้าไปในศาลเจ้าหลักเมือง
เสียงแก่ชราของปู่หูลิ่ว ก็ดังตามมาติดๆ “ ชูหม่าไม่ต้องมากพิธี รีบเข้ามาเถอะ ! ”
“ ครับ ปู่หูลิ่ว ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ถือไก่รีบเดินเข้าไปด้านใน
เพิ่งเข้ามาในศาลเจ้า ผมก็เห็นในกอหญ้าหน้ารูปปั้น มีจิ้งจอกสามตัวนั่งอยู่
พอเห็นว่ามีสามตัว ผมก็เริ่มงงหน่อยๆ
ที่นี่ควรมีแค่ปู่หูลิ่วกับเสี่ยวเหมยซิถึงจะถูก ทำไมถึงมีมาเพิ่งอีกตัวละ
ขนของจิ้งจอกสามตัวนี้ สองตัวมีขนออกสีขาว อีกตัวหนึ่งสีเหลืองแดง
หนึ่งในจิ้งจอกที่มีขนสีขาว ผมรู้จัก เขาก็คือปู่หูลิ่วแน่นอน
เพราะผมเคยเห็นร่างจริงของปู่หูลิ่วมาก่อน ส่วนขนสีขาวอีกตัว ผมไม่เคยเห็นมาก่อน น่าจะมาใหม่
สำหรับตัวที่มีขนสีเหลืองแดง ต้องเป็นยัยจิ้งจอกน้อยเสี่ยวเหมยแน่นอน
พอเห็นปู่หูลิ่วละจิ้งจอกเฒ่าอีกตัว ผมก็วางไก่ลง แล้วทำมือคารวะพวกเขาอีกครั้ง “ ปู่หูลิ่ว เสี่ยวเหมย ”
ปู่หูลิ่วและจิ้งจอกตนอื่นไม่ได้แปลงการเป็นมนุษย์ เขายังเป็นจิ้งจอกดังเดิม
ปู่หูลิ่วที่นั่งอยู่ตรงกลางเพียงคลี่ “ ยิ้มจิ้งจอก ” ออกมาเท่านั้น จากนั้นก็พูดภาษามนุษย์ในสไตล์เขาออกมา “ ไม่ทราบว่าวันนี้ชูหม่ามาด้วยเรื่องอะไร ? ”
เสียงเพิ่งจางหาย เสี่ยวเหมยที่นั่งอยู่ด้านข้างก็แขวะผมทันที “ ปู่ เขาจะมีเรื่องอะไรได้ นอกจากมีปัญหา
แล้วอยากให้พวกเราช่วยก็เท่านั้น ! ”
เพราะเราเผาศพของพ่อเธอ และไม่อาจเข้าสุสานจิ้งจอกได้ สำหรับเผ่าจิ้งจอก มันอาจเป็นเหมือนเผ่ามนุษย์เราที่คนตายไม่อาจนอนตายตาหลับ ดังนั้นเสี่ยวเหมยเลยไม่ชอบขี้หน้าพวกเรามาโดยตลอด
ในจุดนี้ ผมรู้ดีแก่ใจ
ตอนนี้พอโดนแขวะแบบนั้น ผมก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าควรพูดยังไงต่อดี
พูดตามตรง เสี่ยวเหมยพูดถูก ถ้าไม่มีปัญหาผมก็คงไม่มากวน
เป้าหมายที่ผมว่าในวันนี้ ก็มาเพื่อขอความช่วยเหลือจริงๆ
แต่ในขณะที่ผมกำลังลำบากใจ ปู่หูลิ่วก็พูดดุเสี่ยวเหมย “ เสี่ยวเหมย อย่าเสียมารยาท เรื่องของชูหม่า
ก็คือเรื่องของเผ่าจิ้งจอกเรา ในเมื่อนางพญาเลือกชู่หม่าแล้ว และบุญบารมีของเผ่าเรา ก็ต้องพึ่งพาชูหม่าอยู่แล้ว ต่อไปห้ามเสียมารยาท และพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก ! ”
ปู่หูลิ่วตำหนิเสี่ยวเหมยเป็นชุด
ส่วนเสี่ยวเหมยก็สะบัดหน้าหนีทันที
ผมเองก็ยืนอยู่ในศาลเจ้า เลยไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่ยืนมองเท่านั้น
จากนั้นปู่หูลิ่วก็ละสายตา หันมามองทางผมอีกครั้ง “ ขายหน้าชู่หม่าแล้ว เสี่ยวเหมยยังเด็กเธอยังไม่เข้าใจ
อือใช่ชูหม่า ผมจะแนะนำจิ้งจอกตนนี้ให้คุณรู้จัก ”
หลังจากพูดจบ ปู่หูลิ่วก็หันไปมองจิ้งจอกเฒ่าขนขาวตัวข้างๆ
ส่วนจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นก็พยักหน้าให้ผม ดวงตาเป็นประกาย แค่มองก็รู้แล้วว่าแตกต่างจากสัตว์ทั่วไป
นี่ต้องเป็นผู้อาวุโสในเผ่าจิ้งจอกแน่ๆ ดังนั้นผมเลยทำมือคารวะจิ้งจอกเฒ่าตนนั้น
หลังจากนั้น ถึงได้ยินปู่หูลิ่วพูดว่า “ ชูหม่า ท่านนี้คือยายหูชี ได้รับคำสั่งจากเจ้าแม่ ให้มาเฝ้าอยู่ที่นี่
ไม่คิดว่าคุณจะมาหาก่อนที่เราจะไปบอกคุณ ! ”
พอได้ยินปู่หูลิ่วแนะนำแล้ว ผมก็ตกใจในทันที
ยายหูชี ตามลำดับอาวุโสเธออยู่ในระดับเดียวกับปู่หูลิ่ว เป็นผู้ใต้บัญชานางพญา หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าจิ้งจอก
ผมไม่รอช้า รีบพูดกับจิ้งจอกเฒ่าขนขาวตัวนั้นทันที “ ศิษย์ติงฝาน ขอคารวะยายหูชี ! ”
เสียงของผมเพิ่งเงียบลง ยายหูชีก็หัวเราะใส่ผม “ ฮ่าๆๆ ” เสียงของเธอฟังดูไม่แก่เลยสักนิด “ จินถงไม่ต้องมากพิธี แล้วต่อไปจินถงก็เรียกข้าว่ายายเจ็ดก็พอแล้ว จะได้สนิทกันเข้าไว้ ! ”
“ ครับยายเจ็ด ” ผมพูดขึ้นมาอีกครั้ง
ยายเจ็ดพยักหน้าเบาๆ “ จินถง พูดมาเถอะว่าท่านมาทำไม ! เผื่อยายเจ็ดจะช่วยอะไรท่านได้บ้าง ”
ยายหูชียังพูดขนาดนี้แล้ว ผมเลยไม่คิดจะพูดจาอ้อมค้อมอีก
และนักพรตหวังแห่งสำนักอู่ตังและนักพรตเฉินแห่งสำนักเหมาชานกำลังรออยู่ด้วย !
ดังนั้น ผมเลยพูดไปตรงๆ “ ยายเจ็ด ปู่หูลิ่ว เรื่องเป็นแบบนี้ เมื่อไม่นานนี้มีสำนักลื่อเย่ออกมาปรากฎตัว
ในหมู่สาวกมีสภาพไม่ใช่ทั้งคนและปีศาจ ฝึกวิชามาร ใช้คนเป็นหลอมยา ”
“ วันนี้ผู้อาวุโสของสำนักเหมาชานและอู่ตังมาที่นี่ พวกเขาอยากทำความเข้าใจเรื่องนี้ และอยากกำจัดเจ้าเนื้อร้ายนี้ ดังนั้น ศิษย์มาเพื่อขอให้เซียนทั้งสองช่วยเหลือ ไปฐานสำนักชั่วนั่นด้วยกัน และกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก…… ”